เมื่อเห็นคนจำนวนมากกำลังพุ่งเข้ามา เสี่ยวโร่วก็ส่งเสียง *หึ* ครั้งหนึ่งอย่างเย็นชา สาวน้อยเตรียมตัวจะเรียกอสูรมายาออกมารับมือ ทว่ากลับถูกฉินอวี้โม่ร้องห้ามเสียก่อน
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็มีคนจัดการให้เราเอง”
ฉินอวี้โม่ไม่ได้ลงมือทำสิ่งใดเลย นางเพียงแต่ยืนนิ่ง ๆ อย่างไม่เกรงกลัว
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่เจอกันแค่ครึ่งปี เหมือนว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นเยอะเลยนี่”
เสียงหัวเราะอย่างแจ่มใสดังขึ้น ก่อนที่บุรุษท่าทางสุภาพผู้หนึ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่ว
“พลังของคุณชายหลินนับวันก็ยิ่งพัฒนาไปไกล จนแม้แต่ข้าก็ยังมองไม่ออก”
เมื่อเห็นคนตรงหน้าปรากฏตัวออกมา มุมปากของฉินอวี้โม่ก็กระตุกเป็นรอยยิ้ม สาวงามแย้มยิ้มแล้วเอ่ยทักทายสหายหนุ่มผู้ไม่ได้พบเจอกันนานด้วยเสียงที่แจ่มใสไม่แพ้กัน
บุรุษสง่าผ่าเผยผู้นี้มิใช่ใครอื่น เขาคือนายน้อยแห่งสมาคมทหารรับจ้าง–หลินจิ้งหง สหายเก่าแก่ที่ฉินอวี้โม่ได้พบเจอพร้อมกับหานโม่ฉือในเมืองหลิงซี
ฉินอวี้โม่ถูกชะตากับสหายผู้นี้มาก เขาเป็นคนขี้เล่น เป็นกันเอง ถึงจะเป็นคุณชายผู้กุมอิทธิพลใหญ่แต่ก็เป็นคนง่าย ๆ และมองโลกในแง่ดี ถึงแม้จะดูคล้ายจะเป็นบุรุษเจ้าสำราญมากเล่ห์แต่แท้จริงกลับเป็นคนดีไม่น้อย สำหรับฉินอวี้โม่แล้ว นับว่าหลินจิ้งหงคือบุคคลที่น่าคบหาผู้หนึ่ง แม้ว่านางจะไม่ได้ใกล้ชิดกับเขามากนัก แต่หลินจิ้งหงก็เป็นคนแรก ๆ ที่ยอมเป็นสหายกับนาง ที่สำคัญในเมื่อเขาเป็นเพื่อนรักของหานโม่ฉือ คนผู้นี้ก็ถือเป็นสหายที่ดีของนางด้วยเช่นกัน
“บัดซบ เจ้าเป็นใคร โผล่หัวมาจากไหน กล้าดียังไงมาขวางงานของเรา !”
บุรุษหน้าเหี้ยมผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่า จู่ ๆ ก็มียอดฝีมือที่ดูแข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าพวกเขากับเหยื่อสาวแสนสวยทั้งสอง หัวหน้ากลุ่มผู้มีใบหน้าอำมหิตสบถด่าทอเสียงดังลั่น
“เหอะ ไม่มีผู้ใดในเมืองนี้ไม่รู้จักข้า ไอ้หน้าโหด เจ้าไม่อยากแก่ตายหรอกรึ ?”
เมื่อได้ยินวาจาระคายหูของชายหน้าตาเถื่อนถ่อย ใบหน้าแจ่มใสของหลินจิ้งหงก็แปรเปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง นายน้อยแห่งสมาคมใหญ่หันหลังกลับไปมองคนผู้นั้นอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อวานนี้หลินจิ้งหงได้ยินข่าวว่าฉินอวี้โม่มาที่นครไป๋อวิ๋น
แม้ว่าเขาจะอยากพบสหายสาวผู้ไม่ธรรมดาของเขามาก แต่เป็นเพราะภารกิจที่รัดตัวตั้งแต่เช้ามืด ทำให้เมื่อวานคุณชายตระกูลหลินไม่มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนคุณหนูตระกูลฉินที่จวนเลย วันนี้เมื่อพอจะมีเวลาว่างแล้ว หลินจิ้งหงจึงเดินทางมาตระกูลฉินในช่วงสาย ๆ
ทว่าโชคร้ายที่เมื่อมาถึง คนที่จวนตระกูลฉินก็แจ้งว่าฉินอวี้โม่ออกไปที่ตึกเต๋อเยว่เสียแล้ว
เมื่อรู้เช่นนั้น หลินจิ้งหงก็รีบมุ่งหน้าไปยังตึกเต๋อเยว่ในทันที ทว่าเมื่อไปถึงที่นั่นบุรุษหน้าหล่อก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเมื่อพบว่าฉินอวี้โม่ออกไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว คุณชายผู้ผิดหวังก็ออกมาจากตึกเต๋อเยว่อย่างเศร้าสร้อย และในขณะที่กำลังเดินผ่านพระราชวังอย่างใจลอยพลางครุ่นคิดว่าจะหาตัวฉินอวี้โม่ได้ที่ไหนอยู่นั้น เขาก็เห็นคนผู้หนึ่งที่ดูคล้ายสตรีที่เขาอยากเจอกำลังออกจากประตูพระราชวังมา
ไม่ใช่เพียงเท่านั้น นายน้อยแห่งสมาคมทหารรับจ้างยังเห็นด้วยว่า มีบุรุษกลุ่มหนึ่งกำลังแอบสะกดรอยตามฉินอวี้โม่ไป เมื่อเห็นเช่นนั้น คุณชายหน้าหล่อจึงรีบตามไปทันทีเพราะอยากจะรู้ว่าคนเหล่านั้นมีจุดประสงค์อะไร
อันที่จริง เขาคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าด้วยทักษะการสะกดรอยที่ ‘ไม่เอาไหน’ ของคนกลุ่มนี้ คนไม่ธรรมดาอย่างฉินอวี้โม่ย่อมต้องรู้ตัวว่าถูกติดตามตั้งนานแล้ว
ซึ่งการคาดการณ์ของหลินจิ้งหงก็ไม่ผิดเลยสักนิด เพราะฉินอวี้โม่รู้ถึงการมีอยู่ของคนกลุ่มนั้นตั้งแต่แรกและไม่เพียงแต่รู้ว่าถูกบุรุษฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ไล่ตามเท่านั้น นางยังรู้ด้วยว่าสหายที่หายหน้าไปนานอย่างคุณชายหลินจิ้งหงก็แอบติดตามมาด้วย
และในตอนที่กลุ่มคนถ่อยพวกนั้นลงมือกับฉินอวี้โม่ สหายสาวของเขากลับไม่ยอมเคลื่อนไหวเลยนั่นทำให้หลินจิ้งหงต้องปรากฏตัวออกมาอย่างไม่มีทางเลือก เขาตรงเข้าไปทักทายสหายโฉมงามที่วันนี้แต่งตัวเป็นสตรีอย่างงามงดก่อนเป็นอันดับแรก
บุรุษหน้าเหี้ยมนั้นเห็นเพียงด้านหลังของหลินจิ้งหง และเมื่อเห็นว่าบุรุษแต่งกายสูงส่งเดินเข้ามาขวางแต่ก็เอาแต่กล่าววาจาทักทายสตรีไม่สนใจเขา เขาจึงโกรธเคืองหนักขึ้นและสบถด่าทอคนผู้นั้นอย่างไม่เกรงกลัว
ทว่าในตอนที่หลินจิ้งหงหันหน้ากลับมา เมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้ที่เขาเพิ่งด่าทอไปชัด ๆ คนหน้าโหดรวมถึงลูกน้องทั้งหมดก็ชะงักงันอยู่กับที่
“คุณชายหลิน !”
พวกเขาอึ้งไปชั่วขณะ บุรุษหน้าโหดได้แต่อ้าปากค้างโดยไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป
ในนครไป๋อวิ๋นแห่งนี้ มีอยู่หลายคนที่ไม่ควรล้ำเส้นเป็นอย่างยิ่ง และการทำสิ่งใดให้พวกเขาขุ่นเคืองใจก็เท่ากับรนหาที่ตาย !
คนแรกก็คืออัจฉริยะแห่งตระกูลหาน บุตรชายสุดรักของผู้นำตระกูล–หานโม่ฉือ คนต่อมาคือคุณหนูใหญ่แห่งสมาคมช่างหลอม–เยว่ชิงเฉิง ส่วนอีกคนก็คือหลินจิ้งหง–นายน้อยแห่งสมาคมทหารรับจ้าง ทั้งสามคนได้รับฉายาว่าเป็น ‘จอมมารรุ่นเยาว์แห่งไป๋อวิ๋น’
ทุกคนในเมืองต่างรู้ดีว่า ผู้ใดก็ตามที่หาเรื่องหมางใจกับจอมมารทั้งสามในเมืองไป๋อวิ๋น คนเหล่านั้นก็จะพบจุดจบที่ย่ำแย่มากแทบทุกราย แต่ที่ยิ่งกว่าก็คือที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดเลยที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในนครไป๋อวิ๋นต่อไปอีกได้
ในตอนนี้ ใบหน้าของบุรุษหน้าเหี้ยมซีดเซียวลงไปหลายส่วน เขาเพียงแต่รับคำสั่งมาจากคุณหนูของพวกเขาให้สั่งสอนสตรีบ้านนอกสองคน ทว่าเหตุการณ์กลับกลายเป็นพวกเขากำลังทำให้หนึ่งในสามจอมมารรุ่นเยาว์แห่งไป๋อวิ๋นโกรธเคืองเข้าเสียแล้ว
“ไอ้หน้าโหด เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ ?”
หลินจิ้งหงมองชายผู้มีใบหน้าโหดเหี้ยมก่อนถามด้วยรอยยิ้มที่… เหี้ยมเกรียม ‘คนไม่เจียมตัวผู้นี้ถึงกับขวัญกล้าใช้วาจาระคายหูกับเขา นี่มันเท่ากับหาที่ตายชัด ๆ’
“คุณชายหลิน เมื่อครู่ ข้าน้อยไม่ได้พูดอะไรเลย ข้าว่าท่านคงจะฟังผิดไปแล้ว”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงชวนขนลุกของหลินจิ้งหง ใบหน้าของชายหน้าโหดก็ชุ่มโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็น ๆ เขาพูดเสียงอ่อนด้วยความนอบน้อม น้ำเสียงของเขาไม่ได้สั่นแต่กลับมีแววแห่งความเป็นกังวลอยู่ชัดเจน
“เพ่ย เจ้าคิดว่าข้าหูหนวกรึไง ?!”
หลินจิ้งหงไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไปง่าย ๆ
“เจ้ากล้าสบถคำหยาบคายต่อหน้าข้า เจ้าพูดว่าข้า ‘โผล่หัว’ มาจากไหนไม่ใช่รึไง ?! กล่าวออกมาเองแล้วเหตุใดถึงขี้ขลาดทำเฉไฉ ไม่ยอมรับเสียเล่า !”
เมื่อได้ยินวาจาด่ากลับของหลินจิ้งหง ขาของชายหน้าโหดก็สิ้นเรี่ยวแรงลงไปทันที บุรุษร่างใหญ่ใจปลาซิวทรุดลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้น
เขาอยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ เพื่อสั่งสอนนัก ‘กลัวจะไม่ตายดีหรืออย่างไร ถึงได้กล่าววาจาเช่นนั้นกับคนอย่างหลินจิ้งหงอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ’
“ขออภัยคุณชายหลิน ข้าน้อยไม่ทราบว่าเป็นท่าน หากข้าน้อยทราบก็คงไม่กล้า ข้าน้อยไม่อาจเอื้อมกระทำต่ำช้ากล่าววาจาหยาบคายต่อหน้าท่านแน่ขอรับ”
บุรุษร่างใหญ่โตใบหน้าโหดเหี้ยมรีบกล่าวขอโทษขอโพยอย่างนอบน้อม น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเคร่งเครียดปนตื่นตระหนก
“เหอะ ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าข้างั้นรึ ? เช่นนั้นข้าก็ชักจะสงสัยแล้วว่าลับหลังข้าเจ้าจะด่าทอข้าอย่างไรบ้าง”
หลินจิ้งหงยังมีท่าทีไม่ยินยอม ราวกับว่าวันนี้เขาต้องการจะเอาเรื่องอีกฝ่ายให้ได้
เมื่อเห็นท่าทีของหลินจิ้งหง ฉินอวี้โม่ก็อดอมยิ้มอย่างขบขันไม่ได้ หลินจิ้งหงผู้นี้น่าสนใจยิ่งนัก ท่าทางข่มขู่คุกคามเช่นนั้นดูเป็นบุคคลยโสโอหังจนน่าหมั่นไส้ แม้ว่าเหตุผลหนึ่งจะเป็นเพราะความโอหังที่มาจากนิสัยส่วนตัวของคุณชายอย่างเขาก็จริง แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาทำก็เป็นเพราะต้องการจะช่วยนางและเสี่ยวโร่ว
ใบหน้าของบุรุษหน้าโหดซีดเซียวจนไร้สีเลือดแล้ว ตอนนี้เขาไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมาอีก เขารู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะเอ่ยสิ่งใด หลินจิ้งหงก็จะหาเรื่องเอาผิดเขาจนได้อยู่ดี
“ไอ้หน้าโหด เมื่อครู่พวกเจ้ากำลังคิดจะทำมิดีมิร้ายกับแม่นางทั้งสองอย่างนั้นรึ ?”
ในตอนนั้นเอง หลินจิ้งหงก็หันหลังกลับไปขยิบตาเป็นสัญญาณให้ฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่ว ก่อนจะหันไปตีหน้าโหดกว่าเพื่อกล่าวกับชายหน้าโหด
“ไม่ขอรับ พวกเรามิกล้า”
บุรุษใบหน้าโหดเหี้ยมรีบส่ายหน้าอันซีดเผือดรัวเร็ว ก่อนที่เขาจะตัดสินใจกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ท่าทางของเขาดูอึดอัดอยู่ไม่น้อย “เป็นเพราะคุณหนูของเรากล่าวว่าสตรีสองคนนี้ไปล่วงเกินนางเข้า คุณหนูจึงสั่งให้พวกเราลงมือสั่งสอน”
“โอ้ ! แล้วพวกนางไปล่วงเกินคุณหนูของเจ้าอย่างไรบ้างล่ะ ? เล่าให้ข้าฟังหน่อยซิ ?”
หลินจิ้งหงแสร้งถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คือ คือว่า… เรื่องนี้พวกเราก็ไม่ทราบขอรับ พวกเราเพียงแต่ได้รับคำสั่งจากคุณหนู”
บุรุษหน้าโหดกล่าวอย่างอับจนหนทาง ในตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดก็คือพาคนออกไปจากที่นี่ ทว่าเขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวเพราะเกรงกลัวสถานะของบุรุษตรงหน้า แต่ถ้าหากพวกเขาบุ่มบ่ามหนีกลับไป หลินจิ้งหงก็อาจจะไม่ปล่อยพวกเขาไว้
หลินจิ้งหงพยักหน้าพลางเผยรอยยิ้มร้าย “คุณหนูของเจ้าคือหลิวหว่านเยียนสินะ ?”
แน่นอนว่านายน้อยแห่งสมาคมทหารรับจ้างรู้อยู่แล้วว่าเจ้านายของคนพวกนี้ก็คือหลิวหว่านเยียน แต่เขาเพียงแค่แสร้งถามออกไปเท่านั้น
ชายหน้าโหดพยักหน้า แน่นอนว่าเขาไม่กล้าปิดบังจอมมารรุ่นเยาว์ผู้นี้
“เช่นนั้นข้าก็พอจะรู้แล้วว่าสตรีทั้งสองของข้าไปล่วงเกินคุณหนูของเจ้าในเรื่องใด”
หลินจิ้งหงพยักหน้าหงึกหงักและกล่าวออกไปตามตรง ทว่าก็ยังคงสีหน้าอำมหิตเอาไว้เช่นเดิม “คุณหนูของพวกเจ้าคงจะอิจฉาสตรีทั้งสองของข้าเพราะพวกนางงดงามกว่า เรื่องนี้ทำให้นางที่เป็นถึงหนึ่งในสิบของโฉมงามแห่งแผ่นดินรู้สึกเสียหน้า ดังนั้นแล้วนางจึงสั่งให้พวกเจ้ามาสั่งสอนบทเรียนให้สตรีทั้งสองเพื่อลดความเกลียดชังในหัวใจ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินจิ้งหง ดวงตาของเสี่ยวโร่วก็เบิกกว้างและเป็นประกายขึ้นทันที “คุณชายทราบเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน ?”
หลินจิ้งหงมองเสี่ยวโร่วที่กำลังทอแววตาตกตะลึงอย่างพึงพอใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อหันไปเห็นฉินอวี้โม่ที่กำลังเผยรอยยิ้มน้อย ๆ รอยยิ้มของหลินจิ้งก็หุบลงในทันที เพราะใบหน้างามที่มองมานั้นคล้ายกำลังบอกว่า… ‘ข้ารู้ทันเจ้านะ’ คุณชายเจ้าเล่ห์หน้าหล่อรีบหันหน้ากลับไปหาชายหน้าโหดอย่างรวดเร็ว
บุรุษหน้าเหี้ยมโหดผู้ถูกส่งมาให้ทำร้ายสตรีเองก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะทุกอย่างเป็นเหมือนที่หลินจิ้งหงกล่าวจริง ๆ ฉินอวี้โม่ผู้นี้งดงามกว่าหลิวหว่านเยียนคุณหนูของเขามาก ขนาดเขาที่เป็นข้ารับใช้ผู้ภักดีก็ยังเห็นเช่นนั้น ดังนั้นไม่ว่าผู้ใดหากใช้ตามองก็คงจะเห็นเป็นเสียงเดียวกัน
“ไอ้หน้าโหด ข้าจะบอกให้นะว่า คุณหนูของพวกเจ้าน่ะอวดดีเกินไป นางคิดจริง ๆ หรือว่าตัวเองงดงามติดหนึ่งในสิบของแผ่นดินจริง ๆ ดินแดนหวนหลิงนั้นกว้างกว่าที่นางคิดมากนัก นางไม่รู้เลยหรือว่าแค่ภายในจักรวรรดิไป๋อวิ๋นที่เดียวก็มีคนงดงามกว่านางอยู่อย่างมหาศาลแล้ว !”
หลินจิ้งหงเองก็ไม่ค่อยถูกชะตากับหลิวหว่านเยียนนัก เขาคิดว่าสตรีผู้นี้อวดดีเกินไป นางถือดีว่าตัวเองมีชื่อเสี่ยงเป็นถึงหนึ่งในสิบโฉมงาม ดังนั้นแล้วเขาจึงกล่าววาจาที่ไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
บุรุษใบหน้าเหี้ยมได้แต่พยักหน้า เขากำลังกลัวคุณชายตระกูลหลินจนไม่กล้าเปิดปากเอ่ยวาจาใด ๆ
“เจ้ารู้สถานะของแม่นางทั้งสองนี้หรือไม่ ?”
ดูเหมือนว่าวันนี้หลินจิ้งหงจะไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ เสียแล้ว บุรุษหน้าหล่อที่กำลังสวมหน้ากากอำมหิตค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ ชายหน้าโหด
ชายหน้าโหดส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างแรง วันนี้เขาเพียงแค่ได้รับคำสั่งมาสั้น ๆ คุณหนูสั่งพวกเขามาว่าให้ไปดักรอสตรีแปลกหน้าสองนางที่จะออกมาจากพระราชวัง จากนั้นก็ให้ติดตามไปลงมือสั่งสอน ส่วนเรื่องตัวตนของ ‘เหยื่อตามคำสั่ง’ นั้นพวกเขาไม่รู้เลย
“ไม่รู้แล้วยังกล้าจะกระทำต่ำช้าคิดสั่งสอนพวกนาง เจ้านี่มันโง่งมจริง ๆ”
หลินจิ้งหงส่ายศีรษะแล้วกล่าวต่อว่า “ข้าจะบอกให้ พวกนางทั้งสองคือสหายรักของข้า ทีนี้เจ้ารู้รึยังว่ากำลังจะสั่งสอนใคร !”
วาจาของสหายหน้าหล่อทำให้ฉินอวี้โม่ประหลาดใจไม่น้อย เดิมทีนางคิดว่าหลินจิ้งหงคงจะบอกว่าพวกนางเป็นคนของตระกูลฉิน ไม่คิดเลยว่าคนผู้นี้จะกล่าวออกมาเช่นนั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้นางเกิดความรู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจ วันนี้อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูได้รับรู้ว่าตนเองได้สหายดี ๆ เพิ่มมาอีกคนหนึ่งแล้ว
การมีสหายที่ดีนับเป็นวาสนาที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างหนึ่ง
เมื่อได้ยินวาจาของหลินจิ้งหง บุรุษหน้าโหดและคนของเขาก็หันไปมองฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่วในทันทีก่อนจะรีบกล่าวขอขมา
หากพวกเขารู้ก่อนว่าสตรีงดงามทั้งสองเป็นสหายของหลินจิ้งหง ต่อให้เป็นคำสั่งของคุณหนู พวกเขาก็คงไม่กล้าทำเรื่องนี้แน่
“ต้องขออภัยแม่นางทั้งสองด้วย พวกเราผิดไปแล้วที่ทำให้พวกท่านต้องขุ่นเคือง ได้โปรดอย่าถือโทษโกรธเคืองเราเลย”
ชายหน้าโหดพรั่งพรูคำขอโทษเสียงสั่นเครือ เขาก้มหัวลงจนแทบจะติดพื้น
ฉินอวี้โม่ยืนนิ่งเฉยไม่เอ่ยสิ่งใด นางปล่อยให้หลินจิ้งหงกล่าวขึ้นมาแทน
“ไอ้หน้าโหด ข้าก็บอกอยู่ว่าพวกนางเป็นสหายของข้า เพียงแค่กล่าวขอโทษอย่างเดียวคิดว่าพวกนางจะพอใจอย่างนั้นรึ ?”
เป็นตอนนั้นเองที่ในที่สุดเสี่ยวโร่วผู้แสนซื่อก็เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของคุณชายรูปลักษณ์ดูดีผู้เป็นสหายของคุณหนูของนางแล้ว
ที่เขาต้องลงทุนกล่าววาจามากขนาดนี้ก็เพราะเขาอยากจะเรียกร้องของกำนัลเป็นค่าทำขวัญให้นางและคุณหนู
ซึ่งเมื่อได้รู้ถึงจุดประสงค์ของหลินจิ้งหงแล้ว เสี่ยวโร่วก็รู้สึกชื่นชมคุณชายผู้นี้มากยิ่งขึ้น สาวน้อยดวงตาเป็นประกายอีกครั้งอย่างตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่นางรู้สึกว่าการมีสหายเป็นคนหยิ่งยโสถือเป็นเรื่องที่ดีมาก !
เมื่อได้ยิน ชายหน้าโหดก็เข้าใจความหมายของหลินจิ้งหงทันที
ด้วยคำพูดเช่นนั้นของหลินจิ้งหง รวมถึงมองเห็นสายตาที่เย็นชาของเขา บุรุษหน้าโหดก็ไม่ลังเลอีก เขารีบหยิบเอาแหวนมิติของเขาออกมาและยื่นให้หลินจิ้งหงอย่างนอบน้อม
“คุณชายหลิน คิดซะว่าแหวนวงนี้เป็นค่าทำขวัญที่พวกเรามอบให้แม่นางทั้งสอง พวกเราไม่มีตา ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้าคิดทำร้ายคนของท่าน ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว โปรดอภัยให้พวกเราด้วย”
ในตอนนี้ คนหน้าโหดผู้โหดไม่ลงกำลังหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่ได้คิดเสียดายแหวนมิติของตนเลย ขอเพียงแค่วันนี้เขารอดจากเงื้อมมือของจอมมารรุ่นเยาว์หลินจิ้งหงผู้นี้ได้ ไม่ว่าจะเสียอะไรพวกเขาก็ยังรู้สึกยินดี
หลินจิ้งหงโยนแหวนวงนั้นให้ฉินอวี้โม่ในทันที นางรับมันไปด้วยรอยยิ้มและพยักหน้าให้หลินจิ้งหง
“ถือว่าครั้งนี้ข้าเห็นแก่น้ำใจของเจ้า ไสหัวไปได้แล้ว !”
หลินจิ้งหงสะบัดหน้ากลับไปอย่างไม่แยแส ก่อนจะก้าวเข้าไปหาฉินอวี้โม่
บุรุษหน้าโหดและบรรดาลูกน้องถอนหายใจอย่างโล่งอกในทันที ในที่สุดวันนี้พวกเขาก็รอดแล้ว
ทว่าทันใดนั้น หลินจิ้งหงก็หันหลังกลับมาอีกครั้งและเดินตรงเข้ามาหา นั่นทำให้กลุ่มบุรุษร่างใหญ่ที่ได้รับคำสั่งให้มาทำร้ายสตรีหวาดกลัวลนลานจนหัวใจแทบหยุดเต้น
“กลับไปบอกคุณหนูของพวกเจ้าด้วยว่าหากมีเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกแม้แต่เพียงครั้งเดียว ข้าจะทำให้นางกลายเป็นหนึ่งในสิบสตรีอัปลักษณ์แห่งแผ่นดิน !”
หลังจากกล่าวประโยคอันน่าขนลุกจบลง หลินจิ้งหงก็เดินกลับไปหาฉินอวี้โม่กับเสี่ยวโร่วพลางพยักหน้าให้พวกนาง
ฉินอวี้โม่ยิ้มรับ ก่อนจะหันหลังออกเดินตรงไปยังทิศทางที่ตระกูลโอวหยางตั้งอยู่พร้อมกับสหายคุณชายของนาง
เวลานี้ อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูยอมรับแล้วว่าหลินจิ้งหงผู้นี้เป็นบุรุษยโสโอหังอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามนางก็ยอมรับอีกเช่นกันว่านางชื่นชอบในความยโสเช่นนี้ของเขามาก ‘เอ…หรือเป็นความเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างหน้าไม่อายของคนผู้นี้กันนะที่มีประโยชน์’