อยู่แค่ด้านหลังประตู แต่มองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น
รวมถึงตัวตนของคนที่อยู่ด้านนอก
ผู้อำนวยการอึ้งไปชั่วขณะ หันไปมองเด็กสาวทันที “คุณอิ๋ง จะให้…”
ถึงแม้อิ๋งจื่อจินจะไม่ได้จงใจปกปิดตัวตนของตัวเอง แต่ทางโรงพยาบาลเซ่าเหรินก็ได้ทำการเก็บรักษาเป็นความลับต่อภายนอกให้แล้ว
อย่างไรเสียนี่ก็คือเถ้าแก่ของพวกเขา ไม่ใช่พนักงาน
คนที่มาหาถึงห้องผู้อำนวยการได้ อาจไม่ใช่คนธรรมดา
“ไม่เป็นไรค่ะ” อิ๋งจื่อจินละสายตากลับมา นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ “ให้เขาเข้ามาค่ะ”
พออิ๋งจื่อจินอนุญาต ผู้อำนวยการก็ลุกขึ้นไปเปิดประตู
สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ด้านนอกมีผู้ชายที่แต่งตัวรัดกุมมิดชิดยืนอยู่คนหนึ่ง
เดือนเมษายนแล้วยังสวมหมวกกับผ้าปิดปาก ไม่เปิดเผยใบหน้าแม้แต่น้อย
เห็นเพียงดวงตาสีน้ำเงินเข้มแบบที่พบเจอได้ยาก ลุ่มลึกดุจมหาสมุทร
แต่รูปร่างของเขาผึ่งผาย แม้จะปกปิดอย่างมิดชิดก็ยากที่จะปิดบังบุคลิกที่โดดเด่นได้
สูงเด่นเป็นสง่า
ผู้อำนวยการอึ้งไปอีกครั้ง “ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
ชายหนุ่มถอดผ้าปิดปาก เผยให้เห็นใบหน้า
หน้าตาได้รูป หล่อคมเข้ม
ใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยมาก ถึงขนาดที่สามารถพบเจอได้ทั่วไปตามท้องถนน
“คุณๆๆ ราชาภาพยนตร์นี่!” ผู้อำนวยการจ้องชายหนุ่มอยู่นาน ทันใดนั้นก็พูดด้วยความตื่นเต้น “ชื่อซังเย่าจือใช่ไหม”
ซังเย่าจืออึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มพลางพยักหน้า “ที่แท้คุณก็รู้จักผมด้วย”
เขาเกิดปี 95 แฟนคลับส่วนใหญ่เป็นพวกเด็กนักเรียน คนที่โตกว่าส่วนมากจะไม่รู้จักเขา
“รู้จักๆ รู้จักอยู่แล้ว” ผู้อำนวยการดีใจตบต้นขา “ลูกสาวผมชอบคุณมาก วันๆ อยู่บ้านเอาแต่คุยให้ผมฟัง แถมยังลากผมไปช่วยโหวตให้คุณด้วย”
ซังเย่าจือยิ้ม ไม่ได้วางมาดแบบดาราทั่วไป เขาพูดอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณที่เอ็นดูผมครับ”
“ราชาภาพยนตร์ซัง คุณช่วย…” ผู้อำนวยการรีบไปหากระดาษกับปากกาแล้วยื่นให้” ช่วยเซ็นชื่อให้ผมได้ไหมครับ”
อีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดของลูกสาวเขาพอดี
ถ้าได้ลายเซ็นของซังเย่าจือ ของขวัญชิ้นนี้ของเขาจะต้องชนะของขวัญของเมียเขาแน่นอน
ลูกสาวต้องชอบของขวัญจากเขามากกว่าแน่
ซังเย่าจือไม่ปฏิเสธ ทั้งยังได้ถามต่อ “ลูกสาวคุณชื่ออะไรครับ ผมจะเซ็นให้เธอเป็นพิเศษ”
ผู้อำนวยการพูดชื่อด้วยความเต็มใจ
ซังเย่าจือหยิบปากกาแล้วเขียนอย่างจริงจัง
ลายมือเหมือนกับคนเขียน ลายมือของเขาก็สวยมากเช่นกัน
พอเขียนเสร็จเขาก็ยื่นกระดาษให้ผู้อำนวยการ
ผู้อำนวยการพับลายเซ็นด้วยความระมัดระวังแล้วเก็บเข้ากระเป๋า
ดีมาก ภารกิจสำเร็จ
ซังเย่าจือกำมือปิดริมฝีปาก ไอออกมาอีกครั้ง
สีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเซียว ไม่ดูสดใสเหมือนบนแผ่นป้ายโฆษณา อีกทั้งยังดูค่อนข้างเหนื่อยล้า
“ราชาภาพยนตร์ซัง หมอเทวดาที่คุณต้องการหาก็คือคุณอิ๋งครับ” ผู้อำนวยการรู้สึกเป็นห่วง “คุณเป็นอะไรเหรอครับ”
“คุณอิ๋งเหรอครับ” ซังเย่าจือมองเด็กสาว แปลกใจที่เธออายุยังน้อยอยู่
แต่เขาไม่ได้ถามอะไร แค่ลังเลเล็กน้อย จากนั้นถึงพูดเสียงเบา “คุณอิ๋งครับ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากขอให้คุณ…”
เขายังไม่ทันพูดจบ
“เส้นเสียงของคุณมีปัญหา” มือของอิ๋งจื่อจินหมุนปากกา พูดอย่างใจเย็นไม่รีบร้อน “ตอนแรกก็แค่ร้องเพลงไม่ได้ ต่อมาหนักถึงขั้นแม้กระทั่งบทละครก็พูดไม่ได้”
“ดังนั้น คุณจำต้องเลือกที่จะพักผ่อน บอกปัดงานทั้งหมด”
ผู้อำนวยการฟังแล้วก็อึ้ง
เดี๋ยวนะ
ต่อให้แพทย์แผนจีนจะมีการสังเกตลักษณะคนไข้ แต่ก็ไม่ถึงกับแค่มองแวบเดียวก็รู้ทุกอย่างหรือเปล่า
สีหน้าของซังเย่าจือขรึมลงเล็กน้อย ผ่านไปสักพักเขาก็ถอนหายใจเบาๆ “คุณอิ๋งสมกับเป็นหมอเทวดาจริงๆ เป็นเหมือนที่คุณพูดทุกอย่างครับ”
เมื่อหนึ่งเดือนก่อนอยู่ๆ เส้นเสียงของเขาก็มีปัญหาทำให้เขาร้องเพลงไม่ได้
ดารามักถูกจับตาดูความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ดาราผู้หญิงไปโรงพยาบาลทีก็สามารถมีข่าวตั้งท้องออกมาได้ เขาเองก็ย่อมต้องแอบไป
แต่ไม่ว่าจะหมอของฮู่เฉิงหรือโรงพยาบาลใหญ่ๆ ในตี้ตูที่ไหนต่างก็หาสาเหตุอาการของเขาไม่พบ สั่งยาทั่วไปสำหรับรักษาคอมาให้เขา
แต่หลังจากที่เขาเอากลับไปกิน เส้นเสียงกลับมีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ
พูดธรรมดายังพอไหว แต่ถ้าถ่ายหนังต้องพูดบทจะไม่มีแรงพอ
เรื่องนี้ถือเป็นการตัดอนาคตของราชาภาพยนตร์อย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้จัดการส่วนตัวของเขาก็ร้อนใจมาก ด้วยเหตุนี้ยังได้ติดต่อหมอของเมืองนอกเอาไว้แล้ว เพียงแต่ต้องอีกระยะหนึ่งถึงจะมา
สาเหตุที่เขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่เป็นเพราะมีหมอจากโรงพยาบาลอันดับหนึ่งแนะนำซังเย่าจือ เขาถึงได้มาโรงพยาบาลเซ่าเหริน
แต่กลับนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะบังเอิญได้เจอหมอเทวดา
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่คุณไม่ควรกินยาพวกนั้น”
ซังเย่าจือไออีกครั้ง ยิ้มเศร้า “ก็แค่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ คุณอิ๋งรักษาได้ไหมครับ”
“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น เขียนสั่งยา “ลงไปรับยา ต้มเอง กินครบเจ็ดวันค่อยมาใหม่ค่ะ”
ผู้อำนวยการชะโงกหน้าไปดูก็พบว่าตัวยาที่เขียนเป็นสมุนไพรธรรมดาทั้งนั้น ไม่มีอะไรพิเศษ
เขาเกาหัว คิดในใจ ดูท่าชาตินี้เขาคงเป็นหมอเทวดาไม่ได้แล้ว
ซังเย่าจือรับมา “ขอบคุณคุณอิ๋งครับ”
สามารถมองเห็นอาการของเขาในแวบเดียว เขาไม่มีทางสงสัยอะไรแล้ว
อิ๋งจื่อจินไม่รั้งเขา แค่พยักหน้าเล็กน้อย “พอหายแล้วอย่าลืมจ่ายเงินด้วยนะคะ”
…
พอซังเย่าจือออกมาจากโรงพยาบาลก็ขึ้นรถตู้
ผู้จัดการส่วนตัวหันหน้ามาถามด้วยความเป็นห่วง “เย่าจือ เป็นไงบ้าง”
“ราบรื่นมาก” ซังเย่าจือไอเล็กน้อย “พักผ่อนอีกหนึ่งเดือนก็ไม่มีอะไรแล้ว”
“เทพขนาดนั้นเลยเหรอ” ผู้จัดการส่วนตัวไม่เชื่อเท่าไร “ฉันไปกับนายมาตั้งกี่โรงพยาบาลแล้ว พวกเขายังรักษานายไม่หายเลยนะ”
ซังเย่าจือยิ้ม ไม่พูดอะไร
ผู้จัดการส่วนตัวเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็เข้าใจแล้ว “ดูท่าหมอเทวดาคนนี้ของโรงพยาบาลเซ่าเหรินจะเก่งจริง ไว้พวกเราต้องขอบคุณเขาให้ดี”
นิ่งไปเล็กน้อยแล้วพูดเสียงขรึม “เย่าจือ นายจำไม่ได้จริงๆ เหรอว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนนายกินอะไรไป”
สีหน้าของซังเย่าจือเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาส่ายหน้าช้าๆ “หนึ่งเดือนก่อนเป็นงานเลี้ยงฉลองของกองถ่าย ถ้าถามเรื่องของกิน มันเยอะเกินไป”
“อีกอย่าง คนอื่นๆ ก็ไม่ได้เป็นอะไร”
“ฉันรู้ นี่แหละปัญหา” ผู้จัดการส่วนตัวถอนหายใจ เขารู้สึกกลุ้ม “ไม่รู้จริงๆ ว่าใครทำร้ายนาย”
ด้วยสถานะของซังเย่าจือในวงการบันเทิงตอนนี้ อย่าว่าแต่เกิดปี 95 เลยต่อให้ดาราที่เกิดปี 90 หรือปี 85 ก็ยังสู้เขาไม่ได้
ราชาภาพยนตร์รางวัลโกลเด้น ฟลาวเวอร์ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขายืนในวงการบันเทิงได้อย่างมั่นคงแล้ว
ไม่มีใครโค่นได้
ใครกันที่กล้าลงมือกับซังเย่าจือได้ถึงขนาดนี้
ผู้จัดการส่วนตัวขมวดคิ้ว “จะเป็นใครได้นะ…”
คิดจนหัวจะระเบิดก็ยังคิดไม่ออก เขาทำได้เพียงกำชับ “เย่าจือ ช่วงนี้ระวังหน่อย เลี่ยงเจอคนในวงการไปก่อน”
ซังเย่าจือพยักหน้า เขามองใบสั่งยาใบนั้นแล้วตกอยู่ในห้วงความคิด
…
กลางดึก
ฝั่งตะวันออกของเมืองฮู่เฉิง
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองท้องตัวเอง สูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย
จัดการทีมปล้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการล่อนักล่าติดอันดับคนอื่น
หนึ่งในนั้นรวมถึงมือปืนอันดับสี่ที่สนิทกับมือปืนอันดับเจ็ด
ฟู่อวิ๋นเซินไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ เพื่อปกป้องสมุนไพรทั้งหมด เขาเลือกที่จะรับกระสุนนัดนี้
ไม่แม้กระทั่งหลบ
อย่างไรซะนี่ก็เป็นยาที่เตรียมไว้ให้ผู้เฒ่าฟู่ เขาเอาชีวิตแลกได้
อาจเพราะไม่ได้รับบาดเจ็บมานานแล้ว จึงรู้สึกเจ็บจริงๆ
ฟู่อวิ๋นเซินยกมือนวดหว่างคิ้วเพื่อให้ตัวเองตื่นอยู่ตลอด
มือข้างหนึ่งถือถุงสีดำ เกาะกำแพงเดินไป ดวงตาหลุบลง
เวลาตีสอง อีกทั้งยังเป็นชานเมือง ไม่มีใครสักคน
เลือดกำลังไหล สายตาของฟู่อวิ๋นเซินเริ่มพร่ามัว
เขานั่งพิงกำแพง เตรียมพักผ่อนสักพัก
พอเงยหน้ากลับต้องอึ้ง
ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ สูดลมหายใจ สายตาเลือนรางยิ่งกว่าเดิม เขาพึมพำ “ฉันไม่น่าจะกำลังฝันอยู่ ทำไมถึงเห็นเด็กน้อยของฉันล่ะ…”
แต่วินาทีถัดมาก็มีแรงมาสัมผัสแขนของเขา
มีเสียงดังอยู่เหนือศีรษะ
“ลุกขึ้น ฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
เสียงชัดเจน ความฝันไม่น่าสมจริงขนาดนี้
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าขึ้น ดวงตาสะท้อนเงาของเด็กสาว
เธอกำลังก้มหน้ามองเขา ขมวดคิ้วอยู่
ผ่านไปสักพักฟู่อวิ๋นเซินก็ยิ้ม น้ำเสียงจนปัญญา “เป็นเด็กน้อยของฉันจริงๆ”
เขาพิงกำแพง เลือดตรงท้องซึมเปียกผ้าก๊อซ และยังคงไหลอยู่
อิ๋งจื่อจินยกมือ เอาเข็มเงินทิ่มเข้าไปที่จุดลมปราณจุดหนึ่งเพื่อห้ามเลือดให้ จากนั้นพูดขึ้น “ลุกขึ้น ไปโรงพยาบาล”
ฟู่อวิ๋นเซินหอบอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าบาดแผลหนักมากทีเดียว แต่กลับยังคงยิ้มอยู่ เขาพูด “เด็กน้อย พี่ชายไปโรงพยาบาลไม่ได้”
แผลแบบนี้ถือว่าเล็กน้อยมากสำหรับเขาแล้ว อย่างไรซะก็พันผ้าไว้แล้ว อดทนหน่อยเดี๋ยวก็ผ่านไปได้
ถ้าเขาไปโรงพยาบาลจะต้องเปิดเผยหลายเรื่อง ถึงขนาดที่อาจทำให้คนรอบตัวต้องถูกโดนตามฆ่า
“เยาเยา ปล่อยให้พี่ชายพักสักเดี๋ยว” ฟู่อวิ๋นเซินหยุดเล็กน้อยแล้วถึงพูดออกมาให้จบ “พี่ชายรักษาตัวเองเก่งมาก ไม่ต้องเป็นห่วง”
พอพูดจบทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ชะงัก แผ่นหลังที่กว้างยาวก็หดเกร็ง
สัมผัสได้ถึงความเย็นตรงช่วงเอว
ได้ยินสองคำข้างหู
“อย่าขยับ”
อิ๋งจื่อจินยกมือขึ้น โอบตรงเอวของเขาแล้วกดลงไป