ไม่ใช่เป็นชื่อคนคนเดียว และก็ไม่ใช่ที่อยู่
แต่นี่เป็นชื่อที่เพียงพอให้ทุกตระกูลและเศรษฐีทั่วโลกตะลึงได้
ในประเทศจีนอาจมีคนที่ไม่รู้จักตระกูลจงตระกูลฟู่ ยังมีคนที่ไม่รู้จักตระกูลเนี่ยตระกูลมู่ แต่ไม่มีทางมีคนไม่รู้จักตระกูลลอเรนท์
เพราะธนาคารระดับสากลเพียงหนึ่งเดียวที่มีกิจการไปทั่วโลกเป็นของตระกูลลอเรนท์
เงินหมุนเวียนในแต่ละวันของธนาคารลอเรนท์ทิ้งห่างเงินหมุนเวียนหนึ่งปีของธนาคารอื่นไม่รู้ตั้งกี่เท่า
แทบจะผูกขาดเศรษฐกิจทั้งโลก
ไม่มีใครรู้ความร่ำรวยของตระกูลลอเรนท์มากแค่ไหนกันแน่ แต่แน่ใจได้ว่าร่ำรวยกว่าคลังของบางประเทศเสียด้วยซ้ำ
ชื่อผู้ส่งที่อยู่บนกล่องทำให้ผู้เฒ่าจงกับพ่อบ้านจงตกอยู่ในห้วงความเงียบพร้อมกัน
ผ่านไปสักพักเป็นผู้เฒ่าจงที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นได้ทำลายความเงียบลงก่อน “ตระกูลลอเรนท์…ใช่ที่พวกเรารู้จักไหม”
พ่อบ้านจงเหมือนยังอยู่ในห้วงความฝัน เขาทำหน้างง “มะ…ไม่ใช่มั้งครับ”
ตระกูลลอเรนท์เป็นใคร
ตระกูลอันดับหนึ่งของโลกเชียวนะ!
อย่าว่าแต่จงซื่อกรุ๊ปเลย ต่อให้เอาตระกูลมหาเศรษฐีของตี้ตูมารวมกันก็ยังสู้ตระกูลลอเรนท์ไม่ได้
ตระกูลลอเรนท์ส่งของมาให้ตระกูลจงด้วยตัวเองเลยเหรอ
ลือออกไปได้กลายเป็นเรื่องขบขัน
ผู้เฒ่าจงก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ เขาขมวดคิ้วมองดูอีกรอบ เหมือนจะสังเกตเห็นอะไร “รอเดี๋ยวนะ”
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วใส่ชื่อตระกูลลอเรนท์ในช่องค้นหา
สิ่งแรกที่ปรากฏคือประวัติตระกูลลอเรนท์
ตระกูลลอเรนท์ถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่สิบห้า จนกระทั่งกลางศตวรรษที่สิบแปดได้กลายเป็นหนึ่งในตระกูลเศรษฐีที่แข็งแกร่งที่สุดของยุโรป มีแต่คนมากความสามารถมาทุกรุ่น
ตระกูลลอเรนท์ปกครองเมืองฟลอเรนซ์ที่เป็นเมืองใหญ่มาถึงสามศตวรรษ อีกทั้งในระหว่างหลายร้อยปีนี้ตระกูลลอเรนท์ยังให้ทุนสนับสนุนศิลปินที่สร้างผลงานศิลปะอยู่ไม่น้อย
ชิโน ฟอน ชื่อที่ทำให้ทั่วโลกตะลึง เบื้องหลังก็ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลลอเรนท์
ถ้าไม่มีตระกูลลอเรนท์ เกรงว่าต่อให้ชิโน ฟอนจะมากพรสวรรค์ก็ยังคงไม่ได้แจ้งเกิด
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ในช่วงปลายศตวรรษที่สิบแปด อยู่ๆ ตระกูลลอเรนท์ก็ล้มลงในชั่วข้ามคืน แทบจะหายสาบสูญไปทันที
และในช่วงเกือบร้อยปีมานี้ ตระกูลเก่าแก่ตระกูลนี้ถึงได้ปรากฏตัวในสายตาของผู้คนอีกครั้ง
อีกทั้งยังกุมเศรษฐกิจโลกได้ในเวลาอันรวดเร็ว ขยายธนาคารลอเรนท์ไปทั่วโลก
ความรุ่งเรืองและล่มสลายของตระกูลลอเรนท์เรียกได้ว่ายังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้
ประวัติศาสตร์นี้มีให้เรียนในหนังสือเรียน ผู้เฒ่าจงเองก็รู้ ไม่จำเป็นต้องอ่านอะไรมาก
เขาเลื่อนดูอัลบั้มรูป ในที่สุดก็เจอภาพที่เขาต้องการหา
ในภาพนั้นเป็นบัลลังก์สีทองและมีมงกุฎอยู่บนนั้น
บารมีแผ่ซ่าน ไม่อาจล่วงเกิน บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองและแข็งแกร่งของตระกูลอันดับหนึ่งในโลกตระกูลนี้
นี่คือตราประจำตระกูลลอเรนท์
เหมือนรูปที่ผู้เฒ่าจงเห็นบนกล่องไม่มีผิดเพี้ยน
กิจการและอิทธิพลของตระกูลลอเรนท์แผ่ขยายไปทั่วโลก ยังไม่มีใครกล้าถึงขั้นปลอมตัวเป็นตระกูลลอเรนท์
เพราะเมื่อปลอมแปลงก็จะถูกจับตัวออกมาทันที
หลังจากถูกจับได้ อย่าได้คิดจะไปใช้ชีวิตที่ไหนอีกเลย
ผู้เฒ่าจงเงียบไปอีกครั้ง พูดพึมพำ “ตระกูลลอเรนท์ส่งมาจริงๆ”
บนโลกนี้มีเรื่องพิสดารจริงๆ สินะ
แต่ทำไมตระกูลลอเรนท์ต้องส่งของมาให้พวกเขาด้วย
“ท่านผู้เฒ่า” พ่อบ้านจงเก็บการ์ดขึ้นมาใบหนึ่ง “ตรงนี้มีการ์ดด้วยครับ”
“เอามาซิ” ผู้เฒ่าจงรับมา พอดูก็ตั้งใจครุ่นคิด เขาถาม “พวกเรามีคนชื่อโค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ด้วยเหรอ”
เดี๋ยวนะ ประเด็นคือใครมันจะตั้งชื่อว่า ‘โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์’
นี่ต้องตะกละขนาดไหน
ต้องเป็นคนอ้วนตุ๊ต๊ะแน่
ผู้เฒ่าจงเลื่อนสายตาลงด้วยความสงสัย
บนการ์ดมีลายมือที่สวยมาก
[แด่โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ที่รัก ส่งหยกเย็นที่งดงามเหนือหยกทั้งมวลมาให้แล้ว นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยจากเจ้านายของผม
หากเป็นไปได้ หวังว่าจะได้ทำความรู้จักกันไว้ หวังว่าสักวันหนึ่งในอนาคตจะได้เจอคุณที่ฟลอเรนซ์
เมื่อถึงเวลานั้น เจ้านายของผมจะร่วมดื่มฉลองกับคุณ]
ชื่อที่ลงท้ายคือ จ็อบ ลอเรนท์
เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นคนรับใช้ของตระกูลลอเรนท์
“หยกเย็นเหรอ” ผู้เฒ่าจงอึ้งไปชั่วขณะ สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “ของที่อยู่ในนี้คือหยกเย็นเหรอ”
พ่อบ้านจงก็อึ้ง “ท่านผู้เฒ่า ดูเหมือนคุณหนูอิ๋งเคยบอกว่าวันนี้จะมีพัสดุมาส่ง หรือจะเป็น…”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้พอดี
เด็กสาวเดินเข้ามา พยักหน้าให้ชายชราทั้งสอง “คุณตา คุณปู่พ่อบ้าน”
“อ้อ จื่อจินเหรอ” ผู้เฒ่าจงดันแว่นสายตายาว รีบกวักมือ “รีบมาดูนี่สิ นี่พัสดุของหลานหรือเปล่า”
พอได้ยินประโยคนี้อิ๋งจื่อจินก็มองกล่องที่ห่อมาได้อลังการมาก “…”
เทียบกับเมื่อก่อนแล้ว สไตล์ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
เธอย่อมรู้ว่าคนที่รับงานที่เธอโพสต์ไปคือตระกูลลอเรนท์
และถ้าตระกูลลอเรนท์รับงานนี้ บัญชีผู้ใช้อื่นก็ไม่มีทางแย่ง
ถึงแม้พวกบอสจำนวนไม่น้อยในพื้นที่ปิดจะจงใจปกปิดตัวตน แต่มีเพียงตระกูลลอเรนท์ที่ไม่ทำ
อย่างไรซะต่อให้มีคนบอกให้เขาถ่อมตัว เขาก็ไม่มีทางทำ
ตระกูลลอเรนท์ไม่ต้องการเงินรางวัลจากเธอ เธอก็ไม่ให้
พบเจอได้ยากคนที่จะไม่เอาเงินของเธอแบบนี้
“ของหนูเองค่ะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณคุณตาที่ช่วยเซ็นรับแทนนะคะ”
“ขอบคุณอะไรกัน” ผู้เฒ่าจงส่ายมือ สุดท้ายก็ถามในเรื่องที่สงสัย “จื่อจิน หลานกับคนกุมอำนาจ…ของตระกูลลอเรนท์รู้จักกันเหรอ”
บนการ์ดเขียนว่า ‘เจ้านายของผม’
เจ้านายคนนี้คือใครไม่ต้องบอกก็รู้
อิ๋งจื่อจินเงียบไปเล็กน้อย “พวกเขาทำธุรกิจไม่ใช่เหรอคะ ขอแค่มีเงินก็ซื้อได้”
ผู้เฒ่าจงมาคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าจริงอย่างว่า
มีข่าวลือแบบนั้น
ผู้กุมอำนาจของตระกูลลอเรนท์เห็นเงินเป็นพระเจ้า เป็นคนประเภทที่ว่าต้องนอนบนกองทองถึงจะหลับ
ใครให้เงินเขา เขาย่อมดีใจ
พอนึกถึงตรงนี้ผู้เฒ่าจงก็ถอนหายใจยาว
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้
เล่นเอาเขาตกอกตกใจหมด เดิมทีเขายังคิดว่าหลานสาวของเขาเก่งถึงขั้นรู้จักกับคนในตระกูลลอเรนท์แล้ว
คิดๆ ดูก็จริง คฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลลอเรนท์อยู่ที่ฟลอเรนซ์ ไกลจากประเทศจีนไม่รู้ตั้งเท่าไร
ผู้เฒ่าจงนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขาสงสัย “แต่นี่คือหยกเย็นเหรอ”
“ตอนนี้หาโลกสิบทิศกลับมาไม่ได้ค่ะ” อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หนูอยากแกะสลักขึ้นมาใหม่”
“แกะสลักใหม่เหรอ” ผู้เฒ่าจงอึ้ง “แกะยังไง”
“อืม แกะเรื่อยเปื่อยค่ะ”
“…”
ผู้เฒ่าจงหัวใจตีบตัน
หลานสาวของเขาล้อเล่นอีกแล้ว
“คุณตาวางใจได้ค่ะ” อิ๋งจื่อจินยกกล่องขึ้นมาแล้วเดินไปทางบันได “อีกสี่วันจะมีโลกสิบทิศค่ะ”
ผู้เฒ่าจงรู้สึกงงจริงๆ
ผ่านไปสักพักทันใดนั้นก็ได้สติ
กล่องที่ต้องใช้คนหนุ่มสองคนถึงจะยกได้ ทำไมหลานสาวของเขายกตัวปลิวเลยล่ะ
…
ภายในห้องบนชั้นสอง
อิ๋งจื่อจินแกะกล่องออก เอาหินหยกที่อยู่ในนั้นไปวางบนโต๊ะทำงาน
หยกเย็นเป็นหยกเหนือหยกทั้งมวล สว่างแวววาวสบายตา ด้วยเหตุนี้ถึงได้เรียกว่าหยกเย็น
ยิ่งมีสิ่งเจือปนในตัวหยกน้อยเท่าไร คุณภาพก็จะยิ่งดี
ซึ่งหยกเย็นชิ้นนี้ไม่มีสิ่งเจือปนแม้แต่น้อย แพงยิ่งกว่าหยกที่ใช้ทำโลกสิบทิศของจริงเสียอีก
อิ๋งจื่อจินหยิบมีดแกะสลักกับอุปกรณ์อื่นที่ใช้แกะสลักซึ่งเตรียมไว้ก่อนแล้วออกมาจากกระเป๋าเป้
เธอไม่ใช้ไม้บรรทัด กะขนาดหยกเย็นชิ้นนี้ด้วยตาเปล่า
สาเหตุที่โลกสิบทิศสามารถกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของเฝ่ยชุ่ยไจได้เป็นเพราะช่างแกะสลักได้แกะสลักพระแปดสิบแปดรูปบนหินที่ขนาดไม่ใหญ่มากนี้
อีกทั้งแต่ละรูปยังประณีตเหมือนมีชีวิต สีหน้าก็ไม่เหมือนกัน
อิ๋งจื่อจินถามผู้เฒ่าจงมาแล้ว
เมื่อห้าสิบปีก่อนช่างแกะสลักหยกคนนั้นใช้เวลาสามเดือนกว่าจะแกะโลกสิบทิศเสร็จ อีกทั้งยังมีลูกศิษย์คอยช่วยเหลือ
ก็ไม่แปลกที่หลังจากดีเคกรุ๊ปขโมยโลกสิบทิศไปแล้วจะมั่นใจมากว่าพวกเขาไม่มีทางเอาของออกมามอบได้
เวลาสี่วันกับการแกะสลักโลกสิบทิศอันใหม่ก็น่าจะได้อยู่
อันที่จริงเธอไม่เคยเรียนเทคนิคแกะสลักของประเทศจีน เธอเรียนที่ยุโรป แต่ก็คงต่างกันไม่มาก
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง หยิบปากกาแกะสลักขึ้นมาเริ่มวาดพระแปดสิบแปดรูปตามภาพลงบนหินหยกก่อน
…
เนื่องจากต้องแกะสลักหยกติดต่อกันหลายคืน อิ๋งจื่อจินจึงลาหยุดที่โรงเรียนหนึ่งอาทิตย์
อันที่จริงเป็นนักเรียนห้องสิบเก้าที่เป็นคลาสพิเศษแบบนี้ การลาหยุดนับเป็นเรื่องปกติ
ทำให้ตอนที่อาจารย์ฝ่ายวิชาการได้รับจดหมายลาถึงกับตะลึง รีบวิ่งไปที่ห้องผู้อำนวยการเพื่อให้เป็นพยาน
เขายื่นจดหมายลาให้ “ผู้อำนวยการ ช่วยดูหน่อยว่านี่ของจริงไหมครับ”
“อ่อ นี่เหรอ” ผู้อำนวยการไม่รับ แค่มองดู “ของจริง นักเรียนอิ๋งก็มาลากับผมแล้ว ทำไปตามกฎแล้วกัน”
เฮ่อสวินอยู่ข้างๆ เมื่อครู่เขากับผู้อำนวยการกำลังหารือเรื่องสัมภาษณ์ภายในของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน พอได้ยินก็หันไปมอง
ใกล้สอบแล้วยังจะลาตั้งหนึ่งอาทิตย์
แค่นี้ยังจะอยากสอบผ่านสักวิชาในการสอบกลางภาคอีกเหรอ