เฮ่อสวินทำงานอย่างเต็มที่ ตั้งใจมาตลอด
ตอนสอนหนังสือก็ต้องการให้นักเรียนพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน จึงจริงจังเข้มงวด
ดังนั้นเวลาสอนเขาจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ที่นักเรียนใจลอยเป็นอันขาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องปล่อยให้หลับเวลาเรียน
แล้วเรื่องที่สำคัญอย่างการสอบจะมาเขียนส่งเดชแบบนี้ได้อย่างไร
แบบนั้นจะสอบไปทำไม
เสียเวลาทุกคน
เดิมทีเขายังคิดอยู่ว่าอิ๋งจื่อจินเลือกที่จะสอบข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะเพราะตั้งใจเปลี่ยนตัวเองแล้วจริงๆ
ดูท่าก็เป็นการทำเพียงผิวเผิน อย่างไรก็สอบได้ไม่ดี พอถึงเวลายังสามารถออกไปโอ้อวดได้ว่าตัวเองทำมาแล้วแม้กระทั่งข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ
สีหน้าของเฮ่อสวินเย็นชาลงมาก ไม่มองอิ๋งจื่อจิน
แต่พอเขายื่นมือออกไปจะดึง แต่กลับแตะไม่ได้แม้แต่มุมกระดาษข้อสอบ
พลั่ก!
เสียงโต๊ะเคลื่อนกะทันหัน กระแทกถูกขาของเขา
แค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าแรงขนาดไหน
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแผ่ซ่าน ทำให้เฮ่อสวินเจ็บจนต้องงอตัว
เขาเซถอยหลังไปหลายก้าว ถ้าไม่ใช่เพราะด้านหลังมีโต๊ะรับไว้ เขาคงไม่มีแม้แต่แรงจะยืนอยู่ได้
เสียงนี้ได้ทำให้นักเรียนที่อยู่รอบบริเวณสะดุ้งตกใจ โดยเฉพาะนักเรียนโต๊ะที่เฮ่อสวินเซไปเกาะ
นักเรียนคนนั้นสะดุ้งจนปากกาในมือตก กระดาษคำตอบยังถูกขีดเป็นเส้นยาว
พวกนักเรียนในห้องมองมากันหมด ทั้งตกใจทั้งงุนงง ต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อาจารย์คุมสอบอีกคนกำลังติดบาร์โค้ดให้นักเรียน ก็ตกใจเหมือนกัน
อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น
แววตาเย็นชาดุจหิมะ สีหน้าเอาเรื่อง
ราวกับมีลมเย็นที่แปรเปลี่ยนเป็นคมมีดพัดผ่าน ทำให้ทั้งห้องเรียนเข้าสู่ดินแดนหิมะอันเย็นยะเยือก
จากนั้นทุกคนในคลาสเด็กอัจฉริยะก็ได้ยินเสียงแข็งกร้าวของเด็กสาว “ถ้าสมองไม่มีประโยชน์ ฉันช่วยเด็ดทิ้งได้นะ”
“…”
ประโยคเดียวทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ
จงจือหว่านตะลึงงัน
อิ๋งจื่อจินบ้าไปแล้วเหรอ
ถึงกับกล้าพูดแบบนี้กับเฮ่อสวินเลยเหรอ
ไม่รู้หรือไงว่าเฮ่อสวินจบจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัน
ไม่ว่าจะเป็นคนเก่งของวงการไหนต่างก็ไม่อยากล่วงเกินนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน
อย่างไรเสียชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็โด่งดังมาก
หลายปีมานี้ชิงจื้อเชิญนักศึกษามากความสามารถของมหาวิทยาลัยนอร์ตันมาได้แค่เฮ่อสวิน ย่อมต้องยอมให้ทุกอย่าง
แม้แต่ผู้อำนวยการโรงเรียนก็ต้องถามความเห็นของเฮ่อสวินเป็นหลัก คนอื่นไว้ทีหลัง
เฮ่อสวินมาอยู่ชิงจื้อได้สองปี ทุกอย่างราบรื่นดี ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นไม่เคยเจอการปะทะแบบนี้
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาภายใต้แว่นกรอบทองแฝงด้วยความโกรธ
อิ๋งจื่อจินกลับไม่มองเขาอีก
เธอลุกขึ้น ถือกระดาษข้อสอบกับกระดาษคำตอบของตัวเองแล้วเดินออกจากสนามสอบ เร็วจนอาจารย์คุมสอบอีกคนยังไม่ทันได้ห้าม
เขามองไปที่เฮ่อสวิน “อาจารย์เฮ่อ เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมคุณถึงได้มีปัญหากับเด็กนักเรียนในสนามสอบล่ะครับ”
ขณะเดินพวกเขาไม่กล้าส่งเสียงด้วยซ้ำ เพื่อให้นักเรียนได้สอบกันอย่างสงบ
เฮ่อสวินไม่พูดอะไร แค่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เรื่องนี้อาจารย์หลี่ไม่ต้องสนใจหรอกครับ”
เขาอยากยันโต๊ะลุกขึ้น แต่กลับพบว่าขาเจ็บปวดอย่างรุนแรงมากกว่าเดิม
ถ้าไม่ติดว่ายังมีความรู้สึก เขาคงคิดว่าขาของเขาพิการไปแล้ว
ถึงขนาดที่ยังมีอีกหลายส่วนในร่างกายก็เจ็บมากเช่นกัน
เฮ่อสวินผ่อนลมหายใจ สีหน้าเย็นชายิ่งกว่าเดิม
อารมณ์รุนแรงขนาดนี้ อนาคตไปไม่ได้ไกลหรอก
เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องไปชี้แนะตักเตือนอะไรแล้ว
เสียเวลาของเขา
อาจารย์คุมสอบอีกคนทั้งร้อนใจทั้งโมโห “อาจารย์เฮ่อ มีความแค้นอะไรส่วนตัวไปจัดการกันเองไม่ได้เหรอครับ”
สายตาของเฮ่อสวินดุดัน “อาจารย์หลี่คิดว่าผมทำเพราะความแค้นส่วนตัวเหรอครับ”
“ถ้าไม่ใช่อย่างงั้น” อาจารย์คุมสอบคนนี้โมโหจนหัวเราะ “แล้วนักเรียนคนนี้จะเป็นฝ่ายหาเรื่องคุณก่อนได้เหรอครับ”
เฮ่อสวินเม้มริมฝีปาก ไม่ตอบ
อิ๋งจื่อจินย่อมไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่องเขาก่อน แต่เขาก็แค่ทนเห็นเธอไม่ตั้งใจ ทำข้อสอบส่งเดชไม่ได้
เฮ่อสวินไม่อธิบายอะไรอีก
อย่างไรเสียอิ๋งจื่อจินก็รู้ตัวและเดินออกจากสนามสอบไปแล้ว ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน
จงจือหว่านละสายตากลับมา เบนความสนใจกลับมาที่กระดาษคำตอบอีกครั้ง รอยยิ้มในดวงตากลับปิดบังไม่อยู่แล้ว
เธอรู้อยู่ก่อนแล้วว่า เอาแค่ท่าทีของอิ๋งจื่อจินที่มีต่อการทำข้อสอบครั้งนี้ จะต้องมีปัญหากับเฮ่อสวินในไม่ช้าก็เร็ว
การสอบวิชาวิทยาศาสตร์จะเสียเวลาไปไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว อีกทั้งอิ๋งจื่อจินยังโมโหเดินออกไป ก็เท่ากับการสอบครั้งนี้เป็นหมันแล้ว
แต่ในเวลาไม่ถึงสามนาทีอิ๋งจื่อจินก็กลับมา
เธอไม่ได้กลับมาคนเดียว ด้านหลังมีอาจารย์ฝ่ายวิชาการที่เดินตามมาอย่างรีบร้อน
พอเข้ามาอาจารย์ฝ่ายวิชาการก็มีสีหน้าเคร่งขรึม “อาจารย์เฮ่อ หมายความว่าไงครับ”
เฮ่อสวินอึ้งไปชั่วขณะ เขาขมวดคิ้ว “มีอะไรเหรอครับ”
“อยู่ๆ คุณไปดึงข้อสอบของผู้เข้าสอบ ยังจะถามอีกเหรอครับว่ามีอะไร” อาจารย์ฝ่ายวิชาการพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าบอกผมนะครับว่า คุณไม่ได้อยากขัดขวางการสอบของนักเรียนอิ๋ง”
“อยาก” เฮ่อสวินไม่ปฏิเสธ “เธอไม่ตั้งใจตอบ เขียนส่งเดช เปลืองข้อสอบ ผมถึงได้หยิบไป”
อาจารย์ฝ่ายวิชาการรู้สึกว่าเขาไร้เหตุผลสิ้นดี “เด็กอยากตอบยังไงก็ปล่อยเขาไป เกี่ยวกับคุณตรงไหน ต่อให้วาดกวีตู้ฟู่ลงบนกระดาษคำตอบแล้วมันเกะกะคุณตรงไหน”
“ทำไมครับ อาจารย์เฮ่อเป็นคนออกข้อสอบหรือควักเงินค่าถ่ายเอกสารเหรอครับ หรือนักเรียนอิ๋งไม่ได้จ่ายค่าเทอมไม่มีสิทธิ์มีกระดาษข้อสอบ”
เดิมทีข้อสอบก็เป็นสิ่งที่นักเรียนควรได้รับ ต่อให้ลาหยุดก็ตาม
คิดจะดึงก็ดึงได้เหรอ
เขาเป็นอาจารย์ฝ่ายวิชาการมายี่สิบปีแล้ว ทำไมไม่เคยเจออาจารย์แบบนี้
หรือว่าคิดว่าตัวเองจบมาจากมหาวิทยาลัยนอร์ตันเลยเอาใหญ่ได้มากกว่าคนอื่นเหรอ
เฮ่อสวินถูกไล่บี้ถามก็พูดไม่ออก
โดยเฉพาะต่อหน้านักเรียนจำนวนมากขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเสียหน้าอย่างสิ้นเชิง
ในที่สุดอาจารย์คุมสอบก็เข้าใจที่มาที่ไปแล้ว และก็รู้สึกเหลือเชื่อ
“อาจารย์เฮ่อ เอาแบบนี้นะครับ คุณไม่ต้องคุมสอบวิชานี้กับวิชาภาษาอังกฤษหลังจากนี้แล้ว” อาจารย์ฝ่ายวิชาการพูดด้วยน้ำเสียงประชด “ผมกลัวว่าเกิดคุณเห็นนักเรียนคนไหนกำลังนั่งคิดจะคิดว่าเด็กเหม่อลอยแล้วดึงข้อสอบมาอีก”
คำพูดนี้ทำให้นักเรียนคนอื่นต่างตะลึง
อาจารย์ฝ่ายวิชาการไม่ได้มองว่าสีหน้าของเฮ่อสวินแย่ขนาดไหน เขาไปเรียกให้อาจารย์คนอื่นมาที่นี่
จากนั้นก็หันหน้ามาพูดกับเฮ่อสวินอีกครั้ง “อาจารย์เฮ่อ กรุณาออกจากสนามสอบเดี๋ยวนี้ครับ”
เฮ่อสวินก็เริ่มมีอารมณ์แล้ว เขาดันแว่นตา หันตัวจะเดินออก
แต่ความเจ็บปวดที่ขากลับทำให้เขาลุกขึ้นยืนไม่ได้
สุดท้ายก็รวบรวมแรงเฮือกใหญ่แล้วเดินกะเผลกออกไป
นักเรียนหญิงจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในสนามสอบต่างรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก
เฮ่อสวินยังหนุ่ม โตกว่าพวกเธอแค่ไม่กี่ปี อีกทั้งยังหน้าตาดี ย่อมเป็นชายในฝันของนักเรียนหญิงจำนวนไม่น้อย
แต่เรื่องในวันนี้ค่อนข้างทำลายภาพลักษณ์ของเฮ่อสวินที่อยู่ภายในใจของพวกเธอ
“คนอื่นๆ ทำข้อสอบต่อ” อาจารย์ฝ่ายวิชาการพูด “เวลาที่เสียไปอีกเดี๋ยวครูจะชดเชยให้”
…
การสอบวิชาวิทยาศาสตร์เล่นเอานักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะที่อยู่รอบตัวอิ๋งจื่อจินประหนึ่งถูกย่างอยู่บนกองไฟ
พวกเขาเห็นอิ๋งจื่อจินแค่เปิดข้อสอบดูผ่านๆ จากนั้นก็เขียนบนกระดาษคำตอบ
แม้จะเสียเวลาไปไม่น้อย แต่เธอใช้เวลาตอบตั้งแต่ต้นจนจบไม่เกินสามสิบนาที
แต่เวลาสามสิบนาที พวกเขายังทำข้อสอบแบบตัวเลือกไม่เสร็จด้วยซ้ำ
ต่อให้พวกนักเรียนรู้ว่าอิ๋งจื่อจินตอบส่งเดช แต่วิธีการทำข้อสอบแบบนี้ได้ส่งผลกระทบต่อพวกเขา
ตอนที่ออดหมดเวลาทำข้อสอบดังขึ้น พวกนักเรียนยังไม่ทันจะได้ดูโจทย์สามข้อใหญ่ที่ให้เลือกทำ แต่อิ๋งจื่อจินหลับไปแล้วหนึ่งตื่น
พวกเขาตะลึง แต่อีกใจก็รู้สึกโชคดี
ตะลึงที่สภาพจิตใจของอิ๋งจื่อจินดีขนาดนี้ โชคดีที่เธอทำไม่ได้
จงจือหว่านเม้มริมฝีปาก อารมณ์ไม่ค่อยดี
ความยากของฟิสิกส์ในครั้งนี้เกินกว่าที่เธอคาดการณ์ แม้เธอจะเตรียมตัวมาเยอะก็ตาม แต่ก็คาดว่าได้คะแนนไม่สูง น่าจะพอเกินผ่านมาสิบคะแนน
แต่โชคดีที่ชีวะกับเคมีเธอทำได้ไม่แย่ คะแนนรวมวิชาวิทยาศาสตร์น่าจะได้สองร้อยห้าสิบคะแนน
เดิมทีจงจือหว่านอยากเอาเรื่องที่เกิดขึ้นตอนสอบวิชาวิทยาศาสตร์ไปบอกจงมั่นหวา แต่คิดๆ ดูแล้วก็ล้มเลิกความคิดดีกว่า
เธอถือกระเป๋าเครื่องเขียนออกจากห้องสอบ
…
ตอนเที่ยง เฮ่อสวินกลับมาที่ห้องพัก สีหน้ายังคงดูแย่
เขาไปโรงพยาบาลมา หมอกลับบอกว่าเขาก็แค่ถูกกระแทกที่ขา ไม่มีปัญหาอย่างอื่น สุดท้ายก็สั่งแผ่นแปะแก้ปวดมาให้
เฮ่อสวินเปิดแอปฉลามไลฟ์สดตามปกติ แต่ตรงช่องที่กดติดตาม รูปโปรไฟล์ของช่องไลฟ์การเรียนนั้นกลับยังคงมืดอยู่
พอเขากดเข้าไปก็พบว่าไลฟ์ครั้งล่าสุดตั้งแต่เมื่อสิบสามวันก่อน ในใจรู้สึกกระวนกระวาย
เขาเองก็เคยติดต่อทางแอปฉลามไลฟ์สดไป อยากได้ช่องทางติดต่อเจ้าของไลฟ์คนนี้ แต่ทางแอปกลับปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้
เฮ่อสวินก็ทุ่มเงินซื้อของขวัญไปเยอะพอสมควร อย่างน้อยก็ห้าแสนได้
เขาเคยส่งข้อความส่วนตัวหาเจ้าของไลฟ์ แต่ก็เหมือนหินที่จมอยู่ในมหาสมุทร ไม่มีการตอบกลับใดๆ
ใกล้ถึงวันสอบของมหาวิทยาลัยนอร์ตันเข้ามาทุกทีแล้ว เฮ่อสวินยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าตัวเองจะผ่านแน่นอน
ในขณะที่ความคิดของเฮ่อสวินกำลังตีกัน ทันใดนั้นรูปโปรไฟล์ที่มืดอยู่ก็สว่างขึ้น
เขามองไป