คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 128 เธอเทียบกับวีร่า โฮลท์ซได้เหรอ

ครั้งแรกที่รับเบอร์แบบนี้คือเมื่อเจ็ดปีก่อนตอนที่ถูกรับเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตัน ฝ่ายรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตันโทรมา

แต่ต่อมาเขาก็ไม่ได้รับสายที่เป็นทางการจากมหาวิทยาลัยนอร์ตันอีก

ครั้งที่เหลือเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาโทรมา

ดังนั้นอย่าว่าแต่คนนอกเลย ต่อให้เป็นพวกเขาที่เคยเป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็ยังไม่สามารถแอบดูโฉมหน้าที่แท้จริงของมหาวิทยาลัยนอร์ตันได้

ลึกลับเหลือเกิน แต่ก็ยิ่งทำให้คนใฝ่ฝัน

เฮ่อสวินกดรับทันที “ฮัลโหล”

“เฮ่อ ผมเองนะ” ปลายสายคืออาจารย์ที่ปรึกษาของเขาตามคาด “เดิมทีนายไม่ควรได้รับโทรศัพท์สายนี้”

พอได้ยินแบบนี้ลำคอของเฮ่อสวินก็เริ่มเกร็ง “อาจารย์?”

“นายก็น่าจะรู้ใช่ไหม” อาจารย์ที่ปรึกษาถอนหายใจ “ทางมหาวิทยาลัยกำลังบันทึกการทำงานของนาย เพื่อที่จะใช้สิ่งนี้มาพิจารณาว่านายไม่ต้องสอบก็จบได้เลยหรือไม่”

แววตาของเฮ่อสวินหม่นลง “ครับ ผมทราบ”

เนื่องจากการสอบยากเกินไป มหาวิทยาลัยนอร์ตันจึงมีทางเลือกอื่น

หากนักศึกษาทำงานได้ตรงตามเงื่อนไขของมหาวิทยาลัยก็ไม่ต้องสอบได้เหมือนกัน สามารถรับใบปริญญาได้ทันที

เขาเลือกที่จะมาเป็นอาจารย์ในชิงจื้อก็เพราะงานอาจารย์สะดวกและง่ายกว่า

“พฤติกรรมของนายในวันนี้ทำให้ทางมหาวิทยาลัยผิดหวังมาก โดยเฉพาะการที่นายถูกลงโทษ” อาจารย์ที่ปรึกษารู้สึกเสียดาย “เฮ่อ ดังนั้นความยากในการสอบของนายจะถูกเพิ่มขึ้น นักเรียนที่นายสอนจำเป็นต้องมีสองคนที่สอบสัมภาษณ์กับทำข้อสอบเข้าเรียนของทางมหาวิทยาลัยผ่าน”

สีหน้าของเฮ่อสวินเปลี่ยนไปทันที “อาจารย์!”

ข้อสอบสอบเข้าคงไม่ใช่ของคณะระดับดี (D) และต่อให้ไม่ถึงระดับเอส (S) แต่อย่างน้อยก็ต้องระดับเอ (A)

แต่ถ้าใครก็สามารถเข้าคณะระดับเอ (A) ได้ แบบนั้นยังจะสอบไปทำไม

แค่คนเดียวก็ยากยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์แล้ว สองคนนี่แทบจะเป็นไปไม่ได้

การสอบจบของเขาเป็นแบบเลือกหนึ่งในสอง อีกโจทย์หนึ่งยากกว่า ต้องแก้โจทย์ที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันให้มา

ดังนั้นเขาถึงจะขอร้องเจ้าของไลฟ์คนนั้น แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับสูญเปล่า

“แค่นี้แล้วกันนะเฮ่อ” ปลายสายศรัทธาในพระเจ้า “ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง ขอให้นายโชคดี”

โทรศัพท์สายตัดไปแล้ว เฮ่อสวินยังคงอึ้งอยู่ไม่ได้สติกลับมา

อยู่ไกลตั้งยุโรป ขวางกั้นด้วยมหาสมุทร ห่างกันไม่รู้ตั้งกี่ประเทศ แต่มหาวิทยาลัยนอร์ตันก็สามารถรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมชิงจื้อได้

ถึงแม้ชิงจื้อจะประกาศลงโทษ แต่ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าคืออะไร

ทำให้เฮ่อสวินนึกถึงเมื่อหนึ่งปีก่อน เพื่อนรวมชั้นอีกคนของเขา

งานที่เพื่อนคนนี้เลือกคือพนักงานขาย

เลือกต่างกัน เนื้อหาในการสอบจึงไม่เหมือนกัน

มีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนของเขาถูกลูกค้าด่าในระหว่างที่เสนอขายสินค้า และได้ถูกทางบริษัทลงโทษ

ผ่านไปไม่นานทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็โทรมาด้วยข้อความแบบเดียวกัน

ราวกับว่าบนโลกนี้ไม่มีเรื่องไหนที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันไม่รู้

เฮ่อสวินเม้มริมฝีปาก ไม่ได้ไปหาผู้อำนวยการโรงเรียน เขานั่งเหม่ออยู่ที่เก้าอี้

ถึงแม้ฝีมือการรักษาของอาจารย์ของลู่จื่อจะไม่เพียงพอให้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งฟื้นฟูอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ช่วยปรับสมดุลในร่างกายได้

หลายวันมานี้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งสามารถลงจากเตียงได้แล้ว

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งรบเร้าอย่างรุนแรง ทำให้อิ๋งลู่เวยจำต้องไปจัดการขั้นตอนออกจากโรงพยาบาล

เธอสวมหมวกสวมผ้าปิดปาก กลัวว่าจะมีคนจำเธอได้

เดิมทีอิ๋งลู่เวยคิดว่าผ่านไปเดือนกว่าแล้ว เวลาน่าจะเยียวยาทุกสิ่ง

แต่เธอแอบเอาแอ๊กเคานท์หลุมเข้าไปเล่นเวยปั๋วหลายครั้ง และก็พบว่ายังคงมีชาวเน็ตจำนวนมากกระแนะกระแหนเธออยู่

แฟนคลับที่เธอเฝ้าฟูมฟักมาด้วยความใจเย็นก็ถูกเรียกออกมาด่า แม้แต่คอมเมนต์ก็ควบคุมไม่ได้แล้ว

ทำให้เธอไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ทางสตูดิโอโพสต์ชีวิตประจำวันของเธอบ้างเป็นครั้งคราว คอมเมนต์ก็จำเป็นต้องเปิดตัวคัดกรอง

หลังจากที่อิ๋งลู่เวยส่งคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งกลับบ้านแล้วก็ไปที่ห้องซ้อมเปียโนส่วนตัว

โน้ตดนตรีที่วางอยู่บนเปียโนยังคงเป็นตะวันกับจันทราของวีร่า โฮลท์ซ

อิ๋งลู่เวยกดไปไม่กี่เสียงก็เกิดอารมณ์โมโห กระแทกปิดฝาครอบแป้น

เหลือเวลาอีกไม่ถึงยี่สิบวันก็จะเป็นวันแสดงคอนเสิร์ตของเธอแล้ว

เธอฝึกมานานขนาดนี้ก็ยังเล่นเพลงที่มีความยากระดับโลกอย่างตะวันกับจันทราได้แค่ยี่สิบสี่ท่อน

เล่นได้กระท่อนกระแท่นไม่พอ ระหว่างนั้นยังมีผิดพลาดด้วย

หากขึ้นเวทีไปเล่นเหมือนตอนซ้อมแบบนี้ แฟนคลับที่เหลือของเธอจะต้องเลิกเป็นแฟนคลับแน่นอน

แต่ประกาศออกไปแล้ว ถ้าเธอไม่เล่นตะวันกับจันทรายังจะทำอะไรได้อีก

อิ๋งลู่เวยรู้สึกกระวนกระวาย ไม่อยากซ้อมเปียโน

ทันใดนั้นผู้จัดการส่วนตัวก็โทรเข้ามาถามถึงความคืบหน้าในการซ้อมเปียโน

“ไม่ไหว” อิ๋งลู่เวยสะกดอารมณ์โมโห “คุณว่าวีร่า โฮลท์ซหมายความว่าไง ไหนๆ ก็จะตายแล้วทำไมถึงไม่ทิ้งโน้ตเอาไว้”

เธอเองก็รู้สึกว่ามีหลายช่วงที่โน้ตผิด ทว่าแม้แต่พวกนักเปียโนของยุโรปก็ยังแก้กันไม่ได้ เธอยังจะทำอะไรได้

“คุณอย่าไปพูดแบบนี้ให้ชาวเน็ตได้ยินนะ” ผู้จัดการส่วนตัวหน้านิ่ว “ต่อให้วีร่าเป็นคนสมัยศตวรรษที่สิบแปด แต่อิทธิพลของเธอก็ยังคงอยู่จนถึงตอนนี้ คุณกับเธอเทียบกันไม่ได้ ถ้าไม่อยากถูกแหกอกก็ระมัดระวังคำพูดกับการกระทำให้มาก”

“รู้แล้ว” อิ๋งลู่เวยรับปากส่งเดช “ฉันอยู่บ้าน ไม่มีใครได้ยินหรอก แต่คอนเสิร์ตของฉันจะทำไงดี”

“ผมขอแนะนำคุณ” ผู้จัดการส่วนตัวเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้น “สถานการณ์ของคุณในตอนนี้มีต้นเหตุมาจากคุณหนูตัวปลอมในตระกูลอิ๋งของพวกคุณ”

“ไม่สู้คุณเชิญเธอไปคอนเสิร์ตของคุณแล้วให้เธอเล่นหนึ่งเพลง”

อิ๋งลู่เวยอึ้ง “ให้ยัยนั่นเล่นเหรอ ยัยนั่นเล่นเป็นที่ไหนกัน”

“ก็เพราะว่าเธอเล่นไม่เป็น ถึงต้องให้เธอเล่นไงล่ะ” ผู้จัดการส่วนตัวยิ้ม “คุณยังจะพูดได้อีกว่าคุณเป็นคนสอนเธอเล่นเปียโน แต่สอนยังไงก็เล่นไม่เป็น”

“คุณหมายความว่า…” อิ๋งลู่เวยเข้าใจแล้ว “ทำให้อิ๋งจื่อจินขายหน้า เพื่อช่วยฉันรักษาแฟนคลับไว้งั้นเหรอ”

เธอชอบชีวิตที่อยู่ใต้แสงสปอตไลท์ ถึงได้เลือกสร้างภาพลักษณ์ในวงการบันเทิง

ในขณะเดียวกันเธอเองก็แอบวางแผนว่าจะควบคุมกลุ่มแฟนคลับอย่างไร

“ความหมายตามนั้น” ผู้จัดการส่วนตัวพูด “แต่คุณก็ต้องหาทางทำให้เธอรับปาก ไม่อย่างนั้นเธอไม่มา ทุกอย่างก็ไม่มีประโยชน์”

อิ๋งลู่เวยสนใจขึ้นมาทันที “ฉันมีวิธี คุณวางใจได้”

“ยังไงก็ระวังตัวให้ดี”ผู้จัดการส่วนตัวย้ำเตือนอีกครั้ง “ยอดขายตั๋วคอนเสิร์ตคุณใช้ได้เลยทีเดียว แฟนคลับที่เหลือจงรักภักดีมาก คุณไม่ได้มีจุดด่างพร้อยที่ฆ่าคนตายหรือก่ออาชญากรรม พวกเขาไม่มีทางเลิกเป็นแฟนคลับ”

“ขอตั๋วไว้ให้ฉันหน่อยนะ เอาแถวหน้า” อิ๋งลู่เวยสางผม “ฉันจะเอาไปให้พวกพี่สะใภ้ใหญ่”

ณ โรงถ่ายเหิงเตี้ยน

ตอนที่รถมาเซราติมาถึงจุดหมายก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว

เวลานี้ส่วนใหญ่กองถ่ายยังคงถ่ายทำอยู่

ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่มาเยี่ยมชมที่นี่ ทั้งนี้ก็เพื่อหวังว่าจะได้เจอดารา

อิ๋งจื่อจินลงจากรถ ดวงตาหงส์ปรือเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น

นี่คือสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และละคร แต่ส่วนใหญ่จะเป็นละครย้อนยุค จึงมีแต่สิ่งปลูกสร้างยุคโบราณ

เธอมองผ่านๆ แล้วก็หมดความสนใจ

อย่างไรเสียตอนที่เธอไม่อยู่บนโลกก็ได้เห็นพวกนี้ทุกวัน แถมยังใหญ่โตโอ่อ่ายิ่งกว่า

“ที่นี่มีร้านเนื้อย่างเสียบไม้ที่ใช้ได้เลยทีเดียว แต่พรุ่งนี้เป็นวันแรงงานพอดี คนที่มาเที่ยวที่นี่ก็เลยค่อนข้างเยอะ” ฟู่อวิ๋นเซินโน้มตัวลง หยิกแก้มของเด็กสาวอย่างเป็นธรรมชาติ “เยาเยา เธอเดินเล่นอยู่ตรงนี้ก่อนนะ อีกเดี๋ยวเนี่ยเฉาก็มา พี่ชายจะไปเอาบัตรคิว”

คิดเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เอาขนมธัญพืชในกระเป๋าออกมาวางใส่มือเธอ

“เธอหลับมาตลอดทาง กินนี่รองท้องไปก่อนนะ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ฉันจะรอ”

ฟู่อวิ๋นเซินกลับขึ้นรถ ไปหาที่จอดรถ

ไม่กี่นาทีต่อมาเนี่ยเฉาก็ออกมาจากอีกด้านในสภาพสวมชุดสูทสีชมพูที่ดูเด๋อด๋า ดึงดูดสายตาได้มากมาตลอดทาง

พอเห็นอิ๋งจื่อจินดวงตาก็เปล่งประกาย “บอส!”

อิ๋งจื่อจินหันไป มองรองเท้าแตะที่เท้าของเขา “…”

แอบไม่อยากรู้จักกัน

“บอส คิดถึงบอสมากๆๆๆ” เนี่ยเฉาวิ่งเตาะแตะเข้ามา “เฮ้อ น่าเสียดายที่คุณชายเจ็ดซ่อนบอสไว้ดีเกินไป ผมอยากเจอแต่ก็เจอไม่ได้”

“ฉันก็อยู่ที่โรงเรียนตลอด”

“…”

ทำไมถึงซื่อบื้อทั้งสองคน

เนี่ยเฉาเกาหัว เปลี่ยนเรื่องคุยทันที “บอส วันนี้บริษัทผมมีถ่ายทำที่นี่ บอสอยากเข้าไปดูก่อนไหม”

พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็เริ่มสนใจเขาบ้าง “ชายหรือหญิง”

“มีหมดชายหญิง” เนี่ยเฉาได้ยินมาจากฟู่อวิ๋นเซินแล้ว “ผู้หญิงสวย ผู้ชายหล่อ รับรองว่าบอสต้องพอใจ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “ไปสิ”

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในโรงถ่าย

“ทางนี้บอส” เนี่ยเฉานำทางอย่างกระตือรือร้น “ผมลงทุนทำละครสมัยราชวงศ์ชิง พวกเขากำลังถ่ายทำอยู่ในตำหนักสมัยหมิงชิง”

ตำหนักสมัยหมิงชิงเป็นจุดท่องเที่ยวขนาดใหญ่และเป็นสถานที่ถ่ายทำของโรงถ่ายเหิงเตี้ยน เลียนแบบพระราชวังกู้กงมาแบบหนึ่งต่อหนึ่ง เลียนแบบธรรมเนียมวัฒนธรรมต่างๆ ของยุคสมัยอื่น อีกทั้งยังมีความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมในยุคสมัยหมินกั๋ว

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด

เมื่อก่อนตอนที่เธอมาประเทศจีนก็ยังคงเป็นยุคโบราณ ดูเหมือนก็คือสมัยราชวงศ์ชิงอะไรนี่แหละ

งั้นก็ยิ่งไม่น่าสนใจแล้ว

แต่ว่า…

ละครน้ำเน่าที่บริษัทของเนี่ยเฉาถ่ายทำก็ถูกใจเธอพอสมควร

“ที่นี่เป็นอุทยานของราชวงศ์” เนี่ยเฉาเดินพลางพูดแนะนำ “อีกเดี๋ยวดูเหมือนจะมีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นของพวกนางสนม บอส ผมเตรียมเก้าอี้ไว้ให้บอสแล้ว รอชมได้เลย”

ประโยคนี้ทำให้อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขานานหน่อย “ฉันพยากรณ์เรื่องผู้หญิงให้คุณได้นะ”

คราวนี้เนี่ยเฉาตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาเดินไปที่ใต้ต้นไม้จะยกเก้าอี้มา

แต่พอเขายกเก้าอี้ขึ้น พนักงานอีกคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาแย่งไป

“ทำอะไร” เนี่ยเฉางง “นี่มันเก้าอี้ฉันนะ”

พนักงานหันมามองเขาด้วยสายตาดูถูก “เก้าอี้นายอะไร นี่เป็นของกองถ่าย”

“กองถ่ายมันก็ของฉันไม่ใช่เหรอ” เนี่ยเฉาโมโห “เอาเก้าอี้มาให้ฉัน”

“พอเหอะๆ ฉันไม่มีเวลาพูดกับนาย คุณลั่วก็จะพักเหมือนกัน พวกนายจะรอก่อนไม่ได้หรือไง” เดิมทีพนักงานจะรีบเอาของไปส่ง ตอนนี้ถูกขวางก็โมโหขึ้นมาทันที “พวกนายเทียบกับคุณลั่วได้เหรอ ถ้าทางคุณลั่วเกิดอะไรขึ้นพวกนายรับผิดชอบไหวเหรอ หรือพวกนายไม่มีขาเลยยืนไม่ได้”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset