ผู้จัดการส่วนตัวถึงกับมือสั่น
ถึงขนาดที่เขาจินตนาการได้เลยว่าถ้าหนังเรื่องนี้ลงโรงเมื่อไร จะเป็นที่ฮือฮาขนาดไหน
ไม่ใช่แค่จะโด่งดังในประเทศจีน ยังดังไปทั่วโลกด้วย ถึงขั้นที่ว่าจะสามารถเกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง
ชื่อเสียงที่จะได้รับก็มีไม่สิ้นสุด
ต่อให้เป็นสาวไฮโซของตี้ตูก็ไม่มีทางปฏิเสธโอกาสดีแบบนี้แน่นอน
ชูกวงมีเดียอาจไม่ใหญ่พอให้เข้าตาตระกูลเศรษฐี แต่บริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สไม่เหมือนกัน
นั่นเป็นบริษัทระดับโลก
คนที่ถูกบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สเชิญไปเล่นภาพยนตร์ได้ล้วนเป็นนักแสดงชั้นแนวหน้าระดับโลกทั้งนั้น
ห้าสิบปีมานี้ ในประเทศจีนยังไม่มีใครได้รับเกียรตินี้มาก่อน
เบื้องหลังบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สยังมีแหล่งเงินทุนใหญ่ที่แข็งแกร่งจากยุโรปหนุนหลังอยู่
โชคดีที่หนึ่งในภาพลักษณ์ของอิ๋งลู่เวยก็คือวีร่า โฮลท์ซคนต่อไป
ไม่อย่างนั้นเรื่องดีๆ แบบนี้คงไม่ตกมาถึงพวกเขา
“ว่าไงนะครับ!” เดิมทีผู้จัดการส่วนตัวกำลังยิ้ม สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ทำไมล่ะครับ อาทิตย์ก่อนคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอครับ ไม่ได้เซ็นสัญญา แต่ว่า…”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบก็มีเสียง “ตู๊ดๆๆ” วางสายไปแล้ว
ไร้เยื่อใย
ไม่ให้เกียรติในฐานะที่เขาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอิ๋งลู่เวยแม้แต่น้อย
ชูกวงมีเดียเป็นบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์อันดับหนึ่งของประเทศจีนย่อมไม่ใช่บริษัทที่ตระกูลเศรษฐีของฮู่เฉิงจะสามารถทำให้พวกเขามองแตกต่างได้
อิ๋งลู่เวยเห็นสีหน้าของเขาก็รู้ว่าผิดปกติแล้ว
เธอขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่ค่อยพอใจ “เกิดอะไรขึ้น”
ผู้จัดการส่วนตัวมองโทรศัพท์มือถือ ผ่านไปสักพักถึงได้สติกลับมา “ชูกวงมีเดียบอกว่าถึงแม้เมื่ออาทิตย์ก่อนพวกเขาจะอยากให้คุณไปลองเทสต์หน้ากล้อง แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้พวกเขาเพิ่งเปลี่ยนบอสคนใหม่ กำลังวุ่นอยู่กับการสานงานต่อ”
“พอซีอีโอคนใหม่ขึ้นมาก็เอางานของหนังเรื่องนี้ไป บทวีร่า โฮลท์ซบทนี้ก็ห้ามลูกน้องเชิญใครมาเล่น”
ยังมีอีกคำพูดหนึ่งที่ผู้จัดการส่วนตัวไม่กล้าพูด
คำพูดของทางชูกวงมีเดียก็คือ…
ตอนที่วีร่า โฮลท์ซปรากฏตัวต่อสาธารณชนใส่หน้ากากทุกครั้ง ใช้ระบบเอไอทำก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้คนจริง
ถึงขนาดที่ว่าพวกเขาสามารถไปเลือกเด็กที่เรียนสถาบันดนตรีสักคนมาแสดงยังได้ ไม่จำเป็นต้องใช้อิ๋งลู่เวย
สรุปง่ายๆ ก็คืออิ๋งลู่เวยไม่คู่ควร
“ทำไม ทำไมถึงไม่ให้ถ่าย” อิ๋งลู่เวยโมโหจนหัวเราะ “หรือซีอีโอคนใหม่นี้คิดว่าตัวเองเป็นวีร่า โฮลท์ซ ยังจะสามารถควบคุมการตัดสินใจของบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สได้อีกเหรอ”
“ถึงแม้หนังเรื่องนี้ชูกวงมีเดียกับบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สจะร่วมกันถ่ายทำ อีกทั้งทางยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สยังเป็นผู้กำกับหลัก” ผู้จัดการส่วนตัวถอนหายใจ “แต่มีแค่บทวีร่า โฮลท์ซที่อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ชูกวงมีเดียทั้งหมด”
“ทำไมล่ะ” อิ๋งลู่เวยทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจ “เพราะวีร่า โฮลท์ซเป็นคนยุโรปเหรอ”
“ไม่ ลู่เวย เรื่องนี้ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน” ผู้จัดการส่วนตัวพูดเสียงเบา “จากที่ชูกวงมีเดียเผย ทางยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สบอกพวกเขาว่า วีร่า โฮลท์ซเป็นคนจีน”
“คนจีนเหรอ” อิ๋งลู่เวยตะลึง “จะเป็นไปได้ยังไง”
ถ้าวีร่า โฮลท์ซเป็นคนจีน มีเหรอที่ประวัติศาสตร์ของยุโรปจะไม่เขียนไว้
“พวกเราจะไปรู้ได้ยังไง” ผู้จัดการส่วนตัวส่ายหน้า “คุณรู้เรื่องแหล่งเงินทุนจากยุโรปที่อยู่เบื้องหลังบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สหรือเปล่า ได้ยินว่าเป็นตระกูลที่เก่าแก่มาก เคยออกทุนช่วยเหลือพวกศิลปินเก่งๆ จำนวนไม่น้อย”
“บรรพบุรุษของพวกเขาอาจสนิทกับวีร่า โฮลท์ซก็เป็นได้”
“พวกงี่เง่า!” อิ๋งลู่เวยแสยะยิ้ม “ไม่เชิญฉันไปเล่น ฉันจะรอดูว่าพวกเขาจะถ่ายหนังเรื่องนี้ต่อไปยังไง”
“ลู่เวย อย่าใช้อารมณ์ บทนี้มีประโยชน์ต่อคุณจริงๆ” ผู้จัดการส่วนตัวคิด “ทางชูกวงมีเดียบอกว่า ซีอีโอคนใหม่ของพวกเขาอยู่ที่สาขาฮู่เฉิง”
“พวกเราลองไปพบดู ถ้าขอร้องอาจได้โอกาสก็ได้”
…
ณ ชูกวงมีเดียสาขาฮู่เฉิง
หลังจากที่เลขาสาวคุยโทรศัพท์เสร็จก็ถามด้วยความระมัดระวัง “บอสคะ จะใช้เอไอทำจริงๆ เหรอคะ”
“เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เจริญก้าวหน้ามาก” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า พิจารณาเธออยู่สักพัก “ส่วนสูงของคุณใช้ได้ ฉันว่าถ้าคุณใส่หน้ากากก็แสดงได้เหมือนกัน”
เลขาสาวที่ถูกอวย “…”
ถึงแม้เธอจะดีใจที่ถูกชม แต่เรื่องนี้เธอทำไม่ได้และก็ไม่คู่ควรด้วย
“บอสคะ อันที่จริงฉันคิดว่าบทเทพธิดาวีร่าบทนี้มีตัวเลือกแค่ไม่กี่คนที่เหมาะสม” เลขาสาวแอบเหลือบมองอิ๋งจื่อจิน จากนั้นก็ละสายตาอย่างรวดเร็ว ทำสีหน้าจริงจัง “คุณอิ๋งลู่เวยก็เป็นสาวไฮโซอันดับหนึ่งของฮู่เฉิง แถมยังเล่นเปียโนเป็น ค่อนข้างเหมาะกับบทจริงๆ นะคะ”
เธอไม่ใช่คนฮู่เฉิง เธอถูกย้ายมาจากตี้ตูเพราะชูกวงมีเดียเพิ่งเปลี่ยนประธานคนใหม่
ก่อนหน้านี้เลขาสาวได้ศึกษาประวัติของอิ๋งลู่เวยมาแล้ว พบว่าสาวไฮโซอันดับหนึ่งแห่งฮู่เฉิงคนนี้เหมาะสมกับบทวีร่า โฮลท์ซจริงๆ
เล่นเปียโนเป็น แถมยังเกิดในตระกูลเศรษฐี
อิ๋งจื่อจินกำลังเปิดดูภาพนักแสดงหญิงที่อยู่ในสังกัดชูกวงมีเดีย พอได้ฟังก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้น “เธอมีกลิ่นตัว”
เลขาสาวงง “?”
“ดังนั้น…” อิ๋งจื่อจินเลือกรูปถ่ายนักแสดงหญิงที่เธอคิดว่าใช้ได้ออกมาสองสามรูปแล้วดันออกไป พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ให้นักแสดงพวกนี้มาลองเทสต์หน้ากล้องดู”
เลขาสาวรับมาดูพลางพูดชม “บอสตาถึงมากเลยค่ะ เลือกแต่ตัวท็อปของบริษัทมาทั้งนั้น”
ซีอีโอคนนี้อายุน้อยมาก แต่เป็นคนเด็ดขาด
เพิ่งมาบริษัทได้วันเดียวก็ทำความเข้าใจข้อมูลทั้งหมดได้แล้ว
ไม่จำเป็นต้องให้อิ๋งลู่เวยมาแสดงจริงๆ อย่างไรเสียตอนแสดงก็ต้องใส่หน้ากาก ใครจะไปรู้ว่าใครเป็นใคร
อีกทั้งในบรรดานักแสดงหญิงเหล่านี้ยังมีราชินีภาพยนตร์ระดับสากลอีกด้วย ทรงอิทธิพลยิ่งกว่าอิ๋งลู่เวยมาก
อิ๋งจื่อจินรวบเก็บเอกสารพวกนี้แล้วลุกขึ้น “ถ้ายังมีเรื่องอะไรอีกก็ไปหาผู้จัดการใหญ่นะ”
เธอค้นพบแล้วว่า เธอขี้เกียจดูแลบริษัท
ดูละครทุกวันยังจะเพลินหูเพลินตากว่า
เลขาสาวรีบเดินตามหลังไปเพื่อส่งอิ๋งจื่อจิน
…
เรื่องที่ชูกวงมีเดียเปลี่ยนประธานใหญ่ก็มีแค่คนในไม่กี่คนที่รู้
อย่างไรเสียต่อให้เป็นก่อนหน้านี้ที่ยังไม่เปลี่ยนพวกเขาก็ไม่รู้ว่าประธานใหญ่คือใคร
พอเปลี่ยนแล้วก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน
มีพนักงานจำนวนไม่น้อยสังเกตเห็นอิ๋งจื่อจิน แต่ก็คิดว่าเธอเป็นนักแสดงที่เพิ่งเซ็นสัญญากับชูกวงมีเดีย
แค่ตะลึงในความสวยของเธอ แต่จากนั้นก็หันไปสนใจงานตัวเองต่อ
การที่ชูกวงมีเดียเป็นบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์อันดับหนึ่งของประเทศจีนได้ก็เพราะเหล่าพนักงานตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีทางทำเรื่องส่วนตัวในระหว่างเข้างาน
แต่ละแผนกตั้งแต่ระดับบนจนถึงระดับล่างมือสะอาด บริษัทให้ผลประโยชน์แก่ตัวนักแสดงมากที่สุด
ต่อให้มีราชาราชินีภาพยนตร์แยกออกไปเปิดบริษัทของตัวเองก็ไม่มีทางหักหลังเหยียบย่ำชูกวงมีเดีย กลับจะคอยช่วยสนับสนุนรุ่นน้องเสียด้วยซ้ำ
แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ชูกวงมีเดียถูกโจมตีจากบริษัทเล็กๆ อยู่หลายครั้ง
ในบรรดาบริษัทเหล่านั้นมีซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ซังเย่าจือสังกัด รวมถึงเทียนสิงมีเดียที่เจียงซื่อกรุ๊ปเปิด
แต่ไม่ว่าจะบริษัทไหน ต่อให้จะแอบเล่นสกปรกลับหลังเพียงใด ก็ยังไม่สามารถสั่นคลอนตำแหน่งยักษ์ใหญ่ของชูกวงมีเดียในวงการบันเทิงได้
และก็เพราะชูกวงมีเดียมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งมาก เหล่านักแสดงจึงไม่ต้องถูกบังคับให้ไปร่วมงานเลี้ยงต่างๆ
เพียงแต่ชูกวงมีเดียมาตรฐานสูงมาก คนที่ไม่มีเทคนิคการแสดงและไม่มีความสามารถไม่มีทางเข้าไปได้
รายการเฟ้นหาคน ‘วัยรุ่นสร้างฝัน 101’ ที่โด่งดังไปทั่วอินเตอร์เน็ตเมื่อต้นปีก็มีแค่ชูกวงมีเดียที่ไม่ได้ส่งเด็กฝึกเข้าร่วม
ฟู่อวิ๋นเซินนั่งรอเธออยู่ในรถมาเซราติ ถามเธอด้วยเสียงเนือย “เด็กน้อย รู้สึกยังไงกับหน้าที่ใหม่”
อิ๋งจื่อจินพิงหน้าต่างรถ มองวิวข้างถนนพลางครุ่นคิดสองวินาทีแล้วถึงตอบ “เป็นนักเรียนสบายกว่า”
แต่ก็ทำให้เธอรู้เรื่องที่บริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สเตรียมถ่ายทำประวัติศาสตร์ดนตรียุโรป
ชื่อวีร่า โฮลท์ซถูกยกเอามาพูดถึงอีกครั้ง อิ๋งจื่อจินก็นึกถึงเรื่องเก่าๆ มากขึ้น
นักดนตรีพวกนั้นที่เมื่อก่อนเธอเคยขอคำชี้แนะต่างเคยได้รับการสนับสนุนและรับเงินทุนจากตระกูลลอเรนท์ทุกคน
ตัวตนของเธอ คนที่มองเงินคือชีวิตชอบแต่เงินก็รู้ดี
ยุคสมัยนั้นเมื่อสามร้อยปีก่อน ตระกูลลอเรนท์ก็คือราชาแห่งฟลอเรนซ์ มีเงินมหาศาลอยู่ในกำมือ มีทองมากดุจเม็ดทราย
คนภายนอกรู้เพียงว่าบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สได้รับการสนับสนุนจากแหล่งเงินทุนใหญ่ในยุโรปอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่รู้ว่าคือใคร มีการคาดเดากันไปต่างๆ นานา
ครั้งนี้ชูกวงมีเดียร่วมงานกับบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์ส เธอก็ได้รู้ว่าคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สก็คือตระกูลลอเรนท์
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด
เธอคงไม่ได้ถูกค้นพบอะไรเข้า ไม่อย่างนั้นทำไมอยู่ๆ ถึงถ่ายหนังเรื่องนี้
แต่ต่อให้ความสามารถในการพยากรณ์ของเธอจะยังไม่ฟื้นคืน อยากหาตัวเธอก็หาไม่พบหรอก
เธอยังคงสามารถใช้ชีวิตเกษียณต่อไปได้อย่างสงบสุข
“อืม แน่นอน เพราะเธอยังไม่เป็นผู้ใหญ่” นิ้วของฟู่อวิ๋นเซินที่อยู่บนพวงมาลัยรถเคาะเบาๆ เงียบไปชั่วครู่ “พี่ชายจะหาคนมาช่วยดูแล เธอนั่งดูดาราที่ชอบกับคอยนับเงินก็พอแล้ว”
เขาเตรียมพาเด็กน้อยไปส่งที่บ้าน จากนั้นก็จะไปดูผู้เฒ่าฟู่
หลังจากที่ถูกกำจัดพิษออกหมดแล้วยังมีอาการที่หลงเหลืออยู่ แต่ร่างกายของผู้เฒ่าฟู่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรแล้ว
เนื่องจากรอดชีวิตกลับมาได้ ผมที่ขาวทั้งหัวก็กลับมาดำอยู่ไม่น้อย
บุญคุณใหญ่หลวงขนาดนี้ เขาตอบแทนได้ไม่หมดจริงๆ
บริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์บริษัทเดียวเทียบกับชีวิตไม่ได้
รถเคลื่อนที่ วิ่งทะยานไปข้างหน้า
ขณะที่อิ๋งจื่อจินกำลังจะนอนงีบเอาแรง แต่ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น
ในขณะเดียวกันรถมาเซราติก็เบรกกะทันหัน หมุนสามร้อยหกสิบองศา
เกิดเสียงเสียดสีแสบแก้วหู
การหักเลี้ยวอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้เจ้าของรถที่อยู่รอบๆ ต่างตกใจ
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง รอยยิ้มหายไปอย่างสิ้นเชิง เหลือเพียงความเย็นชา
“เยาเยา นั่งให้ดี อย่าขยับ”