หลังจากที่เวยปั๋วสองโพสต์นี้ปรากฏ ไม่นานแฮชแท็กอันดับหนึ่งก็เปลี่ยนไป
แฮชแท็กซังเย่าจือเสียชีวิต
ความนิยม สามล้านเก้าแสนสามหมื่นหกพันสามร้อยเก้าสิบแปด
ร้อนแรง
เวยปั๋วขัดข้องไปสักพัก
เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคใช้เวลากู้ระบบถึงสองชั่วโมงเต็มๆ กว่าจะเสร็จ
บรรดาแฟนคลับต่างรู้สึกเหลือเชื่อ
[เกิดอะไรขึ้น หนึ่งชั่วโมงก่อนยังบอกว่ากำลังช่วยชีวิตอยู่เลย ทำไมตายแล้วล่ะ]
[ฉันไม่เชื่อวันนี้เป็นวันโกหกใช่ไหม นี่มันจะล้อเล่นมากเกินไปแล้วนะ]
[อ๊าก…ให้ตายเหอะ ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์กับทีมงานกองถ่ายพูดเพ้อเจ้อ ถ้าเขาตายพวกคุณพูดแค่นี้เหรอ คำขอโทษล่ะ]
คนที่ไม่ใช่แฟนคลับต่างก็ตะลึง
[เคยดูหนังที่ซังเย่าจือได้รางวัลนะ ฝีมือการแสดงกินขาดดารารุ่นเดียวกันรวมถึงดารารุ่นพี่บางคนเลยล่ะ มีพรสวรรค์มาก ทำไมถึง…]
[ไม่ไหวแล้ว ขนาดฉันไม่ใช่แฟนคลับเห็นแบบนี้ยังรู้สึกแย่ แค่คิดก็อยากร้องไห้ ไม่รู้จริงๆ ว่าแฟนคลับควรทำยังไง]
[แต่ทำไมฉันแอบได้ยินมาว่าพวกคุณไม่ได้กู้ชีพเขาในทันที ความจริงเป็นยังไงกันแน่!]
[ลบทิ้งๆ อยู่นั่นแหละ เงินที่ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ขูดรีดจากดารา เอามาใช้กลบข่าวหมดเลยเหรอ แล้วก็ ถ้าไม่ใช่ความผิดของพวกคุณจริงๆ พวกคุณจะไล่ลบคอมเมนต์ทำไม]
แต่คอมเมนต์แบบนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากพลังทำลายล้างของแฟนคลับซังเย่าจือสูงมาก แถมยังมีคนที่ไม่ใช่แฟนคลับมาช่วยเยอะทีเดียว เวยปั๋วทางการของซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์กับกองถ่ายรายการผจญภัยท้าตายจำต้องเปิดการคัดกรองคอมเมนต์
เพียงชั่วพริบตา พื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางโลกออนไลน์ที่ไม่ว่าจะเป็นเวยปั๋ว เว็บบอร์ด ฟอรัม เป็นต้น ต่างก็ระเบิดแล้วระเบิดอีก
[ตอนที่ฉันเจอเย่าจือครั้งแรกคือเมื่อเจ็ดปีก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งสิบเก้า ยังไม่ดัง เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง]
[ฉันเด็กกว่าเขาแค่สองปี ฉันสอบจบชั้นปีไม่ผ่าน อยากฆ่าตัวตาย หลังจากถูกช่วยชีวิตกลับมาเย่าจือก็มาพูดปลอบ แถมยังซื้อชานมร้อนๆ ให้ฉันด้วย]
[ฉันรับไม่ได้จริงๆ เขาเป็นคนดีขนาดนั้น ทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย]
[เฮ้อ พระเจ้าคงอยากดูหนังแล้วสินะ ก็เลยมาเอาตัวเขาไป]
[เลิกพูดเถอะ ขนาดเด็กยังร้องไห้เลย]
ผู้จัดการส่วนตัวที่ยังอยู่โรงพยาบาลก็ได้ดูเวยปั๋ว
ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว เป็นเหมือนที่อิ๋งจื่อจินพูด หัวใจของซังเย่าจือกลับมาเต้นแล้ว ใบหน้าก็เริ่มมีเลือดฝาด เพียงแต่อัตราการเต้นของหัวใจยังคงอ่อนและเขาก็ยังไม่ฟื้น
ผู้จัดการส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นเมื่อไร แต่ก็ไม่อาจทนเห็นแฟนคลับเหล่านี้เสียใจ ทนไม่ไหวสุดท้ายจึงล็อกอินเข้าไปโพสต์ข้อความในเวยปั๋ว
นี่เป็นกลุ่มภายใน มีแต่แฟนคลับเบอร์ใหญ่ของซังเย่าจือทั้งนั้น ไม่มีคนของบริษัท เป็นกลุ่มที่เขาช่วยดูแล เงื่อนไขในการเข้ากลุ่มเข้มงวดมาก จึงมีกันอยู่แค่ห้าสิบคน ไม่ต้องกลัวว่าจะมีข่าวอะไรรั่วไหลออกไป
[ทุกคนวางใจได้ ผมขอเอาชีวิตเป็นประกัน เย่าจือไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ยังไม่ฟื้น เพื่อให้เย่าจือสามารถฟื้นขึ้นมาได้อย่างราบรื่นขอทุกคนอย่าเอาไปพูดข้างนอกรบกวนด้วยครับ]
…
ณ โรงแรม
อิ๋งจื่อจินหยิบบัตรออกมาเปิดประตูห้องแล้วกดรับสาย “ค่ะคุณตา”
“จื่อจิน หลานได้ดูเวยปั๋วหรือเปล่า” ผู้เฒ่าจงถอนหายใจ รู้สึกแย่มาก “เด็กดีแบบนั้นทำไมถึงได้…โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ เรื่องไม่คาดฝันเยอะเหลือเกิน”
เมื่อวานซืนซังเย่าจือยังช่วยแนะนำหยกของเฝ่ยชุ่ยไจ ทำให้ได้ออเดอร์มาเกือบหมื่นออเดอร์
ถึงแม้ยอดสั่งซื้อของแต่ละออเดอร์จะไม่มาก แต่เมื่อรวมกันก็สู้เงินหมุนเวียนครึ่งปีของจงซื่อกรุ๊ปสมัยก่อนได้ เดิมทีผู้เฒ่าจงไม่ตามดารา แต่เนื่องจากโพสต์นั้นของซังเย่าจือ เขาก็ได้ไปค้นหาดู
เมื่อวานเขายังได้ตั้งใจดูหนังที่ซังเย่าจือได้รับรางวัลอีกด้วย ยังคิดอยู่ว่าวัยหนุ่มมีแต่คนเก่งๆ แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็มาจากไปเสียแล้ว
“ยังไม่ตายค่ะ” อิ๋งจื่อจินนิ่งไปเล็กน้อย “เขาไม่เป็นอะไรแล้ว”
ผู้เฒ่าจงอึ้ง “ข่าวในเน็ตเป็นข่าวลือเหรอ แต่บริษัทเขายัง…”
“ก็ไม่ถือว่าเป็นข่าวลือค่ะ” อิ๋งจื่อจินพูด “อย่างน้อยพวกเขาก็คิดว่าเขาตายจริง”
ผู้เฒ่าจงไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนี้ “จื่อจิน หลานไปทำธุระของหลานเถอะ ตาจะเตรียมไปที่ซินกั่งสักหน่อย ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
หากเป็นอย่างที่ในเวยปั๋วพูดจริง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซิงเฉิน มากน้อยเขาก็ยังพอจะช่วยได้บ้าง
บทสนทนาทางโทรศัพท์สิ้นสุดลง อิ๋งจื่อจินวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างเตียง หลังจากเปลี่ยนไปใส่ชุดนอนเธอก็เริ่มพักผ่อน
เมื่อวานเธอรวบรวมข่าวกรองในเว็บบอร์ดเอ็นโอเค เช้าวันนี้ก็รีบมาที่ซินกั่งแต่เช้า ยังไม่ได้นอนเท่าไร
เธอหลับเร็วมาก ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็หลับไปแล้ว
…
ตอนเย็น
ข้างนอกฟ้ามืดสนิทแล้ว แสงไฟสว่างไสวตกกระทบเกิดเงา
ฟู่อวิ๋นเซินนั่งอยู่ที่โซฟา สีหน้าเรื่อยเปื่อย ท่าทางเอื่อยเฉื่อย
บนโต๊ะรับแขกที่อยู่ตรงหน้าเขามีคอมพิวเตอร์วางอยู่เครื่องหนึ่ง
บนหน้าจอเป็นการสนทนาผ่านวิดีโอ
คนที่สนทนาด้วยเป็นประธานกรรมการของชูกวงมีเดีย อายุน้อยมากไม่เกินสามสิบแน่นอน
ประธานกรรมการโมโหหน้าแดงก่ำ “คุณชาย ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์หน้าด้านมาก พวกเขากล้าโยนความผิดเรื่องนี้มาให้พวกเรา ตอนนี้เสียงก่นด่าส่วนใหญ่เลยเทมา หาว่าพวกเราเป็นฆาตกรที่ฆ่าซังเย่าจือ”
เมื่อไม่กี่นาทีก่อน แอคเคาท์เชิงพาณิชย์หลายร้อยแอคเคาท์ที่ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์เลี้ยงไว้ได้เคลื่อนไหวพร้อมกัน โพสต์ไปในทำนองเดียวกัน
บอกว่าคืนก่อนหน้านั้นซังเย่าจือถ่ายทำที่เหิงเตี้ยนจนถึงเที่ยงคืน จากนั้นก็รีบนั่งเครื่องบินมาที่ซินกั่ง ตีห้าก็เริ่มถ่ายรายการ
ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ชูกวงมีเดียเป็นผู้ลงทุนที่ใหญ่ที่สุดพอดี นางเอกกับพระรองที่ถ่ายกับซังเย่าจือก็เป็นคนของชูกวงมีเดียทั้งนั้น
ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์จับจุดนี้ได้จึงอ้างว่าชูกวงมีเดียไม่เห็นซังเย่าจือเป็นคน กดดันเขา ทำให้เขาไม่ได้นอนหลับพักผ่อน ถึงได้ทำให้เขาหัวใจหยุดเต้นตายฉับพลัน
ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินเคร่งขรึม “ดังนั้น?”
“ก็ต้องแก้ปัญหาสิครับคุณชาย” ประธานกรรมการโมโหมาก
“ผมเข้าวงการบันเทิงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ไม่เคยเจอใครหน้าด้านเท่าซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์เลยจริงๆ ปัญหาก็คือไม่รู้จะแก้ยังไงถึงได้มาถามคุณชายครับ”
“ถ้าเรื่องแค่นี้พวกคุณยังแก้ปัญหาไม่ได้ ผมจะเลี้ยงพวกคุณไว้ทำไม” ฟู่อวิ๋นเซินเอามือเท้าศีรษะ ดวงตาดอกท้อโค้งมน เสียงดังขึ้น “อืม พูดอย่างกับว่าเมื่อก่อนผมเคยช่วยพวกคุณแก้อะไร”
ประธานกรรมการ “…”
รบกวนแล้วครับ ไม่เคยจริงๆ ครับ
ฟู่อวิ๋นเซินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เรื่องเล็กแค่นี้ อย่ารบกวนบอสใหม่ของพวกคุณ เธอไม่ค่อยสบาย ต้องพักผ่อน เมื่อก่อนเคยแก้ยังไงตอนนี้ก็แก้อย่างนั้น”
ประธานกรรมการลังเลเล็กน้อย “แต่ว่าคุณชายครับ เบื้องหลังซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์…”
“มีผมอยู่”
คำพูดสั้นๆ แต่ราวกับภูเขาสูงตระหง่านที่ไม่ไหวเอน
ประธานกรรมการเข้าใจแล้ว เริ่มใจชื้นขึ้นมา
“ครับๆ มีคุณชายอยู่ ผมจะไปกำราบพวกเขาเดี๋ยวนี้ครับ!”
ฟู่อวิ๋นเซินนั่งอยู่บนโซฟาอีกสักพักถึงค่อยๆ ลุกขึ้น ถือนมที่อุ่นร้อนออกจากห้องแล้วไปเคาะประตูห้องข้างๆ
ผ่านไปหลายสิบวินาทีประตูก็ถูกเปิดออก
เด็กสาวอยู่ในชุดนอน ยืนเท้าเปล่าบนพื้นไม้ เห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งตื่นไม่นาน ดวงตาหงส์งัวเงีย คล้ายดวงจันทร์สลัว แววตาของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก หลบสายตาอย่างรวดเร็ว เขาแค่ยื่นแก้วในมือให้
“ดื่มนมหน่อยแล้วไปกินข้าว”
“อืม” อิ๋งจื่อจินลืมตา รับแก้วนมไปนั่งบนเก้าอี้โยกภายในห้อง
เดิมทีฟู่อวิ๋นเซินจะออกไปก่อน แต่สุดท้ายก็เอ่ยเตือน “เยาเยา ต่อไปเวลามาข้างนอก ก่อนจะเจอใครก็เปลี่ยนชุดก่อน แบบนี้ไม่ดี”
พอได้ยินแบบนั้นอิ๋งจื่อจินก็มองเขา ราวกับรู้สึกว่าคำพูดของเขาเป็นส่วนเกิน
เธอดื่มนมอึกสุดท้ายหมดแล้วพูดขึ้น “ยังจะมีใครมาเคาะประตูอีกนอกจากคุณ”
ชั่วขณะนั้นฟู่อวิ๋นเซินไม่รู้ว่าควรยิ้มหรือโกรธดี “เพราะเป็นพี่ชายก็เลยโอเคเหรอ”
เขาก็เป็นผู้ชายนะ
“เพราะเป็นคุณฉันเลยขี้เกียจ”
“…” ได้
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ฟู่อวิ๋นเซินถอยออกไป “อีกสิบนาทีเจอกันข้างล่าง”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองแล้วพยักหน้า ท่าทางดูไม่ใส่ใจ
หลังจากที่ฟู่อวิ๋นเซินปิดประตูให้เธอก็เอามือข้างหนึ่งยันกำแพง ดูเหมือนจะหยุดอยู่นาน
อายุเป็นเด็กน้อย แต่ร่างกายไม่เด็กน้อย
…
วันต่อมา
ประเด็นในเวยปั๋วที่เกี่ยวข้องกับซังเย่าจือไม่เพียงแต่จะไม่ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้น
วันนี้เป็นวันเสาร์พอดี เป็นวันหยุดของบรรดาแฟนคลับ ต่างเริ่มจองตั๋วเครื่องบินจองตั๋วรถโดยสารมาที่ซินกั่ง
ทีมงานรายการผจญภัยท้าตายก็อยู่ที่ซินกั่งเหมือนกัน ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ก็มีสาขาที่ซินกั่ง ทีมงานพักอยู่ในสาขาย่อยนี้
แปดโมงเช้าก็มีคนมารุมล้อมที่ชั้นล่างของบริษัท
มีนักข่าว แต่ส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับ
‘พวกเราต้องเข้าไป ให้พวกเราเข้าไป พวกเราต้องการคำตอบ’
“กล้องวงจรปิดตอนนั้นล่ะ ไม่ให้ภาพกล้องวงจรปิด งั้นทำไมพวกเราต้องเชื่อด้วยว่าพวกคุณช่วยกู้ชีพในทันทีจริงๆ”
ปัญหาเละเทะ เดิมทีคนจัดทำแผนของทีมงานรายการก็วุ่นวายมากอยู่แล้ว
ตอนนี้ยังจะมีแฟนคลับมากมายขนาดนี้ดึงดันจะเข้าไปก็ยิ่งโมโห จึงตะโกนใส่หน้าแฟนคลับเหล่านั้น
“ก็แค่ดาราตายคนเดียวไม่ใช่เหรอ จะร้องไห้ฟูมฟายเอาอะไรกันนักหนา น่ารำคาญ”
“ผมจะบอกพวกคุณให้นะ อย่าว่าแต่ซังเย่าจือเป็นราชาภาพยนตร์รางวัลโกลด์เด้น ฟลาวเวอร์เลย ต่อให้เขากวาดรางวัลใหญ่มาครบ เป็นราชาภาพยนตร์ที่ชนะทุกรายการ ก็เป็นแค่นักแสดงอยู่ดี เข้าใจหรือเปล่า”
ถ้าไม่มีคนหนุนหลัง ไร้อำนาจไร้อิทธิพล จะทำอะไรได้