คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 169 ตัดขาดกับตระกูลอิ๋ง

โรคฮีโมฟีเลียมีหลายชนิด ชนิดที่อิ๋งลู่เวยเป็นคือโรคฮีโมฟีเลียชนิดเอ ระดับกลางๆ

ไม่ได้อาการหนักหรือมีอาการบ่อยเท่าระดับที่อาการรุนแรง แต่จะมีเลือดออกบ้างเป็นครั้งคราว

“แม่คะ คือ…” อิ๋งลู่เวยทำสีหน้าลำบากใจ “ตอนนี้ขนาดนี้แล้ว เสี่ยวจินไม่มีทางยอมแน่นอนค่ะ”

“ไม่ยอมก็ไปมัดตัวกลับมา” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งไออย่างรุนแรง ตวาดเสียง “คิดจริงหรือไงว่าที่ตระกูลอิ๋งรับมาเลี้ยงเพราะอยากทำบุญน่ะ!”

ลูกลับๆ ของตระกูลอิ๋งมีอยู่ไม่น้อย แตกสายออกไปก็มาก ถ้าไม่ได้มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง อยู่ว่างๆ จะรับเด็กมาอุปการะทำไม

ไม่อย่างนั้นถ้าจะรับเลี้ยงก็รับเลี้ยงลูกชายดีกว่า โตไปก็ยังช่วยงานที่บริษัทได้

ตอนนั้นคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งไม่อยากให้อิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวารับเด็กจากอำเภอบ้านนอกกลับมา

รับเลี้ยงเด็กทารกยังไม่เท่าไร อย่างไรเสียเด็กก็ยังจำอะไรไม่ได้

แต่เด็กคนนี้ใกล้บรรลุนิติภาวะแล้ว จะเลี้ยงให้เชื่องได้เหรอ

เรื่องที่เกิดขึ้นตามมาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ทั้งหมดแล้ว

“อย่าโกรธไปเลยคะแม่” อิ๋งลู่เวยต้องการแบบนี้ เธอพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นี่ก็เย็นแล้ว พวกเราเองก็หาตัวเสี่ยวจินไม่เจอ รอพรุ่งนี้เช้าค่อยไปหาพี่สะใภ้ก่อนดีกว่าค่ะ”

“พี่สะใภ้ใหญ่ของลูกก็ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งโมโหจนหายใจแรง “ก็แค่ลูกเลี้ยงไม่ใช่เหรอ ยังจะต้องลังเลอะไรอีก”

“นี่ยังดีที่เสี่ยวเซวียนอยู่ยุโรป ถ้ากลับมาเห็นมีคนเพิ่มในครอบครัวจะไม่เสียใจเหรอ”

ผู้เฒ่าอิ๋งก็มีลูกลับ แต่ต่างขึ้นสู่ตำแหน่งไม่สำเร็จ

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งเกลียดลูกลับมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด

“แม่คะ ความผิดหนูเอง” อิ๋งลู่เวยรู้สึกผิด “รู้แบบนี้หนูไม่บอกดีกว่า คุณแม่โมโหจะไม่ดีต่อสุขภาพ”

“แม่ไม่เป็นไร” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งนวดขมับ ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ “เวยเอ๋อร์ เพื่อนคนนั้นของลูกช่วงนี้ไม่มาหาลูกเลยเหรอ”

พูดถึงลู่จื่อ

รอยยิ้มของอิ๋งลู่เวยชะงัก “แม่คะ ช่วงนี้เพื่อนหนูมีธุระ ไปเมืองนอกแล้วค่ะ”

มีเหรอที่เธอจะกล้าบอกแม่ว่าลู่จื่อกับเธอแตกหักกันแล้ว

“เฮ้อ” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งถอนหายใจ “อาการปวดหัวของแม่ เห็นทีจะรักษาไม่หายแล้ว”

“แม่คะ อย่าพูดอะไรเป็นลางแบบนั้น” อิ๋งลู่เวยออดอ้อน “โรงพยาบาลเซ่าเหรินมีหมอเทวดาไม่ใช่เหรอคะ เพียงแต่หมอเทวดาคนนี้รักษาแค่อาทิตย์ละคน หนูกำลังต่อคิวอยู่ น่าจะได้คิวตอนปิดเทอมภาคฤดูร้อนนะคะ”

“ลูกเอาใจใส่แม่จริงๆ” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งพอใจ “ลูกเองก็ขยันไปหามั่วหย่วนบ่อยๆ จะได้สนิทสนมกัน”

นอกห้องพักผู้ป่วย

“เอ๊ะ ตาฟู่ ดูท่าแกจะหายแล้วจริงๆ นะ” ผู้เฒ่าจงกำลังรออิ๋งจื่อจินผ่าตัดเสร็จ พอเห็นผู้เฒ่าฟู่เดินมาทางเขาจึงพูดขึ้น “ท่าเดินเหมือนฉันเข้าทุกที เดินคล่องเชียวนะ”

“พอเลยๆ” ผู้เฒ่าฟู่โมโหจะตายอยู่แล้ว “แข็งแรงสู้แกไม่ได้หรอก”

ผู้เฒ่าจงกับเขาเขม่นกันมาตั้งแต่เด็ก

ตอนเล่นไพ่โป๊กเกอร์ก็ไม่เคยยอมให้เขาชนะ

ยังจะหาว่าเขาขโมยขนมไปอีก

เขาขโมยไปแล้วยังไงล่ะ

“เฮ้อ แกหายดีแล้ว ฉันก็หมดเรื่องในใจไปหนึ่งเรื่อง” ครั้งนี้ผู้เฒ่าจงไม่ได้เถียงกลับ ถอนหายใจ

“เมื่อก่อนพวกเรายังนัดกันไปเล่นไท้เก๊กตอนเช้าได้ แต่นับตั้งแต่ยี่สิบปีก่อนที่แกล้มป่วย…”

พอได้ยินแบบนั้นผู้เฒ่าฟู่ก็เงียบ “เรื่องมันผ่านไปแล้วอย่าพูดถึงอีกเลย”

ผู้เฒ่าจงรู้ว่าผู้เฒ่าฟู่ถือเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน

อันที่จริงเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จำได้เพียงว่าปีนั้นเมืองฮู่เฉิงวุ่นวายอยู่หนึ่งเดือนเต็มๆ มีคนแปลกประหลาดมาที่ฮู่เฉิง ไปที่บ้านตระกูลฟู่แล้วก็ไป

แต่ผู้เฒ่าฟู่ไม่พูด ต่อให้ผู้เฒ่าจงจะสงสัยแค่ไหนก็ไม่มีทางเค้นถาม

“นั่นสินะ พวกเราเองก็แก่แล้ว” ผู้เฒ่าจงตบบ่าผู้เฒ่าฟู่ “ควรถอยออกมาแล้วยกให้คนหนุ่มสาวได้แล้ว”

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันก็มีพยาบาลเดินออกมาจากห้องผ่าตัด

ผู้เฒ่าจงรีบเดินเข้าไปหา “คุณพยาบาล เป็นไงบ้างครับ”

“อาการแขนหักของคนไข้ไม่ได้รุนแรง การผ่าตัดราบรื่นดีค่ะ” พยาบาลตอบ “เพียงแต่ช่วงนี้ต้องพักผ่อนให้ดี เธอหลับไปแล้วค่ะ”

ผู้เฒ่าจงถึงได้โล่งอก จากนั้นก็หันไปมองผู้เฒ่าฟู่ “ตาฟู่ ครั้งนี้ฉันต้องขอบคุณหลานชายแก ถ้าไม่ได้เขา จื่อจินคง…”

ผู้เฒ่าฟู่แกล้งไอเล็กน้อย พูดด้วยความภูมิใจ “เจ้าเจ็ดของฉันเป็นคนดีอยู่แล้ว”

ยังมีอีกประโยคที่เขาไม่ได้พูด พูดออกไปกลัวผู้เฒ่าจงจะถลกแขนเสื้อมีเรื่องกับเขา

ถ้าไม่ช่วยเมียตัวเองแล้วจะให้ช่วยใคร

ผู้เฒ่าจงไม่รู้ความคิดแอบแฝงภายในใจผู้เฒ่าฟู่ “ฉันไปเยี่ยมหลานแกหน่อย”

เนื่องจากเรื่องค่อนข้างใหญ่ ทั้งสองผู้เฒ่าจึงไม่ได้กลับ นอนเฝ้าอยู่ข้างห้องผู้ป่วยหนึ่งคืน

วันต่อมาก็มีคนอีกกลุ่มมาที่โรงพยาบาลอันดับหนึ่ง

พอเห็นคนที่มาผู้เฒ่าฟู่ก็ตกใจมาก “เฮ่อชิง?”

“อี้ชาง?” พอเห็นผู้เฒ่าฟู่ มู่เฮ่อชิงก็อึ้งไปเหมือนกัน “หายดีแล้วเหรอ”

“พ้นเคราะห์แล้วๆ” ผู้เฒ่าฟู่พยักหน้า “ยมทูตไม่ถูกชะตากับฉันก็เลยส่งฉันกลับมา”

ผู้เฒ่าจงไม่เคยคลุกคลีกับมู่เฮ่อชิง แต่ไม่มีทางไม่รู้จักคนคนนี้ เขาจึงทักทายด้วยเช่นกัน “คุณมู่ นี่คือ?”

เขาเคยอยู่ที่ตี้ตูมานานขนาดนั้น เคยเจอคนในตระกูลมู่

แต่คนตระกูลมู่ที่เคยเจอมู่เฮ่อชิงแทบจะนับนิ้วได้

มู่เฮ่อชิงเคยได้รับเหรียญเกียรติยศมากมาย เป็นบุคคลระดับประเทศที่ได้รับการปกป้อง

หากอยากจะพบเขาก็ยากเสียยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์

แล้วทำไมถึงมาที่ฮู่เฉิงด้วยตัวเอง

“ผมกับเสี่ยวฟู่ รวมถึงเสี่ยวอิ๋งเป็นเพื่อนกัน” มู่เฮ่อชิงไม่วางมาด ยิ้มพลางพูด “ได้ยินว่าพวกเขาเกิดอุบัติเหตุก็เลยมาเยี่ยมสักหน่อย”

ผู้เฒ่าฟู่ไม่มีท่าทีอะไร แต่ผู้เฒ่าจงเกือบกระตุกหนวดตัวเองแล้ว ทุกคนในตี้ตูต่างให้ความเคารพมู่เฮ่อชิง เป็นเพื่อนกับหลานสาวของเขางั้นเหรอ สามารถพูดคำว่าเพื่อนออกมาได้ ก็เห็นได้ชัดว่ามู่เฮ่อชิงมองอิ๋งจื่อจินเป็นคนในระดับเดียวกัน

มู่เฮ่อชิงพยักหน้าให้ชายชราทั้งสองคนแล้วเดินเข้าห้องผู้ป่วย

เวลานี้อิ๋งจื่อจินยังหลับอยู่ เขาจึงไม่รบกวน

แต่ฟู่อวิ๋นเซินตื่นแล้ว

มู่เฮ่อชิงนั่งลงข้างเตียง “รู้ไหมว่าฝีมือใคร”

“ครับ รู้แล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “ไปจับแล้วครับ”

“เรื่องนี้ไว้เป็นหน้าที่ฉัน” มู่เฮ่อชิงแสยะยิ้ม “กล้ามาแตะต้องนายกับเสี่ยวอิ๋ง ไม่รู้จักดูเสียบ้างว่าตัวเองมีกี่ชีวิต”

“ท่านเพลาๆ ดีกว่าครับ” ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว “ผมกลัวว่าแค่ท่านระเบิดลงคงได้ซวยกันหมดทั้งฮู่เฉิง”

“ไอ้หนุ่มนี่” มู่เฮ่อชิงอดใจไม่ฟาดลงไปสักป้าบ “ฉันควบคุมตัวเองได้”

นิ่งไปเล็กน้อยแล้วถามต่อ “ทำไมฉันได้ยินมาว่า นายได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเสี่ยวอิ๋ง สรุปว่าแค่จ้องเล่นงานเสี่ยวอิ๋งงั้นเหรอ”

“ครับ” ฟู่อวิ๋นเซินตอบเสียงเนือย “พวกเราไม่เหมือนตระกูลมู่ของท่านที่มีท่านเป็นเกราะกำบังให้อยู่ ใครก็ไม่กล้าแตะต้อง”

“ดูท่าตระกูลอิ๋งจะมีคนที่อยู่ไม่สุข” มู่เฮ่อชิงขมวดคิ้ว

“ตอนแรกฉันยังคิดว่าเป็นฝีมือของพวกคนตระกูลฟู่”

“เรื่องนี้จัดการง่ายมาก” ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง

“แต่ว่ามีอยู่เรื่องที่ต้องให้ผู้เฒ่ามู่ช่วยหน่อยครับ”

มู่เฮ่อชิงสีหน้าจริงจัง พูดเสียงขรึม “ว่ามา”

“ชื่อของเยาเยายังอยู่ในทะเบียนบ้านตระกูลอิ๋ง ตระกูลอิ๋งรับเลี้ยงเธออย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตอนนี้เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะย้ายไปไหนก็ลำบาก” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “รบกวนผู้เฒ่ามู่ช่วยให้เธอตัดขาดกับตระกูลอิ๋งในทางกฎหมายทีนะครับ”

มู่เฮ่อชิงรู้ว่าเขาทำอะไรในฮู่เฉิงมากไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะนำมาซึ่งหายนะ ครั้นแล้วจึงพยักหน้า

“ได้ วางใจฉันจะจัดการให้”

ตระกูลอิ๋ง

เป็นตอนเช้าเช่นเดียวกัน คฤหาสน์ต้อนรับชายวัยกลางคนกลับมา

พ่อบ้านเปิดประตูให้เขาอย่างนอบน้อม “คุณท่าน”

“เจิ้นถิง” จงมั่นหวารีบเดินเข้าไปหา ขอบตาของเธอยังคงแดงอยู่ “เจิ้นถิง ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”

ชายวัยกลางคนคนนี้ก็คือนายใหญ่คนปัจจุบันของตระกูลอิ๋ง อิ๋งเจิ้นถิง

ปีนี้อิ๋งเจิ้นถิงอายุสี่สิบแปดปี ยังแข็งแรงมาก

ตระกูลอิ๋งมีเขาเป็นผู้นำถึงได้ข่มตระกูลจงอยู่

“ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่” อิ๋งเจิ้นถิงขมวดคิ้ว “มั่นหวา ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูด”

ใช้ชีวิตคู่กับจงมั่นหวามาหลายปีขนาดนี้ อิ๋งเจิ้นถิงก็รู้จักนิสัยของเธอดี

เข้มแข็ง

ไม่มีทางเอ่ยปากขอร้องง่ายๆ เด็ดขาด

นี่เป็นครั้งแรกที่จงมั่นหวาโทรบอกให้เขากลับมา

นั่นก็แสดงว่าจะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่นอน

จงมั่นหวาอ้าปาก “คือ…”

ยังไม่ทันได้พูดให้จบก็ถูกคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งที่ตามมาติดๆ ขัดจังหวะขึ้น

เธอเอาไม้เท้าเคาะพื้นอย่างแรง “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาฟังเธอพูดไร้สาระ โรคฮีโมฟีเลียของเวยเอ๋อร์กำเริบอีกแล้ว รีบโทรบอกลูกเลี้ยงคนนั้นให้ไปเตรียมตัวที่โรงพยาบาล”

พอคำพูดนี้ออกมา จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงต่างก็อึ้ง

อิ๋งเจิ้นถิงเอ่ยปาก “แม่ครับ”

“แกพูดก็ไม่มีประโยชน์” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“หรือแกจะทนเห็นน้องสาวตายได้งั้นเหรอ”

คำพูดนี้ทำให้อิ๋งเจิ้นถิงพูดไม่ออก

เขาก็เห็นใบหน้าซีดเซียวของอิ๋งลู่เวยแล้ว ไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย

อิ๋งเจิ้นถิงนวดหว่างคิ้ว ถอนหายใจ “มั่นหวา โทรเถอะ”

จงมั่นหวามือสั่น

ด้านหนึ่งเป็นเพราะเธอติดต่ออิ๋งจื่อจินไม่ได้

อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะเธอไม่อยากให้อิ๋งจื่อจินมาให้เลือดอิ๋งลู่เวย

แต่คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งอยู่ตรงนี้ เธอพูดเรื่องนั้นออกมาไม่ได้

ถ้าคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งเลือดออกในสมองฉับพลัน เธอก็จะตกเป็นจำเลย

จงมั่นหวาเม้มริมฝีปากไม่ขยับ

“มั่นหวา?” อิ๋งเจิ้นถิงขมวดคิ้วอีกครั้ง

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา หาเบอร์ของอิ๋งจื่อจินกำลังจะกดโทร

ทันใดนั้นประตูใหญ่กลับถูกคนถีบออก

เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์ม แต่ละคนสีหน้าเย็นชา

คนที่เดินนำมามองอิ๋งลู่เวย “จับตัวเธอไว้”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset