ดวงตาดอกท้อคู่นั้นแฝงความเจ้าเล่ห์ ยิ้มมุมปาก
ลุ่มลึกสะกดใจ ดุจสายธารแห่งดวงดาว
แต่ชายวัยกลางคนกลับทำท่าเหมือนเห็นอะไรที่น่าหวาดกลัว เขาเข่าอ่อนทรุดลงบนพื้น
ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ ยืนขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่แกล้งหรอก ทุกอย่างว่าไปตามกฎ”
อวิ๋นอู้เข้าใจ “ครับ คุณชาย”
ชายวัยกลางคนถูกเด็กหนุ่มลากออกไป ควบคุมการขับถ่ายของตัวเองไม่ได้อีกต่อไป เหงื่อแตกท่วมเสื้อผ้าของเขา
ในที่สุดเขาก็นึกเสียใจแล้ว
เดิมทีเขาแค่เห็นเงินรางวัลล่อตาล่อใจก็เลยหวั่นไหว เอาแผนที่ภูมิศาสตร์ไปวางก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
แต่นึกไม่ถึงว่า เขาเพิ่งแฝงตัวเข้าไป ยังเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกจับได้แล้ว จึงทำงานไม่สำเร็จ
เขาลืมไปเรื่องหนึ่ง
ผู้ชายคนนี้ต่างหากคือความน่ากลัวที่สุด
…
อิ๋งจื่อจินออกจากศูนย์กลางไปยังโซนล่ารางวัล
ที่นี่ไม่ต่างจากในเว็บบอร์ดออนไลน์ มีภารกิจให้รับเหมือนกัน
แรกเริ่มตอนที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต เหล่านักล่าก็มารับงานแบบนี้
ภายในโซนล่ารางวัลส่วนใหญ่เป็นนักล่า แต่หลายคนได้ทำการแปลงโฉมมาแล้ว
ยกเว้นคนที่ไม่เคยกลัวว่าจะถูกล่วงรู้ตัวตน
อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เดินเข้าไปด้านใน เธอได้ยินเสียงนักล่าแถวนั้นคุยกัน
“มาครั้งนี้อันดับนักล่าก็ยังไม่เปลี่ยน บอสใหญ่ก็ยังเป็นบอสใหญ่อยู่วันยังค่ำ”
“นายไม่ได้เข้าเว็บบอร์ดนานแค่ไหนแล้วเนี่ย ยังไม่รู้เหรอว่าบอสใหญ่ปรากฏตัวแล้ว ถ้านายอยากลองดูก็ได้นะ”
“ไม่กล้าหรอก แค่ฉันลองจินตนาการดูนะ อย่าว่าแต่บอสใหญ่เลย เอาแค่อันดับสิบก็จัดการฉันได้ด้วยปลายนิ้ว”
“ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะมีนักล่ามารับงานฆ่าอันดับหนึ่ง พอถึงตอนนั้นต้องไลฟ์สดในเว็บบอร์ดให้พวกเราดูด้วยนะ!”
ด้านบนสุดของโซนล่ารางวัลมีหน้าจอขนาดใหญ่ เทียบได้กับจอโฆษณาขนาดมหึมาของเมืองใหญ่ระดับโลก
สะดุดตายิ่งกว่าสิ่งใด
คนที่เข้ามาแค่เงยหน้าก็เห็นอักษรสีแดงบรรทัดแรกบนหน้าจอนี้ได้
อันดับหนึ่ง : เทพพยากรณ์
ค่าหัว : เนื่องจากเป็นตัวเลขหลายหลัก ทำให้ใส่บนหน้าจอได้ไม่หมด
ส่วนถัดลงมาเป็นเงินค่าหัวของอันดับสอง ซึ่งตอนนี้ก็สูงถึงห้าพันล้านดอลลาร์เข้าไปแล้ว
อิ๋งจื่อจินดึงปีกหมวกลงด้วยสีหน้าเรียบเฉย มือขวาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วใช้นิ้วมือปลดล๊อก
เปิดเว็บบอร์ดเอ็นโอเค จากนั้นก็ล๊อกอิน
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ใช้แอ๊กเคานท์เทพพยากรณ์ แต่ใช้เป็นแอ๊กเคานท์ที่เพิ่งลงทะเบียนใหม่
คนชี้ทาง : [ให้เวลาสิบนาที ถอดฉันออกจากชาร์ต]
10 : [!!!]
10 : [ถ้าเป็นตอนแรกๆ ฉันจะถอดออกให้ทันทีโดยไม่พูดอะไร แต่ตอนนี้มันไม่ได้แล้ว เธอไม่รู้เหรอว่าคนที่อยากเล่นงานเธอมีมากขนาดไหน เธอคิดว่าแค่ฉันคนเดียวจะสามารถทำให้เธอครองอันดับหนึ่งได้อย่างมั่นคงนานขนาดนี้เหรอ]
10 : [วันแรกที่ฉันแขวนเธอไว้อันดับหนึ่งก็เริ่มมีคนเพิ่มค่าหัวมากขึ้นเรื่อยๆ ค่าหัวของเธอทะยานพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉันยังตกใจตาโตเลย ดังนั้น…เธอยังไม่รู้อีกเหรอว่าเมื่อก่อนตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง]
คนชี้ทาง : [สองร้อยกว่าปีแล้ว]
10 : [ก็แสดงว่าเสน่ห์ของเธอแรงมาก เลยมีคนคิดถึงเยอะ เอาแค่ก่อนหน้านี้มีอยู่ตระกูลหนึ่งชื่ออะไรฉันลืมไปแล้ว สั่งให้ผู้ดูแลส่งข้อความมาขอซื้อข้อมูลของเธอในราคาสูง]
10 : [บอกว่าตระกูลของพวกเขาสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ต้องการตามหาตัวเธอ ไม่รู้ว่าต้องการฆ่าให้ตายหรือเปล่า ไม่แม้แต่จะเคยเจอเธอด้วยซ้ำ]
10 : [แน่นอนว่าฉันไม่ได้ขายให้ พวกเราสนิทกันขนาดนี้ ฉันจะขายได้ยังไง ใช่ไหมล่ะ]
คนชี้ทาง : [พูดอย่างกับว่านายจะหาฉันเจอ]
10 : […]
ก็จริง
ถึงแม้ตอนนี้เทคโนโลยีจะเจริญก้าวหน้า แถมยังมีอินเตอร์เน็ต
หากเทพพยากรณ์ไม่อยากให้หาตัวเจอ ก็ไม่มีทางได้เจอ
อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ ปิดหน้าต่างสนทนา
เธอเดินไปข้างหน้า เตรียมเดินไปดูตรงที่ขายสมุนไพร
“เร่เข้ามา เชิญมาดูทางนี้ ทำนายดวงที่แม่นยำที่สุด” ด้านหน้ามีคนกำลังเชื้อเชิญ “คุณสุภาพบุรุษและสตรี แค่พันดอลลาร์เท่านั้น เชิญทางนี้!”
อิ๋งจื่อจินหันไปมอง
ตรงนั้นเป็นแผงเก่าๆ ด้านข้างมีธงผ้าแนวตั้งแบบในละครย้อนยุค
บนนั้นเป็นรูปยันต์แปดทิศ
ด้านหลังแผงมีคนนั่งยองอยู่สองคน อายุไม่มาก ราวๆ ยี่สิบ คนที่เมื่อครู่ตะโกนเรียกลูกค้าเป็นเด็กสาว
พอเห็นเธอเป็นคนจีน เด็กสาวก็เปลี่ยนกลับไปพูดภาษาของประเทศจีนทันที
เธอรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หยิบถุงหอมที่อยู่บนแผงแล้วพูดอย่างกระตือรือร้น “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันเห็นใบหน้าคุณดูหมองคล้ำ จะต้องเป็นลางไม่ดีแน่นอน ขอแค่คุณซื้อถุงหอมที่ฉันตั้งใจทำ รับรองว่าคุณอายุยืนถึงร้อยปีแน่นอน”
“ราคาไม่แพง แค่แสนเดียว รับสักหน่อยไหมคะ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “อืม เมล็ดชุมเห็ดเทศหนึ่งร้อยเมล็ด หนึ่งเมล็ดเท่ากับอายุหนึ่งปี”
สีหน้าของเด็กสาวชะงักไปชั่วขณะ “…”
เธอเอาศอกกระทุ้งเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ พูดกระซิบ “อื้อหือ พี่ ฉันว่าเธอต่างหากที่เป็นหมอดู รู้ด้วยว่าฉันใส่อะไรไว้ข้างใน”
ดูเหมือนชายหนุ่มเพิ่งได้สติ เงยหน้าขึ้น “ว่าไงนะ”
อิ๋งจื่อจินหยุดฝีเท้า สายตามองไปที่ทั้งสองคน
เธอมองไม่เห็นชื่อของสองคนนี้
ต่อให้เป็นจอมยุทธ์เธอก็สามารถมองเห็นชื่อได้
อิ๋งจื่อจินดันถุงหอมใบนั้นออกแล้วพยักหน้า “พวกเธอแซ่อะไร”
“ฉันเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา” หญิงสาวกะพริบตา “แต่ว่าพี่สาว ถ้าพี่อยากรู้ชื่อของฉันก็ต้องซื้อ”
“ไม่แพงหรอก แค่ห้าร้อย พวกเราคนบ้านเดียวกัน ใช้เงินของบ้านเราก็ได้ แต่ถ้าไม่มีเงินสดก็อะ”
เธอหยิบบัตรออกมาใบหนึ่งที่บนนั้นมีคิวอาร์โค้ด “จะจ่ายด้วยวีแชทหรืออะลิเพย์ดีคะ”
“…”
ห้าวินาทีต่อมาก็มีเสียง ติ๊ง เงินเข้าบัญชีแล้ว
“ขอบคุณจ้า!” เด็กสาวดวงตาเปล่งประกาย บอกชื่อตัวเองอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ฉันชื่อตี้อู่เย่ว์ เขาชื่อตี้อู่เฟิง”
แววตาของอิ๋งจื่อจินค่อยๆ ขรึมลง
ตี้อู่
ตามคาด
เมืองตี้ตู ตระกูลตี้อู่
ชื่อเสียงไม่โด่งดังเท่าตระกูลเนี่ยกับตระกูลมู่ แต่ความสามารถไม่ธรรมดา
ตอนนั้นที่ซิวอวี่เล่าเรื่องของตี้ตู เธอก็คิดอยู่ว่าตระกูลหมอดูที่หลอกซิวอวี่จะใช่ตระกูลตี้อู่หรือเปล่า
เห็นทีจะใช่แล้ว
เธอมองชื่อของพวกเขาไม่ออกเป็นเพราะเดิมทีพวกเขามาจากตระกูลหมอดู
“พี่สาว พี่ก็ดูดวงเป็นด้วยใช่ไหม” พอได้เงินตี้อู่เย่ว์ก็ทำตัวสนิทสนมเหมือนเจอคนรู้จัก “งั้นก็เยี่ยมไปเลย พี่ว่าใช่ไหม”
ตี้อู่เฟิงมองตี้อู่เย่ว์ด้วยสายตาเรียบเฉย “ใช่”
“พี่สาว พี่ทำนายเป็น แถมยังมีเงิน” ตี้อู่เย่ว์รีบม้วนเก็บผ้าปูแผง “ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไปกับพี่สาวด้วย”
ตี้อู่เฟิงค่อยๆ ยืนขึ้น ท่าทางไม่รีบร้อน เห็นได้ชัดว่าก็จะตามไปด้วยเหมือนกัน
อิ๋งจื่อจินเหลือบมอง ไม่ได้พูดอะไร เดินไปข้างหน้าต่อ
ตี้อู่เย่ว์ถือผ้าปูแผงเดินตาม
“ถ้าไม่ติดว่า…” อิ๋งจื่อจินชะงัก สุดท้ายก็ไม่ได้พูดคำพูดที่เหลือออกมา
ตี้อู่เย่ว์เดินตามอย่างกระตือรือร้น “พี่สาว ถ้าไม่ติดว่าอะไรเหรอ”
อิ๋งจื่อจินหันหน้าหนีด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่อยากสนใจ
ถ้าไม่ติดว่าบรรพบุรุษสายตรงของพวกเขาเป็นลูกศิษย์ของเธอ เธอคงได้ถีบสองคนนี้กระเด็นไปนานแล้ว
…
เมืองตี้ตู
สำนักงานใหญ่หวาซิ่ว
เพิ่งผ่านการแข่งขันออกแบบเครื่องแต่งกายระดับนานาชาติครั้งนั้นมายังไม่ถึงห้าวัน
แต่ภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ หวาซิ่วก็ได้เผชิญกับความตกต่ำแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ถึงแม้จะมีตระกูลเคอหนุนหลังก็ไม่อาจช่วยให้ฟื้นคืนชีพได้
เคอฮุ่ยจูวิ่งวุ่นอยู่นานก็ยังหาคนที่ช่วยใช้เส้นสายให้ไม่ได้
หวาซิ่วออกแบบสไตล์ตะวันออกมาตลอด แต่ตอนนี้ถูกตราหน้าว่าคัดลอกผลงาน แถมยังโดนประณามสารพัด ลูกค้าที่ร่วมงานด้วยก็ยกเลิกออเดอร์ไปเรียบร้อย
ถ้าไม่มีเงินหมุนเวียน บริษัทก็ต้องปิดกิจการอย่างแน่นอน
“นังเด็กจงจือหว่าน!” เคอฮุ่ยจูวางแก้วน้ำกระแทกโต๊ะอย่างแรง โมโหสุดจะทน “เพราะยัยเด็กนั่นคนเดียวที่ทำลายหวาซิ่วทั้งหมด”
คุณนายมู่ก็รู้สึกผิดต่อเคอฮุ่ยจูเพราะเรื่องนี้
แต่เธอก็ช่วยหาวิธีแก้ไขอะไรให้ไม่ได้
เธอแต่งเข้าตระกูลมู่แล้ว เป็นคุณนายเต็มตัว แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรในมือ
อีกทั้งจะพึ่งพาตระกูลมู่ก็ไม่ได้แน่นอน
ตระกูลมู่เป็นลูกหลานของตระกูลขุนศึก เข้มงวดมีระเบียบ ไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องอย่างคัดลอกผลงานเด็ดขาด
คุณนายมู่คิดว่าตัวเองสำคัญกว่า
“ฮุ่ยจู ใจเย็นๆ ก่อน” คุณนายมู่พูด “ทางฮู่เฉิงบอกว่าพวกเขาไปขอโทษชูกวงมีเดียแล้ว”
“เธอก็ให้บริษัทโพสต์ประกาศออกไปว่าไม่รู้เรื่องที่จงจือหว่านคัดลอกผลงานแม้แต่น้อย เธอเองก็เป็นเหยื่อ นึกไม่ถึงว่าเซ็นสัญญาเอาแบบชุดแค่ใบเดียวจะเป็นผลงานที่คัดลอกมา”
เคอฮุ่ยจูหงุดหงิดใจ แต่ก็จำต้องยอมรับ “ก็คงมีแค่วิธีนี้แล้ว”
“งั้นพี่กลับก่อนนะ” คุณนายมู่พูด “ช่วงนี้ตระกูลมู่จะเริ่มเลือกผู้สืบทอดแล้ว พี่ต้องตั้งใจหน่อย”
พอได้ยินแบบนี้ดวงตาของเคอฮุ่ยจูก็เปล่งประกาย “มีข่าวแล้วเหรอ”
อย่าเห็นว่าตระกูลเคอกับตระกูลมู่ถือว่าเกี่ยวดองกันแล้ว เพราะตระกูลเคอก็แทบไม่มีสิทธิ์ได้ใกล้ชิดกับตระกูลมู่
หากมู่เฉินโจวเป็นผู้สืบทอดของตระกูลมู่ได้สำเร็จ ตระกูลเคอก็จะพึ่งใบบุญได้
“ยังไม่แน่หรอก” คุณนายมู่ยืนขึ้น “แต่คุณมู่เฉิงน่าจะมาที่บ้านวันนี้ ฉันจะกลับไปดูหน่อย อาจได้เจอกัน”
เคอฮุ่ยจูรีบพูดขึ้น “งั้นพี่รีบกลับไปเถอะ ถ้ามีอะไรที่ฉันช่วยได้ก็บอกมาได้เลย”
คุณนายมู่ไม่พยักหน้าและก็ไม่ได้ส่ายหน้า เธอเดินออกไป
เธอกลับไปที่บ้านตระกูลมู่ ไปยังสถานที่ที่ขอพบมู่เฉิงเช่นเคย
ไม่มีทางได้เจอมู่เฮ่อชิงอยู่แล้ว ทำได้เพียงขอพบมู่เฉิง
คุณนายมู่เดินผ่านสวนหลังบ้าน ยังไม่ทันถึงที่ที่ให้ลงชื่อขอเข้าพบ ทันใดนั้นสายตาของเธอก็เหลือบเห็นคนเดินไปทางนั้น
ถึงแม้จะหันหลังให้เธอ แต่คุณนายมู่ก็จำได้
นั่นก็คือมู่เฉิง
เขาถือโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าคุยกับใครอยู่ แต่ท่าทางนอบน้อมมาก
คุณนายมู่รู้ว่าตัวเองเข้าไปตอนนี้ไม่ได้ หลังจากที่ลงชื่อเสร็จก็เตรียมไปรอด้านนอก
จนกระทั่งเธอได้ยินคำพูดหนึ่ง
“คุณท่าน ตอนนี้คุณจื่อจินไม่อยู่ฮู่เฉิงครับ คุณท่านจะให้ถามหรือว่ายังไงดีครับ”