แต่ตอนที่เห็นคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น เลือดในกายของเธอก็พลุ่งพล่าน
ตกอยู่ในสถานการณ์เหลือเชื่อ
คุณนายจงไม่คาดคิดว่าเธอจะได้เจอสองคนที่นึกไม่ถึงมากที่สุดที่นี่
คนหนึ่งคือคุณชายเสเพลอันดับหนึ่งแห่งฮู่เฉิง
อีกคนเป็นลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งที่ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพล
สองคนนี้ล้วนถูกวงการไฮโซของฮู่เฉิงดูแคลน
คุณนายจงก็ดูถูกด้วยเช่นกัน
แต่แน่นอนว่าฟู่อวิ๋นเซินยังมีผู้เฒ่าฟู่คอยปกป้อง อยู่ข้างนอกคนอื่นไม่กล้าพูดอะไร มีแต่นินทาลับหลัง
แม้แต่คู่หมั้นของตัวเองยังรักษาไว้ไม่ได้ เป็นผู้ชายประสาอะไร
แต่ใครช่วยบอกเธอทีว่าทำไมเขาถึงเป็นผู้บัญชาการของไอบีไอได้!
คุณนายจงแทบไม่อยากเชื่อ หูของเธออื้อไปหมด ใบหน้าซีดเผือด ท้องไส้ปั่นป่วน
“ลักพาตัวทำผิดกฎหมาย สมรู้ร่วมคิดเอาอวัยวะของผู้อื่น” ฟู่อวิ๋นเซินกวาดตามองเอกสารในมือ แสยะยิ้ม “รุนแรงพอสมควร”
คุณนายจงตัวสั่นอย่างรุนแรง ริมฝีปากก็เริ่มสั่น
เธออยากพูดอ้อนวอน แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้บ้าง
ตอนนี้สมองของเธอหยุดทำงาน ตายสนิทแล้ว
“วางใจได้ พวกเรายุติธรรม ตัดสินตามกฎหมาย” ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้มองคุณนายจง แต่ดวงตาดอกท้อโค้งมนหันไปมองด้านข้าง “อีกเดี๋ยวกินอะไรกันดี”
อิ๋งจื่อจินหาวออกมา “ไม่เอาตับหมู”
เธอหลอนตับหมูมากจริงๆ
ทั้งสองคนยืนขึ้นแล้วเดินตามกันออกไป ทิ้งคุณนายจงที่ยังคงงุนงงไว้ในห้องสอบสวน
พอออกมาจากห้องสอบสวน ยังเดินไปได้ไม่กี่ก้าวอิ๋งจื่อจินก็หยุดลง
เธอหันมาขมวดคิ้วใส่ “คุณตกเป็นข่าวเมาท์แล้ว”
หยุดเล็กน้อยแล้วค่อยๆ พูดออกมา “พี่ชาย”
“…”
ฟู่อวิ๋นเซินยกมือหยิกแก้มเธอ “เด็กน้อย เสพติดการรังแกพี่ชายแล้วเหรอ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น แต่กลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “คุณก็หยิกแก้มฉันจนติดแล้วเหรอ”
“อืม เธอยังเด็ก” ฟู่อวิ๋นเซินยืดตัวขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย “คอลลาเจนเต็มเปี่ยม หยิกสนุก”
“อ่อ งั้นเดี๋ยวฉันซื้อเด็กทารกให้คนแล้วกัน”
“…”
ฟู่อวิ๋นเซินหุบยิ้ม เขาหันหน้าไปก็เห็นกระทู้ยอดนิยมที่เพิ่งถูกโพสต์บนเว็บบอร์ดเอ็นโอเค
หัวข้อ : [ตะลึง! รู้จักผู้บัญชาการลึกลับของไอบีไอกันไหม คนที่มีอำนาจสูงสุดนั่นน่ะ ผอ.ยังต้องเรียกเขาว่าบอส]
รายละเอียด : [ข่าวลือก็คือข่าวลือ ฉันได้ยินหน่วยกล้าตายที่ทำงานให้ไอบีไอเล่ามา
เขาบอกว่าผู้บัญชาการของพวกเขาเรียกใช้นักสืบระดับสูงโดยเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกให้แฟนของเขา!
ยังมีข่าวเด็ดยิ่งกว่านี้ รอก่อนนะ ฉันจะไปถามอีก เดี๋ยวจะไลฟ์สดอัปเดตให้ฟัง]
กระทู้ที่เกี่ยวข้องกับไอบีไอได้รับความนิยมอยู่เสมอ
ไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่เป็นเพราะพวกบอสในเว็บบอร์ดเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว แค่อยากอ่านข่าวเมาท์ของไอบีไอเอาสนุกๆ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ากระทู้นี้ยังได้พาดพิงถึงผู้บัญชาการของไอบีไอ
ลึกลับมาก แต่ไม่มีคนไม่รู้จัก
เพียงแต่น่าเสียดาย ต่อให้เป็นพวกแฮกเกอร์ชั้นแนวหน้าระดับสากลก็ยังสืบข้อมูลของผู้บัญชาการคนนี้ไม่พบ
ต่อให้เขาปรากฏตัวที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ไอบีไอก็ยังไม่สามารถบอกพิกัดที่แน่นอนของเขาได้
เพียงชั่วพริบตาก็มีพวกบอสที่ได้ยินข่าวพากันแห่มา
มีคนมาตอบกระทู้มากมายในเวลาอันสั้น
[ฉันมีเพื่อนอยากรู้รายละเอียด]
[ฉันเป็นพยานได้ ฉันก็คือเพื่อนของคอมเมนต์บน]
[ไม่เพียงแต่ฉันจะอยากรู้รายละเอียด ยังอยากรู้แบบเจาะลึกทุกเหตุการณ์ จะให้ดีเอาถึงขั้นบอกได้ว่าขนตาของแฟนเขามีกี่เส้น]
[เอ่อคือ แฟนของเขาผู้หญิงผู้ชายเหรอ ถ้าเขามีรสนิยมชอบผู้ชาย ฉันว่ารับฉันไว้พิจารณาได้นะ]
ฟู่อวิ๋นเซิน “…”
เขาคิดมาตลอดว่า เว็บบอร์ดเอ็นโอเคไม่ต่างอะไรกับเวยปั๋ว
ความต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ เวยปั๋วมีชาวเน็ตประสาทเพี้ยน
เว็บบอร์ดเอ็นโอเคเป็นที่รวมของบอสที่เก่งกาจแต่จิตใจโคตรเพี้ยน
…
ช่วงบ่าย
ขณะที่กำลังส่งข้อความหามหาวิทยาลัยนอร์ตัน อิ๋งจื่อจินก็ได้รับสายจากมู่เฮ่อชิง
“เสี่ยวอิ๋ง กลับฮู่เฉิงหรือยัง”
“ค่ะ กลับมาแล้วค่ะ” มือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินถือโทรศัพท์ มืออีกข้างเคาะแป้นคีย์บอร์ด “มีธุระเหรอคะ”
“มีอยู่เรื่อง” มู่เฮ่อชิงตอบ “ทางฮู่เฉิงมีงานประมูลของ ฉันได้ใบรายการมาแล้ว มีเครื่องเคลือบลายครามแดงอยู่ชิ้นหนึ่ง ฉันอยากให้เธอช่วยประมูลมาหน่อย”
“เครื่องเคลือบลายครามแดงเหรอคะ” อิ๋งจื่อจินเปิดหน้าเว็บแล้วค้นหา
จากนั้นก็ได้รู้ว่าเป็นเครื่องเคลือบสมัยราชวงศ์หยวน อีกชิ้นหนึ่งถูกเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ มีราคาสูงมาก
“ใช่ คนขายเป็นนักธุรกิจชาวยุโรป แต่มีความขัดแย้งกับตระกูลมู่” มู่เฮ่อชิงพูดต่อ “ฉันไม่สะดวกออกหน้า ทำได้เพียงขอให้เธอช่วย เธอไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ฉันจะโอนให้ ขอแค่ประมูลได้”
“ได้ค่ะผู้เฒ่ามู่” อิ๋งจื่อจินก็รู้ว่า ขอเพียงแต่พบเจอวัตถุโบราณอยู่ที่ต่างแดน มู่เฮ่อชิงก็จะประมูลมาในราคาสูง “งานประมูลมีเมื่อไรคะ”
“อีกสามวัน ในงานเต้นรำ” เมื่อได้ยินว่าตอบตกลง ผู้เฒ่ามู่ก็กระแอมหนึ่งที “เสี่ยวอิ๋ง เดี๋ยวจะมีคนเอาบัตรเชิญไปให้ตอนเย็นนะ”
ฟังถึงตรงนี้อิ๋งจื่อจินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านคิดไว้แล้วว่าฉันจะต้องรับปากเหรอคะ”
“เปล่าๆ” มู่เฮ่อชิงมีเหรอจะยอมรับ พูดเสียงขรึม “ฉันก็แค่คิดถึงเธอเลยโทรหา”
อิ๋งจื่อจินไม่เปิดโปงเขา “เข้าใจแล้วค่ะ”
สายตัดไป ในเวลาเดียวกันภายในหน้าต่างสนทนารองอธิการบดีก็ตอบเธอ
[วางใจได้ครับ ไม่มีใครทำร้ายคนที่อยู่ในความดูแลของเราได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักศึกษาระดับเอสเอส (SS) ผมจะไปรับด้วยตัวเอง]
นี่เป็นโปรแกรมแชทที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันคิดค้นขึ้นมาเอง จำเป็นต้องมีรหัสนักศึกษาหรือรหัสพนักงานถึงจะล๊อกอินเข้าใช้งานได้
เว็บไซต์ภายในของมหาวิทยาลัยนอร์ตันปิดกั้นการเข้าถึงจากภายนอกเสมอ
ด้วยเหตุนี้โลกภายนอกจึงรู้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยนอร์ตันน้อยมาก
อิ๋งจื่อจินปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้น
เวินทิงหลานกำลังอ่านหนังสือสอนการต่อสู้อยู่ในห้องรับแขก
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานที่บ้านตระกูลฟางยิ่งทำให้เขาเห็นถึงความสำคัญของวิชาป้องกันตัว
“เสี่ยวหลาน” อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปคุยด้วย “ไปมหาวิทยาลัยนอร์ตันไวขึ้นจะรู้สึกไม่ชินไหม”
“ไม่มีทาง” เวินทิงหลานหลุบตาลง “พี่ ผมจะรีบเก็บหน่วยกิตทั้งหมดให้เร็วที่สุดแล้วรีบกลับมา”
“ไม่จำเป็น” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย “หลักสูตรของคณะระดับเอสเอส (SS) ไม่เหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไป ยังมีวิชาอื่นอีกนอกจากความรู้ด้านทฤษฎีและปฏิบัติ”
“นายไปเจอครั้งแรกจะต้องตกใจมากแน่”
เวินทิงหลานอึ้ง “วิชาอะไรเหรอ”
ยังจะทำให้เขาตกใจมากด้วย
“ไปแล้วเดี๋ยวก็รู้เอง” อิ๋งจื่อจินพูด “พ่อมีพี่ดูแล นายตั้งใจเรียนให้ดี ไม่ต้องเป็นห่วง”
คราวก่อนที่เธอไปมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็เพื่อตรวจสอบระบบป้องกันของพวกเขา
ถึงแม้จะอยู่บนเกาะ แต่เกาะแห่งนี้กลับมั่นคงแข็งแกร่งมาก
ขอเพียงแต่ไม่ใช่แผ่นดินไหวหรือสึนามิในระดับที่ทำลายล้างโลกก็จะไม่เป็นไร
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องไฟร์วอลของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน แม้แต่บอสใหญ่ของสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนามก็ยังเจาะเข้าไปไม่สำเร็จ
เวินทิงหลานอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน เธอวางใจได้
เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเปิดใช้ญาณพยากรณ์ตลอดเวลา ยิ่งอยู่กันหลายคนก็ย่อมมีช่วงที่หละหลวม
“เข้าใจแล้ว” เวินทิงหลานพยักหน้าเล็กน้อย “พี่วางใจได้ ผมจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง”
ไว้เขามีความสามารถมากพอเขาก็จะปกป้องเวินเฟิงเหมียนกับอิ๋งจื่อจินได้
…
หนิงชวน
คฤหาสน์ตระกูลฟาง
ไอบีไอไปสอบสวนท่านเหยียนก่อน ฟางจื้อเฉิงยังต้องรออยู่ที่คฤหาสน์
เพียงแต่ไม่ต่างอะไรกับติดคุก พวกคนรับใช้หนีไปหมดนานแล้ว พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งข้าวดีๆ สักมื้อให้กิน
ฟางจื้อเฉิงเป็นคนบงการเรื่องนี้
คุณนายฟางกับฟางรั่วถงไม่ได้ลงมือด้วย อย่างมากสุดก็เป็นแค่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ถึงขั้นที่ต้องถูกตัดสินคดีความ
แต่ฟางรั่วถงกลับรับไม่ได้ เธอใช้ชีวิตอยู่ดีกินดีมาตลอด มีเหรอจะยอมรับการตกอับแบบนี้ได้
โดยเฉพาะการที่ตอนนี้รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่เธอเป็นไม่ได้แล้ว ยิ่งทำให้เธอสะเทือนใจหนักกว่าเดิม
“พ่อคะ หนูยังมีเวยปั๋ว ยังมีแฟนคลับ” ฟางรั่วถงกัดฟันพูด โมโหจนตัวสั่น “เขาเซ็นสัญญายินยอมแล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็ปฏิเสธไม่ได้”
“อีกอย่างหนูสืบมาแล้ว เขายังเป็นคนที่สอบได้อันดับหนึ่งในฮู่เฉิง หนูจะแฉเรื่องนี้ ต่อให้เขาไม่ผิด เขาก็ต้องมีจุดด่างพร้อย”
คุณนายฟางสีหน้าเปลี่ยน “ถงถง อย่าวู่วาม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลูก”
ฟางจื้อเฉิงกลับครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ของเรื่องนี้
ตระกูลฟางพังพินาศเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว แม้แต่เขาก็ต้องเข้าคุก
แต่ทำไมเวินทิงหลานยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้
อีกอย่าง ไม่แน่เขาอาจใช้กระแสวิพากษ์วิจารณ์พลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้
ฟางจื้อเฉิงครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดขึ้น “ได้ ถงถง ลูกโพสต์เวยปั๋วตอนนี้ เอาให้น่าสงสาร ให้ชาวเน็ตเห็นว่าคนที่สอบได้อันดับหนึ่งของฮู่เฉิงเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือขนาดไหน”
“ค่ะ” ฟางรั่วถงเปิดเวยปั๋วแล้วเริ่มพิมพ์ข้อความ
หนึ่งนาทีต่อมาก็ปรากฏโพสต์ใหม่บนหน้าเวยปั๋วของเธอ
แอทเสี่ยวถงถง : [ฮือออ ฉันเสียใจมากเลยค่ะ ฉันกลับมาหายดีไม่ได้แล้ว ทั้งๆ ที่เขาเซ็นยินยอมมอบไขกระดูกให้ฉันแล้ว แต่พอถึงเวลากลับเปลี่ยนใจ ฉันเสียใจมากจริงๆ ค่ะ ขอโทษทุกคนด้วยนะคะ ฉันคงเล่นสนุกกับทุกคนไม่ได้แล้ว]
แนบรูปหนังสือยินยอมบริจาคไขกระดูก
ถ่ายตรงชื่อ ‘เวินทิงหลาน’ ไว้อย่างชัดเจน