ตอนที่ยังไม่ได้สืบเรื่องเวินทิงหลาน ฟางรั่วถงนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะเป็นคนที่สอบได้อันดับหนึ่งของฮู่เฉิง ก่อนที่เธอจะพักการเรียน ผลการเรียนก็อยู่แค่ระดับกลางๆ แต่อยู่โรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในหนิงชวน
หนิงชวนใช้ข้อสอบรวมของทั้งประเทศ ตอนจำลองการสอบเธอทำได้สูงสุดที่ห้าร้อยหกสิบคะแนน
แต่เมื่อปีที่แล้วคะแนนสูงสุดของหนิงชวนอยู่ที่เจ็ดร้อยยี่สิบสามคะแนน ความต่างขั้นนี้ ฟางรั่วถงไม่กล้าแม้แต่จะคิด ด้วยเหตุนี้ตอนที่บีบบังคับให้เวินทิงหลานบริจาคไขกระดูกให้เธอ เธอจึงแอบรู้สึกได้เปรียบ
แต่เรื่องราวกลับพลิกผันเร็วเกินไป เธอรักษาอาการป่วยไม่ได้แถมยังสูญเสียชื่อเสียงลาภยศ อย่างไรเสียในเวยปั๋วก็มีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยที่พร้อมประโคมข่าว ข่าวลือไปเร็วเสียยิ่งกว่าอะไร ต่อให้เวยปั๋วโพสต์นี้จะสร้างความเสียหายอะไรให้เวินทิงหลานไม่ได้จริง แต่ก็ทำให้เขาถูกด่าไประยะหนึ่งได้
เนื่องจากเมื่อวันก่อนฟางรั่วถงเพิ่งบอกไปว่าเธอเจอไขกระดูกที่เข้ากันได้แล้ว กำลังจะเข้าผ่าตัด เหล่าแฟนคลับของเธอต่างเป็นห่วงอาการของเธอมาก
ตอนนี้อยู่ๆ ก็เห็นเธอโพสต์แบบนี้จึงทั้งสงสัยทั้งโกรธ
แน่นอนว่าการที่เซ็นยินยอมแล้วไม่บริจาค นั่นเป็นเพราะเกิดเปลี่ยนใจ จะบังคับกันไม่ได้
แต่พวกแฟนคลับไม่คิดแบบนั้น ฟางรั่วถงเป็นเด็กสาววัยรุ่น ทุกข์ทรมานอยู่กับความเจ็บปวดมาหนึ่งปี ตอนนี้กำลังจะได้หายดีแล้ว แต่พอถึงเวลากลับถูกปฏิเสธ ใครบ้างไม่โมโห
[กอดนะถงถง อย่าเสียใจไปเลย ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้]
[หา? เวินทิงหลานเป็นใคร ทำไมผิดคำพูดแบบนี้]
[ชื่อนี้คุ้นๆ นะ ฉันต้องเคยเห็นที่ไหนแน่ๆ]
[เดี๋ยวนะ เขาใช่คนที่สอบได้คะแนนสูงสุดของประเทศครั้งนี้หรือเปล่า อันดับหนึ่งของฮู่เฉิงที่เกือบได้คะแนนเต็ม!]
สอบได้อันดับหนึ่งเป็นเรื่องที่สุดยอดมาก เป็นความใฝ่ฝันของคนจำนวนไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องได้คะแนนเกือบเต็ม
ดังนั้นหลังจากที่เห็นคอมเมนต์นี้จึงมีหลายคนไปสืบค้น
[โอ้โห เกือบได้คะแนนเต็มจริงด้วย เจ็ดร้อยสี่สิบห้าคะแนน! ข้อสอบรวมครั้งนี้ฉันได้ยินน้องสาวบอกว่าวิชาวิทยาศาสตร์ยากมาก ปกติเธอจำลองการสอบทำได้ สองร้อยหกสิบคะแนนขึ้นไป แต่สอบจริงได้แค่ สองร้อยยี่สิบสามคะแนน จะเก่งเกินไปแล้วหรือเปล่า]
[ว้าว คนสอบได้อันดับหนึ่งแต่กลับพูดจาไม่น่าเชื่อถือ เห็นทีจะแค่เรียนเก่ง ศีลธรรมก็ไม่ได้ดีนักหรอก]
[ประเด็นคือบริจาคไขกระดูกมันต้องดูความสมัครใจไม่ใช่เหรอ ไม่อยากบริจาคแล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ]
[ไม่อยากบริจาคแล้วตอนนั้นเซ็นยินยอมทำไม นี่เพิ่งผ่านมานานเท่าไรก็กลับคำแล้วเหรอ จงใจชัดๆ]
[ได้ยินว่า ฉันก็แค่ได้ยินมาน่ะฐานะทางบ้านของผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งคนนี้ยากจนมาก ส่วนถงถงของพวกเราเป็นคุณหนู กลับคำตอนถึงเวลาสงสัยจะโลภอยากได้มากกว่านี้]
ฟางรั่วถงยังได้ล็อกอินแอคเคาท์เล็กเข้าไปคอมเมนต์อีกหลายแอคเคาท์ จากนั้นถึงออกจากเวยปั๋วด้วยความพอใจ
เธอเงยหน้าพูดด้วยความมั่นใจ “พ่อคะ หนูยังติดต่อแพลตฟอร์มที่หนูไลฟ์สดไปด้วย บอกให้พวกเขาซื้ออันดับคำค้นหา รอดูได้เลยค่ะ พอถึงเวลาพวกเขาจะต้องมาเจรจากับพวกเราแน่”
พวกเขาบังคับให้เวินทิงหลานเซ็นชื่อก็จริง แต่เวินทิงหลานมีหลักฐานหรือเปล่าล่ะ
“ดี” ฟางจื้อเฉิงมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เขาเอ่ยชม “สมกับเป็นลูกสาวคนเก่งของพ่อ”
แบบนี้ต่อให้เขาเข้าคุกไปแล้วก็ยังสามารถเล่นงานเวินทิงหลานได้
ไอบีไอก็ยุ่งกับคอมเมนต์บนเวยปั๋วไม่ได้
…
เป็นเหมือนที่ฟางรั่วถงคิดไว้ ไม่นานก็มีแฮชแท็กใหม่ปรากฏบนชาร์ตคำค้นยอดนิยม
แฮชแท็กคนสอบได้อันดับหนึ่งของฮู่เฉิงพูดจาไม่น่าเชื่อถือพอกดเข้าแฮชแท็กนี้เข้าไปก็จะเป็นเวยปั๋วโพสต์นั้นของฟางรั่วถง
มีแอคเคานท์ใจดีแอคเคานท์หนึ่งสรุปเรื่องราวเอาไว้ให้ ตอนนี้มีบรรดาชาวเน็ตที่ศีลธรรมสูงส่งแต่ชอบตำหนิคนอื่นเริ่มออกทำงานแล้วจำนวนมาก
พอพวกเขาเห็นว่าเวินทิงหลานเป็นคนที่สอบได้คะแนนสูงสุดก็พากันไปคอมเมนต์ที่เวยปั๋วทางการของมหาวิทยาลัยตี้ตู ร้องเรียนให้ทางมหาวิทยาลัยตี้ตูถอดเวินทิงหลานให้พ้นสภาพนักศึกษา คนที่ไม่น่าเชื่อถือแบบนี้ปล่อยให้เข้าไปเรียนในสถาบันอันดับหนึ่งของประเทศจีนไม่ได้
ถ้ามหาวิทยาลัยตี้ตูไม่ถอดเวินทิงหลานให้พ้นสภาพนักศึกษา พวกเขาก็จะโจมตีไปตลอด แต่ไหนแต่ไรอิ๋งเทียนลี่ว์ไม่ค่อยเล่นเน็ต ปกติจะยุ่งจนไม่มีเวลา ไม่มีทางให้ความสนใจข่าวเด่นประเด็นร้อน
แต่ช่วงนี้เขากำลังรวบรวมเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอิ๋งจื่อจิน จึงเห็นเรื่องที่กำลังถกเถียงกันอยู่ตอนนี้
เดิมทีอิ๋งเทียนลี่ว์ก็แค่ดูผ่านๆ แต่เขาสังเกตเห็นชื่อเวินทิงหลาน
เวินทิงหลานเป็นลูกชายของพ่อบุญธรรมอิ๋งจื่อจิน
อิ๋งเทียนลี่ว์ตระหนักได้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ จึงรีบขับรถไปที่คอนโดของครอบครัวเวิน
เขาเคยไปหลายครั้งแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นอิ๋งจื่อจินไม่อยู่เลยไม่ได้เจอกัน ครั้งนี้อิ๋งเทียนลี่ว์ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่เรื่องที่เขานึกไม่ถึงก็คือ ครั้งนี้คนที่มาเปิดประตูคือเด็กสาวที่เขาเคยเห็นแต่ในรูปถ่าย
อิ๋งเทียนลี่ว์ยืนอึ้ง
อิ๋งจื่อจินไม่ได้คิดจะให้เขาเข้าไป “มีธุระเหรอ”
ท่าทีสุภาพแต่ห่างเหินแบบนี้ทำให้อิ๋งเทียนลี่ว์รู้สึกว่าเนคไทรัดแน่นเกินไป
เขาเอามือคลายออกแล้วถึงพูดเสียงเบา “พอดีเห็นกระแสแง่ลบของน้องชายเธอในเวยปั๋วก็เลยอยากมาช่วย”
“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว” เธอกำลังเตรียมของที่เวินทิงหลานต้องใช้ในมหาวิทยาลัยนอร์ตันเลยไม่ได้เข้าเน็ต แต่ผู้เฒ่าจงเป็นคนบอกเธอ
“พี่มีเพื่อนที่รู้จักอยู่ในมหาวิทยาลัยตี้ตู จะให้เขาช่วยกลบกระแสให้” อิ๋งเทียนลี่ว์ครุ่นคิด “จื่อจิน วางใจได้ มหาวิทยาลัยตี้ตูไม่มีทางไล่ใครออกเพราะเรื่องคลุมเครือแบบนี้หรอก”
แต่บางครั้งผลกระทบจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็มีมากจริงๆ
“ขอบคุณในความหวังดี” อิ๋งจื่อจินพูด “แต่เดิมทีเสี่ยวหลานก็ไม่ได้จะเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตู”
อิ๋งเทียนลี่ว์อึ้งไปเล็กน้อย “ไม่เหรอ”
สอบได้อันดับหนึ่ง ไม่ไปมหาวิทยาลัยตี้ตูยังจะไปไหนได้ อีกอย่างมหาวิทยาลัยตี้ตูคงกระหน่ำโทรมาตื๊อไม่ยั้ง เป็นใครจะทนไหว
อิ๋งจื่อจินไม่ได้ปิดบัง อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องที่อีกไม่นานต้องประกาศในเว็บทางการ
“มหาวิทยาลัยนอร์ตัน”
อิ๋งเทียนลี่ว์สูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย “สุดยอด”
มหาวิทยาลัยนอร์ตัน หลายปีแล้วที่ฮู่เฉิงยังไม่เคยมีใครเข้าได้
สุดท้ายอิ๋งจื่อจินก็หลีกทาง “เข้ามาดื่มชาก่อนสิ”
เธอเดินตรงเข้าไปในห้องนอน ไม่ได้สนใจอิ๋งเทียนลี่ว์ แต่นี่เป็นเซอร์ไพรส์ที่ใหญ่มากสำหรับอิ๋งเทียนลี่ว์ เขาเม้มริมฝีปากบาง หลังจากที่เปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะตรงหน้าประตูเสร็จก็เดินเข้าไป
หลายครั้ง ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เข้ามา แค่มองอยู่ไกลๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาบ้านครอบครัวเวิน สามห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก เทียบไม่ได้กับคฤหาสน์ตระกูลอิ๋งที่มีสวน มีสระว่ายน้ำ มีห้องออกกำลังกาย
แต่กลับอบอุ่นมากนี่ต่างหากที่เป็นบ้าน
อิ๋งเทียนลี่ว์หันหน้าไปก็เห็นเวินทิงหลานนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว กำลังเล่นรูบิค
ไม่กี่วินาทีก็เสร็จหนึ่งอัน มือเร็วมาก
สมกับเป็นอัจฉริยะ
“นาย…” อิ๋งเทียนลี่ว์ไม่รู้ว่าควรเรียกเด็กหนุ่มคนนี้ว่าอะไรดี น้ำเสียงของเขาอ่อนลง “อย่าไปสนที่พวกเขาพูดกันในเวยปั๋วเลยนะ นักเลงคีย์บอร์ดมีเยอะ”
เวินทิงหลานไม่สนใจเขา
อิ๋งเทียนลี่ว์เงียบอยู่ชั่วครู่แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงแหบแห้ง “ขอโทษด้วย ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอต้องใช้ชีวิตแบบไหน”
“ไม่ คุณไม่รู้” พอได้ยินแบบนี้เวินทิงหลานก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบเฉย “คุณไม่เคยเห็นเธอเมื่อครึ่งปีก่อน แขนของเธอเต็มไปด้วยรูเข็ม ผมนับเท่าไรก็นับไม่หมด”
ในหนึ่งปีอิ๋งจื่อจินบริจาคเลือดให้อิ๋งลู่เวยไปสิบสามครั้ง โดยเฉลี่ยไม่ถึงหนึ่งเดือนบริจาคหนึ่งครั้ง
แต่ไม่ว่าอย่างไรรูเข็มก็เล็กมาก แผลหายเร็ว ไม่ทิ้งร่องรอย
สาเหตุที่มีรูเข็มเยอะขนาดนั้นเป็นเพราะทุกครั้งที่บริจาคเลือด พยาบาลที่อิ๋งลู่เวยส่งมาเจตนาเจาะให้เป็นรูมากมาย
อิ๋งเทียนลี่ว์ขยับริมฝีปาก ใบหน้าหล่อเหลาดูลำบากใจ “ขอโทษด้วย”
กว่าเขาจะรู้เรื่อง ทุกอย่างมันก็จบไปแล้ว
ต่อให้เขาจะรู้สึกผิดและอยากชดเชยให้ มันก็สายเกินไปแล้ว
“ผมก็แค่ถูกด่านิดหน่อย” เวินทิงหลานหันหน้ามาพูด “สิ่งที่พี่สาวผมเคยเจอเป็นความเจ็บปวดที่คนปกติยากจะจินตนาการ เรื่องของผมมันเล็กน้อยมาก”
…
อิ๋งเทียนลี่ว์ไม่รู้ว่าเขาออกมาจากบ้านครอบครัวเวินได้อย่างไร ตอนที่เขานั่งอยู่บนรถ สีหน้ายังคงเหม่อลอย ผ่านไปนานกว่าเขาจะสงบสติอารมณ์ได้ ถึงแม้อิ๋งจื่อจินจะบอกว่าไม่ต้องช่วย แต่อิ๋งเทียนลี่ว์ก็ยังคงโทรหาเพื่อนที่อยู่มหาวิทยาลัยตี้ตู
ทางนั้นตกใจก่อน จากนั้นถึงพูด “นายหมายถึงเวินทิงหลานเหรอ ฉันรู้ ขนาดศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ของคณะฉันไปเชิญด้วยตัวเองยังไม่สำเร็จเลย นายรู้หรือเปล่าว่าศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์คืออะไร”
อิ๋งเทียนลี่ว์ย่อมรู้ว่าศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูคืออะไร
นี่เป็นเกียรติยศระดับประเทศ
“นายไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้หรอก” ปลายสายพูดต่อ “ต่อให้เขาไม่เข้ามหาวิทยาลัยตี้ตู เขาก็เป็นอัจฉริยะที่ประเทศต้องปกป้อง ไม่มีทางที่มหาวิทยาลัยตี้ตูจะนิ่งดูดายได้”
“นายลองดูแอคเคานท์เวยปั๋วที่ชื่อ ‘สุนัขถึกทึน’ นะ นั่นเป็นแอคเคาท์ของอาจารย์แผนกรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยตี้ตู เขาออกแถลงการณ์ไปแล้ว”
พอได้ยินชื่อแอคเคาท์เวยปั๋วชื่อนี้ อิ๋งเทียนลี่ว์ก็มุมปากกระตุก แอบไม่ค่อยกล้าดู
แต่เขาไม่ต้องไปค้น เพราะไม่นานคำค้นยอดนิยมก็มีแฮชแทคใหม่ปรากฏ ต่อจากแฮชแท็กของเวินทิงหลาน
แฮชแท็กเสียงตอบกลับจากมหาวิทยาลัยตี้ตู
ส่วนเวยปั๋วแอคเคาท์สุนัขถึกทึนนี้ ผู้ที่ยืนยันตัวตนคือ…
ผู้ว่างงานแห่งมหาวิทยาลัยตี้ตู
แต่ชาวเน็ตต่างก็รู้ว่าเขารับผิดชอบการรับนักศึกษาเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตู
ดังนั้นใต้โพสต์เวยปั๋วก่อนหน้าของเขาจึงเต็มไปด้วยคอมเมนต์แบบนี้
[ขอให้มหาวิทยาลัยตี้ตูถอดเวินทิงหลานให้พ้นสภาพนักศึกษา นักศึกษาที่พูดจาไม่มีความน่าเชื่อถือแบบนี้มีแต่จะทำให้มหาวิทยาลัยเสื่อมเสียชื่อเสียง]
ก็อบปี้ข้อความกันลงมา
จากนั้นก็บีบให้เขาต้องออกแถลงการณ์
แอทสุนัขถึกทึน : [ยอมแล้วครับ! ผมเองก็อยากถอดเขาให้พ้นสภาพนักศึกษา แต่ประเด็นคือเขาไม่ใช่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยตี้ตูน่ะสิครับ อ้อนวอนกราบกรานก็ยังเชิญมาไม่ได้เลยครับ! จำเป็นจะต้องให้ผมพูดเรื่องที่น่าอายแบบนี้ออกมาด้วยหรือถอดเขาให้พ้นจากสภาพนักศึกษา พวกเราคู่ควรเหรอครับ แบบนี้ต่อให้พวกคุณอยากให้เขาพ้นสภาพนักศึกษาก็ต้องไปหามหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้วล่ะครับ ผมก็ไม่รู้นะว่าทางนั้นจะสนใจพวกคุณไหม อย่ามารบกวนผมเลย แยกย้ายเถอะ ขอร้องล่ะ]