พอเขามองไปก็เห็นคนแปลกหน้าสองคน
ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง อยู่ในชุดราตรีหรูหรา บุคลิกโดดเด่น
สายตาของอิ๋งเทียนลี่ว์หยุดนิ่งเล็กน้อย เอาคางชี้ “พวกเขาเป็นใคร”
เขาสังเกตเห็นว่า มู่เฉินโจวที่มาอาศัยอยู่บ้านตระกูลอิ๋งรีบเข้าไปต้อนรับทันที
ที่เขาไม่อยากกลับบ้านก็เพราะเหตุผลนี้
“ตระกูลเมิ่งแห่งตี้ตู เคยได้ยินใช่ไหม” เจียงเหิงถอนหายใจเบาๆ “สองคนนี้เป็นคนของตระกูลเมิ่ง เมื่อกี้ฉันเห็นรูปจากคุณชายมู่”
“ตระกูลนี้ไม่ได้โด่งดังเท่าตระกูลมู่กับตระกูลเนี่ย เพราะพวกเขาเป็นตระกูลแพทย์แผนจีน ไม่ทำธุรกิจ ไม่สนการเมือง”
อิ๋งเทียนลี่ว์ครุ่นคิดเล็กน้อย “พอได้ยินมาบ้าง”
เหมือนเขาจะเคยได้ยินจงมั่นหวาพูดถึง คิดอยู่ว่าอยากใช้ความสัมพันธ์ที่มีกับตระกูลมู่ เชิญหมอแผนจีนของตระกูลเมิ่งมารักษาคุณนายผู้เฒ่าอิ๋ง
“คุณชายมู่บอกว่าคนของตระกูลเมิ่งเพิ่งตัดสินใจมาอย่างกะทันหัน” เจียงเหิงก็จุดบุหรี่ “คาดว่าอาจมีของประมูลชิ้นไหนที่พวกเขาสนใจ”
อิ๋งเทียนลี่ว์ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ สีหน้าเรียบเฉย เขากำลังคิดเรื่องอื่น
เขาต้องการพิสูจน์สถานะของอิ๋งจื่อจิน ไม่ใช่เพราะอยากผูกมัดเธอไว้กับตระกูลอิ๋ง
จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงเลือดเย็นไร้เยื่อใยขนาดนั้น กว่าอิ๋งจื่อจินจะออกไปได้ไม่ใช่ง่ายๆ เขาก็ไม่มีทางให้เธอกลับมาอีก
แต่เขาอยากให้แวดวงเศรษฐีในฮู่เฉิงรู้ว่า เธอไม่ใช่ลูกเลี้ยงที่ฐานะต่ำต้อย เธอเป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริง”
คำสบประมาทดูถูกเหล่านั้นไม่ควรมาลงที่ตัวเธอ
อิ๋งเทียนลี่ว์จุดบุหรี่อีกมวน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พวกเราไปนั่งทางนั้นกัน”
…
อิ๋งเย่ว์เซวียนก็รู้จักพวกคุณหนูไฮโซอยู่หลายคน
พอเธอออกจากห้องน้ำก็ถูกคุณหนูคนหนึ่งดึงตัวไว้
“เสี่ยวเซวียน เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับเทียนลี่ว์เหรอ”
พอได้ยินแบบนี้ นิ้วของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็แข็งทื่อ
เธอเม้มริมฝีปาก ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
แต่สุดท้ายความผูกพันก็เอาชนะจิตใจ
อิ๋งเย่ว์เซวียนพูดเสียงเบา “เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอ อาฉันจ้างคนให้ขับรถชนน้องสาวฉันจนเกือบตาย พี่ชายฉันเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนั้น ก็ต้องคอยดูแลอยู่แล้ว”
“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่จะไม่สนใจความรู้สึกของเธอก็ไม่ได้หรือเปล่า” คุณหนูส่ายหน้า “คนอยู่กันเยอะแยะแต่กลับไปหาลูกเลี้ยงของตระกูลอิ๋ง แบบนี้มันใช้ได้เหรอ”
“นี่ไม่เท่ากับเห็นคนอื่นดีกว่าเหรอ เธอทนได้ยังไง”
อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง “เธอก็คิดว่าลูกแท้ๆ สำคัญกว่าลูกเลี้ยงเหรอ”
“แน่สิ” คุณหนูตอบ “ความสัมพันธ์ทางสายเลือดสำคัญขนาดไหน คงไม่มีใครอยากให้คนที่ไม่มีแม้แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดสืบทอดทรัพย์สมบัติของตัวเองหรือเปล่า”
“คราวก่อนที่ฉันโทรหาเธอก็เคยเล่าแล้วไม่ใช่เหรอ อาสะใภ้รองของฉันมีลูกไม่ได้ พวกเขาก็เลยรับเลี้ยงเด็กคนนึง”
“แต่ต่อมาอารองก็ไปรับลูกนอกสมรสกลับมาอย่างเปิดเผย แถมยังให้เขาเข้าบริษัท อาสะใภ้รองก็ว่าอะไรไม่ได้”
อิ๋งเย่ว์เซวียนก้มหน้า ไม่พูดอะไร
แต่เห็นได้ชัดว่าจงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงลำเอียงมาทางเธอ
แต่วันนี้เธอถึงรู้สึกได้ว่า ท่าทีของอิ๋งเทียนลี่ว์ที่มีต่อเธอต่างหากที่ปกติ
“ฉันขอเตือนเธอหน่อยนะ” คุณหนูคนนั้นตบบ่าของอิ๋งเย่ว์เซวียนเบาๆ ถอนหายใจ “ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบแย่งชิงอะไรกับใคร แต่อะไรที่เป็นของเรา จะปล่อยให้คนอื่นมาครอบครองไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลาแล้วเธอจะเสียใจ”
ราวกับอิ๋งเย่ว์เซวียนกำลังอึ้งอยู่ เธอไม่ตอบ
พอคุณหนูเห็นเธอเป็นแบบนี้จึงพูดต่อ “อีกทั้งมนุษย์เป็นสัตว์ที่มีประสาทรับรู้การมองเห็น เธอดูความสวยของยัยนั่นสิ มีใครในที่นี้สู้ได้เหรอ”
ฟังถึงตรงนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนถึงหันหน้าไปมองทางนั้น
อิ๋งจื่อจินยังคงอยู่ในชุดกางเกงลำลองกับเสื้อแขนสั้นสีขาว มีหมวกเบสบอลสีดำอยู่บนหัว
คนที่เดินผ่านไปผ่านมารอบตัวเธอล้วนเป็นคุณหนูมีสกุลที่อยู่ในชุดราตรี แม้แต่บริกรของโรงแรมก็ยังอยู่ในชุดทักซิโด้หางนกนางแอ่นที่รีดเรียบกริบ
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ความงดงามของเธอก็ยังเหมือนภาพวาด
อิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นคนเพศเดียวกันก็ยังต้องยอมรับว่า นี่เป็นความงดงามที่อยู่เหนือความงามอื่นใด
“สรุปว่าเธอต้องเก็บเอามาคิดบ้างแล้วนะ” คุณหนูอดกำชับไม่ได้ “อ้อนพี่ใหญ่ของเธอหน่อย ดึงความสนใจของเขากลับมา”
“เข้าใจแล้ว” อิ๋งเย่ว์เซวียนดึงมือของตัวเองกลับมา สีหน้าเรียบเฉย “แม่ฉันอยู่ตรงนั้นคนเดียวฉันไม่วางใจ ฉันไปก่อนนะ”
คุณหนูพยักหน้าแล้วรับแก้วค็อกเทลมาจากบริกรที่เดินผ่าน
ทันใดนั้นคล้ายนึกอะไรออก
เธอมองอิ๋งเย่ว์เซวียน จากนั้นก็หันไปมองอิ๋งเทียนลี่ว์กับอิ๋งจื่อจิน คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน
ทำไมเธอรู้สึกว่าสองคนนี้เหมือนพี่น้องกันมากกว่าอีก
แน่นอนว่าระดับหน้าตาอย่างอิ๋งจื่อจิน ต่อให้เป็นอิ๋งเทียนลี่ว์ก็ยังได้แต่มองอยู่ห่างๆ เช่นกัน
…
เวลาหกโมงครึ่ง แขกที่มาร่วมงานก็มากันครบ
งานประมูลจะเริ่มหลังจากการเต้นรำ
เมื่อเต้นรำเปิดงานเสร็จ การประมูลก็จะเริ่มขึ้น
อิ๋งจื่อจินไม่ได้ลงไป เธอพักอยู่ในห้องห้องเพรซซิเดนสวีทที่จองไว้ นั่งอยู่บนเตียง วางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไว้บนตัก
เธอไม่สนใจที่จะเข้าร่วมงานเต้นรำ
เมื่อก่อนสมัยยุโรปโบราณเธอเคยอาศัยอยู่ในวังของแต่ละประเทศระยะหนึ่ง
เรื่องที่เหล่าสมาชิกราชวงศ์ชอบมากที่สุดก็คือจัดงานเต้นรำน้อยใหญ่
แม้แต่จะดูเธอยังไม่อยากดู
วันนี้ที่เธอมาที่นี่เพราะมู่เฮ่อชิง รายการอื่นเธอไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม
อิ๋งจื่อจินเอามือเท้าศีรษะ
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นข้อความที่ริต้าส่งหาเธอ
พวกเธอใช้โปรแกรมแชทแบบสากล
อันที่จริงโปรแกรมแชทนี้ก็คิดค้นโดยเว็บบอร์ดเอ็นโอเค
แต่ไม่เหมือนเว็บบอร์ดเอ็นโอเคตรงที่ นี่เป็นโปรแกรมที่วางในตลาด หาโหลดได้ในร้านค้าแอปพลิเคชัน
สิ่งที่เหมือนกันคือ หลังจากที่ปรับภาษาการใช้งานเสร็จ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะใช้ภาษาไหน ระบบก็จะแปลงมาเป็นภาษาที่เราใช้ให้
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมพวกบอสในเว็บบอร์ดเอ็นโอเคถึงสื่อสารในคอมเมนต์กันอย่างออกอรรถรสได้ทั้งๆ ที่มาจากคนละประเทศ
อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีพรสวรรค์ทางภาษาที่จะใช้ทุกภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว
เนื่องจากไม่ได้มาโลกมนุษย์นานแล้ว เว้นไปสองร้อยกว่าปี สิ่งที่เมื่อก่อนเคยทำได้ อิ๋งจื่อจินก็มีจุดที่หลงลืมไปบ้างเหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้เธอจึงตั้งค่าภาษาในระบบเป็นภาษาละติน
เดิมทีไม่มีในโปรแกรมแชท แต่เธอไปบอกให้ 10 เพิ่มเข้าไป
[ฉันสืบหาคนทั่วฮู่เฉิงแล้ว ทำไมไม่ว่ายังไงก็สืบหาเธอไม่พบ]
อิ๋งจื่อจินไม่ตอบคำถามนี้ แต่ถามกลับ
[เย็นนี้พวกเธอเจอกันกี่โมง]
ริต้าตอบกลับทันที
[อย่าให้พูดเลย คืนนี้ยังเจอไม่ได้ ลองคำนวณเวลาก็คงเป็นพรุ่งนี้แล้ว แถมยังตอนตีสอง]
[ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ เธอว่าพวกนักปรุงยาพิษเป็นค้างคาวหรือเปล่า ชอบออกมาตอนกลางคืน คราวก่อนนักปรุงยาพิษอันดับสามที่ฉันเชิญไปเธอรู้จักใช่ไหม คนละเรื่องกับที่ดูกระตือรือร้นในเว็บบอร์ดเลย]
อิ๋งจื่อจินนึกออกแล้ว ไอดีที่ชื่อว่า ‘เชิญมากินยา’ เธอขมวดคิ้ว
[รู้จัก ร่าเริงพอสมควร ขายครีมกันแดดไม่ใช่เหรอ]
พูดถึงเรื่องนี้ริต้าก็โมโหพอสมควร
[ก็ใช่น่ะสิ ไปขายครีมกันแดดแล้ว อยู่แถวชายทะเลใกล้บ้านฉัน ฉันเลยเชิญเขาสะดวกหน่อย แต่ปรากฏว่าตอนนั้นเขามากลางดึก ถ้าไม่ติดว่าเขาให้มาร์คหน้าชุ่มชื่นฉันมาลังนึงนะ ฉันไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ หรอก]
แต่นี่ก็แค่บ่นให้ฟัง
เพราะเอาเข้าจริง ถ้าคิดจะควานหาตัวนักปรุงยาพิษก็ยากเสียยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์
อย่าว่าแต่อันดับสามเลย เลือกนักปรุงยาพิษสักคนจากสิบอันดับแรกก็มีแต่พิษทั้งตัวเหมือนกันหมด
หากแตะถูกตัวพวกเขาโดยไม่ตั้งใจก็อาจถูกพิษได้โดยไม่รู้ตัว
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วครู่
[อืม ฉันจะไปถึงตรงเวลา]
[โอเค ฉันจะรอ แต่จะว่าไปนะ เธอจะมาเจอนักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งทำไมเหรอ]
[กวาดล้างตัวปลอม]
[???]
หลังจากอิ๋งจื่อจินตอบเสร็จก็เปลี่ยนสถานะออนไลน์เป็นซ่อนตัว
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้
ตามด้วยเสียงทุ้มต่ำลุ่มลึกดุจมหาสมุทรของชายหนุ่ม
“เยาเยา เข้าไปได้ไหม”
อิ๋งจื่อจินยังคงนั่งอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงก็เหลือบตาขึ้น ไม่ลงไป แต่กดสวิตซ์ที่ข้างหัวเตียง
ประตูห้องก็เปิดออก
โรงแรมควีนมีจุดดีที่ว่า สวิตซ์เปิดปิดมีเยอะมากพอ ทุ่นแรงได้เยอะ
ฟู่อวิ๋นเซินเดินเข้ามาแล้วปิดประตู
แต่สองตาของเขาหลุบลง ไม่ได้มองไปที่เตียง
อิ๋งจื่อจินมองเขาอยู่สองวินาทีพลางครุ่นคิด “ฉันไม่ได้ใส่ชุดนอน”
“…”
ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ หันมา สายตาขรึมเล็กน้อย
สายตาของอิ๋งจื่อจินกลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะ พูดอย่างเป็นธรรมชาติ “ฉันก็เชื่อฟังคำพูดของคุณแล้วไม่ใช่เหรอ”
“…”
เงียบไปอีกหลายวินาที
“เมื่อกี้พี่ชายลงไปมาแล้ว” ผ่านไปสักพักฟู่อวิ๋นเซินก็พูดขึ้น “เห็นคนของตระกูลมู่”
“ตระกูลมู่เหรอ” อิ๋งจื่อจินนึกแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “เหมือนฉันจะเคยได้ยินผู้เฒ่ามู่พูดถึง”
“ตระกูลแพทย์แผนโบราณที่แท้จริง สมาชิกสายตรงในครอบครัวเป็นแพทย์แผนโบราณทั้งหมด” ฟู่อวิ๋นเซินนั่งที่โซฟา ขายาวไขว่ห้าง ยิ้มมุมปาก “แต่ภายนอกพวกเขาเรียกตัวเองว่าแพทย์แผนจีน”
แพทย์แผนโบราณไม่เหมือนกับแพทย์แผนจีน
แพทย์แผนจีนมีต้นกำเนิดมาจากแพทย์แผนโบราณ
ก็เหมือนกับศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าหลายรูปแบบในประเทศจีนยุคปัจจุบัน แท้จริงแล้วก็เป็นการต่อสู้ที่หลงเหลือมาจากวิชาจอมยุทธ์
ไม่ต้องใช้กำลังภายในก็มีความสามารถในระดับหนึ่งได้