เลขาอึ้งไปชั่วขณะ เขาเข้าใจแล้ว
แสดงว่าต้องการทอดทิ้งลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนี้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
เจียงมั่วหย่วนหลับตาลง “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปได้”
“ท่านสามพักผ่อนตามสบายครับ” เลขาปิดประตูอย่างระมัดระวัง
หลังจากออกไปแล้วเขาก็ส่ายหน้า
เมื่อก่อนเขาก็เคยตามท่านสามไปสังเกตดูที่อำเภอชิงสุ่ย ตอนนั้นลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนี้ยังใสซื่อมาก แต่ตอนนี้ล่ะ
ลุ่มหลงในแสงสีของเมืองใหญ่ไปแล้ว นิสัยก้าวร้าว อยากไต่ขึ้นที่สูง
ยังดีที่ท่านสามมองออก
เลขาครุ่นคิด เดินไปที่ห้องน้ำดื่ม หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “คุณลู่เวย…”
…
หลังจากได้รับการบำรุงมาหลายวัน ร่างกายของเวินเฟิงเหมียนก็ดีขึ้นไม่น้อย
แต่เนื่องจากป่วยสะสมมาเป็นเวลานาน ไม่ใช่ว่าวันสองวันจะหายดีได้
ยาล็อตแรกสุดใช้หมดไปแล้ว อิ๋งจื่อจินจึงไปซื้อสมุนไพรสดใหม่โดยเฉพาะ
เมืองฮู่เฉิงไม่ติดภูเขา สมุนไพรต้องนำเข้าจากที่อื่น
เนื่องจากสมุนไพรที่เธอต้องการใช้เป็นสมุนไพรชั้นยอดทั้งนั้น หลายสิบกิโลก็เป็นเงินหลายแสนอยู่
ระหว่างรอ อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปในร้านขนมที่อยู่ข้างๆ แล้วสั่งบัวลอยมะม่วง
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งซื้อออกมา กดเปิดหน้าจอ ในนั้นมีสารพัดแอปพลิเคชัน เธอเตรียมจะเล่นมันทั้งหมด
ข้อดีที่เจ๋งที่สุดของเทคโนโลยีใหม่ก็คือ เธอไม่มีทางเบื่อ
อิ๋งจื่อจินเปิดขึ้นมาหนึ่งแอป มองตัวเองที่มีหูกระต่ายแนบอยู่พลางครุ่นคิด
ได้ยินว่าสิ่งนี้เรียกว่าเซลฟี่ ดูเหมือนจะน่าสนุก
เธอกดเล่นนั่นนี่ เลือกเลนส์กับของตกแต่ง จากนั้นก็กดถ่าย
แชะ
เสียงดังชัดเจน ทำให้คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเงยหน้าขึ้น
คนคนนั้นเป็นเด็กสาวสวมหมวกแก็ปใส่แว่นกันแดด ปกปิดมิดชิด
เธอขมวดคิ้ว พูดด้วยความไม่พอใจ “พวกเขาตามมาถึงที่นี่ได้ยังไง เธอไปบอกให้ผู้หญิงคนนั้นลบรูปซะ ฉันไม่อยากเป็นข่าวดังเพราะรูปแอบถ่าย”
ผู้ช่วยเข้าใจ รีบเดินไปทันที “ลบรูปของคุณด้วยค่ะ พี่ลั่วไม่ชอบให้แฟนคลับถ่ายรูป เข้าใจไหมคะ”
“ถ้าคุณจะถ่ายให้ได้ พวกเราฟ้องร้องได้นะคะ”
เสียงไม่ดัง แต่ลูกค้าในร้านขนมได้ยินกันหมด
ทุกคนต่างมองมาด้วยความสงสัย
“มีดารามาเหรอ หาเร็วๆ ใช่คนนั้นหรือเปล่า โวะ นั่นมันสวยขั้นเทพเลยนะ!”
“เธอหมายถึงผู้หญิงที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำนั่นเหรอ เป็นไปไม่ได้ หน้าตาแบบนั้นที่แค่เห็นก็ไม่มีทางลืม ในวงการบันเทิงไม่มีหรอก”
“ไม่ใช่คนนี้งั้นก็คนตรงนั้น ลั่วจื่อเย่ว์พวกเธอเคยได้ยินไหม อันดับสิบในรายการวัยรุ่นสร้างฝันวันโอวัน รายการเฟ้นหาคน ดังมากเลยนะ”
“เหมือนจะเคยได้ยิน แต่จำไม่ค่อยได้…”
เสียงซุบซิบดังขึ้นโดยรอบ
ผู้ช่วยเห็นเด็กสาวไม่ได้มีท่าทีจะลบภาพถ่ายจึงต้องการแย่งโทรศัพท์มือถือในมือเธอไปอย่างไม่บอกกล่าว
ทว่าไม่เพียงแต่จะแย่งไปไม่ได้ มือยังพลาดจุ่มลงไปในชามบัวลอยมะม่วง
อิ๋งจื่อจินถึงได้เงยหน้าขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คุณทำขนมของฉันสกปรก”
“ใครใช้ให้เธอไม่ลบรูปล่ะ” ผู้ช่วยเองก็โมโห “จะตามพี่ลั่วมาที่นี่ให้ได้ ไม่รู้จักการให้เกียรติบ้างเหรอ”
พอได้ยินคำพูดนี้พวกลูกค้าก็กระจ่าง
หน้าตาก็ดีขนาดนี้ ที่แท้เป็นซาแซงเหรอ
อิ๋งจื่อจินปิดแอป “ใครนะ”
“…”
ทันใดนั้นก็เกิดความกระอักกระอ่วน
ผู้ช่วยยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น
ลั่วจื่อเย่ว์ที่นั่งนิ่งมาตลอดลุกขึ้น เธอถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามและท่าทางรำคาญ “เธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้จักฉัน คนแบบเธอฉันเจอมาเยอะ เมื่อวานฉันถูกพวกเธอไล่ตามจนรองเท้าหลุดไปข้าง วันนี้ยังไม่เลิกอีกเหรอ”
เธอเกลียดพวกซาแซงมาก ทำให้เธอไม่มีพื้นที่ส่วนตัวแม้แต่นิดเดียว
อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง ท่าทางสง่างาม “ไม่ตามคนขี้เหร่หรอก ขอโทษนะ”
มีคนหัวเราะขึ้น
ลั่วจื่อเย่ว์โมโหมาก ขณะที่กำลังจะพูด ทันใดนั้นก็มีนักเรียนหญิงที่อยู่ข้างๆ ก้าวออกมา
“หนูอยู่โต๊ะข้างๆ เห็นทุกอย่างหมด พี่คนนี้เขาเซลฟี่ ไม่ได้ถ่ายรูปคุณจริงๆ”
จากนั้นก็พึมพำ “พี่เขาสวยขนาดนี้ ไม่ถ่ายตัวเองไปถ่ายคุณเนี่ยนะ”
ถ้าเธอสวยแบบนี้บ้าง วันๆ คงส่องกระจกชมตัวเอง จะไปตามดาราเพื่อ?
พอนักเรียนหญิงพูดแบบนี้ พวกเพื่อนๆ ของเธอก็เสริมด้วย
“นั่นสิ พี่เขาไม่ได้ถ่ายคุณจริงๆ และก็ไม่น่าจะรู้จักคุณด้วย”
“พูดตามตรงนะ คุณใส่แว่นกันแดด ขนาดพวกเรายังจำไม่ได้เลย”
ลั่วจื่อเย่ว์หน้าเขียว รู้สึกเสียหน้ามาก
รายการวัยรุ่นสร้างฝันวันโอวันดังขนาดนี้ มีคนไม่รู้จักเธอจริงๆ เหรอ
“ชดใช้มา” อิ๋งจื่อจินก้มหน้ามองโทรศัพท์ ไม่มองอีกฝ่าย
ท่าทางของเธอเหนื่อยหน่าย น้ำเสียงเซ็งๆ เหมือนไม่ใส่ใจ แต่กลับสร้างแรงกดดันได้มาก
ผู้ช่วยก็หน้าซีดอย่างห้ามไม่ได้
รอบตัวมีคนมองอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่ลั่วจื่อเย่ว์จะสะบัดหน้าเดินหนี มันจะส่งผลต่อชื่อเสียงของเธอ
เธอหยิบแบงค์ร้อยออกมาสามใบจากกระเป๋าอย่างไม่ยินยอมนักแล้ววางตบลงบนโต๊ะ พูดเสียงลอดไรฟัน “พอใจหรือยัง”
“แคชเชียร์อยู่นู่น”
“…”
ลั่วจื่อเย่ว์ทั้งอายทั้งโมโห ใบหน้าแดงก่ำ จำต้องไปสั่งอาหารแล้วจ่ายเงินที่แคชเชียร์ด้วยตัวเอง
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเธอก็ไม่มีอารมณ์อยู่ต่อแล้ว รีบร้อนออกไปพร้อมกับผู้ช่วย สภาพแย่มากทีเดียว
อิ๋งจื่อจินหมุนช้อนยาวในมือ เตรียมเอาขนมนี้กลับไปให้เวินทิงหลาน
ขณะที่กำลังรออาหารอยู่นั้น นักเรียนหญิงคนเมื่อครู่ก็เข้ามาหาด้วยความระมัดระวัง “พี่คะ พี่เป็นเด็กฝึกบริษัทไหนเหรอ”
“หืม?” อิ๋งจื่อจินค่อนข้างมีความอดทนกับเด็กผู้หญิง “ไม่ใช่ค่ะ”
“อ๋า…” นักเรียนหญิงเกาหัว “ถ้าพี่เข้าวงการบันเทิงหนูจะเป็นแฟนคลับพี่แน่นอนค่ะ!”
อิ๋งจื่อจินหาวออกมา “ไม่เข้า ต่อไปก็ไม่มีทางเข้าด้วยค่ะ”
เธอไม่สนใจแสดงละคร ใครก็มาขัดขวางการใช้ชีวิตเกษียณของเธอไม่ได้
นักเรียนหญิงก็ไม่ท้อ ลองถามหยั่งเชิง “งั้นพี่คะ ขอถ่ายรูปคู่ได้ไหมคะ หนูไม่เอาไปโพสต์มั่วจนทำลายชื่อเสียงของพี่แน่นอนค่ะ”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่ถือสา”
อืม ถือโอกาสเรียนรู้เคล็ดลับการเซลฟี่ไปในตัว
หลังจากนักเรียนหญิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปเสร็จก็กลับไปอย่างมีความสุข
จากนั้นก็โพสต์เวยปั๋ว
แอดตุ้ยนุ้ยชอบกินลูกท้อ : [พิกัดเมืองฮู่เฉิง เจอพี่สาวคนนึงที่สวยมาก เด็กฝึกคนหนึ่งที่มีคนหนุนหลังในรายการวัยรุ่นสร้างฝันวันโอวัน คิดว่าพี่คนนี้กำลังถ่ายรูปเธอ ใครจะไปรู้ว่าพี่เขาไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ เพื่อไม่เป็นการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของพี่คนนี้ ฉันขอเบลอโมเสคนะ]
นักเรียนหญิงคนนี้มีคนติดตามในเวยปั๋วหนึ่งแสนคน ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงมีคนแชร์ไปหลายร้อย
[แค่อ่านก็รู้ว่าเป็นลั่วจื่อเย่ว์ อาศัยความที่เกี่ยวข้องกับคุณชายตระกูลไฮโซถึงได้สิทธิ์เดบิวต์เป็นคนสุดท้าย คิดว่าตัวเองดังมากเสียเหลือเกิน]
[ขำจะตายอยู่แล้ว คนข้างนอกไม่มีใครรู้จักนางหรอก นางยังจะคิดว่าคนอื่นถ่ายรูปนางอีก กล้ามาก]
[ถึงจะไม่เห็นหน้า แต่ดูจากหุ่นของพี่ผู้หญิงคนนี้ก็ดึงดูดมาก ต่อไปจะเข้าวงการบันเทิงไหม]
[เห็นยี่ห้อมือถือที่เธอใช้ไหม เวอร์ทู เป็นมือถือไฮโซอย่างแท้จริง แพงกว่าไอโฟนอีกนะ คงเป็นคุณหนูไฮโซสักตระกูลแน่นอน พวกเขาไม่มีทางเข้าวงการบันเทิงหรอก]
เวยปั๋วโพสต์นี้ไม่ได้เป็นประเด็นมาก แต่ยอดคนอ่านก็เกินแสน
เรื่องบังเอิญก็คือ ผู้จัดการส่วนตัวของอิ๋งลู่เวยก็เห็นเวยปั๋วโพสต์นี้เหมือนกัน
เขารู้สึกว่ารูปร่างแบบนี้คุ้นๆ จึงยื่นโทรศัพท์ให้อิ๋งลู่เวยดู “ลู่เวยลองดูสิ นี่ใช่หลานสาวตัวปลอมของเธอหรือเปล่า”
อิ๋งลู่เวยกำลังเติมหน้า เธอเหลือบมองผ่านๆ “ใช่เธอ”
“เด็กคนนี้คงไม่ได้จะเข้าวงการบันเทิงใช่ไหม” ผู้จัดการหน้าเครียด “ถ้าจะเข้า ทางที่ดีให้มาเซ็นสัญญากับเรา แบบนั้นจะคุมง่ายหน่อย”
เขาเคยเจอลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนี้ หน้าตาใช้ได้เลยทีเดียว
ต้องยอมรับเลยว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเธอดูซีดเซียวไม่มีแรงจากภาวะเลือดพร่องมาเป็นเวลานาน อิ๋งลู่เวยก็สู้ไม่ได้
จะปล่อยให้เธอสร้างผลกระทบต่ออิ๋งลู่เวยไม่ได้
พอได้ยินแบบนี้มือของอิ๋งลู่เวยก็ชะงัก “ฉันจะลองโทรถาม”
แต่ก็โทรไม่ติด
ไม่ว่าอย่างไรอิ๋งลู่เวยก็คงคาดไม่ถึงว่าเธอถูกบล็อกเบอร์ไปแล้ว
อารมณ์หงุดหงิดอย่างไม่มีสาเหตุได้ทะลักเข้ามาในใจ คล้ายกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เธอควบคุมไม่ได้
ผู้จัดการส่วนตัวสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ “มีอะไรเหรอ”
“เปล่า” อิ๋งลู่เวยยิ้ม “คงกำลังยุ่งอยู่มั้ง ไว้เดี๋ยวฉันกลับไปที่บ้านใหญ่สักหน่อย”
ผู้จัดการรู้สถานการณ์ของเธอ เขาพยักหน้า “ยังไงเธอก็ระวังหน่อยนะ ยังดีที่วันนั้นถอนคำค้นติดอันดับได้ทันเวลา”
อิ๋งลู่เวยไม่พูดอะไร เธอเม้มริมฝีปาก
…
อิ๋งจื่อจินเอาสมุนไพรไปส่งยังที่พักของเวินเฟิงเหมียน จากนั้นฟู่อวิ๋นเซินก็โทรมา
เมื่อเธอลงจากตึก รถก็มารออยู่ตรงนั้นแล้ว
เธอนัดกับเขาไว้ว่าวันนี้เธอจะเลี้ยงข้าวเขา
หลังจากขึ้นรถคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ชายหนุ่มก็หันไปมองเธอ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ถามด้วยน้ำเสียงเย้ายวน “จะเลี้ยงอะไรพี่ชายเหรอ”
อิ๋งจื่อจินคิด “ชาบูเสียบไม้เป็นไง ฉันยังไม่เคยกินเลย”
ได้ยินว่าอาหารขยะอร่อย เธออยากกินมาก
“อืม พี่ชายก็ไม่เคยกิน” ฟู่อวิ๋นเซินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสิร์ช “สุขภาพเธอไม่ดี เลือกร้านที่สะอาดหน่อย”
พอกดดูโทรศัพท์ก็สั่น มีข้อความเข้า
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย