เถิงอวิ้นเมิ่งกลับกังวลยิ่งกว่าเดิม
โจทย์ข้อนี้ยากมาก เธอเองก็เพิ่งอ่านโจทย์เสร็จสมองเพิ่งพอจับทางได้แต่ยังไม่เรียบเรียงออกมา
อิ๋งจื่อจินถูกเรียกขึ้นไปแบบนี้จะแก้โจทย์ได้เหรอ
อาจารย์เมิ่งยื่นปากกาเคมีให้ “อย่าเขียนแต่คำตอบ เขียนวิธีคิดพร้อมอธิบายไปด้วย”
พอเริ่มไลฟ์ก็มีข้อความเลื่อนปรากฏขึ้นมากมาย
[นี่ก็คือนักเรียนศิลปินคนนั้นใช่ไหม]
[หน้าตาสวยมาก เข้าวงการบันเทิงได้เลยนะเป็นดาวค้างฟ้าชัวร์]
[ในที่สุดก็ได้เห็นหน้านักเรียนศิลปินคนนี้แล้ว ฉันจะรอดูว่าเธอเก่งจริงหรือเปล่า มีสิทธิ์อะไรได้โควตาทะลุเข้ารอบสุดท้ายของไอเอสซี]
ซิวเหยียนเอามือเสยผมมองไปที่กระดานดำ
ในสายตาของเธออย่างมากอิ๋งจื่อจินมีความรู้แค่ระดับเดียวกับเธอ ถึงขนาดที่อาจสู้เธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
เธอก็อยากรอดูเหมือนกันว่าอิ๋งจื่อจินจะแก้โจทย์ได้หรือเปล่า
นักเรียนหญิงที่อยู่ข้างซิวเหยียนแสยะยิ้ม “ไม่มีเถิงอวิ้นเมิ่งกับเฟิงเย่ว์ช่วย เธอจะแก้โจทย์ข้อนี้ยังไง”
ถ้าแก้โจทย์ข้อนี้ไม่ได้ก็ไม่คู่ควรเข้ารอบตัดสิน
“โจทย์ข้อนี้ง่ายมาก” อิ๋งจื่อจินหยิบปากกาเคมีพูดอย่างใจเย็น “ก่อนอื่นให้เราลากเส้นจากจุดนี้ขึ้นมาก่อน จากนั้นก็ใช้สูตรนี้…”
เธอเขียนไปด้วยอธิบายไปด้วย
ไม่เร็วเกินไป แนวทางก็ชัดเจน
สีหน้าของนักเรียนคนอื่นๆ ก็เริ่มจริงจังขึ้นมา
เถิงอวิ้นเมิ่งอ้าปากค้างวิธีแก้โจทย์ของอิ๋งจื่อจินไม่เหมือนเธอเลยสักนิด สั้นลงไปอย่างน้อยๆ ก็หกขั้นตอนเรื่องเวลาสำคัญมากในการแข่งขัน ลดไปหนึ่งขั้นก็สามารถทำโจทย์ได้มากขึ้น
อาจารย์เมิ่งมองวิธีทำแต่ละบรรทัด รู้สึกเหมือนถูกตบที่หน้าแสบร้อนไปหมด
โจทย์ข้อนี้เธอเอามาจากมหาวิทยาลัยตี้ตู เธอก็ย่อมทำแล้ว แต่กลับนึกไม่ถึงว่าโจทย์ข้อนี้ยังแก้แบบนี้ได้ด้วย นักเรียนมัธยมปลายมีความรู้มากกว่าเธออีกเหรอ และแล้วอิ๋งจื่อจินก็เขียนตัวเลขสุดท้ายเสร็จในเวลานี้ “อธิบายจบแล้วค่ะ”
อาจารย์เมิ่งตัวแข็ง รู้สึกจนตรอกอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าสบตาอิ๋งจื่อจินโดยตรง “ใช่ ถูกต้อง”
อิ๋งจื่อจินเช็ดมือ เดินกลับที่นั่ง
ช่างกล้องรู้จังหวะจับภาพ จึงซูมเข้าไปใกล้แล้วขึ้นข้อความให้เธอ
ภาพบนหน้าจอเป็นเด็กสาวที่ขนตางอนยาว ผิวเนียนขาวละเอียดจนมองไม่เห็นรูขุมขน
ความงามทะลุจออย่างแท้จริง
ข้อความเลื่อนเด้งขึ้นมารัวๆ
[โอ้โห โคตรสวย หายใจไม่ออกแล้ว ฉันจะตายแล้ว]
[สืบมาแล้ว โจทย์ข้อนี้ดัดแปลงมาจากโจทย์ของการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับโลกเมื่อปีที่แล้ว แต่ยากกว่าโจทย์ข้อนั้นมาก]
[อื้อหือ นักเรียนศิลปินเก่งขนาดนี้เลยเหรอ วาดรูปเก่ง คิดเลขก็เก่ง อัจฉริย้า!]
[เอาล่ะๆ ไม่เห็นเหรอว่าก่อนหน้านี้เถิงอวิ้นเมิ่งกระซิบบอกเธอ ฉันว่าคงบอกวิธีทำโจทย์ข้อนี้น่ะแหละ หรือไม่ก็จงใจเตี๊ยมกันไว้เพื่อออกรายการ พวกเธอคาดหวังเหรอว่านักเรียนศิลปินจะแก้โจทย์แข่งขันคณิตศาสตร์ระดับโลกได้]
[อิจฉาสินะ เธอก็แค่อิจฉาที่น้องเขาสวยกว่าเธอ แถมยังฉลาดกว่าด้วย]
รอยยิ้มของซิวเหยียนค่อยๆ หายไป ในที่สุดสีหน้าก็จริงจังขึ้น
เธอก้มมองโทรศัพท์มือถือ
บนหน้าจอเป็นหน้าต่างสนทนาของวีแชท
[คุณหนูใหญ่ครับ อิ๋งจื่อจินที่คุณหนูใหญ่ให้สืบ เธอมาจากโรงเรียนมัธยมชิงจื้อ ตอนนี้อยู่มอหกห้องสิบเก้า เป็นเพื่อนสนิทกับคุณหนูซิวอวี่ทั้งสองคนสนิทกันมากครับ]
[และก็เป็นเพราะเธอ คุณหนูซิวอวี่ถึงไม่ค่อยเที่ยวกลางคืนแล้วครับ ไปโรงเรียนทุกวัน]
[เธอวาดภาพเก่ง เขียนอักษรพู่กันเป็นจริงๆ ครับ แต่ก็เทียบกับคุณหนูใหญ่ไม่ได้]
พอเห็นชื่อ ‘ซิวอวี่’ แววตาของซิวเหยียนก็วูบไหว ค่อยๆ เย็นชาลง
เธอหันไปมองอิ๋งจื่อจิน ในใจเริ่มมีความขุ่นเคือง
หลังจากที่ซิวเหยียนลบประวัติสนทนานี้ทิ้งก็ส่งข้อความหาผู้จัดการส่วนตัว
[พี่เฉิน ช่วยบอกพวกแฟนคลับของฉันหน่อยว่าคืนนี้ฉันจะไลฟ์]
…
การถ่ายทอดสดดำเนินไปเพียงสองชั่วโมงหลักๆ คือเริ่มประชาสัมพันธ์ก่อน
อีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ช่างกล้องก็จะตามถ่ายไปเรื่อยๆ แล้วส่งไปให้ทางสถานีโทรทัศน์กลางตัดต่อ
พอจบการติวเถิงอวิ้นเมิ่งก็กรีดร้อง โผเข้ากอดอิ๋งจื่อจิน “จื่อจิน สุดยอดไปเลย เธอคิดได้ยังไง”
“ไม่ได้คิด” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ก็แค่มองผ่านๆ”
เถิงอวิ้นเมิ่ง “…”
เฟิงเย่ว์ “…”
อยู่ๆ พวกเขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหาใหญ่
พวกเขาตั้งใจว่าจะช่วยติวให้นักเรียนอิ๋งจื่อจิน แท้จริงแล้วอิ๋งจื่อจินต่างหากที่เป็นเทพไม่เปิดเผยตัว!
เถิงอวิ้นเมิ่งมองตามหลังอิ๋งจื่อจินพลางพูดพึมพำ “เฟิงเย่ว์ พวกเราต้องกอดขาไว้แน่นๆ เลยนะ”
เฟิงเย่ว์พยายามหยิกตัวเอง ผ่อนลมหายใจออกมา “โชคดีที่ไม่ใช่ความฝัน”
…
นอกห้องเรียนใหญ่
อาจารย์เมิ่งยังไม่ไปไหน
พอเห็นอิ๋งจื่อจินออกมาก็เรียกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อิ๋งจื่อจิน”
เท้าของอิ๋งจื่อจินชะงักเล็กน้อย แต่ไม่ได้หยุดเดิน
“อย่าคิดว่าทำโจทย์ได้ข้อเดียวก็หลงระเริงได้แล้วนะ” อาจารย์เมิ่งทำสีหน้ารังเกียจ พูดประชด “ไอเอสซีแข่งขันความรู้หลายด้าน ผลการเรียนเธอไม่มั่นคงขนาดนั้น ต่อไปต้องตั้งใจติวหน่อย อย่าเป็นตัวถ่วงของเถิงอวิ้นเมิ่งกับเฟิงเย่ว์ล่ะ”
อิ๋งจื่อจินถึงหันมา
เธอยังไม่ทันพูดก็ได้ยินเสียงสดใสดังมาจากด้านข้าง
“ผมได้ยินอะไรเข้าครับเนี่ย” เจ้าของเสียงก็คือจั่วหลี เขามองอาจารย์เมิ่ง
“อาจารย์เมิ่ง ดูเหมือนอาจารย์จะไม่พอใจในตัวนักเรียนอิ๋งจื่อจินมากเลยนะครับ”
อาจารย์เมิ่งสีหน้าเปลี่ยน กระอักกระอ่วน “ศาสตราจารย์จั่วหลี”
เธอนึกไม่ถึงว่าจั่วหลีจะมาได้ยินเข้า
“ผมบอกอาจารย์เมิ่งแบบนี้แล้วกัน” จั่วหลียิ้ม พูดแดกดัน “อาจารย์เมิ่งไม่ได้รับหนังสือเชิญจากมหาวิทยาลัยตี้ตูให้ไปเป็นอาจารย์ แต่นักเรียนอิ๋งได้ แต่ว่าเธอก็ไม่สนใจ”
“คุณมีสิทธิ์อะไรไม่พอใจในตัวเธอเหรอครับ คู่ควรเหรอ”
จั่วหลีเป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ไม่เคยมีปัญหากับใคร
แต่ถ้าจะเอาเรื่องใครก็ด่าจนถึงขั้นร้องไห้ได้เลยทีเดียว อาจารย์เมิ่งอายุเกือบสี่สิบแล้ว ได้ยินแบบนี้ก็รับไม่ได้ สีหน้าของเธอซีดลงเล็กน้อย “ศาสตราจารย์จั่วคะ ล้อเล่นอะไรกัน”
นักเรียนมัธยมปลายจะได้หนังสือเชิญไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยตี้ตูได้ยังไง
พูดออกไปก็ไม่มีใครเชื่อ
“ผมไม่ได้ล้อเล่น” จั่วหลีขี้เกียจสนใจเธอ “ถ้าคุณไม่เชื่อ งั้นก็ไปที่ห้องทำงานของผมตอนนี้เลย หนังสือเชิญยังอยู่ในลิ้นชักโต๊ะผม ไปไหมครับ”
“ไม่…ไม่ล่ะค่ะ” อาจารย์เมิ่งถอยหลังไปหลายก้าว รีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ทำเป็นอวดดี” จั่วหลีทำเสียง เฮอะ หันไปพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“นักเรียนอิ๋ง ยาสระผมปลูกผมของเธอน่ะ พวกศาสตราจารย์ในคณะอยากสั่งรวมกันทีเดียว ช่วยลดให้อีกหน่อยได้ไหม”
“…”
…
ตอนเย็นไม่มีกิจกรรมติว พวกนักเรียนบางคนก็อ่านหนังสือ บางคนก็พักผ่อน
ซิวเหยียนนั่งอยู่ในห้องรับแขกของหอพัก เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คแล้วไลฟ์
เธอมาร่วมติวไม่ใช่เพื่อลงแข่งรอบสุดท้ายของไอเอสซีแค่อย่างเดียว แต่ยังเพื่อเพิ่มความนิยมในตัวเองอีกด้วย
ดาราคนอื่นไม่กล้าสร้างภาพลักษณ์เด็กเรียน แต่เธอกล้า เธอมีความสามารถนี้
“จริงสิ แนะนำให้ทุกคนรู้จักเพื่อนร่วมหอพักของฉันดีกว่าค่ะ” ซิวอวี่ถือคอมพิวเตอร์แล้วยืนขึ้น ไปเคาะประตูห้องของเถิงอวิ้นเมิ่ง
ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว
ตรงโซฟาที่อยู่ด้านใน นอกจากเถิงอวิ้นเมิ่งแล้วยังมีอิ๋งจื่อจินอีกคน
เถิงอวิ้นเมิ่งไม่อยากต้อนรับซิวเหยียนแม้แต่น้อย แต่เธอตาไว เห็นซิวเหยียนกำลังไลฟ์สดอยู่ เลยต้องข่มอารมณ์ไว้ “เพื่อนซิวมีธุระอะไรเหรอคะ”
“อยากให้โบนัสพวกแฟนคลับหน่อย” ซิวเหยียนเดินเข้าไปในห้องอย่างไม่เกรงใจ “อิ๋งจื่อจินก็อยู่ด้วย งั้นเดี๋ยวฉันไม่ต้องไปทางนั้นแล้ว”
เธอพูดกับกล้อง “นี่ก็คือเพื่อนสาวหน้าตาดีที่ฉันบอกทุกคนค่ะ ดูสิคะ สวยกว่าฉันอีกใช่ไหม”
ข้อความเลื่อนบนหน้าจอมีแต่คำชม
[ไม่นะๆ เบบี๋เหยียนสวยที่สุด!]
[ไม่มีใครสวยไปกว่าเบบี๋เหยียนของฉันอีกแล้ว]
อิ๋งจื่อจินไม่หันไป กำลังดูโทรทัศน์ ซิวเหยียนหันกล้องมาทางเธอ แต่ท่าทางไม่สนใจของเธอทำให้แฟนคลับของซิวเหยียนไม่พอใจ
[หยิ่งขนาดนี้เลยเหรอ ไม่สนใจแม้แต่เบบี๋เหยียน อวดดีจังเนอะ]
“จริงสิ ได้ยินว่าจื่อจินเป็นศิลปิน เขียนภาพเขียนอักษรก็เก่ง” ซิวเหยียนยิ้ม “พอดีเลย ฉันก็พอมีผลงานด้านนี้อยู่บ้าง พวกเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันดีไหม”
ต่อให้เถิงอวิ้นเมิ่งจะอดทนก็แทบทนไม่ไหวแล้ว
แต่แฟนคลับของซิวเหยียนประสาทแดกกันทั้งนั้น ถ้าเธอโวยวายออกไป มีหวังเดินๆ อยู่ข้างนอกได้โดนสาดน้ำร้อนใส่
อิ๋งจื่อจินยังคงกำลังดูละครน้ำเน่าตอนสองทุ่ม พอได้ยินแบบนั้นก็ตอบส่งเดช “งั้นๆ แหละ”
“จะงั้นๆ ได้ยังไง” ซิวเหยียนส่ายหน้า “เธอเป็นศิลปินภาพเขียนอักษรจะต้องเจ๋งมากแน่ ฉันเอาพู่กันกับกระดาษมาด้วย เอาให้เธอใช้ได้นะ”
อิ๋งจื่อจินหันมา พูดต่ออย่างช้าๆ “งั้นๆ แต่ถ้าเทียบกับเธอก็ดีกว่า”
รอยยิ้มของซิวเหยียนชะงัก
พวกแฟนคลับในไลฟ์สดโมโหยิ่งกว่าเดิม
[เบบี๋เหยียนเป็นถึงลูกศิษย์ของรองประธานสมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีน เธอเขียนได้ดีกว่าเบบี๋เหยียนอีกเหรอ]
[เบบี๋เหยียนบอกให้นางเขียน พวกเราจะรอดูว่านางจะเขียนออกมาเป็นแบบไหน]