ยิ่งใกล้ห้าโมงเย็น คนที่รอดูรายการในแอปฯ ก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันทางสถานีโทรทัศน์กลางก็ได้โพสต์เวยปั๋ว
แอทสถานีโทรทัศน์กลาง : [เพื่อเป็นการส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเผยแพร่กิจกรรมวิชาการ ทางสถานีของเราได้ส่งนักข่าวและช่างกล้องไปที่ค่ายติวไอเอสซีของประเทศจีนเพื่อทำการเก็บภาพและสัมภาษณ์ครับ
มีคนเคยชมตอนไลฟ์สดไปก่อนแล้ว คนที่พลาดก็ไม่ต้องกังวลครับ วันนี้รายการตอนแรกจะฉายบนแพลตฟอร์ม กด ที่นี่ เพื่อรับชมรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย!
ถ้าทุกคนชอบ ช่วยกดไลก์ให้ด้วยนะครับ (โทรโข่ง)]
แต่ไหนแต่ไรมาสถานีโทรทัศน์กลางไม่เคยมีรายการบันเทิง คนที่ติดตามย่อมไม่เยอะเท่าช่ององุ่น หรืออาจเรียกได้ว่าคนดูค่อนข้างซบเซา
อย่างไรเสียหลายปีก่อนหน้านี้สถานีโทรทัศน์กลางก็มีสไตล์ที่เข้มงวดมาตลอด มีเพียงช่วงไม่กี่ปีมานี้ที่เปลี่ยนผู้อำนวยการสถานี ถึงได้มีสไตล์ที่ผ่อนคลายลง
แต่นี่เป็นการประชาสัมพันธ์โครงการไอเอสซี หลังจากที่สถานีโทรทัศน์กลางโพสต์เวยปั๋วออกไป บรรดาบุคลากรที่มีชื่อเสียงของแวดวงวิชาการในประเทศจีนจำนวนไม่น้อยก็ได้แชร์โพสต์นี้
ไม่นานก็ไปปรากฏอยู่บนชาร์ตคำค้นยอดนิยมของเวยปั๋ว
#ศาสตราจารย์หลายคนแนะนำรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย!#
ถึงแม้จะยังสู้ความนิยมพวกข่าวบันเทิงข่าวซุบซิบไม่ได้ แต่ก็ประสบความสำเร็จติดอยู่ในสิบอันดับแรกของชาร์ต
แต่คนที่กดเข้ามาดูส่วนใหญ่เป็นเพราะสงสัยชื่อรายการ
[ตามมาเพราะชื่อรายการเลยนะ]
[ชื่อรายการนี้ ฉันแอบเดามั่วๆ ว่า ทางสถานีโทรทัศน์กลางไปแย่งตัวโปรดิวเซอร์ของช่ององุ่นมาหรือเปล่า]
ช่ององุ่นเป็นช่องเกี่ยวกับรายการบันเทิง มีรายการวาไรตี้มากมาย
รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 ที่ดังเป็นพลุแตกเมื่อต้นปีนี้ก็ออกอากาศทางช่ององุ่น เรทติ้งทะลุ 3.0
และกำลังจะมีรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ซึ่งก็ออกอากาศทางช่ององุ่นช่องเดียวเช่นกัน
เรียกได้ว่าเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ร้อนแรงอันดับหนึ่งเลยทีเดียว
เวลา 17.15 น. ยอดรวมผู้ชมทางออนไลน์มีมากถึงเก้าล้านคน
เนื้อหารายการตอนแรกส่วนใหญ่จะแนะนำเกี่ยวกับโครงการไอเอสซี รวมถึงบรรยากาศของค่ายติว
เนื้อหาการติวของนักเรียนจะมีแค่ครึ่งชั่วโมง
ส่วนใหญ่กล้องจะจับภาพไปที่เถิงอวิ้นเมิ่ง เฟิงเย่ว์ รวมถึงนักเรียนที่อยู่ในโครงการปกป้องอัจฉริยะ ทั้งยังมีการสัมภาษณ์พวกเขาโดยเฉพาะ
แต่ช่วงที่อิ๋งจื่อจินถูกอาจารย์เมิ่งเรียกออกไปทำโจทย์ได้ถูกใส่ลงไปทั้งหมด
ด้านข้างมีกรอบข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอ
ข้อความเลื่อนเริ่มมีเข้ามามากขึ้น
แต่แฟนคลับของซิวเหยียนกลับหายไปชั่วพริบตา
[โอ้โห! รีบดูพี่สาวคนนี้เร็ว สวยอะไรขนาดนี้ มีจริงดิ]
[อย่าว่าฉันงั้นงี้เลยนะ ซิวเหยียนเทียบกับพี่คนนี้กลายเป็นคนธรรมดาไปเลยหรือเปล่า แฟนคลับยังจะกล้าโม้ว่าทั้งสวยทั้งฉลาดอีกเหรอ แต่ซิวเหยียนไม่ได้ได้โควตาเข้ารอบนานาชาตินะ ตลกไหมล่ะ]
[ถึงฉันจะไม่เข้าใจโจทย์ข้อนี้ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการชมหน้าตา]
[ทุกคนๆๆ ฉันจะไปสมัครไอเอสซีแล้วนะ ถึงหัวสมองอย่างฉันจะไปร่วมเวทีเดียวกับพวกอัจฉริยะไม่ได้ แต่ก็ได้ถือว่าร่วมแข่งแล้ว ปะปนเข้าไป ฉันก็ถือว่าเป็นคนของเทพอิ๋งแล้ว!]
[ฉันเอาด้วยๆ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะเรียนรู้จากเทพอิ๋ง]
กระแสตอบรับของรายการหลังจากออกอากาศดีกว่าที่สถานีโทรทัศน์กลางกับมหาวิทยาลัยตี้ตูคาดไว้
อย่างไรเสียรายการที่เน้นวิชาการเป็นหลักแบบนี้ก็ทำให้คนเบื่อได้ง่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ายังเป็นงานแข่งขันระดับโลก ต่อให้เป็นเด็กหัวกะทิในบรรดาเด็กมัธยมปลายส่วนใหญ่ก็ดูไม่เข้าใจ
จั่วหลีดูรายการพลางดูยอดคนที่เข้ามาสมัครโครงการไอเอสซีในเว็บไซต์ทางการ
เขาเห็นจำนวนผู้สมัครในพื้นที่ประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รู้สึกดีใจมาก
จั่วหลีย่อมมองออกว่า ที่ได้รับผลตอบรับดีขนาดนี้เป็นเพราะ…หน้าตาของอิ๋งจื่อจิน
เขาแอบเศร้านิดหน่อย แต่ก็จำต้องยอมรับว่า พลังดึงดูดและอานุภาพของหน้าตามีประสิทธิภาพมหาศาล
จั่วหลีลูบหัว รู้สึกผมดกขึ้นมามากแล้ว
เขาเคยซื้อยาสระผมที่อ้างสรรพคุณ ‘ผมดก’ มาใช้หลายยี่ห้อ แต่ก็สู้ที่ซื้อมาจากอิ๋งจื่อจินไม่ได้
ในที่สุดปัญหาผมร่วงของเขาก็ได้รับการแก้ไขแล้ว
จั่วหลียกลังยาสระผมที่เพิ่งมาถึง เตรียมเอากลับไปแจกจ่ายให้เพื่อนร่วมงานของเขา
พอออกจากห้องพักของศาสตราจารย์ เขาก็เจออาจารย์เมิ่ง
อาจารย์เมิ่งเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ไม่ได้ดูรายการ
นับตั้งแต่คราวก่อนที่จั่วหลีต่อว่าแบบจัดหนักไปหนึ่งยก ทุกวันนี้เวลาเธอเห็นจั่วหลีก็จะเดินเลี่ยง นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอกันแบบนี้
อาจารย์เมิ่งจำต้องหยุดทักทายด้วยสีหน้าสุดจะเกร็ง “ศาสตราจารย์จั่ว”
จั่วหลีเห็นเธอก็ยิ้มให้ “ขอบคุณนะครับอาจารย์เมิ่ง”
อาจารย์เมิ่งอึ้ง “ขอบคุณฉันเหรอคะ”
“ใช่ครับ ต้องขอบคุณอาจารย์เมิ่งอยู่แล้ว” จั่วหลีพูดจริงจัง “ถ้าไม่ได้อาจารย์เมิ่งเรียกนักเรียนอิ๋งไปทำโจทย์ข้างหน้า คนอย่างเธอจะต้องขี้เกียจขยับตัวแน่นอนครับ”
“โชคดีที่ได้อาจารย์เมิ่ง รายการถึงเรียกกระแสได้มาก นักเรียนมอปลายที่สมัครเข้าร่วมโครงการไอเอสซีมีถึงสามแสนแล้วครับ”
อาจารย์เมิ่งโกรธจนหน้าเขียว “…”
จั่วหลียกกล่องยาสระผมเดินฮัมเพลงออกไป
…
ทางด้านโรงเรียนมัธยมชิงจื้อ
หลังจากที่ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ทราบเรื่องรายการจะออกอากาศ เขายังได้เป็นตัวตั้งตัวตีรวมกลุ่มนักเรียนมาร่วมชมด้วยกันเป็นการเฉพาะ
อิ๋งจื่อจินได้รับความนิยมมากในโรงเรียน ทางโรงเรียนไม่ต้องประกาศ พวกนักเรียนก็แห่ไปที่หอประชุมใหญ่กันเองแล้ว
ห้องสิบเก้าย่อมไปถึงก่อนเป็นห้องแรก พวกลูกน้องจองที่นั่งที่ดีที่สุดเอาไว้
ซิวอวี่ตั้งใจดูช่วงแรกของรายการ จนกระทั่งเห็นซิวเหยียน
“ยัยซิวเหยียนก็อยู่ด้วยแฮะ…” เจียงหรานสีหน้าเปลี่ยน เขาขมวดคิ้ว “เธอไม่เป็นไรนะ”
ซิวอวี่กอดหมอน เอาหน้าซุก พูดเสียงอู้อี้ “ไม่เป็นไร ฉันจะเป็นอะไรได้”
“รายการยังบอกด้วยว่าซิวเหยียนเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลซิว” น้ำเสียงของเจียงหรานเจือไปด้วยความหงุดหงิด เขาแสยะยิ้ม “พวกชุบมือเปิบ”
ซิวอวี่ฟังถึงตรงนี้ก็ทุ่มหมอนลงพื้น สีหน้าเย็นชาเตะเก้าอี้หนึ่งทีแล้วเดินออกจากหอประชุมโดยไม่หันกลับมามอง
ลูกน้องยังคงดูรายการด้วยความตื่นเต้นอยู่ พอได้ยินเสียงเขาก็หันกลับไปอย่างงุนงง “พี่หราน เจ๊อวี่เป็นอะไรเหรอ”
“วันนั้นของเดือนที่ผู้หญิงทุกคนต้องเจอ” เจียงหรานหงุดหงิด “ยังไม่ชินอีกเหรอ”
ลูกน้องเกาหัว “เฮ้อ ต้องโทษที่เมื่อก่อนเจ๊อวี่ชอบดึงหูพี่หรานเอะอะใช้กำลัง ผมก็เลยมองเจ๊แกเป็นผู้ชายน่ะสิ”
เจียงหราน “…”
โอเค เขามันด้อยกว่า
เจียงหรานก็ไม่อยากดูซิวเหยียนต่อ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ครุ่นคิด จากนั้นก็ตัดสินใจยอมเสียศักดิ์ศรี
พิมพ์ข้อความหาเจียงฮว่าผิง
[แม่ ช่วงสองปีนี้ที่ผมไม่อยู่ตี้ตู ระหว่างนี้ตระกูลซิวมีความเคลื่อนไหวอะไรไหม]
พอเขากดส่งข้อความนี้ออกไปก็มีเครื่องหมายตกใจสีแดงปรากฏ
อีกทั้งยังขึ้นกรอบข้อความว่า
[พี่ฮว่าผิงตั้งค่ายืนยันตัวตนเพื่อน คุณไม่ใช่เพื่อนของเธอ กรุณาส่งคำขอเป็นเพื่อน เมื่ออีกฝ่ายอนุญาตถึงจะเริ่มการสนทนาได้]
เจียงหราน “…”
โว้ย
แม่ลบเขาทิ้งแล้ว
…
อิ๋งเย่ว์เซวียนมากับคลาสเด็กอัจฉริยะ ดูรายการตั้งแต่ต้นจนจบ
เธอไม่ได้ให้คนขับรถมารับ เดินกลับเอง
จงมั่นหวาเห็นเธอกลับมาก็ทั้งเอ็นดูทั้งดีใจ “เสี่ยวเซวียน โรงเรียนอยู่ไกลขนาดนี้ทำไมอยากเดินกลับมาให้ได้ล่ะ”
“ช่วงนี้เรียนเหนื่อย” อิ๋งเย่ว์เซวียนพูดเสียงเบา “หนูเลยอยากออกกำลังกายบ้างค่ะ”
“เรียนเหนื่อยเหรอ” จงมั่นหวาเป็นห่วง “ไม่งั้นคืนนี้ลูกหยุดอ่านหนังสือก่อน แม่จะดูโทรทัศน์เป็นเพื่อน ผ่อนคลายหน่อย”
ขณะพูดจงมั่นหวาก็หยิบรีโมตออกมาเปิดโทรทัศน์
จงมั่นหวาไม่ชอบดูโทรทัศน์ โทรทัศน์ของบ้านตระกูลอิ๋งจึงไม่ค่อยถูกเปิด แต่ก็จ่ายค่ารายเดือนอยู่ตลอด มีครบทุกช่อง
พอเปิดโทรทัศน์ก็เริ่มที่ช่องแรก เป็นของสถานีโทรทัศน์กลางพอดี
เป็นตัวอย่างรายการ
อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง เธอเห็นชื่อรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย!
“แม่คะ หนูไม่อยากดูโทรทัศน์” ทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้น “แม่ออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนหนูได้ไหมคะ หนูอยากซื้อชุดใส่กันลมชุดใหม่”
อิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายมาตลอด น้อยครั้งที่จะขออะไรจากจงมั่นหวา
จงมั่นหวาครุ่นคิดแล้วพยักหน้า “ได้จ้ะ เดี๋ยวแม่ออกไปเป็นเพื่อน”
จากนั้นเธอก็แอบบ่น “ไม่รู้ว่าพ่อของลูกทำอะไรอยู่ที่เมืองนอกนักหนา หนึ่งปีที่ผ่านมานี้กลับบ้านน้อยลงเรื่อยๆ”
อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “หนูก็ไม่รู้ค่ะ แม่ลองถามพี่ดูนะคะ”
พอพูดถึงอิ๋งเทียนลี่ว์ จงมั่นหวาก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน เธอใส่เสื้อคลุม ไม่พูดอะไร “ไปเถอะ”
อิ๋งเย่ว์เซวียนหยิบรีโมตกดปิดทีวีแล้วเดินออก
ตอนนี้ความคิดเดียวที่อยู่ในใจเธอก็คือ จงมั่นหวาไม่เล่นเวยปั๋วไม่เล่นอินเตอร์เน็ต ไม่มีทางรู้ว่าอิ๋งจื่อจินก็เรียนเก่งด้วย
เธอไม่รู้ว่าจะขวางไปได้นานเท่าไร แต่ได้เท่าไหนก็เท่านั้น
…
เมืองตี้ตู
นอกค่ายติว
เวลาสองทุ่มครึ่งพวกเจ้าหน้าที่ถ่ายทำรายการถึงออกไปกันหมด
เวลานี้พวกอาจารย์กับนักเรียนต่างกลับเข้าห้องพักของตัวเองแล้ว
นายใหญ่ตระกูลเฝิงหรี่ตามอง จากนั้นก็มองท้องฟ้า “ตอนนี้ได้ละ พวกนายปีนกำแพงเข้าไปทางนั้น ตระกูลซิวส่งข้อความมาบอกว่าหอพักนักเรียนหญิงอยู่ด้านในสุด จำไว้เข้าไปเงียบๆ อย่าทำคนอื่นแตกตื่น”
พวกบอดี้การ์ดมองหน้ากันแล้วพยักหน้า
ขณะที่นายใหญ่ตระกูลเฝิงกำลังจะพูดอะไรต่อ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้น
เขากดรับ “ฮัลโหล มีอะไร”