คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 265 บรรดาคนหนุนหลังของบอสอิ๋ง

ปลายสายคือพ่อบ้านเฝิง

เขารายงานเรื่องทางโรงพยาบาล

“ว่าไงนะ” นายใหญ่ตระกูลเฝิงหน้านิ่ว “ฮว่าเอ๋อร์ถูกฉีดยานอนหลับไปหนึ่งเข็ม ตอนนี้ตื่นแล้ว โวยวายหนักยิ่งกว่าเดิมอีกเหรอ เขาอยากมาที่ค่ายติวงั้นเหรอ”

พ่อบ้านเฝิงเองก็กลุ้ม “ใช่ครับ คุณชายอารมณ์รุนแรงมาก คุณท่าน สมองของคุณชายได้รับการกระทบกระเทือนหรือเปล่าครับ แต่หมอก็ตรวจสมองของคุณชายไม่พบความผิดปกติ บอกว่าทุกอย่างปกติดี”

“พ่อบ้านเฝ้าไปก่อน” นายใหญ่ตระกูลเฝิงพูด “ฮว่าเอ๋อร์เจ็บหนักขนาดนั้น ต้องควบคุมอารมณ์ของเขาให้สงบก่อนถึงจะช่วยฟื้นฟูบาดแผลได้ดี ถ้าไม่ไหวก็ให้หมอฉีดยานอนหลับอีกเข็ม”

เขาเองก็ติดต่อไปทางไดนาสตี้เคทีวีแล้ว

สุดท้ายแน่ใจแล้วว่าอิ๋งจื่อจินไม่มีคนหนุนหลังแม้แต่คนเดียว

แต่นี่ก็ไม่เพียงพอให้เขาวางใจได้อย่างสิ้นเชิง นายใหญ่ตระกูลเฝิงยังได้ส่งคนไปสืบอีก และก็รู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นลูกเลี้ยงของตระกูลอิ๋งในฮู่เฉิง แต่ตอนนี้ถูกไล่ออกจากบ้านแล้ว

หลังจากนายใหญ่ตระกูลเฝิงสั่งพ่อบ้านเสร็จ พวกบอดี้การ์ดที่ติดตามมาก็เดินอ้อมไปตรงพุ่มไม้ด้านหลังทางขวา

ค่ายติวอยู่เขตชานเมือง เงียบสงบมาก บริเวณรอบๆ ไม่มีคนเท่าไร

พวกบอดี้การ์ดผ่านการฝึกฝนมาโดยเฉพาะพวกเขาเลี่ยงบริเวณที่มีรัศมีของกล้องวงจรปิด ส่งนายใหญ่ตระกูลเฝิงปีนกำแพงเข้าไปก่อนจากนั้นถึงปีนข้ามตามไป

ตลอดทางราบรื่นมาก

ค่ายติวมีพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่มีนักเรียนอยู่แค่สิบสองคน รวมกับอาจารย์ และศาสตราจารย์อีกแค่ไม่กี่คน พื้นที่เหลือเฟือ

นายใหญ่ตระกูลเฝิงดูแผนที่จนไปถึงหอพักนักเรียนหญิงที่อยู่ด้านในสุด

นี่เป็นอาคารสไตล์ฝรั่งมีสามชั้น แต่ละห้องเปิดไฟสว่างหมดพร้อมปิดม่าน

ทางตระกูลซิวบอกเขาว่า ห้องที่อิ๋งจื่อจินอยู่คือห้องชั้นสามทางขวา

นายใหญ่ตระกูลเฝิงหรี่ตามอง “พวกนายขึ้นไปก่อน จากนั้นค่อยดึงฉันขึ้นไป”

เขาต้องการจับคนที่ทำร้ายลูกชายของเขาจนบาดเจ็บสาหัสด้วยตัวเอง

ขณะพูดนายใหญ่ตระกูลเฝิงยังได้มองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครสังเกตเห็นทางนี้ ในที่สุดก็โล่งอก

อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีทางแตะต้องนักเรียนที่อยู่ในโครงการคุ้มครองอัจฉริยะ แค่อิ๋งจื่อจินคนเดียว หายไปคนไม่น่ามีปัญหาอะไร

ห้านาทีต่อมานายใหญ่ตระกูลเฝิงก็ขึ้นไปถึงชั้นสามได้สำเร็จ

ชั้นสามนอกจากจะมีห้องของอิ๋งจื่อจินแล้ว เถิงอวิ้นเมิ่งกับซิวเหยียนก็อยู่ชั้นนี้ด้วยเหมือนกัน นายใหญ่ตระกูลเฝิงขยิบตาให้บอดี้การ์ดคนหนึ่ง เพื่อบอกให้ไปเปิดประตู

บอดี้การ์ดเข้าใจ หยิบเครื่องมือออกมาเริ่มเปิดประตูใช้เวลาแค่สิบกว่าวินาทีก็ปลดล็อกได้

นายใหญ่ตระกูลเฝิงผลักประตูทันทีแล้วบุกเข้าไป

แต่พอเขาเข้าไปก็ชนกับกำแพงมนุษย์ที่แข็งแกร่ง

นายใหญ่ตระกูลเฝิงถึงกับงง

พวกบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังก็ตะลึง

ในห้องนอนไม่มีแม้แต่เงาของเด็กสาว แต่กลับเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่สี่คน

พวกเขาอยู่ในชุดเครื่องแบบเหมือนกัน ตรงมุมซ้ายบนของเสื้อติดเข็มกลัดอยู่หนึ่งอัน

หน่วยอีจื้อทีมสองกับทีมสาม

“รอตั้งนานในที่สุดพวกสวะนี่ก็มากันสักที” หัวหน้าทีมสองทำเสียงฮึดฮัด ไม่ให้เวลานายใหญ่ตระกูลเฝิงไหวตัวทัน หยิบกุญแจมือออกมาใส่ให้เขา

“แกก็ระมัดระวังรอบคอบดีเหลือเกินนะ แค่มีอะไรผิดปกตินิดหน่อยก็ไม่กล้าลงมือแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าออกมาจับคน”

เกิดเสียงหึ่งๆ ในสมองนายใหญ่ตระกูลเฝิง ชั่วขณะนั้นไม่เข้าใจคำพูดนี้ เขาเงยหน้าเหมือนหุ่นยนต์ก็เห็นเข็มกลัดติดหน้าอกของหัวหน้าทีมสองพอดีราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ ร่างกายของนายใหญ่ตระกูลเฝิงสั่นขึ้นมาทันใด พูดด้วยความตะลึง

“หะ…หน่วยอีจื้อ!” ครั้งล่าสุดที่หน่วยอีจื้อออกปฏิบัติการในตี้ตูคือเมื่อเดือนมีนาคม

เรื่องที่ตระกูลอู๋แอบทำอย่างลับๆ อยู่ๆ ก็ถูกคุ้ยออกมาทั้งหมด และยังเกี่ยวพันไปถึงอุบัติเหตุทางเครื่องบินกับรถยนต์ ตระกูลอู๋ทั้งหมดถูกจับเรียบร้อย

เรื่องนี้ทำให้ตระกูลน้อยใหญ่ในตี้ตูต่างอกสั่นขวัญแขวน

นอกจากตระกูลมู่กับตระกูลเนี่ยที่มีการเข้มงวดภายในตระกูล ก็มีอีกแค่ไม่กี่ตระกูลที่ไม่เคยยุ่งกับพวกเรื่องสีเทา

เพียงแต่ส่วนใหญ่จะไม่เคยทำร้ายคนให้ผิดกฎหมาย และก็อยู่ในขอบเขตที่กฎหมายกำหนด

แต่ถ้าถูกหน่วยอีจื้อจับตาดูเมื่อไรก็จะถูกขุดออกมาจนพรุน สมองของนายใหญ่ตระกูลเฝิงหยุดทำงานไปชั่วขณะ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหน่วยอีจื้อถึงเพ่งเล็งมาที่ตระกูลเฝิง

ในบรรดาตระกูลจำนวนมากในตี้ตู ตระกูลเฝิงไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย

“แต่สุดท้ายก็ขึ้นมาแล้ว” หัวหน้าทีมสามแสยะยิ้ม “แบบนี้เรียกว่ามาให้จับถึงที่ จะมาโทษพวกเราไม่ได้นะที่ต้องจับแกเข้าคุก”

“เสียเวลาพูดกับมันทำไม” หัวหน้าทีมสองบอกให้เจ้าหน้าที่อีกสองคนเข้าไปใส่กุญแจมือบอดี้การ์ด

“เอาตัวไป”

อิ๋งจื่อจินไม่ได้อยู่ที่ค่ายติว

เพราะเซิ่งชิงถังก็มาตี้ตูเป็นการเฉพาะ หลังจากได้รับแจ้งข่าวว่ามู่เหวยเฟิงถูกรักษาหายแล้ว เซิ่งชิงถังจึงตั้งใจเชิญเธอไปกินข้าวที่ร้านอาหารภายในสมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีน

“คุณหมอเทวดา ขอบคุณคุณหมอมากจริงๆ” เซิ่งชิงถังหอบส้มโอที่ปลูกเองมาให้หลายลูก

“ถ้าไม่ได้คุณหมอ ชีวิตนี้ผมคงจะไม่รับลูกศิษย์จริงๆ แล้ว”

มู่เหวยเฟิงอยู่ในระหว่างพักฟื้น แต่ตอนนี้ลงจากเตียงได้แล้ว

ต้นตอของโรคถูกกำจัด เขาก็ได้โทรไปบอกเซิ่งชิงถังด้วยความดีใจ บอกว่าขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ได้แล้ว

อิ๋งจื่อจินคีบขนมกุ้ยฮวา พยักหน้าเล็กน้อย

“ก่อนหน้านี้ฉันบอกแล้วว่าฉันรักษาคนโดยดูจากชะตาลิขิต ลูกศิษย์ของท่านผู้เฒ่าถือว่าชะตาต้องกันกับฉัน” ถ้าวันนั้นเธอไม่ได้ตรวจดูดวงชะตาของมู่เหวยเฟิง ก็ไม่มีทางรู้สถานการณ์ของเขา

กว่าจะถึงเวลาที่นัดกัน มู่เหวยเฟิงก็อาจตายไปก่อนแล้ว

“อืมๆ ก็คงชะตาต้องกันจริงๆ” อยู่ๆ เซิ่งชิงถังก็ดีใจขึ้นมา เขาหยั่งเชิง

“คุณหมอเทวดา ในเมื่อชะตาต้องกัน ถ้างั้นคุณหมอ…”

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น พูดโทนเสียงเย็นชา “ทำไมเหรอคะ”

“เปล่า ไม่มีอะไรครับ” สุดท้ายเซิ่งชิงถังก็กลืนคำพูดที่เหลือกลับไป “คุณหมอเทวดา กินสิครับ ขนมแบบนี้มีแค่ที่นี่อีกเดี๋ยวผมจะทำบัตรกินข้าวของที่นี่ให้ คุณหมอมาได้ตลอดเวลา”

อันที่จริงเขาอยากเป็นพ่อสื่อให้ลูกศิษย์ของเขากับคุณหมอเทวดา แต่เพื่อความปลอดภัย ไม่ดีกว่าไม่พูดจะดีกว่า

อิ๋งจื่อจินวิจารณ์รสชาติแบบที่เห็นได้ยาก “รสชาติดีค่ะ”

“ใช่ไหมล่ะ” เซิ่งชิงถังภูมิใจ “เชฟของที่นี่ผมเอาภาพวาดไปหลอกเขากลับมาจากเมืองนอกเลยนะ เขาเคยอยู่ร้านมิชลินสามดาว ฝีมือดีมาก” คิดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ

“คุณหมอเทวดา วันนี้เย็นมากแล้ว ทางสมาคมเลิกงานกันหมดแล้ว ไหนๆ คุณหมอก็มาตี้ตูแล้ว ไม่สู้ไว้หาเวลามาเอาบัตรประจำตัวดีไหมครับ”

อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วครู่ “วันเสาร์นี้แล้วกันค่ะ”

“ครับๆ” เซิ่งชิงถังพยักหน้าต่อเนื่อง จากนั้นก็ถามต่อ “งั้นวันพรุ่งนี้กับวันมะรืนนี้ทำอะไรเหรอครับ”

“สอนเด็กบื้อค่ะ”

“…”

เวลานี้นายใหญ่ตระกูลเฝิงกับพวกบอดี้การ์ดได้ถูกคุมตัวไปที่ห้องสอบสวนของหน่วยอีจื้อเรียบร้อยแล้ว ตากลมหนาวมาตลอดทาง ในที่สุดสมองของนายใหญ่ตระกูลเฝิงก็กลับมาทำงานอีกครั้ง

หน่วยอีจื้อรู้ว่าเขาจะมาจับคนที่ค่ายติวก็เลยมารอล่วงหน้าอย่างนั้นเหรอ

“ตั๊กแตนไล่จับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง” หัวหน้าทีมสองวางเอกสารปึกหนึ่งลง “แต่น่าเสียดายที่คุณอิ๋งไม่ใช่จักจั่น และแกก็ไม่คู่ควรเป็นตั๊กแตน”

คำเรียกแทนตัวแบบนี้ทำให้นายใหญ่ตระกูลเฝิงสีหน้าเปลี่ยน “เธอเป็นคนของหน่วยอีจื้อเหรอ!”

“ฉลาดมาก” หัวหน้าทีมสองยักไหล่ “แต่คุณอิ๋งไม่อยากทำงาน ก็เลยแค่เอาชื่อมาใส่ไว้”

นายใหญ่ตระกูลเฝิงเหงื่อแตกยิ่งกว่าเดิม มีคนอยู่หน่วยอีจื้อแต่ไม่ทำงานด้วยเหรอ แค่มีชื่อในตำแหน่งเนี่ยนะ คนที่เขาจับเป็นถึงคนของหน่วยอีจื้อ!

สมองของนายใหญ่ตระกูลเฝิงตื้อไปอีกรอบ คิดทบทวนคำพูดนี้ไม่หยุด นี่เขาจะจับตัวผู้บังคับใช้กฎหมายเลยเหรอ เขาอุตส่าห์รอบคอบขนาดนั้นก็ยังจะเจอของแข็ง!

ถูกหน่วยอีจื้อพามาที่นี่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่ามีคนไปค้นตระกูลเฝิงแล้ว

“ไม่ พวกคุณแตะต้องตระกูลเฝิงตอนนี้ไม่ได้ ผมเซ็นสัญญากับยูรันส์ไปแล้ว” สีหน้าของนายใหญ่ตระกูลเฝิงเริ่มแย่ลง “พวกคุณต้องให้ผมกับทางยูรันส์คุยกันให้เรียบร้อยก่อน”

ขอเพียงแต่ให้เวลาเขา เขาจะไปหาตระกูลซิวจะต้องมีทางรอดแน่นอน

นายใหญ่ตระกูลเฝิงเหงื่อแตก ภายนอกทำเป็นแข็งแกร่ง แต่ภายในกลับกลัวมาก

“ขอผมโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ ผมจะโทรหาผู้จัดการของยูรันส์”

ยูรันส์เป็นบริษัทเครื่องสำอางของฝั่งยุโรป อยู่ในเครือวีนัสกรุ๊ป

กิจการที่อยู่ในเครือวีนัสกรุ๊ปมีมากมายนับไม่ถ้วน

อย่าว่าแต่ตระกูลเศรษฐีในตี้ตูเลย แม้แต่มหาเศรษฐีของยุโรปก็ไม่มีคนไหนที่ไม่อยากผูกมิตรกับวีนัสกรุ๊ป

ตระกูลเฝิงย่อมไม่มีทางเข้าตาวีนัสกรุ๊ป แต่เป็นเพราะตระกูลเฝิงทำน้ำหอมสูตรใหม่ขึ้นมาได้ ถึงได้ร่วมงานกับยูรันส์

แต่ยูรันส์ก็เป็นเพียงบริษัทเล็กๆ ในเครือวีนัสกรุ๊ป

“พอได้แล้ว แกไม่มีทางได้โทรศัพท์มือถือ” หัวหน้าทีมสองฮึดฮัด

“คนแบบแกพวกเราเจอมาเยอะ อย่ามาทำหัวหมอ”

“ผมพูดจริง!” นายใหญ่ตระกูลเฝิงร้อนใจจนเหงื่อแตกพลั่ก

“ไม่ว่าอย่างไงคุณก็ต้องให้ผมคุยออเดอร์นั้นกับยูรันส์ให้เสร็จก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน ยูรันส์เป็นกิจการเครื่องสำอางในเครือวีนัสกรุ๊ป พวกเขาจะเสียหายไม่ได้”

ตระกูลมู่เป็นอาณาจักรธุรกิจอันดับหนึ่งของตี้ตู แม้แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำการค้ากับบริษัทลูกของวีนัสกรุ๊ปเสียหาย

“โอ๊ะ ข่มขู่เสียด้วย” หัวหน้าทีมสองแคะหูทำสีหน้าพิลึก

“ไม่มีหรอกผู้จัดการของยูรันส์ มีแต่ซีอีโอของวีนัสกรุ๊ป เพิ่งมาถึงอยากเจอหน่อยไหมล่ะ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset