นายใหญ่ตระกูลเฝิงที่กำลังครุ่นคิดว่าจะหาทางหลุดพ้นจากที่นี่อย่างไร พอได้ยินคำพูดนี้ก็อึ้ง “ว่าไงนะครับ”
วีนัสกรุ๊ปเป็นบริษัทเดียวในตอนนี้ที่มีกำลังมากพอที่จะต่อกรกับตระกูลลอเรนท์ได้
แต่วีนัสกรุ๊ปทำธุรกิจอยู่แค่ในยุโรปมาตลอด ปีนี้เพิ่งเริ่มเบนเข็มมาทางประเทศจีน ได้รู้จักกับบริษัทและตระกูลต่างๆ มากมาย
ด้วยเหตุนี้เมื่อก่อนนายใหญ่ตระกูลเฝิงจึงแค่เคยได้ยินชื่อเสียงอันโด่งของวีนัสกรุ๊ปเท่านั้น แต่ไม่ได้สนใจเท่าไร
นับตั้งแต่กิจการของตระกูลตัวเองได้ร่วมงานกับบริษัทที่อยู่ในเครือวีนัสกรุ๊ป นายใหญ่ตระกูลเฝิงถึงได้รู้ว่าวีนัสกรุ๊ปมีอิทธิพลใหญ่ขนาดไหนในยุโรป
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ถึงแม้วีนัสกรุ๊ปจะมีชื่อปรากฏสูสีกับตระกูลลอเรนท์มาตลอด แต่ทั้งสองฝ่ายก็อยู่กันคนละวงการ
ตระกูลลอเรนท์ชอบเงิน เปิดแต่ธนาคาร ควบคุมเส้นเลือดใหญ่เศรษฐกิจของทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ขนาดไหน การโอนเงินเข้าออกก็ล้วนต้องผ่านธนาคารลอเรนท์
แต่วีนัสกรุ๊ปต่างกัน วีนัสกรุ๊ปมีความเกี่ยวข้องในหลายๆ ธุรกิจ อาทิ เทคโนโลยี เครื่องแต่งกายเครื่องประดับ เครื่องสำอางบำรุงผิว เป็นต้น
ฝ่ายหนึ่งคือตระกูลเก่าแก่อันดับหนึ่งของโลก อีกฝ่ายหนึ่งคือเครือบริษัทยุคใหม่ การร่วมงานกันของทั้งสองฝ่ายก็มีอยู่ไม่น้อย
บริษัทในเครือหลายบริษัทถูกวีนัสกรุ๊ปซื้อกิจการมา ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นตัวแทนของวีนัสกรุ๊ปโดยตรง
การที่ร่วมงานกับบริษัทเครื่องสำอางยูรันส์ได้ นายใหญ่ตระกูลเฝิงก็รู้สึกว่าโชคหล่นทับแล้ว
เขาแทบไม่ต้องคิดเรื่องที่จะได้เจอกับผู้บริหารระดับสูงของวีนัสกรุ๊ป
แถมเป็นซีอีโอด้วยเหรอ
ล้อเล่นหรือเปล่า
ถึงแม้ช่วงหนึ่งปีมานี้หลายกิจการของวีนัสกรุ๊ปจะทยอยเอนเอียงมาทางประเทศจีนบ้างแล้ว แต่สำนักงานใหญ่กับกิจกรรมส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ที่ยุโรป
ซีอีโอของวีนัสกรุ๊ปเป็นปริศนายิ่งกว่า ไม่มีใครรู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย อายุมากหรือยัง
มีบริษัทอื่นๆ ในยุโรปเดาว่า วีนัสกรุ๊ปอาจไม่มีซีอีโออย่างที่ว่ากันนี่หรอก แท้จริงแล้วเป็นเครือบริษัทที่หลายตระกูลมหาเศรษฐีเก่าแก่ยกเว้นตระกูลลอเรนท์ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา เพื่อเอาไว้ใช้ต่อกรกับตระกูลลอเรนท์
แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ไม่มีหลักฐาน อย่างไรเสียวีนัสกรุ๊ปกับตระกูลลอเรนท์ก็ไม่มีทางขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กันแน่นอน
“ล้อผมเล่นเหรอ” หลังจากนายใหญ่ตระกูลเฝิงหายอึ้งก็โมโห “ถ้าซีอีโอของวีนัสกรุ๊ปอยู่ที่นี่ ผมจะเด็ดหัวให้ดูเลย”
“โอ้โห” หัวหน้าทีมสามที่อยู่ข้างๆ ถึงกับตกใจ “มาใจกล้าในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ แต่โทษของแกไม่ถึงตาย ไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นหรอก”
ขณะที่นายใหญ่ตระกูลเฝิงกำลังอยากพูดอะไรต่อ ทันใดนั้นประตูห้องสอบสวนก็เปิดออก
มีคนสองคนเดินเข้ามา
หนึ่งในนั้นนายใหญ่ตระกูลเฝิงรู้จัก เป็นหลานชายคนโตของตระกูลเนี่ย ชื่อเนี่ยอี้
หัวหน้าทั้งสองรีบกำมือคารวะ “หัวหน้า”
นายใหญ่ตระกูลเฝิงสีหน้าเปลี่ยนไปมาก “ที่แท้ที่คุณไปจากตระกูลเนี่ยก็เพื่อเข้าหน่วยอีจื้อ!”
เรื่องที่เนี่ยอี้เป็นผู้บัญชาการของหน่วยอีจื้อ ในตระกูลเนี่ยก็มีแค่ผู้เฒ่าเนี่ยกับเนี่ยเฉาเท่านั้นที่รู้
เรื่องแบบนี้ต้องเก็บเป็นความลับ
โดยปกติเวลาหน่วยอีจื้อออกปฏิบัติการเนี่ยอี้จะไม่ได้ไปด้วย ตึกสำนักงานใหญ่แห่งนี้เขาก็ไม่ค่อยมา
คนภายนอกลือกันว่าผู้เฒ่าเนี่ยไล่เนี่ยอี้ออกจากตระกูล
เนี่ยอี้เป็นคนพูดน้อยมาตลอด สุขุมเก็บความรู้สึก
เขาเองก็ไม่ได้มองนายใหญ่ตระกูลเฝิง นั่งลงที่โซฟาด้านข้าง พยักหน้าเล็กน้อย “อวิ๋นเซิน มีคนอยากเด็ดหัวนาย”
พอได้ยินแบบนี้ นายใหญ่ตระกูลเฝิงก็หันขวับไปหาผู้ชายที่พิงกำแพงอยู่
ผู้ชายคนนั้นรูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางไม่แยแส
ดวงตาดอกท้อแพรวพราว ไม่ต่างจากพวกคุณชายเสเพลของตี้ตู
ยกเว้นหน้าตาที่โดดเด่นเกินใคร
นายใหญ่ตระกูลเฝิงมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนตี้ตู ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่เขาจะไม่เคยเห็น
ทันใดนั้นเขาก็เกิดความคิดที่เหลือเชื่อ พูดเสียงหลง “คุณคือซีอีโอของวีนัสกรุ๊ป!”
ซีอีโอของวีนัสกรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ในยุโรปเป็นคนจีนเหรอเนี่ย
แถมยังหนุ่มขนาดนี้ด้วย!
“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินหันมา เลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่ขนาดนั้นหรอก เพราะผมไม่ค่อยทำงาน”
นายใหญ่ตระกูลเฝิงถึงโล่งอก
“ส่วนใหญ่ให้ลูกน้องดูแล” ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งเล็กน้อย สายตาเย็นชา รังสีอำมหิตแผ่ซ่านเบาๆ “ยูรันส์ยกเลิกความร่วมมือไปแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะสร้างความเสียหายอะไรให้ผม และผมก็ไม่ได้เสียดายเงินแค่นี้ด้วย”
ตระกูลเฝิงล้ำเส้นของเขา
ถ้าเด็กน้อยของเขาไม่เป็นวิชาแพทย์แผนโบราณและไม่มีวรยุทธ์ ก็ยากที่จะรอดจากยาหลอนประสาทรวมถึงยาอื่นๆ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฝิงฮว่าที่อยากย่ำยีศักดิ์ศรีของผู้หญิง
สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ยังให้เวลาตระกูลเฝิงได้ส่งเฝิงฮว่าเข้าโรงพยาบาลเป็นเพราะเกี่ยวพันถึงชีวิต ป้องกันเขาตาย ไม่อย่างนั้นจะคิดบัญชีไม่ได้
หัวหน้าทีมสองรู้งาน ชี้เอกสารฉบับหนึ่ง “นี่คือพวกเด็กสาวที่ลูกชายคนดีของแกเคยย่ำยีในช่วงหลายปีมานี้ แถมยังทำตายไปสามคน”
“โทษตายยังน้อยไป วางใจได้ ไว้เขาลงจากเตียงได้เมื่อไร หน่วยอีจื้อจะต้อนรับอย่างดี”
เมื่อเทียบกับคนทั่วไป ตระกูลเฝิงกิจการใหญ่โต แค่ใช้อำนาจนิดหน่อยก็จบเรื่องได้
และก็มีแค่หน่วยอีจื้อที่กล้าแตะต้อง
หัวหน้าทีมสองเดาว่า พวกเขาควรต้องรับคนเพิ่มอีกแล้ว
ถ้าขุดความชั่วทั้งเมืองตี้ตูคงลากออกมาได้หลายคน
แต่ว่ามีคนทำงานไม่พอ
มนุษย์ต่างก็มีความคิดเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้แม้แต่เนี่ยอี้ เพื่อเป็นการรักษาความยุติธรรม ตอนเข้าหน่วยเขาถึงได้ให้คำสัตย์สาบานว่าจะออกจากตระกูลเนี่ย จงรักภักดีแค่หน่วยอีจื้อเท่านั้น
เมื่อเป็นแบบนี้หน่วยอีจื้อจึงหาคนเข้ามาทำงานยากยิ่งกว่าไอบีไอ
“ส่วนแก ความผิดไม่ถึงกับต้องตาย” หัวหน้าทีมสองพูด “วางใจได้ พวกเรามีหน้าที่แค่กำจัดพื้นที่สีเทาของตระกูลเฝิง คนตระกูลเฝิงที่บริสุทธิ์จะไม่มีทางเดือดร้อนไปด้วยแน่นอน”
นายใหญ่ตระกูลเฝิงไม่ได้ยินคำพูดตอนหลังแล้ว เนื้อตัวเย็นเฉียบ
ตระกูลเฝิงก็เหมือนตระกูลอื่นๆ ที่ไม่ได้มีสายเขาแค่สายเดียว พอเขาล้ม จะต้องมีคนดีใจแน่นอน
“เอาล่ะ ซีอีโอก็มาเจอแกแล้ว” หัวหน้าทีมสองกวักมือ “ไปเถอะ”
เขากับหัวหน้าทีมสามคุมตัวนายใหญ่ตระกูลเฝิงออกไป
ภายในห้องสอบสวนเหลือเพียงฟู่อวิ๋นเซินกับเนี่ยอี้สองคน
เนี่ยอี้จะพูดเยอะแค่กับฟู่อวิ๋นเซิน เขาเอ่ย “อวิ๋นเซิน หาคนพวกนั้นเจอหรือยัง”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ มองท้องฟ้ายามราตรีนอกหน้าต่าง ดวงตาดอกท้อเหม่อลอย
“ยังไม่เจอสินะ” พอเห็นสีหน้าแบบนี้เนี่ยอี้ก็เข้าใจแล้ว “ไม่รู้จริงๆ ว่าใครที่โหดเหี้ยมได้ขนาดนั้น”
เพียงชั่วพริบตาผ่านไปยี่สิบปีแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลฟู่ตอนนั้นยังคงเป็นปริศนา
เนี่ยอี้หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “แต่ช่วงนี้นายควบคุมอารมณ์ได้ ถือว่าดีขึ้นแล้ว”
พอได้ยินแบบนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็หันหน้ามา เขายิ้ม ริมฝีปากโค้งดูอ่อนโยน “ฉันใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความแค้นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันถูกความแค้นครอบงำ”
เขาพูดแบบนี้ออกมาด้วยท่าทีสบายๆ “ปลายเดือนฉันก็จะกลับฮู่เฉิงแล้ว ยังมีอะไรให้ช่วยอีกก็บอกมาได้”
เนี่ยอี้พยักหน้า “รบกวนนายด้วย”
…
วันที่สิบห้า การแข่งขันรอบคัดเลือกของไอเอสซีเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
นักเรียนมัธยมปลายที่เข้าร่วมรอบคัดเลือกจะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเฉพาะจากเว็บไซต์ทางการ
นอกจากชาร์ตจัดอันดับรวม แต่ละประเทศก็จะมีการจัดอันดับต่างหากอีกด้วย
ประมวลผลทุกสิบนาที เรียงอันดับตามคะแนน
พวกเถิงอวิ้นเมิ่งกับเฟิงเย่ว์ได้โควตาเข้ารอบนานาชาติ พวกเขาจึงไม่ได้เข้าร่วม
คนอื่นๆ อย่างซิวเหยียน รวมถึงอันดับหนึ่งคลาสเด็กอัจฉริยะชั้นมอห้าของชิงจื้อจำเป็นต้องผ่านการคัดเลือกถึงจะได้โควตาของรอบนานาชาติไป
จั่วหลีดูคะแนนของพื้นที่ประเทศจีนแล้วก็หน้านิ่ว
ตอนนี้คะแนนรวมของประเทศจีนยังตามหลังอยู่หลายโซนพื้นที่ เช่น ประเทศในยุโรป อเมริกา
แต่เริ่มตอนเก้าโมง เพิ่งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงยังสรุปแน่นอนไม่ได้
อันที่จริงจั่วหลีก็มีคาดการณ์ไว้
ตอนนี้นักเรียนมัธยมปลายมีความกดดันสูงเรื่องการเรียน อีกทั้งตอนประชาสัมพันธ์โครงการพวกเขาก็บอกแล้วว่าต้องเอาเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นหลัก
นักเรียนส่วนใหญ่จึงทำโจทย์ยามว่าง คะแนนก็เลยกระเตื้องช้า
จั่วหลีกดรีเฟรชหน้าคะแนนใหม่ เห็นสิบอันดับแรกได้ถูกพวกประเทศทางยุโรปยึดครองไปแล้ว
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้องทำงานของเขา
จั่วหลีดึงสติกลับมา “เชิญ”
อิ๋งจื่อจินเปิดประตูเข้ามา “ศาสตราจารย์จั่ว”
“นักเรียนอิ๋งมาแล้วเหรอ อาจารย์อยากให้เธอช่วยดูโจทย์พวกนี้หน่อย” ศาสตราจารย์จั่วยกคอมพิวเตอร์มา “นี่เป็นโจทย์ที่ศูนย์ฟิสิกส์สากลส่งมา อาจารย์แก้ขั้นนี้ไม่ออก ผลจำลองสุดท้ายก็เลยออกมาไม่ได้”
อิ๋งจื่อจินก้มตัวเล็กน้อย มองหน้าจอ
นี่เป็นโจทย์เกี่ยวกับกลศาสตร์ควอนตัม
เธอเองก็เพิ่งเริ่มเรียนหลังจากกลับมาอยู่โลกมนุษย์อีกครั้ง
เมื่อหลายร้อยปีก่อนเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคปัจจุบัน แต่เธอก็เคยมีแนวคิดเกี่ยวกับด้านนี้ตั้งแต่ตอนค้นคว้ากับไซมอน แบรนด์
ต้องพูดเลยว่าสติปัญญาของมนุษย์ล้ำหน้ากว่าอะไรทั้งนั้น
“รอเดี๋ยวนะคะ” อิ๋งจื่อจินรับคอมพิวเตอร์มา มือเริ่มเคาะบนแป้นคีย์บอร์ด
จั่วหลีมองตาไม่กะพริบ
สิบนาทีต่อมาอิ๋งจื่อจินก็กดเริ่มการจำลอง
แถบความคืบหน้าเริ่มเคลื่อน ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างรวดเร็ว
การจำลองสำเร็จ!
จั่วหลีตาโต “ออกมาแล้ว!”
“ศาสตราจารย์จั่วคะ หนูไฮไลท์แถบแดงขั้นนี้ไว้ให้แล้ว” อิ๋งจื่อจินบอก “อันที่จริงอาจารย์คิดได้แล้วแต่ยังขาดอยู่นิดหน่อย หนูเองก็ดูจากสูตรด้านหน้าของอาจารย์แล้วมาเสริมด้านหลัง”
ระยะเวลาที่เธอเรียนกลศาสตร์ควอนตัมสั้นเกินไป ถ้าจั่วหลีไม่ทำด้านหน้ามาก่อน ก็ใช่ว่าเธอจะแก้ได้
จั่วหลีพูดขึ้น “ไม่หรอก อาจารย์ขาดก็แค่ผมดกดำและหนามากแบบเธอ”
“…”
“พรุ่งนี้พวกอาจารย์จะมีภารกิจให้แต่ละกลุ่ม” จั่วหลีลูบผมของตัวเอง “พวกเธอต้องทำเครื่องมือฟิสิกส์ขึ้นมาหนึ่งชิ้น นักเรียนอิ๋ง อาจารย์ว่าเธออยู่เฉยๆ ไปแหละ ให้พื้นที่คนอื่นได้แสดงฝีมือบ้าง”
อิ๋งจื่อจินชะงัก “ได้ค่ะ”
เธอพยักหน้าแล้วออกจากห้องทำงาน
จั่วหลีดูการแก้โจทย์อย่างละเอียดอีกรอบ พอเข้าใจหมดแล้วเขาถึงส่งผลการทดลองไปให้ทางศูนย์ฟิสิกส์สากล
…
ตกเย็น
คะแนนการจัดอันดับของชาร์ตไอเอสซีก็พุ่งขึ้นเร็วยิ่งกว่าเดิม
คะแนนรวมของอันดับหนึ่งอยู่ที่เจ็ดสิบแปดคะแนนแล้ว นี่ก็หมายความว่าที่หนึ่งของชาร์ตรวมตอบคำถามปกติสิบข้อหมดแล้ว พร้อมทำโจทย์เสริมไปสามสิบสี่ข้อ
คะแนนนี้น่ากลัวมาก
อันดับสองของชาร์ตรวมได้แค่หกสิบสี่คะแนน
ส่วนชาร์ตของพื้นที่ประเทศจีนอันดับหนึ่งได้ห้าสิบสองคะแนน
คะแนนเท่านี้อยู่ได้แค่อันดับสิบของชาร์ตรวม
หลังจากที่ชาร์ตจัดอันดับนี้ถูกเอาไปลงเว็บ ชาวเน็ตต่างชาติก็คอมเมนต์กันมากมาย
[ประเทศจีนเป็นเจ้าแห่งวิชาการไม่ใช่เหรอ เห็นได้เหรียญทองไอเอ็มโอทุกปี คะแนนรวมแบบทีมก็เป็นที่หนึ่งทุกปี ทำไมครั้งนี้ผลงานแย่ล่ะ]
[ตอนนี้อันดับหนึ่งของประเทศจีนอยู่โรงเรียนมัธยมในสังกัดมหาวิทยาลัยตี้ตู ดูท่าก็ไม่ไหวเหมือนกัน สู้โรงเรียนเอลานไม่ได้]
[โรงเรียนเอลานมันระดับโลก สู้ไม่ได้อยู่แล้ว]
[อยากรู้ว่ารอบคัดเลือกครั้งนี้ประเทศจีนจะมีคนขึ้นถึงสามอันดับแรกของการจัดอันดับรวมได้ไหม ที่หนึ่งได้ห้าสิบสองคะแนน แค่นี้เหรอ ไม่ไหวแล้วเหรอ]