เมื่อศตวรรษก่อนเทคโนโลยีของประเทศจีนล้าหลังกว่าใครมาตลอด เทียบไม่ได้กับประเทศที่เจริญแล้วแม้แต่น้อย
ในด้านวิชาการก็เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้จึงมีคนจำนวนมากออกไปเรียนรู้จากต่างประเทศ เมื่อเรียนจนประสบความสำเร็จแล้วก็กลับประเทศบ้านเกิด
แต่เมื่อย่างเข้าศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเป็นต้นมา ความเจริญก้าวหน้าของประเทศจีนก็ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านทรัพยากรบุคคล
ปีที่แล้วการแข่งขันระดับนานาชาติทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ ชีววิทยา เคมี เทคโนโลยีสารสนเทศ ทีมนักเรียนที่ประเทศจีนส่งไปก็ล้วนได้รับเหรียญทองทั้งหมด คะแนนรวมประเภททีมก็ยังเป็นอันดับหนึ่ง
แต่นอกจากพวกเถิงอวิ้นเมิ่งสามคนแล้ว นักเรียนคนอื่นๆ ที่ได้รางวัลต่างก็เข้ามหาวิทยาลัยไปหมดแล้ว จึงเข้าแข่งขันไอเอสซีไม่ได้
โดยเฉพาะการจัดอันดับชาร์ตรวมในวันแรกของไอเอสซี อันดับหนึ่งของพื้นที่ประเทศจีนเพิ่งจะอยู่อันดับสิบของชาร์ตรวม
ซึ่งก็ทำให้คนชาติอื่นที่เคยถูกกดไว้ต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
คอมเมนต์แย่ๆ ของชาวเน็ตต่างชาติปรากฏเยอะมาก
[บอกแล้วว่าไอเอสซีไม่ได้ทดสอบแค่ทฤษฎี ยังทดสอบความสามารถเชิงปฏิบัติด้วย วันนี้น้องสาวที่เป็นญาติฉันยังได้โจทย์จำลองการทดลอง พวกนักเรียนของประเทศจีนด้อยกว่าพวกเราเยอะในด้านปฏิบัติ]
[รู้หรือเปล่าว่าอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมคือใคร อัจฉริยะของอเมริกาที่เพิ่งเข้ามาปีนี้ ถ้ามีเธอคนนี้อยู่รับรองที่หนึ่งไม่มีทางตกไปอยู่ในมือคนอื่น]
[ฉันจำได้ว่านักเรียนของประเทศจีนที่ปีที่แล้วได้เหรียญทอง พวกคนคะแนนสูงๆ เข้ามหา’ลัยหมดแล้วหรือเปล่า จึ๊ๆ น่าเสียดาย ดูท่านักเรียนมอปลายรุ่นนี้ของประเทศจีนจะไม่เก่งเท่าไร]
[อย่าว่าแต่จะสามารถสร้างหน้าประวัติศาสตร์ได้อีกหรือเปล่าเลย เอาแค่จะขายหน้าไหมก็ยังเป็นปัญหา ขอถามหน่อยถ้าทางคณะกรรมการไม่แบ่งโควตาให้ ประเทศจีนจะมีนักเรียนสักกี่คนที่เข้ารอบสุดท้ายของไอเอสซีได้ด้วยความสามารถของตัวเอง(อีโมชันยิ้ม)]
การท้าทายระดับชาติแบบนี้ ไม่มีใครทนไหว
ถึงแม้คนในประเทศส่วนใหญ่จะท่องเว็บนอกไม่ได้ แต่ก็มีชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ ชาวเน็ตต่างชาติคุยเรื่องนี้กันอย่างออกอรรถรส ส่วนใหญ่จะเป็นแนวเหยียบย่ำ
ไม่นานก็มีตัวแทนด่าด้วยความฉุนเฉียว
[พวกบ้า! คำพูดคำจาบ่งบอกอายุสมอง ฉันไม่อยากเสียเวลาด่าด้วยภาษาของพวกแกหรอก รอดูเลย ไม่เกินสามวัน อย่าว่าแต่ติดสามอันดับแรกของชาร์ตรวมเลย แม้แต่อันดับหนึ่งของชาร์ตรวมก็ต้องเปลี่ยนคน!]
แต่คอมเมนต์นี้ก็ถูกกลืนหายไปท่ามกลางคอมเมนต์เยาะเย้ยจำนวนมากอย่างรวดเร็ว
เดิมทีในประเทศไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร จนกระทั่งคอมเมนต์เหล่านี้ของชาวเน็ตต่างชาติถูกแคปเอามาลงเวยปั๋ว มีคนที่ด่าชาวเน็ตต่างชาติ และก็มีคนที่มุดวีพีเอ็นออกไปด่าในเว็บนอก ความโด่งดังของไอเอสซีได้พุ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพราะสงครามคีย์บอร์ดครั้งนี้ ต่อให้เป็นคนที่ไม่สนใจด้านวิชาการก็ยังรู้ว่ามีงานแข่งขันวิชาการระดับนานาชาติแบบนี้อยู่ด้วย
ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ยอดคนสมัครเข้าร่วมไอเอสซีในโซนพื้นที่ประเทศจีนก็ได้พุ่งขึ้นอย่างน่ากลัวจนถึงเก้าแสนคน
ตัวเลขระดับนี้ หลายประเทศในยุโรปรวมกันก็ยังสู้ไม่ได้
ไม่เคยมีงานแข่งขันระดับนานาชาติที่ไหนที่มีคนสมัครเข้าร่วมเยอะขนาดนี้
ก็แค่ไอเอสซีกำหนดไว้ว่ารับแต่นักเรียนมัธยมปลาย ไม่อย่างนั้นจะมีคนสมัครเข้าร่วมเยอะกว่านี้
…
วันต่อมา
ระหว่างกินข้าวเช้าภายในค่ายติวก็คุยกันเรื่องนี้
“น่าโมโหเป็นบ้า” เถิงอวิ้นเมิ่งโกรธมาก “เฟิงเย่ว์ พวกเราสมัครเข้าร่วมรอบคัดเลือกเดี๋ยวนี้เลย ก็แค่สามอันดับแรกของชาร์ตรวมไม่ใช่เหรอ ทำไมจะทำไม่ได้”
เมื่อวานเธออ่านคอมเมนต์ในเวยปั๋วอยู่หนึ่งชั่วโมง เกือบโมโหจนทึ้งผมหมดหัว
“เมิ่งเมิ่ง ใจเย็นก่อน” เฟิงเย่ว์ก็โมโหไม่แพ้กัน เขากระซิบ “พวกเราไม่มีกำลังเหลือไปทุ่มเทให้รอบคัดเลือกแล้ว เป้าหมายของพวกเราคือรอบนานาชาติ”
“อย่างไรซะพวกเราก็ไม่เหมือนโรงเรียนเอลานหรือโรงเรียนอื่นๆ ของต่างประเทศที่มีตัวเลือกจำนวนมาก พวกเขาส่งนักเรียนเก่งๆ ไปเข้าร่วมรอบคัดเลือกได้อีกแต่พวกเราไม่ใช่”
เถิงอวิ้นเมิ่งเงียบ เธอไม่ปฏิเสธเรื่องนี้
ถึงแม้ตอนนี้ประเทศจีนจะถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกในด้านวิชาการ แต่คนที่เก่งจริงๆ ก็มีอยู่ไม่เท่าไร
อย่างโรงเรียนเอลาน พวกเขามีโควตานักเรียนสิบคนที่สามารถทะลุเข้ารอบนานาชาติได้ทันที แถมยังมีนักเรียนหัวกะทิเหลืออีกห้าหกคน
นักเรียนหัวกะทิเหล่านี้ไม่ได้โควตาทะลุเข้ารอบนานาชาติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาความสามารถไม่ถึง เป็นเพราะโควตามีน้อยต่างหาก
ความสามารถของพวกเขาด้อยกว่าเถิงอวิ้นเมิ่งกับเฟิงเย่ว์เพียงเล็กน้อย
การที่โรงเรียนเอลานให้เด็กหัวกะทิเหล่านี้ไปลงแข่งขันรอบคัดเลือกเท่ากับเป็นการทรมานนักเรียนจากที่อื่นชัดๆ
“เมิ่งเมิ่ง ใจเย็นๆ” เฟิงเย่ว์ทำเสียงฮึดฮัด “ก็แค่รอบคัดเลือก ปีหน้าเจอกันรอบนานาชาติ เดี๋ยวจะทำให้พวกเขาเห็นความร้ายกาจของประเทศจีน”
ด้วยความสามารถของเฟิงเย่ว์กับเถิงอวิ้นเมิ่ง ถ้าไปลงแข่งขันรอบคัดเลือกจะได้อันดับหนึ่งหรือไม่นั้นยังไม่ชัวร์ แต่ติดห้าอันดับแรกคงไม่มีพลาด
“แต่นักเรียนจากอเมริกาที่อยู่อันดับหนึ่งก็เก่งจริงๆ” เฟิงเย่ว์เปิดเวยปั๋วดูอันดับคะแนนรวมในตอนนี้
“เมิ่งเมิ่ง พวกเราก็เคยทำโจทย์แนวนี้ ฉันว่าฉันทำคะแนนขนาดนี้ในวันเดียวไม่ได้หรอก”
คะแนนของอันดับหนึ่งในชาร์ตรวมคือ
อันดับที่หนึ่ง : อแมนด้า สหรัฐอเมริกา หนึ่งร้อยสามสิบสี่คะแนน
“คะแนนเท่านี้ควรจะเข้ารอบนานาชาติไปเลยมากกว่า” เถิงอวิ้นเมิ่งดื่มน้ำผลไม้พลางขมวดคิ้ว
“ดูท่าครั้งนี้คู่แข่งจะเก่งกว่าที่เราคิด”
ขณะพูดเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นอิ๋งจื่อจินกำลังเดินหาวมาทางนี้
เถิงอวิ้นเมิ่งโบกมือให้ “จื่อจิน ทางนี้”
อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เดินเข้าไปพร้อมนมหนึ่งแก้ว ยังคงหาวอยู่ ง่วงเสียจนเหมือนมีอะไรมาทับเปลือกตาไว้ งัวเงียมองไม่ชัด
เธอเห็นสีหน้าของเถิงอวิ้นเมิ่งไม่ค่อยดี “มีอะไรเหรอ”
เถิงอวิ้นเมิ่งไม่บอก แต่กลับถอนหายใจ “เปล่า ผมฉันร่วงเยอะแยะเลย”
อิ๋งจื่อจินหน้าตาของทีมพวกเขาสติปัญญาล้ำเลิศ ไม่มีทางลงแข่งรอบคัดเลือกแน่
แต่เฟิงเย่ว์พูดถูกรอบคัดเลือกไม่เท่าไรหรอก ไว้ปีหน้าเจอกันรอบนานาชาตินั่นต่างหากเป็นรอบชี้วัด
…
อีกด้านหนึ่ง
ซิวเหยียนละสายตาอย่างเงียบๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอสังเกตอิ๋งจื่อจินมาหลายวันแล้ว ก็คือตั้งแต่วันนั้นที่อิ๋งจื่อจินถูกอาจารย์เมิ่งเรียกไปทำโจทย์ข้างหน้า
ปกติถ้ามีงานกลุ่มอะไรก็จะเป็นเฟิงเย่ว์กับเถิงอวิ้นเมิ่งทำ อิ๋งจื่อจินนั่งมองอยู่ข้างๆ
เหตุการณ์แบบนี้ทำให้ซิวเหยียนเกิดความสงสัยว่าน่าจะเป็นเหมือนในประวัติส่วนตัวที่ระบุไว้ว่า อิ๋งจื่อจินก็แค่เก่งบางครั้งบางคราว
เธอเลยไม่ได้เก็บเอาอิ๋งจื่อจินมาใส่ใจอีก
แต่พอรายการเก่งแบบนี้ยกนิ้วให้เลย!
ของสถานีโทรทัศน์กลางออกอากาศไป อิ๋งจื่อจินก็ขโมยซีนของเธอหมด ถึงขั้นที่เธอเริ่มมีแอนตี้แฟนกลุ่มเล็กๆ เพิ่มเข้ามา
ซิวเหยียนซดโจ๊ก คิ้วขมวดแน่นกว่าเดิม
นักเรียนหญิงโรงเรียนเดียวกันที่นั่งข้างๆ ดึงแขนเสื้อเธอ “เหยียนเหยียน ตอนนี้เธอคะแนนเท่าไรเหรอ”
พวกเธอสองคนมาจากโรงเรียนเอกชนเหวินเต๋อ ค่าเทอมปีๆ หนึ่งหลายแสน และยังไม่รวมค่าชุดนักเรียน
นักเรียนที่เข้าไปเรียนได้จะต้องมีฐานะทางบ้านที่ร่ำรวยมาก แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะเรียนไม่เก่ง มู่อวี่ซีก็อยู่โรงเรียนนี้เช่นกัน สอบกลางภาคปีนี้ยังได้อันดับเก้าของเมือง
นักเรียนหญิงคนนี้กับซิวเหยียนถูกโรงเรียนเอกชนเหวินเต๋อส่งมาเข้าค่ายติว แต่พวกเธอไม่ได้ได้โควตาเข้ารอบนานาชาติ เลยต้องทำโจทย์รอบคัดเลือก
ซิวเหยียนหุบยิ้ม “เมื่อวานยุ่งมาก ขนาดโจทย์ปกติสิบข้อฉันยังทำไม่เสร็จเลย”
ในความเป็นจริงเธอทำแค่โจทย์ปกติ แถมยังผิดหนึ่งข้อทั้งหมดได้เก้าคะแนน
โจทย์ปกติยากน้อยกว่าโจทย์แข่งขันหรือก็คือระดับความยากเทียบเท่าการจำลองสอบปกติของนักเรียนมอปลายโรงเรียนดัง ไม่ถือว่ายากอะไรสำหรับซิวเหยียน
เพียงแต่เธอประกาศพักงานหนึ่งเดือน ทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ในวงก็พลอยต้องหยุดพักงานไปด้วย
รายการวัยรุ่นสร้างฝันที่เฟ้นหาคนมีพรสวรรค์สุดท้ายได้เดบิวต์เป็นวงเก้าคน
ชื่อวงว่า ยูธเจเนอเรชั่น (Youth Generation)
แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้สมาชิกคนที่เก้าอย่างลั่วจื่อเย่ว์ได้เข้าไปพัวพันกับคดีคัดลอกผลงานอย่างรุนแรง ทั้งยังล่วงเกินเซี่ยมั่นอวี่ราชินีภาพยนตร์ระดับโลก จึงทำให้วงยูธเจเนอเรชั่นเสื่อมเสียชื่อเสียงไปมาก
ทางวงจึงให้ลั่วจื่อเย่ว์ถอนตัว ตอนนี้เหลือสมาชิกเพียงแปดคน
ซิวเหยียนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าทางสถานีโทรทัศน์กลางจะทำรายการ เธอถึงได้มาทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มคะแนนนิยมของตัวเอง
เธอเป็นดารา และก็เป็นเด็กเรียนเก่งด้วยเช่นกัน
มนุษย์เป็นสัตว์ที่รับรู้ผ่านการมองเห็น มักจะให้ความสนใจกับของสวยๆ งามๆ
เรื่องเดียวที่ซิวเหยียนคาดไม่ถึงก็คืออิ๋งจื่อจิน เธอกินโจ๊กจนหมดเช็ดปากเสร็จ
“พรุ่งนี้ฉันไม่ออกไปกับพวกเธอแล้วนะ ฉันจะไปที่สมาคมศิลปะอักษรพู่กันหน่อย”
เพื่อนร่วมโรงเรียนได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกอิจฉา “เหยียนเหยียน เธอเก่งจัง เรียนดีหน้าตาก็สวย แถมยังเขียนอักษรพู่กันได้ยอดเยี่ยมอีก”
ซิวเหยียนไม่พูดอะไร เธอยกถาดเดินออกไป
…
สมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนอยู่ถัดจากถนนใกล้วิทยาเขตเก่าของมหาวิทยาลัยตี้ตูไปหนึ่งเส้น
วันหยุดสัปดาห์ทางสมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนจะเอาภาพอักษรจำนวนหนึ่งออกมาวางให้บรรดานักท่องเที่ยวได้ชมกันเป็นการเฉพาะ
อิ๋งจื่อจินมาถึงตอนสิบโมงเช้า เธอเดินตามเซิ่งชิงถังไปเอาบัตรประจำตัวที่ประธานสมาคมคนปัจจุบัน
เซิ่งชิงถังใส่ชื่อเธอเป็นหนึ่งในกรรมการสมาคม บอกว่าเธอไม่ต้องทำงานอะไรในนั้นก็ได้
ถ้าสนใจและมีเวลาจะมาช่วยชี้แนะพวกคนใหม่ที่นี่ก็ได้เช่นกัน
“คุณหมอเทวดา ในที่สุดผมก็พาคุณหมอมาที่สมาคมของเราได้” เซิ่งชิงถังภาคภูมิใจ
“เอาให้ตาเบิร์กอกแตกตาย ยายแก่จั๋วหลานหันอีกคน”
ซิวเหยียนที่เดินอยู่ตรงประตูทางเข้าอยู่ๆ ก็หยุดลง รีบเงยหน้ามองไป