ไม่เพียงเท่านี้ นอกจากเถิงอวิ้นเมิ่ง กลุ่มอื่นๆ ก็ไปซื้ออะไหล่ที่ถนนตงจยาเช่นกัน
ถนนตงจยามีร้านที่ขายอะไหล่พวกนี้สิบกว่าร้าน อยู่แถวมหาวิทยาลัยตี้ตู ทั้งนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตูได้ซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นในการทดลอง
ทางมหาวิทยาลัยตี้ตูต้องการให้นักศึกษาลงมือปฏิบัติมากกว่าเน้นพวกทฤษฎี
ภายในมหาวิทยาลัยตี้ตูก็มีห้องทดลองระดับประเทศหลายห้อง
“มีอะไรเหรอ” จั่วหลีอึ้งเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบแฟลชไดร์อันนั้นมา “ขออาจารย์ดูหน่อย”
ขณะพูดเขาก็เปิดคอมพิวเตอร์ที่ฝังอยู่ในโพเดียมพลางกดจอฉายบนกระดานดำให้เลื่อนลงมา
สีหน้าของซิวเหยียนกลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง เจือไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
เธอจ้องจั่วหลีเขม็ง หน้าผากที่ขาวผ่องมีเหงื่อซึมออกมา
ซิวเหยียนอยากเข้าไปห้าม แต่เธอกลับไม่มีเหตุผล
คนอื่นๆ ก็อยู่ในอาการงุนงง ไม่รู้ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดเรื่องอะไร
เถิงอวิ้นเมิ่งเอะใจ เธอกระซิบถาม “จื่อจิน เธอสงสัยว่ามีคนเล่นตุกติกกับอะไหล่ที่ฉันซื้อมา เลยถามว่าฉันซื้อที่ไหนเหรอ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “เพราะเครื่องมือถูกล็อกไว้ในห้องของเธอ ไม่มีใครเข้าไปแตะต้องได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงเล่นงานจากอะไหล่”
เรื่องเล็กน้อยที่มองออกได้ตั้งแต่แรกแบบนี้ จะใช้ญาณพยากรณ์ก็เปลืองฟรี
ใบหน้าตุ๊กตาของเถิงอวิ้นเมิ่งยับยู่ยี่
“แต่เถ้าแก่ที่ขายอะไหล่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเสียหน่อย ทำไมเขาต้องเล่นงานฉันด้วย”
อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ เธอหันไป “ดูเอาเองแล้วกัน”
เวลานี้จั่วหลีได้กดเปิดคลิปกล้องวงจรปิดที่อยู่ในแฟลชไดร์
โปรเจคเตอร์ฉายภาพขึ้นกระดาน ทุกคนในห้องเรียนใหญ่เห็นพร้อมกันหมด เป็นภาพภายในร้านขายอะไหล่ เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในร้าน
เดิมทีซิวเหยียนยังมีท่าทางใจเย็น จนกระทั่งเธอเห็นตัวเองอยู่ในคลิปนั้น
ต่อมาก็ได้ยินเสียงสนทนาของตัวเองกับเถ้าแก่ร้าน ได้ยินเข้าหูชัดเจนทุกประโยค
ซิวเหยียนแข้งขาหมดแรง เกือบล้มคาส้นสูง
“ซิวเหยียน!” เถิงอวิ้นเมิ่งอารมณ์เดือดขึ้นมาทันที “เธอมันร้ายกาจจริงๆ”
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึงว่าซิวเหยียนจะไปเตี๊ยมกับเถ้าแก่ร้านที่เธอจะไปซื้อไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อให้ขายอะไหล่ที่มีปัญหาให้เธอ
อะไหล่ชนิดนี้ส่งตรงมาจากโรงงาน เป็นชิ้นส่วนแผ่นวงจร ถ้าไม่รื้อออกมาดูทีละชิ้นเถิงอวิ้นเมิ่งก็จะมองไม่ออกว่ามีปัญหาที่อะไหล่
เธอกับเฟิงเย่ว์ปรึกษากันไว้ว่าจะไปซื้อที่ร้านนั้น ซิวเหยียนคงได้ยินเข้า
คนอื่นๆ ก็ตะลึงมาก พากันหันไปมองซิวเหยียนรวมถึงนักเรียนหญิงที่มาจากโรงเรียนเดียวกันกับเธอ
“ซิวเหยียน ตอนแรกสุดที่เธอมาเข้าค่ายติว อาจารย์บอกเธอไว้ว่าอย่างไร” สีหน้าของจั่วหลีที่ใจดีมาตลอด เวลานี้กลับเคร่งขรึม เขาวางหนังสือในมือกระแทกลงไปบนโต๊ะ
“ที่นี่คือค่ายติวของไอเอสซี ไม่ใช่วงการบันเทิง ถ้าเธอจะมาติวที่นี่ก็ต้องเก็บนิสัยความเคยชินในวงการบันเทิงเอาไว้ให้หมด!”
สีหน้าของซิวเหยียนเริ่มซีดลงทีละนิด เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ
“ใช้วิธีชั้นต่ำแบบนี้เล่นงานเพื่อนนักเรียนด้วยกันเหรอ” จั่วหลีแสยะยิ้ม ตำหนิอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย
“อาจารย์ขอใช้คำเปรียบเทียบที่อาจไม่ค่อยเหมาะสม เธอคิดว่าตัวเองเป็นฮองเฮาในละครวังหลวง ไม่อยากให้นางสนมคนอื่นตั้งท้องงั้นเหรอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร”
ตอนอายุสิบแปดปีเขาเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูได้โดยผ่านการคัดเลือกพิเศษ ทั้งยังเป็นการเข้าเรียนระดับปริญญาเอกโดยตรง
หลังจากจบปริญญาเอกเขาก็ไปต่อยอดที่เมืองนอกหลายปีแล้วกลับมาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยตี้ตู
จั่วหลีเป็นคนที่ถูกจัดอยู่ในประเภทที่ว่าไม่เคยคลุกคลีกับวงการบันเทิง ถึงขั้นที่ว่าเขาไม่รู้จักว่าราชาภาพยนตร์ชั้นแนวหน้าอย่างซังเย่าจือเป็นใคร
ก็แค่บางครั้งเคยเห็นตามป้ายโฆษณาข้างทาง รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง
ส่วนซิวเหยียน ดารามีกระแสที่เพิ่งเดบิวต์ได้หนึ่งปีจั่วหลียิ่งไม่มีทางให้ความสนใจ และศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยตี้ตูอย่างจั่วหลี พวกตระกูลใหญ่ต่างก็อยากรับเข้าไปทำงานด้วยทั้งนั้น
ซิวเหยียนย่อมไม่มีทางใช้อิทธิพลของตระกูลซิวกดดันจั่วหลี
ตอนนั้นจั่วหลีไม่ค่อยอยากให้ซิวเหยียนเข้าค่ายติว กลัวว่าเธอจะทำตัวเหมือนอยู่วงการบันเทิง
เพียงแต่ผลการเรียนของซิวเหยียนก็ไม่ถือว่าขี้เหร่อีกทั้งทางโรงเรียนเอกชนเหวินเต๋อก็ส่งมาเอง และเธอยังรับรองเป็นอย่างดีว่าไม่มีทางทำตัวแย่เขาจึงอนุญาต
นี่เพิ่งติวได้ครึ่งเดือนก็เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว
โชคดีที่แค่อะไหล่ไหม้ ถ้าเกิดเหตุระเบิดขึ้นมาจะทำอย่างไร
“เธอไปเก็บข้าวของตอนนี้เลย” จั่วหลีปิดคลิปกล้องวงจรปิด “แล้วออกไปจากค่ายติวเดี๋ยวนี้”
พอได้ยินแบบนี้ซิวเหยียนก็เงยหน้าขึ้นทันที ริมฝีปากสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ “ศาสตราจารย์จั่ว”
“ไอเอสซีไม่ต้องการให้คนแบบนี้เข้าร่วม” ยิ่งไปกว่านั้นจั่วหลีไม่รู้จักการเห็นใจเด็กสาวหน้าตาดี
“เธอรีบกลับวงการบันเทิงของเธอไปเลยดีกว่า คนที่นี่รับมือกับเธอไม่ไหว”
ใช่ว่าจั่วหลีจะไม่เคยพบเจอการเล่นสกปรกเล็กน้อยแบบนี้ แม้แต่ในมหาวิทยาลัยตี้ตูที่มีความเข้มงวดก็ยังเคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะช่วงก่อนที่รายชื่อคนได้โควตาเรียนต่อจะออก
ถูกตำหนิต่อหน้าทุกคนแบบนี้ มีเหรอที่ซิวเหยียนจะทนอยู่ต่อได้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก รีบสาวเท้าเดินออกจากห้องเรียนใหญ่
ก่อนไปยังได้เหลือบมองอิ๋งจื่อจินแวบหนึ่ง
อิ๋งจื่อจินยังนึกถึงจุดนี้ได้ เห็นทีเธอจะต้องรับมืออย่างจริงจังแล้ว
เธอปล่อยให้ซิวอวี่มีกองหนุนไม่ได้อย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะส่งผลต่อตำแหน่งของเธอในตระกูลซิว
“รายงานเรื่องนี้ไปทางคณะกรรมการ” จั่วหลีหันหน้าไปพูดกับอาจารย์อีกคนที่ตามมาด้วย
“ไม่ต้องให้เธอเข้าร่วมรอบคัดเลือกแล้ว” อาจารย์คนนั้นพยักหน้าแล้วออกไปติดต่อ
นักเรียนคนอื่นไม่กล้าพูดอะไร
“วันนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนให้ดี” จั่วหลีไม่ได้โมโหต่อ “พรุ่งนี้ยังต้องติวต่อ เตรียมสภาพจิตใจให้พร้อม”
พูดจบเขาก็กวักมือเรียกอิ๋งจื่อจินไปข้างๆ
“เอ่อ ศาสตราจารย์ของคณะคอมพิวเตอร์ไม่ได้ติดต่อเธอมาใช่ไหม”
โดยทั่วไปกล้องวงจรปิดภายในร้านแบบนี้ เจ้าของร้านไม่มีทางให้คนนอก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเกี่ยวพันถึงเรื่องแบบนี้
จั่วหลีเดาได้เลยว่า อิ๋งจื่อจินคงไปแฮกระบบกล้องวงจรปิดของร้านแล้วเซฟคลิปส่วนนี้มา
อิ๋งจื่อจินหาว “ไม่มีค่ะ”
“งั้นก็ดีๆ” จั่วหลีโล่งอก “คณะคอมพิวเตอร์มีศาสตราจารย์อาวุโสอยู่คนนึงที่คารมดีมาก อาจารย์กลัวเธอจะถูกเขาหลอกไป” จั่วหลีถือหนังสือเดินออกไป อารมณ์ดีพอสมควร
ขณะที่อิ๋งจื่อจินกำลังเตรียมจะกลับไปนอน โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เป็นสายจากต่างประเทศ เธอไม่ค่อยอยากรับ แต่สุดท้ายก็ฝืนใจกดรับ
คนที่โทรมาคือเบิร์ก
“อาจารย์อิ๋ง ทำไมหนีไปลงแข่งวิชาการล่ะครับ” เขาเจ็บปวดใจ “ช่างเถอะ ช่างมันเถอะ เดิมทีคุณก็เป็นนักเรียนอยู่แล้ว แต่อาจารย์อิ๋งไปเข้าสมาคมศิลปะอักษรพู่กัน แบบนี้ไม่ยุติธรรมหรือเปล่าครับ”
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วครู่ “รู้ได้อย่างไรคะ”
“ผมจะไม่รู้ได้เหรอ” พอพูดถึงเรื่องนี้เบิร์กก็อารมณ์ฉุนเฉียว “เมื่อวานตาแก่หัวดื้อนั่นอุตส่าห์โทรข้ามทวีปมาโม้ให้ผมฟัง ผมละอยากเอากระดานวาดรูปฟาดหน้า”
อิ๋งจื่อจินเริ่มคิดแล้วว่าเธอจะบล็อกวีแชทของเซิ่งชิงถังดีไหม ปลายสายเปลี่ยนเป็นเสียงของอีกคน
“ฮัลโหลๆ อาจารย์อิ๋ง ผมบาร์ตนะครับอย่าไปฟังเขาวาดเวิดอะไรกัน เล่นเปียโนดีกว่าอาจารย์อิ๋งต้องเล่นเปียโนนะครับ แต่จะว่าไปก็น่าแปลกจริงๆ นะครับ คลิปการแสดงตอนนั้นของอาจารย์อิ๋งทำไมหาในเน็ตไม่เห็นมีเลยล่ะครับ”
ตอนนั้นบาร์ตฟังแล้วยังอึ้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอัดคลิปวิดีโอ
ทำให้พอเขาไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังว่ามีคนเล่นเปียโนสามเพลงของวีร่า โฮลท์ซ ได้ทั้งเพลง เพื่อนร่วมงานของเขากลับไม่เชื่อ
เขาจึงคิดอยู่ว่าอยากให้อิ๋งจื่อจินมาอยู่มหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปให้ได้ จะได้เล่นให้ฟังอีกครั้ง
คราวนี้อิ๋งจื่อจินตัดสายทิ้งทันที
ที่ไม่มีคลิปเพราะเธอให้แฮกเกอร์คนนั้นลบออกหมดแล้ว
ไม่อย่างนั้นมือถือเธอคงมีสายเข้าจนพังแน่
…
อีกด้านหนึ่ง
ซิวเหยียนกลับบ้านตระกูลซิว
พอเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงเอะอะจากห้องรับแขก
คุณนายซิวกำลังเล่นไพ่นกกระจอก
เธอแต่งเข้าตระกูลเศรษฐีมานานมากแล้วก็ยังไม่แก้นิสัยนี้
เพื่อนเล่นไพ่พวกนี้ก็ไม่ใช่เศรษฐีไฮโซอะไร เป็นเพื่อนเล่นไพ่สมัยก่อนของคุณนายซิวทั้งนั้น
“แม่คะ” ซิวเหยียนเม้มริมฝีปาก “หนูกลับมาแล้วค่ะ”
หลังจากได้ยินเสียงของซิวเหยียน คุณนายซิวก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มพลางพูด “เหยีนเหยียนเหรอ รอแม่เล่นตานี้เสร็จก่อนนะ”
พอซิวเหยียนเห็นสภาพเสียงดังเหมือนตลาดนัดแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดมาก
แต่แล้วคุณนายซิวกลับถามขึ้นว่า
“ลูกไปติวไม่ใช่เหรอ วันนี้ไม่ใช่สุดสัปดาห์เสียหน่อยทำไมกลับมาบ้านล่ะ”
ซิวเหยียนกำมือแน่น พอกำลังจะพูด “หนู…”
ผู้หญิงที่อยู่ด้านขวาจับมือถือพลางพูดด้วยความตกใจ “เอ๊ะ เคออวิ๋น ทำไมในเน็ตบอกว่าเหยียนเหยียนถูกไล่ออกมาล่ะ”
มือของคุณนายซิวที่จับไพ่นกกระจอกหยุดชะงัก
เธอรับโทรศัพท์มาจากมือผู้หญิงคนนั้นแล้วดู
แอทค่ายติวไอเอสซีประเทศจีน : [จากการพิจารณาของศาสตราจารย์ทุกท่าน ดารานักเรียนที่เข้าร่วมค่ายติวครั้งนี้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำผิดกฎอย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องให้ออกจากค่ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้ผู้สมัครทุกท่านดูไว้เป็นกรณีศึกษา]