หากไม่มีพรสวรรค์ด้านการพยากรณ์ย่อมเข้ามาในบ้านบรรพบุรุษของตระกูลตี้อู่ไม่ได้
และถ้ามี ก็แสดงว่าไม่ใช่คนธรรมดา
ตี้อู่ฮุยย่อมคิดในจุดนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถ่อมาถึงที่นี่
แม้แต่อิ๋งจื่อจินเป็นใคร ชื่ออะไร เขาก็ขี้เกียจจะรับรู้
เขารู้แค่ว่าอิ๋งจื่อจินจะต้องมีพรสวรรค์ด้านการพยากรณ์อย่างแน่นอน ถึงเอาอยู่ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
สีหน้าของตี้อู่เย่ว์เปลี่ยนไปอีกครั้ง “ว่าไงนะ รับเคราะห์เหรอ”
“ตี้อู่เย่ว์ มิน่านายใหญ่ถึงให้เธอออกไปฝึกฝน” ตี้อู่ฮุยเอามือไพล่หลัง ส่ายหน้าพลางพูด “เธออายุเท่าไรแล้ว ปีนี้สิบเจ็ดแล้วใช่ไหม ยังไม่เข้าใจหลักการห้าด้อยสามขาดอีกเหรอ”
ใครก็ตามที่อยู่ในวงการพยากรณ์โชคชะตา จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่งในห้าด้อยสามขาด
ห้าด้อย คือ ไร้คู่ เป็นหม้าย กำพร้า โดดเดี่ยว พิการ
สามขาด คือ ขาดเงิน ขาดอำนาจ ชะตาขาด
พวกแม่มดพ่อมดในสมัยยุโรปโบราณส่วนใหญ่จะยากจนข้นแค้น หรือไม่ก็ร่างกายมีความพิการ นั่นก็เพราะสาเหตุนี้
ไม่มีทางที่ตี้อู่เย่ว์จะไม่รู้
ห้ามขุดคุ้ยความลับสวรรค์
หากรู้เข้าก็จะต้องรับการลงโทษ
ฟังดูเป็นเรื่องงมงาย แต่ก็มีอยู่จริงท่ามกลางความเร้นลับ
เธอยังไม่ได้เดินบนเส้นทางพยากรณ์อย่างเป็นทางการ จึงยังไม่มีเรื่องห้าด้อยสามขาดมาเกี่ยวข้อง
โดยทั่วไปสมาชิกสายตรงของตระกูลตี้อู่จะเดินบนเส้นทางพยากรณ์อย่างเป็นทางการเมื่ออายุครบสิบแปดปี
เมื่อเข้าสู่เส้นทางนี้แล้วก็ต้องเลือกหนึ่งในห้าด้อยสามขาด
แต่ปู่ของเธอบอกมาตลอดว่า เดิมทีทางสายของพวกเขาก็อายุสั้นกันอยู่แล้ว ถ้าเลือก ‘ชะตาขาด’ ก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว
ดังนั้นจำต้องเลือกอย่างอื่น
“มั่วเอ๋อร์น่ะ ปีนี้อายุสิบแปดแล้ว” ตี้อู่ฮุยยิ้มพลางพูด “กำลังจะเข้าสู่เส้นทางนี้ อาไม่อยากให้มั่วเอ๋อร์ต้องเผชิญกับห้าด้อยสามขาด ก็เลยต้องหาคนที่มีพรสวรรค์ในด้านพยากรณ์เหมือนกันมาช่วยรับเคราะห์แทน เข้าใจหรือยัง”
ตี้อู่มั่วเป็นลูกสาวแท้ๆ ของตี้อู่ฮุย เป็นสมาชิกสายตรงของตระกูลตี้อู่เหมือนกัน
ตระกูลที่มีต้นกำเนิดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยยุคจักรพรรดิอย่างตระกูลมู่ ตระกูลตี้อู่ สมาชิกของตระกูลมีเยอะแยะมากมาย
บอกว่าเป็นพี่น้องกัน แต่บางคนก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากัน
ตี้อู่เย่ว์เคยได้ยินชื่อตี้อู่มั่ว แต่ไม่เคยเจอหน้า
สำหรับนักพยากรณ์อย่างพวกเขา ห้าด้อยสามขาดถือเป็นเคราะห์อย่างหนึ่ง
นี่คือเคราะห์จากสวรรค์
“จะให้คนอื่นรับเคราะห์แทนงั้นเหรอ” ตี้อู่เย่ว์ฟังแล้วก็หัวเราะ สายตาเย็นชา “ตี้อู่ฮุย สมองไม่ได้เพี้ยนใช่ไหม”
“ไม่มีอะไรต้องพูดกับเธอ” ตี้อู่ฮุยไม่ได้เห็นตี้อู่เย่ว์อยู่ในสายตา เขาหันไปสั่งคนด้านหลัง “เอาตัวออกมาก่อน”
พวกคนรับใช้พยักหน้า “ครับท่านรอง”
ตี้อู่เย่ว์ยังคงขวางอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนไม่ขยับ จ้องตี้อู่ฮุยด้วยสายตาเย็นชา
พวกคนรับใช้มองหน้ากัน อดหันไปมองตี้อู่ฮุยไม่ได้
ไม่ว่าอย่างไรตี้อู่เย่ว์ก็เป็นสมาชิกสายตรงของตระกูลตี้อู่
ถ้าพวกเขาลงไม้ลงมือกับตี้อู่เย่ว์ คนที่จะซวยก็คือพวกเขา
“ตี้อู่เย่ว์ อาว่าทางที่ดีเธอน่าจะฉลาดสักหน่อยนะ” สีหน้าของตี้อู่ฮุยเริ่มขรึมลง เขาหมุนลูกประคำ แสยะยิ้ม “นายใหญ่ไปที่วงการแพทย์แผนโบราณแล้ว พวกพี่น้องของเธอก็ไม่อยู่”
“ลุงๆ อาๆ ของเธอก็ถูกเชิญไปพยากรณ์กันหมด วันนี้บ้านหลังนี้มีแค่อากับเธอที่อยู่”
“พวกลูกน้องของอาเคยไปฝึกกับพวกจอมยุทธ์มาระยะหนึ่ง เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่าเปลืองแรงขัดขวางเลย”
คำพูดนี้เป็นเรื่องจริง
ไม่เหมือนจอมยุทธ์กับแพทย์แผนโบราณที่ไม่ได้มีแค่ตระกูลเดียว
ตระกูลตี้อู่เป็นตระกูลนักพยากรณ์ที่หลงเหลือมาจนถึงทุกวันนี้
พวกตระกูลใหญ่ในวงการจอมยุทธ์ก็มีทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับตระกูลตี้อู่เช่นกัน
ตระกูลตี้อู่รับหน้าที่ทำนาย ส่วนตระกูลจอมยุทธ์รับหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยของพวกเขา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมีความสามารถในการพยากรณ์ด้วย
ตี้อู่เย่ว์ยังไม่เข้าสู่เส้นทางนี้ ไม่มีแม้แต่ชื่อเสียงในบรรดาตระกูลจอมยุทธ์ ข้างกายเธอจึงไม่มีจอมยุทธ์คอยคุ้มกัน
ส่วนตี้อู่ฮุย หลังจากที่พ่อของตี้อู่เย่ว์เสียไป เขาก็ถือเป็นคนที่พยากรณ์เก่งที่สุดในรุ่นนั้นแล้ว
ตี้อู่เย่ว์ยังคงยืนขวางประตู เธอกัดฟัน ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “ก็แค่รับเคราะห์ให้ตี้อู่มั่วไม่ใช่เหรอ ฉันรับแทนก็ได้หรือเปล่า”
ตี้อู่ฮุยหรี่ตาลงทันที อยู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “ตี้อู่เย่ว์ คนนั้นเป็นอะไรกับเธอ ถึงทำให้เธอพูดแบบนี้ออกมาได้”
เรื่องรับเคราะห์ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดเล่นได้
รับเคราะห์แทนคนอื่นจะโดนหนักหน่วงยิ่งกว่า
ถ้าตี้อู่เย่ว์รับเคราะห์แทนตี้อู่มั่ว แบบนั้นต่อไปเธอก็ต้องถูกผูกติดกับตี้อู่มั่วแล้ว
ตี้อู่มั่วจะไม่ได้รับเคราะห์ใดๆ อีก เคราะห์กรรมที่เกิดจากการขุดคุ้ยความลับสวรรค์จะมีตี้อู่เย่ว์รับไปเป็นทวีคูณ
“เอาเป็นว่าบอกมา ตกลงหรือเปล่า” ตี้อู่เย่ว์ไม่ตอบ “ฉันเป็นคนตระกูลตี้อู่ มีสายเลือดเดียวกันกับตี้อู่มั่ว ไม่เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเหรอ”
“เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าจริงๆ” ตี้อู่ฮุยพยักหน้า ยิ้มออกมาอีกครั้ง “แต่อาไม่กล้าแตะต้องหลานสาวของนายใหญ่หรอกนะ”
ตี้อู่เย่ว์เม้มริมฝีปาก ก้มหน้า “ฉันไม่ได้เก่ง ต่อให้อีกหน่อยเข้าวงการก็เป็นถึงปรมาจารย์ไม่ได้หรอก ฉันไปคุยกับคุณปู่ได้”
ฟังถึงตรงนี้ มือของตี้อู่ฮุยที่หมุนลูกประคำก็เร็วขึ้น ราวกับกำลังพิจารณา
ทางสายของตี้อู่เย่ว์มีกันสี่คนพี่น้อง
ตี้อู่เย่ว์โดดเด่นไม่เท่าตี้อู่ฮวา ขาดไปคนก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร
เมื่อเทียบกับคนนอก ตี้อู่เย่ว์ก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าจริงๆ
ตี้อู่ฮุยพยักหน้า “ได้ งั้นเธอ…”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ประตูก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดในเวลานี้
มือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินจับประตู ขายาวเหยียดตรง
ใบหน้าของเธอยังคงซีดเซียว ริมฝีปากยังมีคราบเลือดที่แห้งกรังติดอยู่เล็กน้อย
ยิ่งช่วยขับให้ดูเด่น
เสียงของเธอแหบแห้ง ดูไร้เรี่ยวแรงอย่างเห็นได้ชัด
เธอพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่อย่างไม่ยอมให้สงสัย “ตี้อู่เย่ว์ หลบไป”
ตี้อู่ฮุยเงยหน้า หรี่ตาสำรวจเด็กสาวตรงหน้าอย่างละเอียด
เขาตั้งใจดูโหงวเฮ้ง อวัยวะต่างๆ บนใบหน้า
ธรรมดามาก
ไม่ใช่มหาเศรษฐีอะไร และก็ไม่ใช่ตระกูลที่มีอำนาจ
การดูโหงวเฮ้งบนใบหน้าและฝ่ามือเป็นการดูขั้นพื้นฐานที่สุด
เดิมทีตี้อู่ฮุยยังคิดว่าจะเป็นลูกหลานของตระกูลนักพยากรณ์ตระกูลอื่นหรือเปล่า เขายังต้องระวังไว้หน่อย ป้องกันการถูกล้างแค้น
แต่ดูจากตอนนี้ เขาคิดมากไปเอง
“พี่สาว ตื่นแล้วเหรอ” ตี้อู่เย่ว์ถึงได้โล่งอก “ไม่เป็นไร พี่กลับเถอะ เขาแค่อยากได้คนรับเคราะห์แทน ฉันไปได้”
“ฉันไม่ชอบพูดซ้ำสองรอบ” อิ๋งจื่อจินไออีกครั้ง เธอเดินลงบันได “ตี้อู่เย่ว์ หลบไป”
ตี้อู่เย่ว์ร้อนใจ “พี่สาว รู้เหรอรับเคราะห์คืออะไร พี่จะตายได้นะ!”
เธอไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้อิ๋งจื่อจินทำอะไร แต่พอเดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเธอ
อิ๋งจื่อจินบาดเจ็บเพราะเธอ
เลือดที่ไอออกมา เธอเห็นอย่างชัดเจน เป็นเลือดจากในอก
ในสถานการณ์แบบนี้ถ้ายังไปรับเคราะห์อีก ไม่ตายก็ต้องเจ็บหนัก
“รู้” อิ๋งจื่อจินไอ สีหน้าของเธอเรียบเฉย มองตี้อู่ฮุย “ไปเถอะ”
“ฉลาดนี่” อันที่จริงตี้อู่ฮุยอยากได้คนนอกไปรับเคราะห์มากกว่า ครั้นแล้วจึงไม่มองตี้อู่เย่ว์อีก “เอาตัวไป”
คนรับใช้สองคนเดินขึ้นหน้า จะจับอิ๋งจื่อจินมัด
“อย่ามาแตะ” อิ๋งจื่อจินพูด “ฉันเดินเองได้”
ตี้อู่ฮุยขมวดคิ้ว มองสีหน้าของอิ๋งจื่อจิน “ปล่อยเธอเดินเอง เธอเจ็บหนัก เพิ่งจะอาการดีขึ้น”
แบบนี้ก็ไม่มีทางขัดขืนแล้ว
อิ๋งจื่อจินเช็ดเลือดที่ริมฝีปากแล้วเดินออกจากเรือน
ตี้อู่เย่ว์ถูกคนรับใช้สองคนที่มีวิทยายุทธ์ขวางไว้ ผ่านไปไม่ได้
ทันใดนั้นเธอก็นึกได้ว่าถือโทรศัพท์มือถือของอิ๋งจื่อจินอยู่ จึงรีบกดหาชื่อที่มีสัญลักษณ์รูปหมูแล้วโทรไป
“ฮัลโหล พี่ชายของพี่สาวเหรอ” ตี้อู่เย่ว์พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ “เกิดเรื่องกับพี่แล้ว ขอโทษด้วยที่ฉันปกป้องพี่สาวไม่ได้”
“ฉันชื่อตี้อู่เย่ว์ ฉันอยู่ที่บ้านเก่าของตระกูลตี้อู่ อยู่ที่…”
…
นอกเรือน
“ท่านรอง ดูเหมือนตี้อู่เย่ว์จะโทรหาใครสักคนครับ” คนรับใช้ที่ก่อนหน้านี้ไปรายงานข่าวให้ตี้อู่ฮุยรู้พูดด้วยความลังเล “ถ้าท่านไม่ไปขวาง เกิด…”
“ปล่อยไป” ตี้อู่ฮุยหมุนลูกประคำในมือ พูดดูถูก “อย่างเด็กนั่นจะไปรู้จักใครได้”
พรสวรรค์ในด้านพยากรณ์ของตี้อู่เย่ว์ไม่ได้แก่กล้า สู้ไม่ได้แม้กระทั่งตี้อู่เฟิง
ถ้าไม่ใช่เพราะตี้อู่ฝานปู่ของเธอเป็นนายใหญ่ของตระกูลตี้อู่คนปัจจุบัน ตี้อู่เย่ว์คงถูกไล่ออกจากตระกูลตี้อู่ไปนานแล้ว
แถมข้างกายของเขายังมีจอมยุทธ์ที่มีกำลังภายในแก่กล้าอีกสองคน คนทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้
จอมยุทธ์ที่ฝีมือระดับนี้ ถึงแม้จะไม่มีพรสวรรค์ด้านการพยากรณ์ แต่ก็เข้าออกบ้านเก่าของตระกูลตี้อู่ได้โดยไม่เป็นอะไร
ตี้อู่เย่ว์ไม่ได้รู้จักกับตระกูลจอมยุทธ์ เรียกคนมาช่วยก็มีแต่จะเอาชีวิตมาทิ้ง
ตี้อู่ฮุยหมุนลูกประคำ ก้าวเท้าเดินออก “ไป”
…
ทางด้านนี้
เนี่ยอี้กำลังหารือเรื่องสำคัญกับฟู่อวิ๋นเซิน ทันใดนั้นก็เห็นเขารับโทรศัพท์ ใบหน้าจากที่มีรอยยิ้มก็เริ่มขรึมลง จากนั้นก็ลุกขึ้น
ท่าทางน่ากลัวมาก
สายตาของเนี่ยอี้ฉายแววหวั่นใจ “อวิ๋นเซิน?”
“ตระกูลตี้อู่ ตี้อู่ฮุย” ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้สนใจเรื่องยากพวกนั้นอีก เขาเดินออกไป “เป็นใคร”
สีหน้าของเขาเย็นชา
ดวงตาดอกท้อที่มีรอยยิ้มมาแต่กำเนิดก็เริ่มดุดันลง
ดุจความเย็นยะเยือก หนาวสะท้านไปถึงทรวง
“ตี้อู่ฮุยเหรอ” เนี่ยอี้ขมวดคิ้ว “สมาชิกสายตรงของตระกูลตี้อู่ ไม่ได้ทำธุรกิจ ทำอาชีพเก่า มีคนตี้ตูจำนวนไม่น้อยเคยให้เขาช่วยทำนายดวงชะตาให้”
นักพยากรณ์มีน้อยแล้ว ถึงยิ่งมีค่ามาก
ต่อให้เป็นตระกูลจอมยุทธ์ที่ไม่สนโลกภายนอกก็ล้วนใช้เงินจำนวนมากเพื่อเชิญนักพยากรณ์ให้ไปทำนายดวงชะตาเหมือนกัน
ถ้าทำนายอนาคตออกมาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะสามารถเลี่ยงเคราะห์ร้ายได้มากมาย
นักพยากรณ์ที่วงการบันเทิงเชิญไปกันก็มีคนของตระกูลตี้อู่ เพียงแต่ความสามารถไม่ได้เก่งเท่าตี้อู่ฮุย
แค่ทำนายจากหลักแปดอักษร พูดให้ดูเหมือนมีอะไร นักพยากรณ์ที่เพิ่งเข้าวงการก็ทำได้
“อืม ก็ไม่มีความจำเป็นต้องรู้จัก” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “ต่อไปตี้ตูจะไม่มีคนคนนี้แล้ว”