ลองถามพวกเขาดูว่ากล้าหรือเปล่า
“!”
หัวของตี้อู่ฮุยแทบจะระเบิด
แต่ไหนแต่ไรมาฟู่อวิ๋นเซินจะไม่แสดงอารมณ์โกรธทางสีหน้า ใบหน้าของเขาอมยิ้มอยู่เสมอ
เขาใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด พูดคำพูดที่โหดเหี้ยมที่สุด
เต็มไปด้วยความกดดัน
คลายกับล้อรถที่บดขยี้แนวเส้นประสาท เสียงดังเอี๊ยดอ๊าด
ในที่สุดตี้อู่ฮุยก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“กะ…แกเป็นใครกันแน่!”
เขานึกไม่ถึงว่า เขาถึงกับอ้างตระกูลหลินแล้ว แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะรามือแม้แต่น้อย
ตี้อู่ฮุยย่อมฟังออกว่า ‘ทั่วทั้งตี้ตู’ ในคำพูดนี้หมายถึงอะไร
ในสายตาของคนทั่วไป ตระกูลที่อยู่อันดับต้นๆ ของตี้ตูก็ได้แก่ ตระกูลเนี่ย ตระกูลมู่ ตระกูลซิว
ต่อให้เป็นสมาชิกสายตรงของตระกูลมู่อย่างมู่เหวยเฟิงก็คิดแบบนี้เช่นกัน
แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้น
วงการจอมยุทธ์กับวงการแพทย์แผนโบราณก็อยู่ในตี้ตูทั้งหมดเหมือนกัน
หากจะให้จัดอันดับความสามารถของบรรดาตระกูลในตี้ตู ไม่ว่าอาณาจักรธุรกิจของตระกูลมู่จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ยังต้องเป็นรองตระกูลแพทย์แผนโบราณกับตระกูลจอมยุทธ์อยู่หนึ่งขั้น
เพราะเงินตราไม่ได้มีความน่าสนใจอะไรสำหรับตระกูลแพทย์แผนโบราณกับตระกูลจอมยุทธ์
ในสายตาของคนสองวงการนี้ ความสามารถที่แท้จริงต่างหากที่เป็นตัวชี้วัด
ซึ่งตระกูลตี้อู่อยู่กึ่งกลางระหว่างสองวงการนี้พอดี
ใช้ชีวิตอยู่ในโลกของคนทั่วไป ทั้งยังไปมาหาสู่กับวงการจอมยุทธ์และวงการแพทย์แผนโบราณ
หากว่ากันด้วยเรื่องความสามารถ ตระกูลตี้อู่ก็ยังถูกจัดอยู่ในอันดับที่สูงกว่าตระกูลมู่อยู่ดี
ตี้อู่ฮุยเข้าใจดีว่า ‘ทั่วทั้งตี้ตู’ ที่ฟู่อวิ๋นเซินบอก รวมวงการแพทย์แผนโบราณกับวงการจอมยุทธ์ด้วย!
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่
ทำไมเขาถึงได้กล้าพูดแบบนี้ออกมา
แต่ตี้อู่ฮุยถามข้อสงสัยนี้ออกมาไม่ได้ เพราะไหมทองเส้นหนึ่งได้ถูกร้อยผ่านหัวไหล่ของเขา
ความเจ็บปวดทุรนทุรายแล่นเขามาในชั่วขณะ ตี้อู่ฮุยร้องโหยหวนอีกครั้ง
ฟู่อวิ๋นเซินไม่แม้แต่จะมองไหมทองในมือ เขาพูด “เมื่อกี้แกใช้มือนี้แตะต้องตัวเธอใช่ไหม”
ตี้อู่ฮุยไม่ตอบ
วินาทีถัดมาไหมทองก็ถูกร้อยผ่านแต่ละนิ้วของเขา
ไม่มีเลือดซึมออกมา แต่ความเจ็บปวดกลับไม่ได้ลดน้อยลงเลยสักนิด
นี่เป็นเรื่องที่เดิมทีตี้อู่ฮุยคิดทำกับอิ๋งจื่อจิน
ไหมทองแบบนี้เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งของหมอแผนโบราณที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เขาซื้อมาจากวงการแพทย์แผนโบราณโดยเฉพาะ
ตี้อู่ฮุยหน้าซีด เหงื่อไหลไม่หยุด เจ็บจนถึงขั้นไม่มีแม้แต่เสียงร้องออกมาแล้ว
ฟู่อวิ๋นเซินเอาไหมทองทั้งหมดร้อยเข้าตัวตี้อู่ฮุย
เขาลุกขึ้นแล้วหันหน้าไปสั่ง “โทรหาวงการแพทย์แผนโบราณ บอกให้ตี้อู่ฝานกับคนอื่นๆ กลับมาทันที”
“ครับ คุณชาย”
อวิ๋นซานเหลือบมองตี้อู่ฮุยที่เจ็บจนอยากชักดิ้นชักงอ จากนั้นถึงวางปืนในมือลงแล้วออกไปโทรศัพท์ข้างนอก
สายตระกูลของตระกูลตี้อู่มีเยอะมาก
เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่นในตระกูลตี้อู่อีกแน่ อวิ๋นซานเชื่อว่าคุณชายของเขาสามารถทำให้ตระกูลพยากรณ์เก่าแก่ตระกูลนี้หายสาบสูญไปจากตี้ตูได้จริงๆ
…
สิบนาทีต่อมาเนี่ยอี้กับหน่วยอีจื้อก็มาถึง
แต่เนื่องจากความพิเศษของบ้านเก่าตระกูลตี้อู่ ทำให้หัวหน้าทีมสี่กับลูกน้องเข้าไปไม่ได้ ทำได้เพียงรออยู่ด้านนอก
เนี่ยอี้เข้าไปได้คนเดียว
เขาเห็นอวิ๋นซาน “คุณชายของพวกนายล่ะ”
“อ่อ” อวิ๋นซานได้สติกลับมา พูดด้วยความภูมิใจ “คุณชายไปป้อนโจ๊กให้คุณอิ๋งแล้วครับ”
เนี่ยอี้ส่ายหน้าแล้วไปที่ห้องครัว
พอเข้าไปเขาก็เห็นฟู่อวิ๋นเซินกำลังให้เลือดของตัวเอง
“เลือดของนาย…” พอเห็นการกระทำนี้ของเขา ต่อให้เป็นเนี่ยอี้ก็ยังอดตกใจอยู่บ้างไม่ได้ “นายทำแบบนี้จะบั่นทอนร่างกายของนายเอง”
“ของนอกกาย บั่นทอนก็ช่าง” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “ไม่ใช่ของสำคัญอะไรสักหน่อย”
เนี่ยอี้ไม่พูดอะไรอีก
เขารู้ว่าเลือดของฟู่อวิ๋นเซินมีความพิเศษมาก ได้ผลดียิ่งกว่าสมุนไพรหายากบางชนิดด้วยซ้ำ
ถึงแม้จะไม่มีสรรพคุณถึงขั้นถอนพิษสารพัดชนิดได้ แต่กินเข้าไปแบบนี้ก็ช่วยฟื้นฟูเรี่ยวแรงในร่างกายได้
เขาไม่เคยเห็นฟู่อวิ๋นเซินป้อนเลือดให้ใครกินมาก่อน
“นายกับเธอ…” เนี่ยอี้ลังเลเล็กน้อย “ฉันจำรายงานที่เสวี่ยเซิงเขียนวินิจฉัยอาการของนายได้ บอกว่าเป็นเรื่องยากที่นายจะไว้ใจใครได้อย่างสิ้นเชิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องใช้ความรู้สึก”
แม้พวกเขาจะเป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้ว ฟู่อวิ๋นเซินก็ยังไม่เคยไว้ใจเขาหมดร้อยเปอร์เซ็นต์
นี่เป็นปมในใจ และก็เป็นโรคจิตเวช
หากเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนไม่คลี่คลาย ฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่มีทางที่จะเป็นเหมือนคนปกติได้ในเรื่องความรู้สึก
ยากที่เขาจะทุ่มเทความรู้สึกให้ใคร
เมื่อก่อนมีแค่ผู้เฒ่าฟู่ที่ทำให้หัวใจของฟู่อวิ๋นเซินอ่อนไหวได้
ตอนนี้มีเพิ่มมาอีกหนึ่งแล้ว
เนี่ยอี้คิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดีมาก
อย่างน้อยก็แสดงว่าฟู่อวิ๋นเซินกำลังฟื้นฟูทีละขั้น
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิด” ฟู่อวิ๋นเซินทำแผลอย่างลวกๆ “ฉันแค่ไม่อยากถูกหน่วยอีจื้อจับข้อหาหลอกเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ”
ในสายตาของเขา อิ๋งจื่อจินยังเด็ก เป็นน้องสาวที่ต้องการให้เขาดูแล
เนี่ยอี้เงียบไปชั่วขณะ “งั้นสรุปว่านายกับเธอ…”
ฟู่อวิ๋นเซินปิดไฟ ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็จะปกป้องเธอ”
ไม่เกี่ยวกับความรู้สึกแบบชายหญิง ไม่เกี่ยวกับเรื่องอย่างว่า
นี่เป็นคำสัญญา
คำสัญญาทั้งชีวิต
“แต่อีกหน่อยก็ไม่แน่หรอกนะ รอฉันหายดี…” ฟู่อวิ๋นเซินยกโจ๊กชามนั้นขึ้นมา ดวงตาดอกท้อโค้งมน “ฉันยังต้องขอคำชี้แนะจากประสบการณ์ของนายอีก”
หยุดเล็กน้อยแล้วถามต่อ “แฟนคนนั้นของนายล่ะ”
เนี่ยอี้ “…”
…
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่ได้รับแจ้ง ตี้อู่ฝานยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เขาก็รีบกลับโดยเร็ว
ถึงแม้วงการแพทย์แผนโบราณจะอยู่ในตี้ตู แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้เวลาสองชั่วโมง
กว่าตี้อู่ฝานจะกลับถึงบ้านเก่าของตระกูลตี้อู่ก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว
ไฟยังสว่างอยู่เต็มไปหมด
ตี้อู่ฝานเดินเข้าไป เห็นตี้อู่เย่ว์นั่งอยู่หน้าทางเข้าเรือนตะวันตก เขาก็ถอนหายใจ
คนยังไม่เป็นไร
ตี้อู่ฝานโล่งอก ตะโกนเรียก “เย่ว์เย่ว์”
ตี้อู่เย่ว์ตกใจ กระโดดขึ้นมาทันที “คุณปู่!”
เนื่องจากปู่ของเธอสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่ค่อยลงจากเตียง ทำไมครั้งนี้ถึงเดินถือไม้เท้าเข้ามาล่ะ
“เย่ว์เย่ว์” พอตี้อู่ฝานมองตี้อู่เย่ว์ สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “หลาน…”
เขาก้าวขึ้นหน้าสองสามก้าว จับมือของตี้อู่เย่ว์มาแบดู
ยิ่งดูสีหน้าของเขาก็ยิ่งเปลี่ยนไปมาก
ตี้อู่เย่ว์ไม่เข้าใจการกระทำของปู่ “คุณปู่ มือหนูมีอะไรเหรอคะ”
“ดวงชะตาเปลี่ยน…” ตี้อู่ฝานพูดพึมพำขณะดู ทันใดนั้นก็มีสีหน้าตื่นตกใจ “เป็นเธอ เป็นเธอแน่ๆ!”
ตี้อู่เย่ว์อึ้ง “คุณปู่ เธอไหนเหรอคะ””
“เย่ว์เย่ว์ หลานมีบุญมากจริงๆ” ตี้อู่ฝานกลับไม่มีเวลาบอกอะไรมาก “ผู้หญิงคนนั้นที่หลานพากลับมาล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน เป็นอะไรหรือเปล่า”
“พี่สาวเพิ่งฟื้นค่ะ” ตี้อู่เย่ว์เช็ดเหงื่อ “พี่ชายของพี่สาวก็มาแล้ว พี่สาวไม่เป็นอะไร”
ไม่อย่างนั้นเธอคงได้กลายเป็นคนร้ายเข้าจริงๆ
“งั้นก็ดี งั้นก็ดี” ตี้อู่ฝานถอนหายใจโล่งอก “เย่ว์เย่ว์ รออยู่ตรงนี้นะ ปู่จะไปดูหน่อย”
เขาถือไม้เท้าเดินเข้าไปด้านใน
อวิ๋นซานรออยู่ที่หน้าประตู พอเห็นตี้อู่ฝานมาเขาก็มองบน “ท่านเจ้าบ้าน ในที่สุดก็มานะครับ ท่านคุมคนในบ้านยังไงครับ”
ถึงจะพูดแบบนั้น
แต่อวิ๋นซานก็รู้ว่าตี้อู่ฮุยกับตี้อู่ฝานเป็นญาติคนละสายกัน ตี้อู่ฮุยอยากขึ้นแทนตำแหน่งมากกว่า
ตี้อู่ฝานมีสภาพเป็นแบบนี้แล้ว แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงทำอะไร
“เดี๋ยวก่อน ขอผมพบหน้าคุณผู้หญิงคนนั้นหน่อย” ตี้อู่ฝานถึงตระหนักได้ว่าสภาพอารมณ์ของเขาดูตื่นเต้นเกินไป จึงสงบสติอารมณ์ลง “เธอช่วยชีวิตเย่ว์เย่ว์ไว้ ผมอยากขอบคุณเธอ”
ในขณะที่อวิ๋นซานยังอยากพูดอะไรต่อ ทันใดนั้นบานประตูที่อยู่ด้านหลังก็เปิดออก
ฟู่อวิ๋นเซินเดินออกมา
เขายกมือห้ามอวิ๋นซาน มองตี้อู่ฝาน “สิบนาที เธอไม่ค่อยสบาย”
“ขอบคุณ ขอบคุณมากครับ” ตี้อู่ฝานพูดขอบคุณอย่างต่อเนื่อง ถือไม้เท้าแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง
อวิ๋นซานเหลือบมองบานประตูที่ปิดลง “คุณชาย คุณอิ๋งไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
“เป็น” สายตาของฟู่อวิ๋นเซินหยุดนิ่ง “นายฝึกวิทยายุทธ์ รู้ใช่ไหมว่าแก่นแท้ของร่างกายสำคัญขนาดไหน”
อวิ๋นซานมีสีหน้าตกใจ “ร่างกายของคุณอิ๋งเสียหายถึงแก่นแท้เลยเหรอครับ คุณชาย ไม่ได้ถามเหรอครับว่าเธอไปทำอะไรมา”
ฟู่อวิ๋นเซินกวาดตามองเขา “ไม่จำเป็น”
ก็เหมือนกับที่อิ๋งจื่อจินไม่เคยถามว่าใครกันแน่ที่อยากฆ่าเขา เขาเองก็ไม่มีทางถามเรื่องนี้
เขาแค่ช่วยเธอฟื้นฟูร่างกาย แค่นั้นก็พอแล้ว
อวิ๋นซาน “…”
เขาพอจะเข้าใจแล้ว นี่เป็นความไว้ใจและรู้ใจกันของพวกเทพสินะ
…
ภายในห้อง
อิ๋งจื่อจินนั่งอยู่ที่ขอบเตียง เธอกำลังมองดวงดาวนอกหน้าต่าง
พอได้ยินเสียงฝีเท้าเธอก็หันไปมองคนที่มาเยือน
เป็นชายชราคนหนึ่ง
เธอไม่ต้องเดาก็รู้ว่าชายชราคนนี้คือตี้อู่ฝาน นายใหญ่คนปัจจุบันของตระกูลตี้อู่ และก็เป็นปู่ของตี้อู่เย่ว์
อิ๋งจื่อจินไอเล็กน้อย สายตาจับจ้อง “ท่าน…”
ตี้อู่ฝานขยับชุด
ขาของเขาไม่ค่อยสะดวก ร่างกายก็อ่อนแอมาหลายปีแล้ว
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ต่อให้ต้องใช้ไม้เท้าพยุง เขาก็ยังคงคุกเข่าลงอย่างกระท่อนกระแท่น
คุกเข่า คำนับ ยกมือคารวะ ทำความเคารพชุดใหญ่
ชายชราพูดด้วยความนอบน้อม
“ตี้อู่ฝาน หลานชายรุ่นที่สิบเอ็ดของตี้อู่เซ่าเสียนคำนับท่านอาจารย์”