เข้ามาใกล้แล้ว เม็ดฝนขนาดใหญ่กระจายไป ใบหน้าของเด็กสาวก็เริ่มชัดขึ้น
มีชั่วขณะหนึ่งที่ฟู่อวิ๋นเซินคิดว่าเป็นภาพลวงตา
ใครจะมาที่นี่ได้ในช่วงที่ฝนตกหนักตอนเช้ามืด
ขนตาของฟู่อวิ๋นเซินขยับ ริมฝีปากโค้งมน ราวกับยิ้มประชดตัวเอง เขาพึมพำ
“ฝันอีกแล้ว…”
เมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันเห็นผู้เฒ่าฟู่ และก็ไม่ได้ฝันเห็นเหยียนเย่ว์หวากับฟู่หลิวอิ๋ง
เขาฝันเห็นอยู่คนเดียว ‘อิ๋งจื่อจิน’
ความฝันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ มันเป็นตัวสะท้อนสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึก
เขานึกถึงครั้งแรกสุดที่เจอเธอเดินอยู่บนถนนท่ามกลางหิมะ
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ใช่คนดี เคยฆ่าคน สองมือเปื้อนเลือดมามากมายในระหว่างที่ตามหาศัตรู
ตอนนั้นเขาก็แค่อยากให้เนี่ยเฉาไปช่วยเธอไว้ จากนั้นก็เดินผ่านไปเป็นเพียงคนแปลกหน้า
แต่เธอกลับไม่ต้องการให้ใครช่วย แก้ปัญหาด้วยตัวเอง
นี่เป็นสาเหตุที่เขาหยุดทำความรู้จักกับเธอ
เขามองเห็นตัวเองจากตัวเธอ พวกเขาจะสู้กลับ
เขาจึงตัดสินใจว่าจะปกป้องเธอ
เขาเองก็มองเธอเป็นเหมือนน้องสาว เป็นเด็กน้อยมาตลอด จนกระทั่งเมื่อวาน เธอจองโต๊ะให้เขา เตือนให้เขากินข้าว อีกทั้งยังหนุนหลังเขาต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้น
ความรู้สึกกดดันทั้งหมดมันได้หายไปในชั่วพริบตา
เขาคิดว่า เขาคงไม่มีทางรักใครได้อีกนอกจากเธอ
แต่เขาก็ไม่อยากดึงเธอมาจมไปกับความแค้นของเขาด้วย
เยาเยาของเขาต้องเป็นเหมือนเด็กน้อยคนอื่นๆ ที่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ ไม่ควรได้เห็นความมืดมิดใดๆ
มือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินถือร่มอยู่ เธอย่อตัวลง
มืออีกข้างที่ว่างอยู่หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเช็ดน้ำฝนบนใบหน้าของเขา
น้ำเสียงยังคงเรียบเฉยเช่นเคย “ผู้บัญชาการ มีสติหน่อย ตอนนี้เป็นตอนกลางคืน”
พอได้ยินแบบนี้หลังของฟู่อวิ๋นเซินก็หดเกร็ง เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
คราวนี้เขาเห็นชัดแล้ว
ความหวาดระแวงทั้งหมดหายไปในชั่วพริบตา เขายิ้ม
“เป็นเธอจริงๆ เหรอ เด็กน้อย”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยนี้เป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากเด็กน้อยของเขา
อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ ดวงตาหลุบลง บรรจงเช็ดหยดน้ำบนใบหน้าของเขาจนสะอาด
บางช่วงนิ้วของเธอแตะถูกใบหน้าของเขา ทิ้งความรู้สึกอบอุ่นเอาไว้
ฝนกระหน่ำของฮู่เฉิงมาไวและไปไวเสมอ
สิบกว่านาทีต่อมาฝนที่เทลงมาหนักก็หยุดลง เมฆครึ้มสลายตัว
ฟ้าโปร่งหลังฝนตก ดวงจันทร์และดวงดาวปรากฏ ท้องฟ้าผืนดินสงบเงียบ
หลังจากอิ๋งจื่อจินช่วยเช็ดหน้าให้เสร็จก็หยุดเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้น
“ฟู่อวิ๋นเซิน สุขสันต์วันเกิด”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกชื่อเขา
ฟู่อวิ๋นเซินหันมา ถึงสังเกตเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้าหิ้วถุงมาด้วยใบหนึ่ง ในนั้นเป็นกล่องเค้กทั้งยังมีเทียน
นับตั้งแต่เขาเกิดมาจนถึงตอนนี้ เคยฉลองวันเกิดแค่สองครั้ง ครั้งแรกตอนหนึ่งขวบ อีกครั้งเป็นตอนสิบแปดที่บรรลุนิติภาวะ
เขาไม่ชอบฉลองวันเกิด วันเกิดเป็นเครื่องย้ำเตือนเขาอยู่เสมอว่า เขาแบกรับความแค้นไว้
ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ สูดลมหายใจเข้า
เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่า หัวใจก็เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งขนาดนี้ได้ด้วยแทบจะหลุดออกมาจากอก
อิ๋งจื่อจินหยิบแผ่นรองนั่งออกมาสองอันแล้วยื่นให้เขาหนึ่งอัน จากนั้นก็นั่งลงข้างเขา เธอหยิบกล่องขนมเค้กออกมาจากถุงพลางพูด
“ฉันอาจไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้คุณฟัง”
ฟู่อวิ๋นเซินจับตรงหัวใจ “หืม?”
“อันที่จริงฉันเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง” อิ๋งจื่อจินพูด “ตอนนั้นมันจนมุมแล้ว ช่วยไม่ได้ ต้องมีคนตาย”
ถ้าเธอไม่ตาย เธอก็ไม่มีทางกลับมาอยู่ที่โลกมนุษย์อีกครั้ง
ดูจากตอนนี้ ในเรื่องเลวร้ายย่อมมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่
ขนตาของฟู่อวิ๋นเซินสั่นไหว
“เยาเยา เธอ…”
“ไม่เป็นไร มันผ่านไปแล้ว” อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฉันเคยบอกว่าฉันมีเพื่อนที่สนิทมาก ตอนนั้นเธอจับฉันไว้ ไม่ยอมให้ฉันตาย”
ฟู่อวิ๋นเซินนึกถึงตูตู “พี่ชายจำได้”
“ฉันพูดกับเธอว่า…” อิ๋งจื่อจินพิงก้อนหินที่อยู่ด้านหลัง “จวินมู่เฉี่ยน เงยหน้าดูสิ”
พอได้ยินแบบนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็เงยหน้าขึ้น
หลังฝนเทกระหน่ำ ทางช้างเผือกก็จะปรากฏ ดวงดาวเจิดจรัสเต็มท้องฟ้า
ได้ยินเสียงของเด็กสาวลอยมาตามสายลม
“เมฆคือฉัน ลมคือฉัน ดวงดาวคือฉัน ดวงจันทร์คือฉัน ทุกอย่างที่เธอเห็นคือฉันทั้งนั้น”
“ฉันอยู่ด้วยตลอด”
ฟู่อวิ๋นเซินมองท้องฟ้า ไม่พูดอะไร แววตาเริ่มหม่นลง
“พวกเขาบอกว่าหลังจากที่คนเราตายไปจะกลายเป็นดวงดาว ลอยอยู่บนท้องฟ้า” อิ๋งจื่อจินหั่นเค้กเสร็จ “ไม่ว่าอย่างไรพวกเราจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ”
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมอง ดวงตาดอกท้อหลุบลง
เวลาที่เขามองคนคนหนึ่งให้ความรู้สึกลึกลับ
มุมปากของฟู่อวิ๋นเซินยกขึ้นราวกับตัดสินใจอะไรได้ เป็นรอยยิ้มที่แท้จริง
“ขอบคุณนะเยาเยา พี่ชายรู้แล้ว”
“อืม เดิมทีคิดว่าคุณจะบอกฉันว่า…” อิ๋งจื่อจินปักเทียนลงบนเค้ก
“อากาศเย็นขนาดนี้ เด็กน้อย ใส่กางเกงของฤดูใบไม้ร่วงด้วยระวังไม่สบายนะ”
“…”
ฟู่อวิ๋นเซินหันตัวมา เอามือจิ้มหน้าของเธอ
“เด็กน้อย วันนี้เธอน่ารักจริงๆ”
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ เหลือบมองเขา “คุณดูแปลกๆ”
คงไม่ได้ตากฝนแค่แปบเดียวสมองก็เพี้ยนหรอกนะ
ฟู่อวิ๋นเซินรับถาดกระดาษในมือเธอแล้วจุดเทียน
เขาคิดดีแล้ว จะพยายามปีนออกมาจากความมืดมิด แบบนี้ถึงจะให้อนาคตที่สว่างไสวกับเธอได้
…
อีกด้านหนึ่ง
เอียนตามอวิ๋นซานกับอวิ๋นอู้ไปซุ่มรอด้านนอก
ซุ่มรอมาแล้วสามชั่วโมง
เอียนเพิ่งมาจากยุโรป ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเริ่มรู้สึกหนาว
เขากอดตัวเองด้วยความทนไม่ไหว
“ก็เดินเข้าไปเลยไม่ได้หรืออย่างไร พวกนายจะถูกจับฐานบุกรุกเคหสถานหรือ?”
“นายจะเข้าใจอะไร” อวิ๋นซานทำเสียงฮึดฮัด
“พวกเรากำลังรอให้ยัยป้านั่นตื่นมากลางดึก ต้องการเผชิญหน้า”
“ยัยป้าเหรอ” เอียนครุ่นคิด “เมียฟู่หมิงเฉิง”
“ไฟสว่างแล้ว” ทันใดนั้นอวิ๋นอู้ก็พูดขึ้น “ไป…เข้าไป”
ยังไม่ทันที่เอียนจะได้สติ สองพี่น้องก็บุกเข้าไปในบ้านตระกูลฟู่แล้ว
เสียงถีบประตูใหญ่ ทำให้คุณนายฟู่ที่ดื่มน้ำอยู่ในห้องครัวสะดุ้งตกใจ
เธอรีบเดินออกไปดู ยังไม่ทันจะได้ไหวตัวก็เห็นอวิ๋นซานกับอวิ๋นอู้ขึ้นไปชั้นบน มัดตัวฟู่อีเฉินที่ยังหลับอยู่ลงมา
ฟู่อีเฉินตกใจตื่น ได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอีกครั้ง เขาร้องเสียงดังด้วยความตกใจ
“แม่ ช่วยด้วย! พวกนี้แหละคราวที่แล้วด้วย ช่วยผมเร็ว!”
“อีเฉิน!” พอเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าคุณนายฟู่ก็หน้ามืด เกือบเป็นลม
“พวกแกเป็นใคร ปล่อยอีเฉินนะ!”
“นี่ป้า ใจเย็นสิ” อวิ๋นซานแสยะยิ้ม
“ลูกชายป้าติดหนี้คุณชายของพวกเรา เอาไปใช้หนี้ก่อนอีกเดี๋ยวก็จะถึงคราวป้าแล้ว”
เขาไม่ให้โอกาสฟู่อีเฉินได้พูด เอาถุงเท้าเหม็นๆ ยัดใส่ปากฟู่อีเฉิน
คุณนายฟู่ตัวคนเดียวย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอวิ๋นซานกับอวิ๋นอู้
ทำได้เพียงยืนมองลูกชายถูกลักพาตัวไป
“คุณชายของพวกแกเป็นใคร” สมองคุณนายฟู่เริ่มตื้อ
“ตระกูลฟู่ของเราไปล่วงเกินคุณชายของพวกแกตั้งแต่เมื่อไรกัน”
เธอกับฟู่หมิงเฉิงระมัดระวังตัวอยู่ตลอด ไม่มีทางไปล่วงเกินคนใหญ่คนโต
กล้าบุกเข้าบ้านตระกูลฟู่โดยไม่เกรงกลัวขนาดนี้ ทั้งเมืองฮู่เฉิงไม่มีใครกล้า
“เดี๋ยวก็รู้” อวิ๋นซานแสยะยิ้มอีกครั้ง “คนที่ติดค้างคุณชาย พวกเราจะเอาคืนสิบเท่าร้อยเท่า”
คุณนายฟู่ยืนนิ่งไม่ขยับ ผ่านไปสักพักถึงหยิบโทรศัพท์ด้วยมืออันสั่นเทา โทรหาฟู่หมิงเฉิง
…
ฟู่อีเฉินถูกลักพาตัวไปที่คฤหาสน์ว่างแห่งหนึ่ง
ระหว่างทางเขาตกใจกลัวจนฉี่ราด
“พี่ชาย ผมไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ นะ ผมเป็นพลเมืองดี มดสักตัวยังไม่กล้าเหยียบเลย ปล่อยผมกลับไปเถอะนะ มีเรื่องอะไรผมยินดีรับใช้ จะขึ้นเขาลงห้วยลุยทะเลเพลิงไม่มีปฏิเสธแน่นอน!”
เดิมทีเขาคิดว่าพอผู้เฒ่าฟู่ไปแล้ว ฟู่อวิ๋นเซินก็จะขาดที่พึ่ง ทุกอย่างในตระกูลฟู่ก็จะตกเป็นของเขากับฟู่อี้หัน
ความฝันอันงดงามยังไม่ทันเป็นจริง ตอนนี้กลับแตกเพล้งแล้ว
“ไม่ได้ทำอะไรเลยงั้นเหรอ” อวิ๋นซานถีบไปหนึ่งที
“งั้นขอถาม ไม่ใช่แกหรือที่ขังคุณชายของเราไว้ในห้องลับ อยากใช้งูพิษฆ่าเขา ไม่ใช่แกหรือไงที่สับเปลี่ยนอาหารเอาอันที่มียาพิษมาให้ อยากให้เขาตาย”
อวิ๋นซานกระชากคอเสื้อของฟู่อีเฉิน
“ฟู่อีเฉินในเมื่อแกมาแล้ว ตอนนี้ก็อย่าคิดมีชีวิตรอดกลับไปเลย”
ฟู่อีเฉินเหงื่อแตก ร้องโวยวายเสียงดัง
“คะ..คุณชายของพวกแกคือฟู่อวิ๋นเซินเหรอ!”
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงจุดบอดที่เขามองข้ามมานาน
เขาถูกฟู่อวิ๋นเซินขังอยู่หลายวัน แม้แต่ข้าวก็ไม่ได้กิน
ฟู่อวิ๋นเซินยังจัดการเก็บลูกน้องที่ฟู่หมิงเฉิงเลี้ยงไว้
แต่ฟู่หมิงเฉิงกับคุณนายฟู่กลับคิดว่าเขาเลอะเลือนมาตลอด บอกว่าฟู่อวิ๋นเซินเป็นแค่คุณชายไม่เอาไหนไม่มีอิทธิพลอะไร
ต่อมาก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก จนฟู่อีเฉินเกือบลืมไปแล้ว
ฟู่อีเฉินเงยหน้าตัวสั่น เห็นอวิ๋นอู้ถือกรงขนาดใหญ่เข้ามาสองกรง
มีงูพิษทั้งหมดสามสิบตัว
ซึ่งในนั้นมีงูจงอางกับงูเกอะลอหัวศรที่มีพิษรุนแรงที่สุด