ปกติแค่ชื่อฟู่อวิ๋นเซินเธอก็ไม่อยากจะพูดถึง ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องเสียเวลาเพราะเขา
ในสายตาของซูหร่วน ถ้าไม่มีผู้เฒ่าฟู่ ฟู่อวิ๋นเซินก็หมดอำนาจแล้วจริงๆ
หรือบางทีในอนาคตถ้าเธอเกิดนึกสนุกขึ้นมา อาจจะทำบุญทำทานให้เขาด้วยบัตรธนาคารสักใบอะไรทำนองนั้นก็ได้
ทว่าพอซูหร่วนมองไปก็รีบแย่งโทรศัพท์มาจากมือของซูเหลียงฮุยทันที
มือของเธอสั่น ในสายตาเหลือเพียงอักษรที่อยู่บนรูปนั้น
วีนัสกรุ๊ปเข้ามาตั้งสำนักงานที่ประเทศจีน
ประธานวีนัสกรุ๊ปโซนเอเชียแปซิฟิก
ฟู่อวิ๋นเซิน อายุ 23 ปี ค่าตัวห้าแสนล้าน
ซูหร่วนแทบไม่อยากเชื่อ และที่สำคัญที่สุดคือเธอไม่ยินดีจะเชื่อ “คุณพ่อตัดต่อรูปมาเหรอคะ”
ถึงเธอจะไม่เคยเข้าไปยุ่งเรื่องธุรกิจ แต่ก็เคยได้ยินฟู่อี้หันพูดถึงวีนัสกรุ๊ป
การผงาดขึ้นมาของวีนัสกรุ๊ปเรียกได้ว่าเป็นตำนานบทหนึ่ง
วีนัสกรุ๊ปก่อตั้งขึ้นในปี 2015 ภายในเวลาเพียงแค่สามปีก็เข้าซื้อกิจการแบรนด์ดังระดับโลกมาแล้วหลายร้อยแบรนด์ ก้าวกระโดดขึ้นเป็นกลุ่มบริษัทอันดับหนึ่งของโลก
ไม่มีใครรู้ว่าวีนัสกรุ๊ปเอากำลังทรัพย์มหาศาลขนาดนั้นมาจากไหนกันแน่ ก็เหมือนกับที่ตอนนี้คนนอกต่างไม่รู้ว่าประธานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปคือใคร
ทุกอย่างล้วนเป็นปริศนา
ตามความเข้าใจของซูหร่วน วีนัสกรุ๊ปอยู่ในระดับที่เธอเอื้อมไม่ถึง
อย่าว่าแต่เธอเลย พวกตระกูลชั้นแนวหน้าของตี้ตูก็ยังห่างชั้นอีกไกล
“ตัดต่อรูปเหรอ” คราวนี้เป็นซูเหลียงฮุยที่โมโหจนหัวเราะ “พ่อว่าแกคงเที่ยวเมืองนอกจนบ้าไปแล้ว ไม่รู้เรื่องที่เขาลือกันไปทั้งประเทศหรือไง”
ซูหร่วนมือสั่นหนักกว่าเดิม “หนูไม่เชื่อ หนูไม่เชื่อเด็ดขาด ไม่แน่เขาอาจเป็นแค่เพื่อนของผู้บริหารระดับสูงในวีนัสกรุ๊ปก็ได้ ทางนั้นก็คงให้ตำแหน่งเขาเล่นๆ”
“เล่นๆ เหรอ” ซูเหลียงฮุยชี้รูปที่แคปมาอีกรูป พร้อมทำเสียงฮึดฮัด “แกดูให้ดีๆ ในแถลงการณ์ของวีนัสกรุ๊ปบอกว่า ฟู่อวิ๋นเซินมาอยู่ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน”
สามปีก่อนวีนัสกรุ๊ปยังไม่มีชื่อเสียงอะไร
คนที่มาอยู่วีนัสกรุ๊ปในช่วงเวลานั้นถือว่าเป็นคนเก่าแก่แล้ว
แน่นอนว่านี่เป็นแค่ข้อมูลการเข้ารับตำแหน่งที่ประธานฝ่ายปฏิบัติการปลอมขึ้นมาให้ฟู่อวิ๋นเซิน
อย่างไรเสียฟู่อวิ๋นเซินก็เป็นคนสร้างวีนัสกรุ๊ปขึ้นมาด้วยตัวคนเดียว
แต่เวลานี้กลับเป็นเหมือนสายฟ้าฟาดลงมาที่หูของซูหร่วน สมองของเธอว่างเปล่า
สามปีก่อนเป็นตอนที่ผู้เฒ่าฟู่กับผู้เฒ่าซูกำหนดหมั้นหมายให้เธอกับฟู่อวิ๋นเซิน
ซึ่งหลังจากที่เธอรู้ข่าวนั้นก็วางแผนเข้าหาฟู่อี้หันทันที
อีกทั้งเธอยังเจตนาทำลายชื่อเสียงของฟู่อวิ๋นเซินในวงการไฮโซของฮู่เฉิงและตี้ตู ทำให้ฟู่อวิ๋นเซินต้องตกเป็นตัวตลกไประยะหนึ่ง
เพราะซูหร่วนรู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินอยู่ยุโรป ไม่อยู่ประเทศจีน ถึงได้กล้าทำอย่างไม่เกรงกลัว
แต่ตอนนี้…
ซูหร่วนใกล้บ้าเต็มที “เป็นแบบนี้ได้ยังไง!”
ถ้าฟู่อวิ๋นเซินเป็นผู้บริหารระดับสูงของวีนัสกรุ๊ป งั้นเธอล่ะ
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เธอไม่กลายเป็นตัวตลกไปแล้วเหรอ
ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่อวิ๋นเซินเป็นคนไม่เอาไหน มีเหรอที่เธอจะไม่แต่งงานกับเขา
“ดูท่าตอนนั้นที่เขาไปยุโรปจะไม่ได้ไปเที่ยวเล่น” ซูเหลียงฮุยสูดลมหายใจเข้าลึก “พูดได้เพียงว่าเขาเก็บซ่อนตัวตนดีมาก หร่วนหร่วน ใจเย็นๆ ก่อน ที่พ่อมาหาแกก็เพราะแกยังมีที่ยืนในใจเขา ถ้าแกไปหาเขา เขาจะต้องมีเยื่อใยแน่นอน”
“เป็นไปไม่ได้” ซูหร่วนนึกถึงเรื่องเก่าๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โมโหจนสั่นไปทั้งตัว “คุณพ่อ หนูโทรบอกคุณพ่อไปแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าเขาหยามเกียรติหนูมาตลอด”
แถมยังเป็นต่อหน้าคนอื่น ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด
“หร่วนหร่วน พ่อเป็นผู้ชาย เข้าใจความคิดของเขา” ซูเหลียงฮุยยิ้ม “ผู้ชายน่ะรักศักดิ์ศรีที่สุด ตอนนั้นแกทิ้งเขาไปไม่สนใจ แถมยังกลายเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเขา เขาจะไม่คิดแค้นได้เหรอ”
“ที่หยามเกียรติแกเป็นเพราะลืมแกไม่ลงไง”
ซูหร่วนอึ้ง “เป็นงั้นจริงเหรอคะ”
“ตอนนั้นแกทำกับเขาขนาดนั้นแล้ว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่เหรอ” ซูเหลียงฮุยพูด “เขาเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของวีนัสกรุ๊ป ถ้าคิดจะหยามเกียรติจริงๆ ตระกูลซูล้มไปแล้ว”
ขณะพูดเขาก็ตบบ่าลูกสาว “พ่อหน้ามืดไปชั่วขณะเลือกผิดข้าง หร่วนหร่วน พ่อพึ่งได้แค่แกแล้วนะ”
ซูหร่วนเอามือเสยผม เม้มริมฝีปากไม่พูดอะไร
แต่ซูเหลียงฮุยพูดถูก
ขอเพียงแต่เธอวางแผนไปลองสู้ดูสักตั้ง เธอก็จะได้เป็นคุณนายท่านประธานวีนัสกรุ๊ป ดีกว่าเป็นนายหญิงตระกูลฟู่เยอะ
“ค่ะ” ซูหร่วนพยักหน้า ยิ้มออกมา “หนูขอเอาของไปเก็บก่อนแล้วจะไปหาเขา”
…
ภายในโรงเรียนมัธยมชิงจื้อก็ครึกครื้นเช่นกัน
ลูกหลานของสี่ตระกูลใหญ่กับตระกูลอื่นๆ เรียนอยู่ที่นี่มากมาย ต่างพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันมานี้อย่างออกอรรถรส
“มองไม่ออกเลยจริงๆ” ซิวอวี่กำลังอ่านวารสารการเงินฉบับล่าสุด “เจียงหราน นายดูสิ เขาเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ นายมันอ่อนจริงๆ”
คราวนี้เจียงหรานไม่ได้อารมณ์ฉุนเฉียว หลังจากดื่มน้ำเข้าไปหมดขวด เขาก็ตกอยู่ในห้วงความเงียบ
วงการจอมยุทธ์ใหญ่มาก เขาจึงเจอฟู่อวิ๋นเซินไม่บ่อย
ตอนนั้นที่พูดกับอิ๋งจื่อจินไปแบบนั้นก็เพื่อขู่ให้เธอกลัว
ต่อมาฟู่อวิ๋นเซินไปจากวงการจอมยุทธ์ ตอนนั้นเขายังเด็กมาก พวกเขาก็ไม่ได้เจอกันอีก
แต่เจียงฮว่าผิงเตือนเขาตลอดว่าอย่าไปมีเรื่องกับฟู่อวิ๋นเซิน
อิ๋งจื่อจินไม่ได้ร่วมวงสนทนากับพวกเขา
เธอเปิดแอปทำโจทย์ของไอเอสซี ดูชาร์ตอันดับแวบหนึ่ง
ช่วงหลายวันมานี้เธอไม่มีเวลาเข้ามา
ดังนั้นอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมทั่วโลกในตอนนี้จึงกลับมาเป็นของอแมนด้าประเทศสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง
เธอกดทำโจทย์ ไล่ทำอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันอันดับบนชาร์ตรวมก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
รอบคัดเลือกจะสิ้นสุดลงในเดือนหน้า กติกาของรอบที่สองออกมาแล้ว
ยังคงทำออนไลน์ เพียงแต่ไม่ใช่การตอบโจทย์ แต่เป็นการสู้กันเอง
เมื่อเป็นแบบนี้ข้อดีของการอยู่อันดับสูงก็ปรากฏออกมาแล้ว ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ คงไม่มีทางคิดสั้นไปขอท้าคนที่อยู่อันดับสูงกว่า
“พ่ออิ๋ง ไปเถอะ” ซิวอวี่วางวารสารการเงินลง เอามือจับบ่าของอิ๋งจื่อจิน “คาบพละพวกเราไปตีแบดกัน”
“อืม” อิ๋งจื่อจินเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วลุกขึ้น “ไปสิ”
ถึงแม้ตารางเรียนของชั้นมอหกจะแน่นมาก แต่ก็มองข้ามเรื่องสุขภาพไม่ได้
ทุกสัปดาห์จะมีคาบกิจกรรมอีกหนึ่งคาบที่นอกเหนือจากคาบพลศึกษา
นักเรียนห้องสิบเก้าลงไปพร้อมกัน
อิ๋งจื่อจินกับซิวอวี่เดินอยู่หน้าสุด
พอมาถึงชั้นล่างของอาคารเรียนก็เจอคลาสเด็กอัจฉริยะที่เพิ่งกลับจากคาบพละพอดี
นอกจากกรรมการนักเรียนที่เมื่อก่อนไม่เคยเข้าร่วมการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนได้ทำการทักทายอิ๋งจื่อจิน คนอื่นๆ ต่างไม่กล้ามองเธอ
อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ก้มหน้า ควบคุมตัวเองไม่ให้มองไป
เธอโตมาในฮู่เฉิง แน่นอนว่ารู้จักฟู่อวิ๋นเซิน และก็เคยเจอ ใบหน้านั้นเป็นใครก็ต้องตกตะลึง
แต่ด้วยเงื่อนไขของฟู่อวิ๋นเซินในตอนนั้นก็เป็นเหมือนบาดแผลของเขา เธอจึงไม่เก็บเอามาใส่ใจ
ทำไมเรื่องดีๆ ถึงไปอยู่กับอิ๋งจื่อจินหมดได้
อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร เดินเฉียดไหล่อิ๋งจื่อจิน
ซึ่งตั้งแต่ต้นจนจบอิ๋งจื่อจินไม่ได้สังเกตเห็นเธอ ไม่แม้แต่จะให้สายตา
กลับเป็นซิวอวี่ที่หยุดเดิน ขมวดคิ้วมองอิ๋งเย่ว์เซวียน “พ่ออิ๋ง เธอระวังยัยนั่นหน่อย เห็นไม่มีพิษไม่มีภัยแบบนั้น ไม่รู้ว่าวางแผนอะไรอยู่ในใจ”
อิ๋งจื่อจินหาว “ขอบคุณที่เตือน”
“แต่มองยัยนั่นก็ไม่ขัดหูขัดตาเท่าจงจือหว่าน” ซิวอวี่ยักไหล่ “ไม่มีทางมาลอยหน้าลอยตาให้เห็นว่ามีตัวตนอยู่ทุกวัน”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า เงียบไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้น “ต่อไปเธอห้ามมองตาผู้หญิงคนนี้ แล้วก็อย่าไปอยู่ด้วยกันตามลำพังด้วย”
ซิวอวี่อึ้ง “หมายความว่าไง”
“อย่าไปมองก็พอแล้ว” อิ๋งจื่อจินตอบ “ไม่ใช่คนไม่มีพิษไม่มีภัยจริงๆ นั่นแหละ”
ซิวอวี่ลูบคาง “ลึกลับจริงๆ”
ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ก็ตั้งใจจดจำไว้ในใจ
…
เวลานี้ ณ คฤหาสน์ตระกูลฟู่
ฟู่หมิงเฉิงนั่งท้อแท้อยู่บนโซฟา ข้างกายเขาคือคุณนายฟู่ และยังมีฟู่อีเฉินที่ถูกทรมานจนไม่เหลือสภาพ รวมถึงพวกพี่น้องที่รุ่นเดียวกับเขา
อาทิตย์นี้พวกเขาได้รู้แล้วว่าอะไรคือเหตุการณ์พลิกผัน
แต่นึกเสียใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
ฟู่อวิ๋นเซินนั่งที่เก้าอี้ ดวงตาดอกท้อไล่มอง “อ่าน”
อวิ๋นซานยืดหลังตรง เริ่มอ่านเอกสารในมือ “ฟู่หมิงเฉิง สิบปีที่ผ่านมาแอบยักยอกเงินกองกลางของตระกูลฟู่ไปหนึ่งพันห้าร้อยล้าน แอบเปิดเผยข้อมูลของฟู่ซื่อกรุ๊ปให้บริษัทคู่แข่ง ทำให้ฟู่ซื่อกรุ๊ปแพ้ในการประมูลงานหลายครั้ง”
“แอบซุ่มฝึกบอดี้การ์ด ทำร้ายผู้ถือหุ้นหลายคน…”
ยิ่งฟัง สีหน้าของฟู่หมิงเฉิงก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
นี่เป็นวิธีการทั้งหมดที่เขาสับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงของฟู่ซื่อกรุ๊ปให้เป็นคนของตัวเอง เดิมทีเขาคิดว่าทำด้วยความรอบคอบแล้ว ทว่าแม้แต่เรื่องเมื่อสิบปีก่อนฟู่อวิ๋นเซินก็ไปขุดคุ้ยออกมาได้
ฟู่หมิงเฉิงใจคอไม่ดี “แกคิดจะเอาฉันเข้าคุกเหรอ!”
“คุณไม่ต้องเข้าคุก” ฟู่อวิ๋นเซินแสยะยิ้ม “เข้าคุกยังได้กินอิ่มนอนหลับ ผมจะปล่อยให้คุณไปใช้ชีวิตสุขสบายแบบนั้นได้ยังไง”
“ฟู่ซื่อกรุ๊ปก็เป็นของแกไปแล้ว แกยังต้องการอะไรอีก” ฟู่หมิงเฉิงตะโกนโวยวาย จากนั้นอยู่ๆ ก็ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล “ปล่อยฉันไป ฉันขอตำแหน่งเล็กๆ ฉันไม่กล้าทำอะไรแล้ว จริงๆ นะ ไม่กล้าอีกแล้ว”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย “ส่งเขาไปที่ทะเลรีโน”
ทะเลรีโน!