เป็นรูปของซูหร่วนกับฟู่อวิ๋นเซิน
ทั้งยังได้อธิบายเรื่องการหมั้นหมายในตอนนั้นอย่างละเอียด รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้
โดยรวมเขียนประมาณว่า
หลังจากที่ผู้เฒ่าฟู่กับผู้เฒ่าซูตกลงเรื่องหมั้นหมายของซูหร่วนกับฟู่อวิ๋นเซินเรียบร้อยแล้ว ต่อมาด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ซูหร่วนต้องแต่งงานกับฟู่อี้หัน
ฟู่อวิ๋นเซินไปสร้างกิจการที่ยุโรป พอกลับมาซูหร่วนก็แต่งงานไปแล้ว จึงคลาดกันไปแบบนี้
เพื่อซูหร่วน ฟู่อวิ๋นเซินถึงได้กลายเป็นผู้บริหารระดับสูงของวีนัสกรุ๊ป
ในสิบประโยค เป็นเรื่องจริงเก้าประโยคเท็จหนึ่งประโยค
ดูมีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากทีเดียว
ความโด่งดังของวีนัสกรุ๊ปกำลังเพิ่มสูงขึ้น บริษัทกับตระกูลอื่นใช่ว่าจะไม่อยากเกาะกระแสแต่ต่างไม่กล้า กำลังอยู่ในช่วงดูลาดเลา
พอเกิดเรื่องแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการทิ้งระเบิด
แค่มีชื่อวีนัสกรุ๊ป ซูเหลียงฮุยไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อดันโพสต์ เรื่องนี้ก็ติดชาร์ตยอดนิยมทันที ขึ้นสิบอันดับแรกอย่างรวดเร็ว
แฮชแท็กฟู่อวิ๋นเซินซูหร่วน
แฮชแท็กละครที่เป็นเรื่องจริง
ไม่นานก็มีชาวเน็ตเป็นโขยงมารุม
[สุด น้ำเน่าสุด คนที่ตัวเองชอบกลายเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ อยากแย่งก็แย่งไม่ได้แล้วแบบนี้]
[สงสารท่านประธาน]
[ฉันไม่สงสารหรอก ฉันอิจฉาผู้หญิงที่อยู่ในรูปมากกว่า วาสนาดีจริงๆ ทำให้สองพี่น้องเปิดศึกแย่งชิงกันได้]
[แค่ผ่านมาแวะอ่าน พูดตามตรง ไม่ว่าฝ่ายหญิงจะเป็นใครหรือมีฐานะยังไงก็ไม่คู่ควรกับฝ่ายชาย ไม่รู้สึกว่าสองรูปนี้อยู่ด้วยกัน ซูหร่วนอะไรเนี่ยไม่เหมือนป้าแก่ๆ เหรอ]
[คอมเมนต์บน ไม่เห็นเหรอว่าฝ่ายชายถึงขั้นพยายามสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อฝ่ายหญิง น่าประทับใจมาก ทำไมฉันไม่เจอผู้ชายแบบนี้บ้างนะ]
นี่เป็นผลจากการที่ซูเหลียงติดต่อบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์แห่งหนึ่ง หลังจากเรียนรู้วิธีการสร้างกระแสสังคมเสร็จเขาก็จ่ายเงินให้แอคเคาท์เชิงพาณิชย์หลายร้อยแอคเคาท์เพื่อโพสต์ข้อความพวกนี้
บทความสั้นเขาก็จ้างคนเขียนโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเรียกน้ำตาสุดๆ
ซูเหลียงฮุยมั่นใจมากว่าซูหร่วนมีที่ยืนในจิตใจของฟู่อวิ๋นเซิน ก็แค่เกิดการเข้าใจผิดกันเพราะเรื่องผิดสัญญาแต่งงานในตอนนั้น
เขาเองก็คิดดีแล้ว ต้องลองดูสักตั้ง
ถ้าฟู่อวิ๋นเซินทำเหมือนเมื่อก่อน ไม่สนใจ
มันก็เป็นแค่ข่าวลือ ตอนนั้นฟู่อวิ๋นเซินถูกวงการไฮโซดูถูกเหยียดหยามขนาดนั้นยังไม่ถือสาเลยสักนิด
หรือไม่ก็เขาอาจรับซูหร่วนไปจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็เป็นเรื่องดีกับซูเหลียงฮุยทั้งนั้น
แบบแรก อย่างน้อยเขาก็ได้ข่มขวัญคู่แข่งของเขา และก็เป็นเหมือนที่ซูเหลียงฮุยคิด หลังจากที่เกิดประเด็นร้อนนี้ขึ้นในเวยปั๋ว ทางด้านตระกูลซู ลุงรองกับอาสี่ของซูหร่วนก็ได้หยุดการโจมตีทางธุรกิจใส่เขา
ทั้งสองคนโทรมาถามในเวลาแทบจะไล่เลี่ยกัน
ในระหว่างที่ยังไม่มั่นใจว่าจะล้มซูเหลียงฮุยได้อย่างสิ้นเชิงหรือไม่ การแข่งขันก็ยังเป็นแค่การทำอย่างลับๆ ต่อหน้ายังคงแสดงออกว่ารักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนเดิม ไม่มีฉีกหน้ากัน
อย่างไรเสียลุงรองกับอาสี่ของซูหร่วนอยู่ตี้ตู ไม่เคยเจอฟู่อวิ๋นเซิน ก็ไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร
แต่ลำดับเวลาของเหตุการณ์ก็ทำให้พวกเขารู้สึกยอม
ถ้าซูเหลียงฮุยเข้าหาวีนัสกรุ๊ปได้สำเร็จ แบบนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าแตะต้องจริงๆ แล้ว
วีนัสกรุ๊ปเล่นงานตระกูลฟู่ใช้เวลาแค่วันเดียว หากเล่นงานพวกเขาคงใช้เวลาน้อยยิ่งกว่า
“ถามว่าเรื่องในเน็ตใช่เรื่องจริงไหมน่ะเหรอ” ซูเหลียงฮุยตั้งสติ เขายิ้ม
“อันที่จริงพวกเขาก็พูดเกินเรื่องไปมาก อย่างมากก็แค่เขารอซูหร่วนอยู่หลายปี จนกระทั่งไม่ได้แต่งกัน”
เขาพูดคลุมเครือ ทำให้ลุงรองกับอาสี่ของซูหร่วนถึงกับวางสายไปด้วยความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
ซูเหลียงฮุยทำสีหน้าดูถูก
แค่นี้เหรอแล้วยังอยากจะมาสู้กับเขา
เขาหวังกับซูหร่วนไม่ได้แล้ว จึงไม่ได้บอกซูหร่วนว่าเขาอาศัยชาวเน็ตมาสร้างกระแส
…
ภายในร้านหม้อไฟ
หลังจากเจียงฮว่าผิงอ่านเรื่องแต่งจบก็ทำเสียงจึ๊ “สำนวนใช้ได้ น่าจะจ่ายไปเยอะ”
อิ๋งจื่อจินก็ได้อ่านแล้ว เธอครุ่นคิด “น้ำเน่าดี เอาไปทำละครได้”
ถึงแม้เธอจะพูดแบบนั้น แต่ก็กดส่งข้อความหาฟู่อวิ๋นเซิน
เมื่อหลายวันก่อนตอนที่เธอไปตึกสำนักงานของวีนัสกรุ๊ป แอบเห็นบนสมุดบันทึกเล่มเล็กที่อยู่ในมือพนักงานต้อนรับเขียนบันทึกกันลืมไว้ว่า
ต้องพยายามปกป้องความบริสุทธิ์ผุดผ่องของท่านประธาน
เธอก็จะช่วยด้วยอีกแรง
“พวกเราไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” เจียงฮว่าผิงวางโทรศัพท์ลง
“อวิ๋นเซินจัดการเองได้”
เธอเอาผักลงหม้อพลางยื่นน้ำเต้าหู้ยี่ห้อเหวยอี๋ให้อิ๋งจื่อจิน
ทั้งสองคนกินไปคุยไป
“ฉันกับหลิวอิ๋งเกิดปีเดียวกัน” เจียงฮว่าผิงพูด
“ตอนนั้นพ่อของฉันกับผู้เฒ่าฟู่ยังคิดกันอยู่ว่า ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายก็จะจับแต่งงานกัน”
เธอยิ้ม “น่าเสียดายที่พวกเราเป็นผู้หญิงทั้งคู่”
อิ๋งจื่อจินตั้งใจฟัง
“พวกเราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ต่อมาพอฉันไปอยู่ตี้ตู หลิวอิ๋งก็มีไปหาฉันบ้าง” เจียงฮว่าผิงจมอยู่ในความทรงจำ
“ตอนอายุสิบห้า เธอมาน้อยลงไปมาก เพราะต้องดูแลอวี้เซียงฟัง ฉันเองก็ยุ่งเรื่องของตัวเอง”
“ต่อมาอีก เธอก็หายตัวไปสี่ปี”
“อืม” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “เนี่ยอี้เล่าให้ฟังแล้วค่ะ”
“หลิวอิ๋งไปที่ไหนมา ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เจียงฮว่าผิงขมวดคิ้ว
“เมื่อก่อนหลิวอิ๋งชอบท่องเที่ยวไปทั่ว เธอก็รู้ว่าหลิวอิ๋งเป็นนักปรุงน้ำหอม จมูกไวมาก มักจะไปหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลก”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงออกว่าเข้าใจ
แบรนด์หรูแต่ละแบรนด์ต่างต้องจ้างนักปรุงน้ำหอม
แต่นักปรุงน้ำหอมที่มากพรสวรรค์อย่างฟู่หลิวอิ๋ง หลายสิบปีก็ยังหาแทบไม่เจอสักคน
น้ำหอมที่เธอปรุงออกมา ไม่เพียงแต่กลิ่นจะดียังมีสรรพคุณที่ช่วยให้สุขภาพยืนยาวอีกด้วย
แบรนด์บีไมน์ในเครือวีนัสกรุ๊ปก็มีนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดเหมือนกัน
“พวกเราเจอกันไม่บ่อย แต่ก็สนิทกันมาก” เจียงฮว่าผิงถอนหายใจเบาๆ
“เมื่อก่อนเวลาหลิวอิ๋งไปที่ใหม่ๆ ก็จะเขียนโปสการ์ดของสถานที่นั้นๆ ส่งมาให้ฉัน”
“แต่ในสี่ปีนั้น ฉันติดต่อเธอไม่ได้ เว้นเสียแต่เธอจะเป็นฝ่ายติดต่อมาเอง”
ขณะพูดเจียงฮว่าผิงก็ดันโทรศัพท์มือถือไปที่หน้าอิ๋งจื่อจิน
บนนั้นเป็นเบอร์มือถือของฟู่หลิวอิ๋ง มีประวัติกว่ายี่สิบปีแล้ว
“ทุกครั้งที่ฉันโทรหาหลิวอิ๋งก็จะขึ้นว่าไม่อยู่ในพื้นที่บริการ” เจียงฮว่าผิงส่ายหน้า
“ถ้าไม่ใช่ว่าเว้นระยะหนึ่งหลิวอิ๋งจะโทรมาหาฉัน ฉันยังแอบคิดว่าหลิวอิ๋งถูกใครจับไปขังไว้”
ยุคสมัยนั้นยังไม่มีวิดีโอคอล ทำได้แค่โทรศัพท์กับส่งข้อความ
“เสี่ยวจื่อจิน เธอสนิทกับเสี่ยวอวิ๋นเซิน เขาเองก็มองเธอเป็นน้องสาว” สีหน้าของเจียงฮว่าผิงเริ่มขรึมลง
“ดังนั้นสักวันหนึ่งในอนาคต พวกเธอยังจะต้องเจอกลุ่มคนที่มาฆ่าหลิวอิ๋งอีกแน่ ต้องเตรียมตัวให้ดี”
“ถ้าเป็นไปได้ ไว้เธอจบจากชิงจื้อ ฉันจะเชิญเธอเข้าวงการจอมยุทธ์ ไม่รู้ว่าเธอจะเหมาะกับฝึกเป็นจอมยุทธ์หรือเปล่า แต่เอาให้ป้องกันตัวได้จะเป็นการดีที่สุด”
อิ๋งจื่อจินรู้ว่าตระกูลใหญ่ที่เจียงฮว่าผิงแต่งเข้าไปอยู่ที่ตี้ตู แท้จริงแล้วอยู่ในวงการจอมยุทธ์
การที่คนทางฮู่เฉิงไม่เคยได้ยินก็เป็นเรื่องปกติมาก
“แล้วก็เรื่องน้องชายฉัน” เจียงฮว่าผิงแสยะยิ้ม
“หลงตัวเองจนชิน ไม่ต้องไปสนใจหรอก ถ้าเขามารังแกเธอก็บอกฉันได้เลย”
หลังจากทั้งสองคนกินเสร็จเจียงฮว่าผิงก็ไปส่งอิ๋งจื่อจินกลับ
ก่อนไปเหมือนเจียงฮว่าผิงจะนึกอะไรขึ้นได้
“อ้อจริงสิ เสี่ยวจื่อจิน ถ้าลูกชายฉันมันดื้อมากก็ซัดได้เลยนะ ฉันไม่ถือสา”
แถมเธอยังจะถ่ายรูปด้วยความดีใจ ส่งไปให้พ่อของเจียงหรานดูด้วย
…
ฟู่ซื่อกรุ๊ป
หลังจากที่ฟู่อี้หันจัดการเสร็จไปหนึ่งเรื่องด้วยความยากลำบาก เขาก็ได้รับแจ้งจากฝ่ายประชาสัมพันธ์
เขานวดหว่างคิ้ว โมโหจนปวดหัว
สาวในดวงใจงั้นเหรอ
ก็ไม่รู้ว่าไปเอาคำแบบนี้มาจากไหน
“อวิ๋นเซิน ทำให้นายวุ่นวายแล้ว” ฟู่อี้หันโทรไปหา สูดลมหายใจเข้าลึก “ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว ใส่ร้ายนายขนาดนี้”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจ น้ำเสียงฟังดูไม่แยแสเท่าไร “พ่อตาพี่น่ะ”
ฟู่อี้หันสีหน้าเปลี่ยน “ซูเหลียงฮุยเหรอ”
ตอนที่เขารู้ว่าซูเหลียงฮุยเอาของต่างหน้าของผู้เฒ่าฟู่มาบีบบังคับฟู่อวิ๋นเซิน เขาก็ไม่มองซูเหลียงฮุยเป็นพ่อตาอีกต่อไป
ซูเหลียงฮุยก็เคยมาหาฟู่อี้หัน แต่ก็ผิดหวังกลับไปทุกครั้ง โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ดังนั้นในการสร้างกระแสสังคมครั้งนี้ เขายังได้จงใจทำลายชื่อเสียงของฟู่อี้หันอีกด้วย
แต่ฟู่อี้หันไม่แคร์ เรื่องที่เขาโกรธคือซูเหลียงฮุยต้องการใช้ฟู่อวิ๋นเซินเป็นบันไดเหยียบขึ้นไป
แววตาของฟู่อี้หันขรึมลง “อวิ๋นเซิน ฉันจะช่วยแก้ข่าวให้ ฉันจะเริ่มร่างหนังสือหย่าตั้งแต่ตอนนี้”
เขาแต่งงานกับซูหร่วนเพื่อต้องการรับผิดชอบ ช่วงสามปีที่ผ่านมานี้พวกเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบสามีภรรยากันไม่มาก จึงไม่มีลูก ซึ่งก็โล่งไปเปลาะหนึ่ง
ตอนนี้เขายังต้องดูแลฟู่ซื่อกรุ๊ป ไม่ได้ว่างไปดูแลซูหร่วน
“ไม่ต้อง” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “มีคนไปจัดการแล้ว”
ฟู่อี้หันอึ้ง
แต่ไหนแต่ไรมาฟู่อวิ๋นเซินไม่แคร์เรื่องชื่อเสียง ทำไมครั้งนี้ถึงเอาเรื่องล่ะ
ราวกับฟู่อี้หันนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาแอบดีใจ
“อวิ๋นเซิน มีคนที่ชอบแล้วเหรอ”
นอกจากเหตุผลนี้ก็ไม่น่ามีความเป็นไปได้อย่างอื่นแล้ว
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม พูดเสียงเบา “เด็กน้อย ค่อนข้างเอาใจยาก ผมต้องถนอมตัวหน่อย”
“งั้นก็ดี” ฟู่อี้หันพยักหน้าพลางพูด “มีเรื่องอะไรก็บอกนะ”
หลังจบบทสนทนาเขาก็วางสาย บอกให้ทนายส่วนตัวร่างหนังสือหย่า ระหว่างนั้นก็เปิดเวยปั๋วของตัวเองดู
วีนัสกรุ๊ปออกแถลงการณ์เมื่อสิบนาทีก่อน
หลังจากซูเหลียงฮุยจ่ายเงินให้พวกแอคเคาท์เชิงพาณิชย์ทำงานได้สองชั่วโมง กำลังเป็นประเด็นร้อน
แอทวีนัสกรุ๊ป : [ท่านประธานบอกว่า เขามีคนที่ชอบแล้ว เขาไม่ชอบผู้หญิงที่แก่กว่า และไม่ชอบผู้หญิงที่หน้าตาแย่กว่าเขา กรุณาอย่ามาทึกทักเอาเอง สร้างข่าวลวงระวังงานเข้า คุณซูเหลียงฮุยกับคุณซูหร่วนเตรียมรอรับจดหมายจากทนายได้เลยครับ]