เผยเทียนอี้รู้ดีว่า เว็บบอร์ดเอ็นโอเคเป็นโปรแกรมโซเชียลที่แปลกประหลาดมาก
หาในแอปสโตร์ไม่เจอ ค้นหาในเน็ตก็ไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับเว็บบอร์ดนี้
ตอนนั้นที่อาจารย์ของเขาให้โปรแกรม แอคเคาท์กับพาสเวิร์ดมา ยังได้กำชับด้วยว่าห้ามแพร่งพรายไปข้างนอก
ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ให้พวกนี้มา เผยเทียนอี้ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเว็บบอร์ดอย่างเอ็นโอเคอยู่
จากสถานการณ์ที่เขาลองโพสต์ภารกิจบนเว็บบอร์ดเอ็นโอเค และมีคนมาทำก็แสดงให้เห็นแล้วว่าในโปรแกรมโซเชียลโปรแกรมนี้มีคนเก่งๆ มากมายปะปนอยู่จริงๆ
อีกทั้งยังไม่มีโปรแกรมโซเชียลโปรแกรมไหนที่ทำได้อย่างเว็บบอร์ดเอ็นโอเค หรือแม้กระทั่งเลียนแบบบนโลกนี้มีเพียงหนึ่งเดียว
แต่อิ๋งจื่อจิน?
เผยเทียนอี้เห็นชื่อไอดีเธออย่างชัดเจนเป็นคำสั้นๆ เทพ…
ทันใดนั้นหน้าจอได้ดับลง
อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น ดวงตาหงส์ฉายแววเย็นชา ไร้ซึ่งความอบอุ่นใดๆ มองเขาอยู่แบบนั้น ใบหน้าที่งดงามเกินใครทะลวงเข้าไปในดวงตา ความงามที่ต้องมนต์สะกดได้พุ่งเข้าหาพร้อมแรงกดดัน
พลังโจมตีเต็มเปี่ยม แทบทำให้หยุดหายใจ เผยเทียนอี้ถอยหลังไปสองก้าวโดยอัตโนมัติ
ถูกจับได้เต็มๆ เขารู้สึกกระอักกระอ่วน กลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างควบคุมไม่ได้
อิ๋งจื่อจินเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าเสื้อ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“มีนิสัยชอบแอบดูของของคนอื่นเหรอ”
เสียงไม่ดัง พูดด้วยระดับความดังปกติ แต่จั่วหลีที่อยู่ข้างๆ ย่อมได้ยิน เดิมทีเขากำลังใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูคฤหาสน์ร้างที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตรด้วยความร้อนใจ พอได้ยินแบบนั้นเขาก็หันมา ขมวดคิ้วมองเผยเทียนอี้
“มีอะไรกัน”
“เปล่าครับ” ถูกพูดใส่หน้าตรงๆ แบบนี้ เผยเทียนอี้ยิ่งอายเข้าไปใหญ่
ริมฝีปากของเขาขยับ แต่สุดท้ายก็พูดว่า “ขอโทษ” ออกไป
เขาเดินไปอยู่ด้านข้าง หลบออกมา สีหน้าของเผยเทียนอี้เรียบเฉย
เขาคิดมากเกินไป เว็บบอร์ดเอ็นโอเคมีแค่เวอร์ชันคอมพิวเตอร์
เขาเคยลองเอาโปรแกรมมาติดตั้งบนโทรศัพท์มือถือ แต่กลับต้องเสียโทรศัพท์ไปเครื่องหนึ่ง
น่าจะเป็นโปรแกรมอื่นมากกว่า ก็แค่รูปคล้ายกัน
เผยเทียนอี้ไม่มองอิ๋งจื่อจินอีก เขาไปคุยข้อมูลกับทางตำรวจ
…
อิ๋งจื่อจินล็อกอินด้วยไอดีเทพพยากรณ์
อย่างไรเสียไอดีคนชี้ทางก็อยู่แค่ระดับ เอ
ถึงแม้จะเข้าพื้นที่ปิดได้ แต่ไม่มีสิทธิพิเศษมากพอ
เธอเหลือบมองระดับบัญชีผู้ใช้งานของตัวเอง ไม่ใช่ระดับ เอสเอส หรืออย่างอื่น แต่เป็นอักษรภาษาอังกฤษ
TAROT ก็คือ ทาโรต์
ทั่วทั้งเว็บบอร์ดเอ็นโอเค บัญชีใช้งานที่มีระดับแบบนี้มีอยู่แค่สี่บัญชี
อีกสามบัญชีคือสิบ กับอีกสองคนที่ร่วมกันก่อตั้งสมาพันธ์ลับ
อิ๋งจื่อจินล็อกอินเข้าบัญชีเทพพยากรณ์ได้อย่างสบายใจเป็นเพราะไม่มีทางขึ้นแจ้งเตือนบนหน้าจอว่าบัญชีระดับ เอสเอส มีความเคลื่อนไหว
ไม่อย่างนั้น เธอล็อกอินเข้าไปแบบนี้ สมาชิกของสมาพันธ์ลับทั้งหมดก็จะรู้
แต่ไม่รวม สิบ
อิ๋งจื่อจินเพิ่งเข้าเว็บบอร์ดก็มีหน้าต่างสนทนาเด้งขึ้นมา
แอทสิบ : [!!!]
แอทสิบ : [เตรียมออกจากถ้ำแล้วใช่ไหม เร็วเข้าๆ รีบบอกมาว่าเมื่อไรจะมาหาผม ผมรอคุณมาทำนายดวงชะตาให้ มีแค่คุณที่ทำนายได้ ท่านเทพพยากรณ์ผู้ยิ่งใหญ่ ขอคำนับ มาซะทีเถอะนะ ขอร้องล่ะ]
“…”
อิ๋งจื่อจินปิดหน้าต่างสนทนานี้ทันที
ต่อให้ไม่ใช้ชีวิตเกษียณแล้วเธอก็ไม่มีทางไปหา สิบ
ญาณพยากรณ์ของเธอในตอนนี้ทำนายสิ่งที่ สิบ ต้องการไม่ได้
อิ๋งจื่อจินไปดูที่ชาร์ตนักล่า
ใช้บัญชีเทพพยากรณ์เธอสามารถเห็นข้อมูลของชาร์ตนักล่าในส่วนที่บัญชีผู้ใช้งานอื่นไม่เห็น ต่อให้เป็นบัญชีระดับ เอสเอส ก็เห็นแค่อันดับ เธอสามารถดูพิกัดของนักล่าได้ ถึงแม้จะแค่ห้าสิบอันดับหลัง แต่นั่นก็พอแล้ว
สายตาของอิ๋งจื่อจินหยุดอยู่ที่อันดับหกสิบเจ็ดของชาร์ตนักสะกดจิต ด้านหลังมีพิกัด
พิกัดนี้เป็นจุดเดียวกับเกอร์เวน
มีนักสะกดจิตตามที่คิดไว้
นักสะกดจิตที่ติดชาร์ต การสะกดจิตแบบหมู่เป็นงานที่ง่ายมากสำหรับพวกเขา ต่อให้เป็นคนมีวิชาป้องกันตัวก็ต่อต้านอะไรไม่ได้
แต่จอมยุทธ์ไม่เหมือนกัน พวกเขามีกำลังภายในที่แก่กล้า ประสาทสัมผัสย่อมไวกว่าคนปกติไปไกลมาก หากคิดจะสะกดจิตพวกเขา อย่างน้อยก็ต้องเป็นนักสะกดจิตยี่สิบอันดับแรกของชาร์ต
อิ๋งจื่อจินล็อกเอ๊าออกจากเว็บบอร์ดเอ็นโอเค มองไปที่ไกลๆ
ทีมยอดฝีมือที่เนี่ยอี้ส่งมาได้มาถึงในเวลานี้
พวกเขาสวมชุดยูนิฟอร์มแบบเดียวกัน แต่ละคนยังหนุ่มยากที่ใครจะไม่สงสัย
สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างห่างไกล ตอนที่ฝ่ายนั้นลักพาตัวเกอร์เวนก็เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมตัวมาอย่างดี
ตอนนี้อยู่ๆ มีคนโผล่มาห้าคน ทำให้เผยเทียนอี้สีหน้าเปลี่ยน เขาตวาดเสียงดุ “พวกคุณเป็นใคร”
หัวหน้าทีมปาดเหงื่อ ไม่สนใจเผยเทียนอี้เดินเข้าไปหาอิ๋งจื่อจิน
อิ๋งจื่อจินเงยหน้ามองเขา สีหน้าไม่มีความเปลี่ยนแปลง แต่ความหมายชัดเจนมาก
หัวหน้าทีมกลืนคำพูดที่จะพูดลงคอไปทันที
เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ เดินไปหาฝ่ายตำรวจของฮู่เฉิงแล้วหยิบบัตรประจำตัวออกมา “สวัสดีครับ”
ตำรวจรับบัตรนั้นมาดู สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที “สวัสดีครับ”
พวกเขาไม่รู้จักหน่วยอีจื้อ แต่รู้จักสัญลักษณ์ที่อยู่บนบัตร
ใครก็ตามที่ถือสัญลักษณ์นี้ก็แสดงว่าเบื้องบนส่งมา
คราวนี้ จากเดิมที่พวกตำรวจระมัดระวังอยู่แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากกว่าเดิม
ตอนที่พวกเผยเทียนอี้ไปแจ้งความไม่ได้พูดชื่อเกอร์เวน บอกแค่ว่าเป็นบุคคลที่สำคัญมาก
แต่ดูจากตอนนี้ แสดงว่าต้องสำคัญสุดๆ ไม่อย่างนั้นเบื้องบนคงไม่สั่งการลงมา
“พวกคุณรออยู่ที่นี่ก่อน” หัวหน้าทีมพยักหน้า
“พวกเราจะไปสืบดูลาดเลา”
ตำรวจพยักหน้า ทำตามอย่างเคร่งครัด
เผยเทียนอี้มองคนหนุ่มที่อยู่ในชุดเครื่องแบบทั้งห้าคนเดินตรงไปทางคฤหาสน์ร้าง เขาขมวดคิ้ว พูดด้วยความไม่พอใจ
“ไหนคุยกันแล้วว่าห้ามบุ่มบ่าม พวกเขาเป็นใครกันแน่ ทำไมไปทางนั้นได้”
ถ้าเกอร์เวนได้รับบาดเจ็บคงไม่มีใครรับผิดชอบไหว
ตำรวจยิ้มอย่างสุภาพ บอกอ้อมๆ
“ขอโทษครับคุณเผย นี่เป็นความลับ บอกให้คุณทราบไม่ได้ครับ”
เผยเทียนอี้สูดลมหายใจเข้าลึก แต่เขาก็จนปัญญาได้แต่รอด้วยความร้อนใจ
…
เวลานี้ที่ยุโรป
ตระกูลเทเลอร์
คนที่ก่อนหน้านี้โทรหาเผยเทียนอี้ก็คือคนของตระกูลเทเลอร์
ชื่อเสียงของตระกูลเทเลอร์ไม่ต่างจากตระกูลเบวินเท่าไร
แน่นอนว่าไม่มีทางเทียบกับตระกูลลอเรนท์ได้
ภายในห้องทำงาน
“ท่านคะ” เลขาลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็พูดขึ้น “ถ้าส่งเครื่องพ่นรูปตัวแอลไปตอนนี้จะยังช่วยศาสตราจารย์เกอร์เวนได้นะคะ”
“ช่วยเหรอ ทำไมต้องช่วย” ผู้ชายที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พอได้ยินแบบนี้ก็ไม่เห็นด้วย น้ำเสียงไม่พอใจ
“ผมต้องการเครื่องพ่นรูปตัวแอล ไม่ได้ต้องการผู้เชี่ยวชาญกลศาสตร์ควอนตัม”
ปลายนิ้วของเขาเคาะแป้นคีย์บอร์ดเบาๆ
“ถ้าเป็นศาสตราจารย์มานูเอล ผมก็จะเอาเครื่องพ่นรูปตัวแอลไปแลกอยู่หรอก”
ศาสตราจารย์มานูเอลก็เป็นศาสตราจารย์ชั้นแนวหน้าของโลกเหมือนกัน เพียงแต่ค้นคว้าด้านชีวเคมี
เครื่องพ่นรูปตัวแอลก็คืองานวิจัยของมานูเอล
ผู้ชายคนนี้ยังรอให้วันหน้ามานูเอลค้นคว้างานวิจัยอื่นๆ อีกย่อมไม่มีทางปล่อยให้เขาเป็นอะไร
แต่เกอร์เวน? เกอร์เวนคือที่สุดของด้านกลศาสตร์ควอนตัม แต่ว่ากลศาสตร์ควอนตัมเป็นโจทย์ที่ยากมากของวงการฟิสิกส์มาตลอด
จวบจนทุกวันนี้มีการนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตน้อยมาก ก็แค่เซมิคอนดักเตอร์ หรือสัมประสิทธิ์การนำความร้อนอะไรพวกนี้
ผ่านมาตั้งกี่ปีแล้วก็ยังไม่เห็นค้นพบอะไรที่สะเทือนไปทั้งโลกได้ ทำอย่างกับว่าวันหน้าเกอร์เวนจะคิดค้นยานอวกาศที่สามารถทะลุมิติได้จริงๆ แต่มันน่าขำเกินไปหรือเปล่า อีกอย่างเขากับเกอร์เวนก็ไม่ได้รู้จักกัน และก็ไม่เคยลงทุนให้ห้องทดลองของเกอร์เวนด้วย
จึงยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องเปลืองกำลังทรัพย์ของตัวเองไปช่วย
“แต่ว่าท่านคะ…” เลขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับศาสตราจารย์เกอร์เวน เกรงว่า…”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องคิด” เขาพูดขัดจังหวะ
“แต่เรื่องนี้ถือเป็นการเตือนพวกเราว่าให้เพิ่มคนคุ้มกันศาสตราจารย์มานูเอล ห้ามปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับเขาเด็ดขาด”
ผลงานสิ่งประดิษฐ์อย่างเครื่องพ่นรูปตัวแอล ใครๆ ก็อยากมาแย่งไป
ในฐานะที่มานูเอลเป็นผู้คิดค้นได้คนแรกจะต้องถูกจับตามองอย่างแน่นอน เพียงแต่ช่วงนี้มานูเอลไม่ได้ออกจากห้องทดลอง คนอื่นก็เลยลงมือไม่ได้
พูดได้เพียงว่าเกอร์เวนซวยเอง
เลขาเห็นเจ้านายยืนกรานแบบนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ออกไปจัดการทันที
…
ทางด้านฮู่เฉิง
ภายในคฤหาสน์ร้าง
เกอร์เวนถูกมัดติดกับเก้าอี้ อยู่ในภาวะสลบไสล
ข้างกายเขามีคนอยู่ทั้งหมดสี่คน ต่างสวมชุดกันกระสุน หนึ่งในนั้นมีคอมพิวเตอร์อยู่บนแขน มืออีกข้างกำลังเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็พูดขึ้น
“ตรวจสอบแล้ว ในเวลาห้าชั่วโมงที่ผ่านมา เมืองที่มีห้องทดลองตั้งอยู่ไม่มีเครื่องบินมาฮู่เฉิงสักลำ”
เครื่องพ่นรูปตัวแอลเป็นผลงานสำเร็จรูป เพิ่งสร้างขึ้นมาได้ไม่นาน ไม่จำเป็นต้องเตรียมการอะไร
แต่ผ่านมาห้าชั่วโมงแล้วกลับไม่มีข่าวคราวอะไรเลย นี่ก็แสดงว่าทางยุโรปไม่ได้คิดจะเอาเครื่องพ่นรูปตัวแอลมาแลกชีวิตของเกอร์เวน เรื่องนี้อยู่ในความคาดหมายของพวกเขา แต่ก็ยังคงอยากลองดู
พวกเขาก็รู้ว่าเครื่องพ่นรูปตัวแอลอยู่ในมือตระกูลเทเลอร์ เพียงแต่ตระกูลเทเลอร์ไม่ใช่ที่ที่ใครก็บุกเข้าไปได้
เคยมีคนโพสต์ภารกิจบนเว็บบอร์ดเอ็นโอเคว่า ต้องการชีวิตของนายใหญ่ตระกูลเทเลอร์
นักฆ่าอันดับสี่ไป แต่ก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาหาทางลงมือกับมานูเอลไม่ได้ ก็ไม่มีทางลงทุนลงแรงมาลักพาตัวเกอร์เวน
“จึ๊ ไร้ประโยชน์ ยังคิดว่าจะข่มขู่ได้เสียอีก” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ค่อยๆ ยืนขึ้น สายตาเย็นชา
“ทำฉันเสียเวลา ฆ่าทิ้งซะ”
เขาพูดง่ายๆ ขยับข้อมือ หยิบปืนออกมาหนึ่งกระบอกแล้วเล็งไปที่กลางหน้าผากเกอร์เวน
เขาเหนี่ยวไกโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย