ภาพจากกล้องวงจรปิดสิ้นสุดที่ตรงนี้ จบที่ใบหน้าสะใจของอิงเฟยเฟย
“…”
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องพักครู ต่างตะลึงกันหมด
อิงเฟยเฟยหน้าซีด “ไม่ นั่นไม่ใช่หนู หนูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น…”
อิ๋งจื่อจินมีภาพกล้องวงจรปิดจริงเหรอ
เป็นไปได้ยังไง
คุณนายอิงก็ยืนตัวแข็ง หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที
ภาพบนจอฉายราวกับตบหน้าเธอ
คุณนายอิงรู้สึกอับอายมากท่ามกลางสายตาคนจำนวนไม่น้อย แทบอยากจะมุดดินหนี
อิ๋งจื่อจินเก็บคอมพิวเตอร์แล้วคืนให้อาจารย์เติ้งพลางพูดขอบคุณ
ภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดส่วนนี้เธอย่อมไม่ได้คัดลอกมาจากห้องควบคุม แต่ทำการแฮกมาจากห้องควบคุมโดยตรง
ใช้เทคโนโลยีได้ก็ลดการใช้กำลังลง
อาจารย์เติ้งย่อมจำได้ว่ากระดาษที่อิงเฟยเฟยฉีกคืออะไร นั่นเป็นชีทแบบฝึกหัดที่เธอเตรียมให้อิ๋งจื่อจินโดยเฉพาะ ต่อให้เธอจะนิสัยดีขนาดไหนก็ยังโกรธมากอยู่ดี
เฮ่อสวินอึ้งไปชั่วขณะ ดูคาดไม่ถึงอย่างเห็นได้ชัดว่าความจริงจะเป็นแบบนี้
เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เหลือบมองเด็กสาวด้วยสีหน้าสับสน ไม่พูดอะไร
เขารู้เรื่องที่อาจารย์เติ้งเตรียมชีทแบบฝึกหัด
อาจารย์สวีเพิ่งได้สติกลับมาจากการตกตะลึง พูดเสียงขรึม “อิงเฟยเฟย ดูซิว่าเธอทำอะไรลงไป ทำไมเธอต้องฉีกหนังสือของอิ๋งจื่อจินด้วย”
“หนู หนู…” อิงเฟยเฟยเถียงไม่ออก เธอร้องไห้พลางตะโกน “แล้วใครใช้ให้เธอเป็นตัวถ่วงห้องเราล่ะคะ”
เธอไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย อิ๋งจื่อจินต่างหากที่ขาดการสั่งสอน โทษเธอได้เหรอ
“นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะทำแบบนี้!” อาจารย์สวีโกรธจนปวดหัว “เธอยังมีหน้าบอกว่าอิ๋งจื่อจินรังแกเธออีกเหรอ ไม่อายบ้างเหรอ”
เขาไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าคลาสเด็กอัจฉริยะจะมีนักเรียนแบบนี้
นิสัยอะไรกัน
อิงเฟยเฟยร้องไห้เสียใจยิ่งกว่าเดิม เธอยังไม่เคยถูกอาจารย์ประจำชั้นพูดด้วยคำพูดแรงๆ แบบนี้มาก่อน
“อาจารย์สวีคะ ต่อให้เฟยเฟยของเราทำเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะใช้กำลังกันนะคะ” คุณนายอิงรีบดึงอิงเฟยเฟยมากอด แสยะยิ้ม “เธอจำเป็นต้องขอโทษ!”
เธอพูดเสียงแข็ง “เอาเป็นว่ามันเป็นความผิดของเธอ”
คุณนายอิงไม่กลัวแม้แต่น้อย เพราะเธอนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้อาจารย์สวีบอกว่าผู้ปกครองของอิ๋งจื่อจินไม่ว่างมา
ความหมายของไม่ว่างก็คือไม่อยากยุ่งด้วยไม่ใช่เหรอ
ตระกูลอิ๋งไม่มีทางออกหน้า มีหลักฐานแล้วไงล่ะ ยังจะพลิกสถานการณ์อะไรได้
อิงเฟยเฟยเริ่มใจเย็นลง
นั่นสิ
จงจือหว่านก็เคยพูดไว้ว่า จงมั่นหวาไม่มีทางมายุ่ง
แค่ลูกเลี้ยงจะเทียบกับคุณหนูที่แท้จริงของตระกูลเศรษฐีได้ยังไง
พอนึกถึงตรงนี้ ในที่สุดอิงเฟยเฟยก็โล่งอก แค่กลุ้มใจที่ตัวเองไม่ได้ทำให้แนบเนียนกว่านี้
เธอเชิดหน้าท้าทายอย่างอวดดี
แต่ทว่าอิ๋งจื่อจินไม่แม้แต่จะมองพวกเธอ
เธอเบือนหน้า น้ำเสียงเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งยังผุดรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย “อาจารย์สวีคะ ไม่ทราบว่าเจตนาฆ่าเพื่อนจะถูกลงโทษยังไงเหรอคะ”
“หักคะแนน หรือไล่ออก”
อาจารย์สวีสีหน้าเปลี่ยน “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“อาจารย์สวีคงไม่รู้” ครั้งนี้คนที่พูดคืออาจารย์เติ้ง น้ำเสียงเย็นชา “จื่อจินกลัวแมงมุมมาก อาการหนักถึงขั้นหมดสติหายใจไม่ออกได้เลยนะคะ”
เธอเองก็รู้เรื่องนี้โดยบังเอิญ ทั้งยังได้กำชับเด็กนักเรียนในห้องไว้ด้วย
นึกไม่ถึงว่าจะถูกอิงเฟยเฟยเอาไปหาประโยชน์
อิ๋งจื่อจินชะงักเล็กน้อย เธอนึกไม่ถึงว่าอาจารย์เติ้งจะช่วยพูดแทนเธอ
ตอนเธอยังไม่ตื่นขึ้นมาอย่างสิ้นเชิงเคยถูกแมงมุมกัดจนเกือบตาย โชคดีที่เวินทิงหลานอยู่ข้างๆ
ถึงแม้สุดท้ายจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็เป็นโรคหวาดกลัวแมงมุม นี่เป็นโรคจิตเวชชนิดหนึ่ง
หลังจากเธอตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ย่อมไม่มีทางมีอุปสรรคในด้านนี้
แต่อิงเฟยเฟยไม่มีทางรู้จุดเปลี่ยนของเรื่องนี้
สีหน้าของอิงเฟยเฟยที่เพิ่งกลับมามีเลือดฝาดได้ซีดเผือดลงไปอีกครั้ง “หนู หนูจะรู้ได้ยังไง นี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ หนู…”
“หยุดพูด!” อาจารย์สวีตบโต๊ะ โมโหยิ่งกว่าเดิม “อิงเฟยเฟย ถ้าวันนี้อิ๋งจื่อจินเกิดเป็นอะไรไป เธอจะถูกจับเธอรู้บ้างไหม!”
แม้แต่ร้องไห้อิงเฟยเฟยก็ร้องไม่ออก
ท่ามกลางสายตาจำนวนมากขนาดนี้ คุณนายอิงหน้าเสียหนักกว่าเดิม
เธอเองก็นึกไม่ถึงว่าอิงเฟยเฟยจะทำขนาดนี้ แต่แล้วไงล่ะ
ก็ไม่ได้มีใครเป็นอะไรไม่ใช่เหรอ
“เอาล่ะ เรื่องนี้ก็จบแค่นี้แล้วกัน เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ จะมาคิดเล็กคิดน้อยเอาอะไร” คุณนายอิงหยิบธนบัตรสิบใบออกมาจากกระเป๋าสตางค์ “ก็แค่หนังสือกับแบบฝึกหัดไม่กี่เล่ม ฉันชดใช้ให้หนึ่งพัน พอไหม”
แม้แต่คนหนุนหลังที่สามารถต่อกรกับเธอได้สักคนก็ไม่มี ยังคิดจะเอาอะไรอีก
โยนเงินให้แล้วคุณนายอิงก็จับอิงเฟยเฟย “เฟยเฟย เราไปกัน”
“ไป” อิ๋งจื่อจินพูดอย่างไม่รีบร้อน “เจอกันในเวยปั๋ว”
ร่างกายของคุณนายอิงหยุดชะงักทันที ยังไม่ทันจะได้ด่า ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกถีบ
ตึง ชนจนเธอกระเด็นออกไป จมูกที่เพิ่งทำมาเบี้ยวทันที
จากนั้นน้ำเสียงโผงผางยียวนก็ลอยเข้ามา
“ไอ๊หยา คุณชายเจ็ด ดูสิ จ่ายพันเดียวก็กล้าอวดดีขนาดนี้ เมืองฮู่เฉิงไม่มีใครแล้วหรือไง”