เดิมทีอิ๋งเทียนลี่ว์คิดว่า เขาฝันเห็นอิ๋งจื่อจินบริจาคเลือดจนตายเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
หลังจากเห็นอิ๋งจื่อจินไม่เป็นอะไร เขาก็ลืมความฝันนั้นไปเสียสนิท
อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ความทรงจำที่สวยงามอะไร
จนกระทั่งช่วงสองวันนี้เขาก็เริ่มฝันแบบเดิมอีกครั้ง เหมือนกันไม่มีผิด เป็นเหมือนกับครั้งแรก อิ๋งเทียนลี่ว์อยากตื่นจากฝัน แต่กลับทำไม่ได้ เขาต้องดูความฝันนี้ให้จบ
“ฝันอะไรเหรอ” ผู้เฒ่าจงเป็นห่วง “ฝันร้ายเหรอ ไม่ต้องกลัว เรื่องไม่จริงทั้งนั้น”
อิ๋งเทียนลี่ว์ได้ฟังก็ยิ้มเศร้า “เกรงว่าจะไม่แน่สิครับ”
เมื่อก่อนเขาก็ฝัน แต่มันไม่เคยดูสมจริงเท่านี้มาก่อน
“กินยาหน่อยไหม” ผู้เฒ่าจงคิดแล้วพูดต่อ “ตาจะนัดหมอแผนจีนให้ ปรับสมดุลร่างกายหน่อย”
อิ๋งเทียนลี่ว์พยักหน้า “ขอบคุณครับคุณตา”
ที่เขาตามไปตี้ตูด้วยไม่ใช่แค่ไปเป็นเพื่อนผู้เฒ่าจง ยังเป็นเพราะที่นั่นมีโหราจารย์ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
เมืองตี้ตูมีสมาคมโหราศาสตร์ มีทั้งคนที่ใช้คัมภีร์โจวอี้[1] ใช้ไพ่ทาโรต์ โหราจารย์ท่านนี้เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลในสมาคมโหราศาสตร์
อิ๋งเทียนลี่ว์จองคิวไปในเน็ตแล้ว เขาต้องการให้โหราจารย์ท่านนี้ช่วยจัดการความฝัน
เมื่อก่อนเขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้
“มา ไม่ต้องคิดมาก พวกเราดูรายการกันดีกว่า” ผู้เฒ่าจงเปิดคอมพิวเตอร์อย่างอารมณ์ดีแล้วเปิดรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! จากเว็บบี
เขาดูไปหลายสิบรอบแล้ว แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าไม่พอ
เขายังได้ตั้งใจตัดเฉพาะฉากที่มีอิ๋งจื่อจินเอาไปลงเวยปั๋วส่วนตัวของเขา ประสบความสำเร็จกลายเป็นโพสต์ที่มียอดแชร์มากที่สุดของเขา
ผู้เฒ่าจงส่งข้อความไปหาทีมงานทุกวัน บอกให้พวกเขารีบทำตอนที่สองออกมาเร็วๆ
อิ๋งเทียนลี่ว์ก็เกิดความสนใจ ยกเก้าอี้มานั่ง “ครับ”
…
บ้านของตระกูลหลิงอยู่ทางตะวันออกของตี้ตู เป็นเรือนสี่ประสานที่ใหญ่มาก
ตรงลานบ้านมีอุปกรณ์แคมป์ปิ้งต่างๆ เช่น เตาย่าง เป็นต้น และยังมีบ่อน้ำกับต้นไม้เก่าแก่ที่สูงใหญ่
ได้ยินว่าเรือนแห่งนี้เป็นสิ่งปลูกสร้างที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง หลิงฉงโหลวซื้อมาด้วยเงินก้อนใหญ่
โลกจอมยุทธ์ตัดขาดจากโลกของปุถุชน หลิงฉงโหลวมักจะพาเจียงฮว่าผิงมาค้างแรมที่นี่
หลิงเหมียนซีชอบออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ดังนั้นเธอจึงมีห้องส่วนตัวอยู่ที่นี่
ห้องของอิ๋งจื่อจินอยู่ติดกับห้องของหลิงเหมียนซี
เธอดูโทรศัพท์มือถือ อวี้เสวี่ยเซิงส่งที่อยู่มาให้เธอ เป็นคอนโดส่วนตัวใจกลางเมือง
ฟู่อวิ๋นเซินพิงประตู เห็นอิ๋งจื่อจินเก็บของอีกครั้ง เขาเหลือบมอง
“ไม่ใช่มั้งเด็กน้อย อุตส่าห์ได้พักทั้งที เธอยังยุ่งขนาดนี้เลยเหรอ”
“ฉันจะไปเจอคน” อิ๋งจื่อจินบอก “เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
รับปากใครไว้เธอมักทำตามสัญญาเสมอ
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินหรี่ลงเล็กน้อย สุดท้ายก็ถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ใครเหรอ”
อิ๋งจื่อจินเก็บของเสร็จ หาวออกมา ไม่ได้ปิดบัง “เพื่อนของคุณ”
ฟู่อวิ๋นเซินอึ้งเล็กน้อย “เสวี่ยเซิงเหรอ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินไม่ปิดบัง
“ช่วยเหลือเป็นการตอบแทน ฉันจะไปช่วยดูแลคนไข้ของเขา”
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “ผู้ชายเหรอ”
อิ๋งจื่อจินสะพายกระเป๋า “ผู้หญิง”
“ผู้หญิง…” ฟู่อวิ๋นเซินหยุดเล็กน้อย สีหน้าผ่อนคลาย ดวงตาดอกท้อมองขึ้น ยิ้มริมฝีปากโค้งมน
“ดูท่าเยาเยาของพี่ชายจะกินหมดทั้งผู้ชายผู้หญิง”
อิ๋งจื่อจินหยุดเดิน หันมองเขา ดวงตาหงส์มีหมอกปกคลุมบางๆ เดาอารมณ์ไม่ถูก
ฟู่อวิ๋นเซินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาค่อยๆ ยืดตัวขึ้น กลับมามีท่าทีจริงจัง
“ทำไมมองพี่ชายแบบนี้อีกแล้ว”
นับตั้งแต่วันนั้น ดูเหมือนนับวันเขาจะยิ่งเดาอารมณ์เด็กน้อยของเขาไม่ถูกแล้ว
อิ๋งจื่อจินไม่มองเขาอีก เดินออกจากห้องด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ไม่รู้ใครกันแน่ที่กินทั้งชายและหญิง ยังจะมีหน้ามาว่าเธอ
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมาอิ๋งจื่อจินก็ไปถึงคอนโดส่วนตัวแห่งนั้น
เธอเคาะประตู
“คุณอิ๋ง” อวี้เสวี่ยเซิงมาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว “เชิญเข้ามาครับ”
เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมแว่นกรอบทอง อายุราวยี่สิบห้ายี่สิบหก แต่กลับยังคงสะอาดหมดจดเหมือนเด็กวัยรุ่น
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า เปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะแล้วเดินเข้าไป
ภายในห้องรับแขก มีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งอยู่หน้ากระดานวาดรูป ถือพู่กัน กำลังตั้งใจวาดภาพ
“เธอชื่ออวิ๋นเหอเย่ว์” อวี้เสวี่ยเซิงพูด “นี่ไม่ใช่ชื่อเดิมของเธอหรอกครับ เป็นชื่อในวงการที่เธอตั้งให้ตัวเองหลังออกมาจากพ่อแม่”
อิ๋งจื่อจินละสายตามองไป
อวิ๋นเหอเย่ว์นิ่งมาก
หน้าตาของเธองดงามแบบที่ยากจะแยกออกว่าเป็นชายหรือหญิง ดังนั้นการที่แต่งตัวเป็นชายก็ไม่ได้ดูติดขัดอะไร
อิ๋งจื่อจินมองภาพที่เธอวาด เข้าไปชี้ที่จุดหนึ่ง “เติมตรงนี้หน่อยจะดียิ่งขึ้น”
อวิ๋นเหอเย่ว์ลังเลเล็กน้อย เอาพู่กันเริ่มแต่งแต้มตรงนั้น
วาดเสร็จเธอก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาดำขลับเปล่งประกาย
ราวกับแสงไฟในยามค่ำคืน ระยิบระยับในชั่วขณะ
“ดูเหมือนเธอจะชอบคุณนะครับ” อวี้เสวี่ยเซิงยิ้มบาง “ผมหานักสะกดจิตอีกคนมาให้ แต่เธอต่อต้านจนวิ่งหนี ทั้งยังหวาดกลัว เธอน่าจะรู้สึกได้ว่าเขาเคยฆ่าคนมาไม่น้อย”
“ไม่หรอกค่ะ” อิ๋งจื่อจินตอบ “ฉันก็เคยฆ่าคน” อวี้เสวี่ยเซิงไม่แปลกใจ
“ฆ่าคนเลว แบบนั้นสมควรฆ่าครับ”
อิ๋งจื่อจินมองอวิ๋นเหอเย่ว์ เริ่มเหม่อลอย
“คุณอิ๋ง?” อวี้เสวี่ยเซิงพูดขึ้น “เป็นอะไรไปครับ”
“เปล่าค่ะ” อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเบาๆ “นึกถึงน้องชายของฉัน”
ตอนเวินทิงหลานอาการหนัก อันที่จริงแย่กว่าอวิ๋นเหอเย่ว์มาก
แต่ข้างกายเวินทิงหลานมีเวินเฟิงเหมียน เขาจึงไม่ได้ต่อต้านการรักษาทางจิตเวช อาการก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
เวลานี้อวิ๋นเหอเย่ว์ปลดรูปที่วาดเสร็จออกมาแล้วเขียนประโยคหนึ่งลงบนนั้น จากนั้นก็ชี้ลูกอมหลากสีที่อยู่บนโต๊ะรับแขก
เธอเขียนว่า
[พี่สาว กินลูกอม]
“ปีนี้เธออายุยี่สิบแล้ว แต่อายุจิตใจอยู่แค่สิบห้า” อวี้เสวี่ยเซิงพูดเสียงเบา
“นอกจากร้องเพลง ปกติก็ไม่ชอบพูด ใช้วิธีเขียนหรือพิมพ์เวลาจะสื่อสารครับ”
อิ๋งจื่อจินหยิบลูกอมขึ้นมาหนึ่งเม็ดแล้วแกะกระดาษห่อออก
อวิ๋นเหอเย่ว์ถึงเริ่มวาดรูปต่อ สีหน้าของเธอดูสบายใจขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
“ผมจะอยู่ฉลองปีใหม่กับเธอ” อวี้เสวี่ยเซิงยืนขึ้น
“ออกเดินทางวันที่สี่มกราคม วันที่เก้ามกราคม เธอมีสัมภาษณ์ก่อนแข่ง ถ้าคุณอิ๋งว่างจะไปก็ได้นะครับ”
ถึงแม้อวิ๋นเหอเย่ว์จะเป็นเด็กฝึกไร้สังกัด แต่ก็มีผู้ช่วยสองคน
รูปลักษณ์ภายนอกของเธอไม่ต่างจากคนปกติ อย่างมากก็แค่ดูหยิ่ง
ถ้าเรื่องที่เป็นโรคทางจิตเวชถูกเปิดเผยออกไป เกรงว่าจะไม่อาจลงแข่งได้อย่างสงบสุข
“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินตอบ “ฉันไม่มีธุระ ไปเป็นเพื่อนเธอได้”
รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 จะเริ่มแข่งอย่างเป็นทางการในปลายเดือนมกราคม รายชื่อโค้ชกับโปรดิวเซอร์วงบอยแบนด์ได้ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ก็แค่ยังไม่ประกาศออกไป
สัมภาษณ์ครั้งนี้ บรรดาโค้ชจะทำการประเมินความสามารถของเด็กฝึกในขั้นต้น เพื่อดูว่าพวกเขาถนัดเต้นหรือร้องเพลง
ทีมงานกับโปรดิวเซอร์รายการก็จะตัดสินใจว่าจะให้ซีนใครจำนวนเท่าไรจากการสัมภาษณ์ครั้งนี้
รายการเฟ้นหาคน ใครได้ซีนน้อยความนิยมก็จะต่ำ ต่อให้ไม่มีอวิ๋นเหอเย่ว์ อิ๋งจื่อจินก็กะไปดูสัมภาษณ์อยู่แล้ว
รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ครั้งนี้ ชูกวงมีเดียก็ร่วมลงทุนด้วย
เธอจะไปดู และก็ถือโอกาสคำนวณว่าเธอลงทุนไปครั้งนี้จะได้กำไรเท่าไร
…
เย็นวันที่สามสิบเอ็ดธันวาคม
ภายในบ้านตระกูลหลิง
เจียงฮว่าผิงกับหลิงฉงโหลวก็อยู่ด้วย พวกเขายังได้เชิญมู่เฮ่อชิง มู่เหวยเฟิง รวมถึงผู้เฒ่าเนี่ยมา
ถึงแม้วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันหยุดตามกฎหมาย แต่ในฐานะที่เนี่ยอี้เป็นหัวหน้าของหน่วยอีจื้อเขาไม่มีวันหยุด
เขาตั้งใจลาหยุดเพื่อมาง้อแฟนสาวที่น่ารัก
หลิงเหมียนซีซื้อเบียร์กับไก่ทอด ตะโกนขึ้นฟ้าอย่างสะใจ “วันนี้ต้องอยู่ข้ามคืน!”
“คนหนุ่มสาวนี่พลังดีจริงๆ” มู่เฮ่อชิงยิ้ม “ฉันไม่อยู่ด้วยดีกว่า”
“จะได้อย่างไร” ผู้เฒ่าเนี่ยรีบกอดเบียร์หนึ่งขวด พูดโอ้อวด “ฉันก็พลังดี อยู่ข้ามคืนได้เหมือนกัน”
มู่เฮ่อชิง “…”
เขาโมโหอยากจะบ้าตาย
“คุณปู่” เนี่ยเฉามองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง สีหน้าจริงจัง “ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
ผู้เฒ่าเนี่ยระแวง “ไอ้หลานบ้าเรื่องอะไร อย่าให้เป็นเรื่องไม่ดีนะ ทำปู่แกหมดอารมณ์”
เนี่ยเฉาคิดในใจ
ปู่จะได้อุ้มหลานแล้ว เป็นเรื่องดีแน่นอน
ขณะที่เขากำลังจะพูด ทันใดนั้นเนี่ยอี้ก็มองมาทางนี้
เนี่ยเฉาหดคอ “ไม่มีอะไรแล้วครับ”
ผู้เฒ่าเนี่ยโมโห คว้าไม้กวาดข้างตัวเริ่มไล่ตีเนี่ยเฉา วิ่งไล่ไปจนถึงลานบ้าน
อิ๋งจื่อจินไม่ได้ดื่มเหล้า ถูกฟู่อวิ๋นเซินเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้อุ่นๆ ให้
เธอเหลือบมองเขา ไม่คิดเล็กคิดน้อย
ฟู่อวิ๋นเซินมองนอกหน้าต่าง
เสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน พลุถูกจุด ระยิบระยับเต็มท้องฟ้า
เขาหันไปมองอิ๋งจื่อจิน ริมฝีปากโค้งเล็กน้อย แววตาอ่อนโยน
เข้าสู่ปีใหม่ ชีวิตต่อจากนี้ ความปรารถนาทั้งหมดของฉันก็คือเธอ
เธอคนเดียว
ที่สำคัญในใจ
เขามองแบบนี้ ดวงตาดอกท้อที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกจับจ้อง ไม่ได้ต้องการละสายตาไปไหน
ไม่มีทางที่อิ๋งจื่อจินจะไม่สังเกตเห็น เธอพูด “เลิกมองได้แล้ว”
ใบหน้าขาวนวลแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงพลุหรือเปล่า
“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “เด็กน้อยไม่ได้กำลังเขินใช่ไหม”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็เหลือบตาขึ้น พับแขนเสื้ออย่างใจเย็น
จากนั้นฟู่อวิ๋นเซินก็ถูกไล่ออกไป
“…”
ฟู่อวิ๋นเซินพิงประตู มองเนี่ยเฉาที่ยังคงถูกผู้เฒ่าเนี่ยเอาไม้กวาดไล่ฟาด ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมา
เด็กน้อยโตแล้ว มีเซ้นส์เรื่องเพศตรงข้าม เขาต้องเก็บอาการหน่อยแล้ว
เวลาตีสอง
หลิงเหมียนซีบอกจะอยู่ข้ามคืน แต่สุดท้ายก็ปิดผนึกกำลังภายในเพราะดื่มเบียร์ไปเยอะ หลับเป็นตายไปแล้ว
ผู้เฒ่าเนี่ยไปพักผ่อนนานแล้ว ไม่อยู่ในห้องรับแขก
เนี่ยอี้อุ้มหลิงเหมียนซีที่หลับเป็นตายขึ้นมาต่อหน้าเนี่ยเฉาอย่างเปิดเผย พาไปส่งในห้องนอน
เนี่ยเฉาเมาอยู่ โมโหจนหลับไป
สุดท้ายภายในห้องรับแขกก็เหลือแค่ฟู่อวิ๋นเซินกับเนี่ยอี้
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ดื่มเหล้า เว้นเสียแต่ถึงคราวจำเป็น ปกติเขาไม่แตะ
เขาไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองอยู่ในภาวะไร้สติ
“นายปิดเงียบจริงๆ” ฟู่อวิ๋นเซินนั่งลงบนโซฟา “ท่านผู้เฒ่าก็ไม่รู้สินะ”
เนี่ยอี้นวดหว่างคิ้ว “ไม่รู้”
“ก็จริง” ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง ยิ้มเล็กน้อย “ไม่อย่างนั้นคงได้เอากระบองฟาดนายออกจากบ้าน”
เนี่ยอี้ “…”
วันนี้เขาไม่ได้คุยกับหลิงเหมียนซีแม้แต่น้อย
เนี่ยอี้คิดเล็กน้อยแล้วยื่นโทรศัพท์มือถือให้
ในนั้นเป็นบทสนทนาล่าสุดของเขากับหลิงเหมียนซี
ฟู่อวิ๋นเซินหันมา อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ
เงียบไปสักพัก
จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “ฉันไม่ควร…”
เนี่ยอี้เงยหน้า “ไม่ควรอะไร”
“ไม่ควรถามคนที่อีคิวติดลบอย่างนาย…” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “ว่าจะจีบสาวอย่างไร”
“โชคดีที่ไม่ได้เอาอะไรมาใช้ ไม่อย่างนั้น สาวคงตกใจหนีไปแล้ว”
เนี่ยอี้ “…”
…
เก้าวันต่อมา
อิ๋งจื่อจินไปสถานที่สัมภาษณ์ของรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 เป็นเพื่อนอวิ๋นเหอเย่ว์
อวิ๋นเหอเย่ว์สูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกเซนติเมตร ไม่ถือว่าเตี้ยในหมู่ผู้ชาย
ไม่มีใครสงสัยว่าเธอเป็นผู้หญิง
อิ๋งจื่อจินสวมผ้าปิดปาก ทำตัวเป็นผู้ช่วยของอวิ๋นเหอเย่ว์
เพราะรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! ทำให้มีแมวมองในวงการบันเทิงจำนวนไม่น้อยที่ติดต่อเธอมา อยากพาเธอเข้าวงการ บอกว่ารับรองจะทำให้เป็นดารายอดนิยมได้แน่
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเลยสักนิด
แต่เพื่อตัดปัญหาความยุ่งยาก เธอไม่เปิดเผยหน้าตาดีกว่า
มีผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ อยู่รอบตัว บางคนมีผู้ช่วยถึงห้าคน
อวิ๋นเหอเย่ว์ไม่มีแม้แต่ผู้จัดการส่วนตัว จึงดูแปลกแยกกว่าใคร
บรรดาผู้เข้าแข่งขันต้องไปอัดเสียงที่ห้องอัดเสียงก่อน อวิ๋นเหอเย่ว์จับได้คิวสุดท้าย
เธอนั่งรอเงียบๆ จนกระทั่งเหลือคนก่อนหน้าเธอแค่คนเดียว เธอก็ยืนขึ้น เริ่มเตรียมตัว
แต่สิบนาทีผ่านไปแล้ว ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ข้างในก็ยังไม่ออกมา ปกติมีเวลาอัดเสียงให้แค่คนละห้านาที ถ้าเกิน ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ด้านหลังก็จะไม่มีเวลาเหลือ หากว่ากันตามเหตุผลไม่ควรเกิดเหตุการณ์แบบนี้
เว้นเสียแต่จงใจ
“อวิ๋นเหอเย่ว์น่าสงสารจริงๆ” สตาฟสองคนคุยกันอยู่ด้านนอกห้องอัดเสียง “เขาน่าจะยั้งๆ ฝีมือไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นไม่มีทางถูกจับตามองหรอก”
“ครั้งนี้ถ้าเขาอัดเสียงไม่ได้ ต่อไปคงได้ถูกตัดซีนจนไม่เหลือ”
อวิ๋นเหอเย่ว์เป็นเด็กฝึกไร้สังกัด ไม่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ แถมยังมีความสามารถ จึงตกเป็นเป้าได้ง่าย
เฉินหลีก็รู้ในจุดนี้
เธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวมือทอง แค่เธอพูดคำเดียวก็ทำให้อวิ๋นเหอเย่ว์อัดเสียงไม่ได้แล้ว
วิธีการแบบนี้ในวงการบันเทิงมีถมเถไป
อวิ๋นเหอเย่ว์ไม่มีคนหนุนหลัง ไม่มีบริษัทสนับสนุน จะทำอะไรได้
เฉินหลีแทบอยากจะให้อวิ๋นเหอเย่ว์ถอนตัวให้จบๆ ไป
สภาพจิตใจของอวิ๋นเหอเย่ว์ยังเด็ก มีปัญหาด้านการเข้าสังคม แต่ไอคิวของเธอกลับไม่ต่ำ
เธอมองเฉินหลีด้วยสายตาเย็นชา
เฉินหลียิ้ม ไม่มีปิดบัง “อย่ามามองฉันแบบนี้ ใครใช้ให้นายไม่ได้เรื่องเองล่ะ”
ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ต่างมองมา มีหลายคนที่รู้สึกสะใจ
อิ๋งจื่อจินพูด “ได้อัดเสียงแน่”
เฉินหลีย่อมได้ยิน เธอมองอิ๋งจื่อจิน เจือไปด้วยสายตาหยามเหยียด
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นผู้จัดการส่วนตัวมือทองหรือสปอนเซอร์กันล่ะ คิดว่าจะหาห้องอัดได้เหรอ พูดแบบนี้มันน่าตลกไปหรือเปล่า”
[1]คัมภีร์โจวอี้ เป็นคัมภีร์การทำนายดวงชะตาของจีนโบราณ