เนี่ยเฉาโมโหมาก
รังแกน้องสาวคนอื่นเหรอ
หน้าด้านกว่านี้ได้อีกไหม
คุณนายอิงจับจมูกตัวเอง เจ็บสุดจะทน
พอเจอคุณชายที่ไม่รู้จักก็ทำอวดดีอีก “เกี่ยวอะไรกับนายด้วย หา?”
เนี่ยเฉาถึงนึกออกว่าในเมืองฮู่เฉิงมีแค่ไม่กี่คนที่รู้จักเขา เขาแหวกทางตรงประตู ตะโกนขึ้น “คุณชายเจ็ด รีบมาๆ”
แล้วหันไปปลอบเด็กสาว “คุณ…น้องสาว ไม่ต้องกลัวนะ มีคุณชายเจ็ดอยู่”
อิ๋งจื่อจินอึ้งไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น
ฟู่อวิ๋นเซินก้าวเข้ามา ครั้งนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ไม่ติดกระดุมสองเม็ดบน เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้า เย้ายวนชวนมอง เดินมาอย่างเรื่อยเปื่อย ดูก็รู้ว่าไม่เอาไหน
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องพักครูต่างอึ้งไปตามๆ กัน
คุณนายอิงตะลึงยิ่งกว่า สมองมึนไปหมด “คะ คุณชายเจ็ด?”
ใบหน้านี้ของฟู่อวิ๋นเซิน ขอเพียงแต่ได้เจอครั้งหนึ่งก็ไม่มีทางลืม
ต่อให้ในเมืองฮู่เฉิงมีคนดูถูกว่าเขาทำตัวเสเพล แต่ก็ต้องให้เกียรติเขาอยู่ดี
“รบกวนด้วยครับอาจารย์สวี” ฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจ เขาเดินตรงเข้าไปหาเด็กสาว “ผมเป็นผู้ปกครองของเธอ มาช้าไปหน่อยครับ”
อาจารย์สวีอึ้ง
เนี่ยเฉาทำเสียงจึ๊ คิดในใจ
คุณชายเจ็ดหน้าไม่อายได้ถึงขั้นสุดจริงๆ นี่มโนว่าตัวเองเป็นผู้ปกครองไปแล้ว
“เธอไปเข้าเรียนก่อน” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมอง “ไม่จำเป็นต้องเสียเวลา”
คำพูดนี้ทำให้เฮ่อสวินสีหน้าเปลี่ยน
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ เธอค่อยๆ พูดขึ้น “อันที่จริงฉันคนเดียวก็…”
ยังไม่ทันพูดจบฟู่อวิ๋นเซินก็ล้วงช็อคโกแลตออกมาจากกระเป๋าให้อันหนึ่ง “เยาเยา?”
อิ๋งจื่อจินที่ถูกยื่นขนมให้ “…”
เนี่ยเฉา “?”
อื้อหือ พกขนมติดตัวเอาไว้ให้ตลอดด้วย
โวะ นี่จากแฟน เลี้ยงเป็นลูกสาวเหรอ
อาจารย์เติ้งดันแว่นตา เธอเองก็พูดด้วย “คุณฟู่พูดถูก จื่อจิน เธอไปเข้าเรียนก่อน อย่ามัวเสียเวลาเลย ที่นี่มีผู้ใหญ่จัดการ”
อิ๋งจื่อจินยื่นมือไปหยิบช็อคโกแลตอันนั้น เหลือบมองเขา “ไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว”
“ได้ ห้ามมีครั้งหน้าอีก” ฟู่อวิ๋นเซินตอบรับอย่างเป็นธรรมชาติ “รีบไปเข้าเรียนเถอะ อีกเดี๋ยวเกิดลงไม้ลงมือขึ้นมาฉันกลัวเธอจะตกใจ”
เนี่ยเฉาถึงกับสะอึก
พูดเพ้อเจ้อได้หน้าตาเฉย!
ลืมแล้วหรือไงว่าลูกพี่เคยใช้มือเดียวจัดการนักเลงห้าคนนั้นยังไง
อาจารย์เติ้งก็เห็นด้วย “เธอคงตกใจมาก เดี๋ยวครูพาไปเช็คอาการที่ห้องพยาบาลนะ”
ประตูห้องพักครูถูกเปิดและปิดในเวลาต่อมา บรรยากาศเย็นยะเยือกสุดขั้ว
อิงเฟยเฟยจับเสื้อของคุณนายอิงแน่น ตัวสั่นไม่หยุด
ลู่ฟั่งบอกว่าอิ๋งจื่อจินประจบฟู่อวิ๋นเซิน ตอนแรกเธอยังไม่เชื่อ ตอนนี้กลับต้องเชื่อแล้ว
นี่มันดวงอะไรกัน
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้า “อาจารย์สวีครับ ผมต้องการฟังเรื่องราวทั้งหมด”
อาจารย์สวีรีบเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังอีกครั้ง “คุณฟู่ครับ พวกเรากำลังหารือว่าจะจัดการอย่างไร”
ดวงตาดอกท้อของชายหนุ่มที่ยิ้มสุกใสเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาจนกระทั่งถูกผนึกด้วยน้ำแข็ง
คุณนายอิงตัวสั่น มีเหรอจะยังหลงเหลือความอวดดีแบบเมื่อครู่อีก “คุณชายเจ็ด เข้าใจผิดกันค่ะ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้น”
“เข้าใจผิดเหรอ ลูกสาวคุณถูกรังแกไม่ได้ แต่เด็กบ้านผมถูกรังแกได้งั้นเหรอครับ” น้ำเสียงของฟู่อวิ๋นเซินอ่อนโยน เขายิ้ม “มีสิทธิ์อะไรเหรอครับ”
คุณนายอิงอยากพูดว่า ‘ลูกเลี้ยงจะเทียบกับลูกสาวของเธอได้ยังไง’ แต่คำพูดมาถึงปากกลับไม่กล้าพูดออกไป
ฟู่อวิ๋นเซินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เก็บขึ้นมา”
คุณนายอิงอึ้ง ไม่มีเวลาสนภาพลักษณ์ของตัวเองรีบย่อตัวลงไปเก็บเงินที่เธอโยนไว้บนพื้น
ยังไม่ทันลุกขึ้นก็มีเงินปึกหนึ่งวางอยู่บนหัว
“ก็แค่ถูกโยนลงถังขยะ ไม่เป็นอะไรสักหน่อย คิดเล็กคิดน้อยทำไม” เนี่ยเฉาโปรยเงินทำหน้าที่อย่างเต็มที่ “เอาไปหนึ่งหมื่น พอหรือเปล่า”
คุณนายอิงถูกหยามเกียรติจนหน้าซีด
อิงเฟยเฟยริมฝีปากสั่น “คุณ แบบนี้มันใช้อิทธิพลรังแกกัน…”
“เอ๊ะ พวกคุณอย่ามาแว้งกัดสิ” เนี่ยเฉาทำเสียงฮึดฮัด เมื่อกี้รังแกน้องสาวคุณชายเจ็ดของเรายังไง ผมจำได้หมดนะ”
อาจารย์สวีลองพูดขึ้น “คุณฟู่ครับ คุณว่าเรื่องนี้…”
“ควรจัดการยังไงก็ตามนั้นครับ” ฟู่อวิ๋นเซินยืดตัวตรง แสยะยิ้ม “ผมเชื่อว่าชิงจื้อยุติธรรมเสมอ”
…
สุดท้ายคุณนายอิงก็รีบพาอิงเฟยเฟยเดินออกไป
ถึงแม้จะไม่ถูกไล่ออก แต่ก็ถูกลงบันทึกความผิดครั้งใหญ่ไว้ ชีวิตนี้อิงเฟยเฟยหมดวาสนากับมหาวิทยาลัยตี้ตูแล้ว
อย่าว่าแต่มหาวิทยาลัยตี้ตู มหาวิทยาลัยเก้าร้อยแปดสิบห้าแห่งในประเทศจีนก็ไม่มีทางรับเธอ หมดอนาคตอย่างสิ้นเชิงแล้ว
โหดร้ายยิ่งกว่าทำลายชื่อเสียง
“ฉันก็ว่าทำไมนายรีบมาที่นี่แต่เช้า ที่แท้ก็มาทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยสาวงาม” เนี่ยเฉาพึมพำ “คุณชายเจ็ด อย่าหาว่าฉันงั้นงี้เลยนะ นายชอบลูกพี่จริงๆ เหรอ”
“เธอยังเป็นแค่น้องสาว นายก็รีบเกินไปหน่อยหรือปล่า”
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองเขา สีหน้ากึ่งยิ้ม เนี่ยเฉายกมือยอมแพ้ทันที “คิดซะว่าฉันไม่ได้พูด!”
“ไม่ใช่” ฟู่อวิ๋นเซินหันหน้ามองจากดาดฟ้าของตึกเรียนลงไป พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “น่าจะเป็นความเห็นใจของคนที่เป็นโรคเดียวกันมากกว่า”
เนี่ยเฉาอึ้งไป
หลังจากนึกเรื่องนั้นของตระกูลฟู่ได้ในเวลาต่อมาเขาก็พูดไม่ออกทันที
เนี่ยเฉาไม่รู้ว่าควรปลอบใจอย่างไร “เพื่อน ช่างมันเถอะ ผ่านมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว”
“นั่นสินะ ผ่านมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินหัวเราะเสียงเบา “ยี่สิบปีแล้วนะ”
เบื้องหน้าเป็นสีเลือด
เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาและเสียงปืนดังปะปนกันไป ดังสนั่นแก้วหู
ขนตาของเขากะพริบ ยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “เมื่อก่อนฉันอยากให้มีคนปกป้องฉัน แต่ว่าไม่มี ฉันถึงอยากปกป้องเธอ”
พอได้ยินแบบนี้เนี่ยเฉาก็รู้สึกเศร้าเหลือเกิน “คุณชายเจ็ด…”
ชายหนุ่มยืนพิงกำแพง ขาเรียวยาวงอเล็กน้อย มองไปบนท้องฟ้า พูดเสียงเบา “ชีวิตฉันมีอุปสรรคมากมาย ไม่ได้อยู่อย่างสงบสุข แต่ว่าเยาเยา เธอจะต้องมีชีวิตที่ดีที่สุด”
เขายิ้ม ริมฝีปากโค้งมนอย่างอ่อนโยน
…
เวลาเย็น ณ คฤหาสน์ตระกูลจง
ตอนที่จงมั่นหวามาถึง ผู้เฒ่าจงกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะอาหาร เขาแค่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “มาแล้วเหรอ”
ฝีเท้าของจงมั่นหวาหยุดชะงัก “คุณพ่อ”
“จื่อจินล่ะ” ผู้เฒ่าจงถึงได้วางหนังสือพิมพ์ลง ชะโงกหน้ามองไปนอกประตู เขาผิดหวัง “ทำไมยังไม่กลับมาอีก”
อดตำหนิไม่ได้ “เธอเป็นแม่ทำไมมาคนเดียว ทำตัวยังไง”
จงมั่นหวาหงุดหงิดใจเหลือเกิน
ถ้าไม่ใช่เพราะสายจากชิงจื้อเมื่อเช้าที่ทำให้เธอรู้สึกขายหน้า มีเหรอที่เธอจะไม่ไปรับอิ๋งจื่อจินที่โรงเรียน
บ้านตระกูลจงเป็นบ้านพ่อแม่ของเธอ เธอแต่งเข้าตระกูลอิ๋ง เกี่ยวดองกันอย่างแข็งแกร่งเดิมทีก็เป็นเรื่องดีงาม
แต่เพราะอิ๋งจื่อจิน ทำให้พี่สะใภ้น้องสะใภ้ในตระกูลจงแอบนินทาเธออยู่บ่อยครั้ง
“หว่านหว่าน หลานอยู่ห้องเดียวกับจื่อจินไม่ใช่เหรอ” ผู้เฒ่าจงนึกอะไรขึ้นได้ หันไปถาม “ไม่เห็นเธอเหรอ”
นี่ก็ตั้งหนึ่งทุ่มแล้ว มอห้าเลิกเรียนนานแล้ว
จงจือหว่านกำมือแน่น ตอบเสียงเบา “คุณปู่ หนูไม่เห็นน้องค่ะ อีกทั้งน้องอาจจะ…”
“อาจจะอะไร” ผู้เฒ่าจงเริ่มเครียด “คงไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นหรอกนะ”
จงจือหว่านหันไปมองจงมั่นหวาอย่างรวดเร็ว “น้องอาจจะถูกชิงจื้อไล่ออกแล้วค่ะ”