เฉินหลีเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเทียนสิงมีเดีย เธอเคยดูแลราชาภาพยนตร์ระดับสากลมาก่อน
แต่หลังจากที่ราชาภาพยนตร์คนนี้ยกเลิกสัญญากับเทียนสิงมีเดีย ในมือของเฉินหลีก็ไม่มีดาราที่ช่วยเชิดหน้าชูตาได้สักคน คนที่เก่งที่สุดก็เป็นแค่ดาราระดับรองๆ ชีวิตเริ่มตกต่ำ
จนกระทั่งปีนี้ เฉินหลีได้ดูแลเยี่ยซี
หลังจากที่เยี่ยซีถ่ายเรื่องสปายเลอโฉมกับซังเย่าจือเสร็จก็โด่งดังขึ้นมา กลายเป็นดาราดังยอดนิยมในชั่วข้ามคืน มีแฟนคลับมากมายนับไม่ถ้วน
สถานะของเฉินหลีในเทียนสิงมีเดียย่อมทะยานสูงขึ้น ดาราจำนวนไม่น้อยอยากเซ็นเข้ามาอยู่ในความดูแลของเธอ
ตอนนี้เยี่ยซีกำลังโด่งดัง งานเข้าอย่างต่อเนื่อง เฉินหลีแทบไม่ต้องกังวล
เธอเลือกพวกเด็กหน้าใหม่ส่งมาเข้าร่วมรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202
และเฉินหลีสังเกตเห็นอวิ๋นเหอเย่ว์มาตั้งแต่รายการเริ่มคัดเลือกจากเด็กฝึกจำนวนมาก
คนหน้าตาดีในวงการบันเทิงมีมากมาย คนที่ดูดีกว่าอวิ๋นเหอเย่ว์ก็มีถมเถไป
แต่ตอนนี้หนุ่มสาวที่มีความสามารถนับวันจะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ
ซังเย่าจือเป็นกรณีพิเศษ
เฉินหลีตัดสินใจติดต่ออวิ๋นเหอเย่ว์เพราะอยากจับเซ็นสัญญา
ติดต่อไปหลายครั้งกลับถูกปฏิเสธหมด
เมล็ดพันธุ์ชั้นดี ถ้าไม่มาเซ็นสัญญากับเธอ เธอก็ไม่มีทางปล่อยให้อวิ๋นเหอเย่ว์เข้าบริษัทคู่แข่ง
ไม่อย่างนั้นด้วยความสามารถของอวิ๋นเหอเย่ว์ ถ้าเกิดเดบิวต์ จะต้องกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการบันเทิงแน่นอน
อาศัยจังหวะตอนนี้เธอยังสามารถดับอนาคตของอวิ๋นเหอเย่ว์ได้
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกห้านาทีก็จะสิ้นสุดการสัมภาษณ์ร้องเพลง เฉินหลีทักทายโค้ชร้องเพลงคนหนึ่ง จะใช้เวลาที่เป็นของอวิ๋นเหอเย่ว์ให้หมด
โค้ชร้องเพลงคนนี้สนิทกับเธอมาก ถ้าเป็นแบบนี้ คะแนนในส่วนร้องเพลงของอวิ๋นเหอเย่ว์ก็จะถูกลดเป็นศูนย์
ต่อให้อวิ๋นเหอเย่ว์เต้นได้คะแนนเต็ม ก็ยังสู้ผู้เข้าแข่งขันที่เธอพามาไม่ได้อยู่ดี
เธอก็แค่ต้องการข่มขวัญอวิ๋นเหอเย่ว์ บีบจนอวิ๋นเหอเย่ว์อับจนหนทาง
เมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอวิ๋นเหอเย่ว์ไม่มาเซ็นสัญญากับเธอก็ต้องไสหัวออกจากวงการบันเทิงไป ไม่ต้องคิดเรื่องร้องหรือเต้นแล้ว
อวิ๋นเหอเย่ว์ไม่สนใจเฉินหลี หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพิมพ์ให้อิ๋งจื่อจินดู
[พี่คะ ไม่เป็นไรค่ะ]
[พวกเขาฝีมือห่วย แค่หนูเต้นก็ติดสิบอันดับแรกแล้ว]
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ
นี่ทำให้เธอนึกถึงเรื่องที่เวินทิงหลานบอกว่าเด็กคลาสอัจฉริยะซื่อบื้อกันทั้งนั้น
“อันดับหนึ่งเป็นของเธอ ก็ต้องเป็นของเธอ” อิ๋งจื่อจินเปิดวีแชท ส่งข้อความหาเลขาสาว
ส่งเสร็จเธอก็นั่งลงพลางพูด “รอเดี๋ยว กินอะไรก่อน”
เธอรับปากอวี้เสวี่ยเซิงว่าจะดูแลอวิ๋นเหอเย่ว์ ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด
อวิ๋นเหอเย่ว์เชื่อฟังมาก เธอนั่งตาม
เฉินหลีเห็นแบบนี้ก็เดินเข้าไปหา
เธอไม่เห็นอิ๋งจื่อจินอยู่ในสายตา ก็แค่ผู้ช่วย
“อวิ๋นเหอเย่ว์ ในฐานะที่ฉันเป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิง ฉันขอเตือนให้นายยอมฟังฉันดีกว่านะ” เฉินหลียิ้ม “เซ็นสัญญาก็แค่เซ็นชื่อลงไป นายไม่มีสังกัด คิดจริงเหรอว่าสุดท้ายจะได้เดบิวต์”
รายการเฟ้นหาคนเป็นการแข่งขันด้วยเงินทั้งนั้น
อวิ๋นเหอเย่ว์ยังคงไม่สนใจเฉินหลี เธอกำลังเชื่อมต่อเล่นเกมกับอิ๋งจื่อจิน
เฉินหลีขมวดคิ้ว ไม่พอใจ ในขณะที่เธอกำลังจะพูดต่อ ทันใดนั้นประตูห้องใหญ่ก็ถูกผลักออก
น้ำเสียงร้อนรนเจือไปด้วยความโมโหทำเอาบรรดาผู้เข้าแข่งขันที่รออยู่ด้านนอกต่างตกใจ
“ใครกินเวลาสัมภาษณ์ของคนอื่น หา รีบไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้! คิดว่าตัวเองสร้างรายการนี้หรือไง เร็วเข้า! ออกมาเดี๋ยวนี้! อย่าให้ผมต้องพูดอีกรอบ!”
รอยยิ้มของเฉินหลีหยุดชะงัก เงยหน้าขึ้นทันที สีหน้าเปลี่ยน “โปรดิวเซอร์หลี่?”
โปรดิวเซอร์หลี่ไม่แม้แต่จะมองเฉินหลี รีบสาวเท้าเดินไปที่ห้องอัดเสียงแล้วถีบประตูเปิดอีกครั้ง
เขาชี้ผู้เข้าแข่งขันที่ยังอยู่ในนั้น ตวาดเสียงด่าอย่างไม่ไว้หน้าต่อหน้าทุกคน “คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าเหรอ ทุกคนต้องตามใจคุณ กินเวลาคนอื่นเหรอ คิดว่าตัวเองเป็นใคร!”
ผู้เข้าแข่งขันถูกด่าก็งง
รวมถึงโค้ชร้องเพลงที่เฉินหลีติดสินบนไว้ สีหน้าก็ซีดลง
โปรดิวเซอร์หลี่ด่าเสร็จยังไม่หายโมโห โยนแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือลงอย่างแรง “อยากได้ซีนใช่ไหม ทั้งหมดเป็นไปตามคะแนน เจตนากินเวลาคนอื่น ตัดคะแนนครึ่งหนึ่ง!”
โปรดิวเซอร์หลี่เองก็หวาดกลัวมาก
ไม่ว่าจะการสัมภาษณ์ครั้งนี้หรือการเปิดโหวตในภายหลัง แต่ละบริษัทใหญ่ต่างจะเข้ามาควบคุม
คนที่ไม่มีสังกัดย่อมถูกข่ม นี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยในวงการบันเทิง
โปรดิวเซอร์หลี่จึงไม่ได้เก็บเรื่องเล็กน้อยอย่างการสัมภาษณ์นี้มาใส่ใจ แต่เมื่อครู่ชูกวงมีเดียโทรมาเล่นงานเขาเต็มๆ
คำพูดเป็นแบบนี้
‘ทีมงานเก่งกันจริงๆ นะคะ แม้แต่ผลประโยชน์ที่ยุติธรรมกับผู้เข้าแข่งขันยังปกป้องไม่ได้ ยังจะจัดไปทำไมคะ ยกเลิกรายการไปเถอะค่ะ’
ครั้งนี้ชูกวงมีเดียเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ที่สุด นำเทียนสิงมีเดียที่เป็นหนึ่งในฝ่ายจัดงานไปแล้ว
นี่คือพ่อบุญทุ่มเชียวนะ!
เกิดไม่พอใจถอนเงินสนับสนุนขึ้นมาจะทำอย่างไร
หลังจากที่โปรดิวเซอร์หลี่วางสายก็เดินออกมาจากห้องทำงานด้วยสภาพควันออกหู
ส่วนเฉินหลีอะไรนี่น่ะเหรอ
เทียบกับพ่อบุญทุ่มได้เหรอ
โปรดิวเซอร์หลี่อารมณ์เย็นลง หันหน้าไป “คนต่อไป เข้าไปได้ ยืดเวลาให้ ไม่ต้องกดดัน”
เฉินหลีโกรธหน้าเขียว
อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย เชิดคางเล็กน้อยเพื่อบอกให้อวิ๋นเหอเย่ว์ตามสบาย
อวิ๋นเหอเย่ว์ถึงเข้าไป
ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ในห้องอัดเสียงเดินออกมาด้วยความอับอาย
เฉินหลีโมโหจนตัวสั่น
แต่คนที่เธอเผชิญหน้าด้วยคือโปรดิวเซอร์ใหญ่จึงทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงอดกลั้นไว้
ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นก้มหน้า “ขอโทษครับพี่หลี”
“ถือว่าเขาดวงดี” เฉินหลีหายใจแรงด้วยความโมโห เธอแสยะยิ้ม “วันนี้โปรดิวเซอร์ใหญ่มาพอดี ถึงช่วยอวิ๋นเหอเย่ว์ไว้ได้ครั้งหนึ่ง ฉันก็อยากจะรอดูว่า ครั้งหน้าเขายังจะโชคดีแบบนี้ไหม”
เธออยู่ในวงการบันเทิงมาสิบกว่าปี มีวิธีเล่นงานมากมาย ใช่ว่าอวิ๋นเหอเย่ว์จะมาสู้ได้
“ไปที่ห้องเต้น” เฉินหลีหยิบกระเป๋า พูดอย่างเย็นชา “อีกเดี๋ยวนายยังต้องเต้นอีก ตั้งใจทำให้ดี บริษัทไม่มีทางยอมให้ทีมงานตัดซีนของนายออก”
…
อวิ๋นเหอเย่ว์อัดเสียงเสร็จอย่างรวดเร็ว
ปกติเธอเป็นคนนิ่งๆ แต่น้ำเสียงกลับมีพลัง ปลุกความสนใจของทุกคนได้อย่างง่ายดาย
ไม่เหนือความคาดหมาย เธอได้คะแนนเต็มเพียงคนเดียว
เรื่องเต้นก็เช่นกัน
หลังจากอวิ๋นเหอเย่ว์เต้นเสร็จ ดูไม่เหนื่อยอะไร ไม่เปลืองแรงเลยสักนิด
เธอโค้งให้บรรดาโค้ชเต้นเสร็จก็เดินออกจากห้อง
โค้ชสองคนคุยกัน
“อวิ๋นเหอเย่ว์เอวอ่อนมาก” โค้ชหญิงอดตกใจไม่ได้ “น้อยมากที่ผู้ชายจะทำได้ถึงระดับนี้ ฉันถึงขั้นสงสัยว่าเขาเป็นผู้หญิงหรือเปล่า”
“จะเป็นไปได้ยังไง” โค้ชชายส่ายหน้า “ถ้าเขาเป็นผู้หญิงจะเข้ารอบได้ยังไง แต่ความสามารถโดดเด่นจริงๆ เขาเก่งทั้งร้องทั้งเต้น คนอื่นสู้ไม่ได้เลยจริงๆ”
“ผมว่าประเมินผลครั้งแรกเขาต้องได้เอเป็นคนแรกแน่นอน”
โค้ชหญิงเห็นด้วย “แต่จุดด้อยของเขาก็ใหญ่มาก เขาควบคุมสีหน้าได้แย่เกินไป แทบจะไม่ยิ้มเลย”
โค้ชทั้งสองคนแค่คุยกันเรื่อยเปื่อย ส่วนสุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้
…
อิ๋งจื่อจินนั่งรออยู่ด้านนอก
ภาพบันทึกการสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นความลับ มีแค่ฝ่ายดูแลอย่างโค้ช โปรดิวเซอร์ และผู้กำกับเท่านั้นที่ได้ดู
ไม่ว่าจะผู้จัดการส่วนตัวหรือผู้เข้าแข่งขันต่างไม่มีทางได้เห็น
แต่อิ๋งจื่อจินเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ก็ขอภาพบันทึกในห้องเต้นมาจากเลขาสาวได้อย่างง่ายดาย เธอดูอวิ๋นเหอเย่ว์เต้น
สุดท้ายเธอก็ชอบดูผู้หญิงเต้นมากกว่าจริงๆ เห็นแล้วเจริญตา
อวิ๋นเหอเย่ว์ล้างมือเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้อิ๋งจื่อจิน
อิ๋งจื่อจินก้มมอง
มีสองข้อความ
[พี่คะ หนูได้ยินจากพี่เสวี่ยเซิงว่าพี่ชอบเงิน]
[หนูช่วยพี่หาเงินได้ มีคนมาให้หนูร้องเพลง หนูร้องหนึ่งเพลงขายได้หนึ่งหมื่น]
จากนั้นอวิ๋นเหอเย่ว์ก็พิมพ์อีกบรรทัด
[หนูขอแค่ของกินกับเสื้อผ้าก็พอแล้ว]
อวิ๋นเหอเย่ว์ยังอยู่ในชุดเต้น ทาอายแชโดว์โทนสีเข้ม
อิ๋งจื่อจินสังเกตเห็นรอยแผลน้อยใหญ่จำนวนมากตรงข้อมือของเธอ
ถึงแม้จะใช้รองพื้นทาปิดไว้ แต่ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะมองออก
จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่าเมื่อก่อนเธอถูกทำร้ายมาขนาดไหน
“ไม่ต้องหรอก” อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเล็กน้อย เธอยิ้ม “ฉันไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน”
ตอนนี้เธอไม่ร้อนเงินแล้วจริงๆ แต่ยังคงชอบความรู้สึกตอนหาเงิน
อย่างไรซะในเว็บบอร์ดเอ็นโอเคก็มักมีคนทึ่มเอาเงินมาให้เธออยู่บ่อยๆ
โดยเฉพาะคนที่ตั้งภารกิจแปลเนื้อหาที่ให้เงินถึงห้าล้าน
ไม่รู้ว่าใครที่มีเงินเสียค่าโง่เยอะขนาดนั้น เธอเองก็ไม่ได้สนใจจะสืบด้วย
“ไปเถอะ” อิ๋งจื่อจินลูบแขนเสื้อ สวมหมวก
เธอให้อวิ๋นเหอเย่ว์เดินไปก่อน เธอตามด้านหลัง
อย่างไรเสียตอนนี้เธอก็เป็นผู้ช่วย
บางครั้งการรับบทบาทแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน
ภายในห้องโถงด้านหลัง เฉินหลียืนอยู่ในนั้น สีหน้าย่ำแย่
ขนาดเธอขัดขวางไปแล้วครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าอวิ๋นเหอเย่ว์ก็ยังคงได้คะแนนเต็มทั้งคู่
อันดับสองห่างกับอวิ๋นเหอเย่ว์ถึงสี่สิบกว่าคะแนน แสดงให้เห็นว่าความสามารถทั้งร้องและเต้นของอวิ๋นเหอเย่ว์น่ากลัวขนาดไหน
แต่เฉินหลีคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมอยู่ๆ โปรดิวเซอร์หลี่ก็โผล่มา อีกทั้งยังหักหน้าเธอ
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเบอร์