ตอนที่ 369 อะไรที่คนอื่นเอาไม่ได้ บอสกลับได้มาอย่างง่ายดาย
ในใจของอิ๋งเย่ว์เซวียนเดาไว้อยู่ความคิดหนึ่ง แต่เธอไม่กล้าแน่ใจมาตลอด และก็ไม่อยากจะยืนยันด้วย
เบอร์แปลกเบอร์นี้นอกจากส่งข้อความภาพมาให้เธอแล้ว ยังส่งเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับตระกูลอิ๋งมาให้ไม่น้อย ถึงขั้นที่ว่ายังมีรูปตอนที่เธออยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เธอถูกอิ๋งเจิ้นถิงรับมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก จำอะไรไม่ได้เลย
อันที่จริงอิ๋งเย่ว์เซวียนรู้มานานแล้วว่าเธอไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋ง
ตอนนั้นเธอยังอยู่มัธยมต้น มีครั้งหนึ่งได้ยินอิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา และก็นับตั้งแต่ตอนนั้น เธอยิ่งอดทน เริ่มคิดว่าทำอย่างไรถึงจะเบียดจงจือหว่านตกไปได้
ถ้าถูกคนอื่นรู้เข้าว่าเธอไม่ใช่แม้แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋ง เธอยังจะเอาอะไรไปสู้พวกคุณหนูที่แท้จริงอย่างจงจือหว่านได้
ต่อมาเธอเคยถามอิ๋งเจิ้นถิงเรื่องครอบครัวของเธอ เขาบอกว่าพ่อแม่ของเธอตายแล้ว เธอถึงได้แอบโล่งอก
ทว่าตอนที่เห็นข้อความที่สาม แผ่นหลังของเธอก็หดเกร็ง เหงื่อไหลเป็นสายน้ำ
ตามคาด!
[ฉันเป็นแม่แท้ๆ ของเธอ จิ่งหงเจิน]
ประโยคนี้ทำให้อิ๋งเย่ว์เซวียนลุกพรวดขึ้นทันที ด้วยความที่ตกใจมาก จึงทำเก้าอี้ล้มขณะลุก
“คุณเย่ว์เซวียน” หยวนจยาเฉิงขึ้นมาตอนนี้พอดี พอได้ยินเสียง เขาก็เคาะประตู “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“ปะ…เปล่าค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนกำโทรศัพท์มือถือแน่น “ฉันเผลอทำเก้าอี้ล้มค่ะ”
“โอเคครับ” หยวนจยาเฉิงไม่ได้ถามต่อ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ถ้ามีเรื่องอะไรก็บอกผมได้นะครับ ผมจะช่วย”
เสียงฝีเท้าดังขึ้น เขาออกไปแล้ว
ผ่านไปสักพักกว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนจะตั้งสติได้
เธอรีบลบสามข้อความนี้ทิ้งทันที บล็อกเบอร์นี้อีกครั้ง และเธอก็ไม่มีทางไปเจอจิ่งหงเจิน
เธอเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋ง แม่ของเธอคือจงมั่นหวา
แต่อีกฝ่ายเหมือนรู้ทันความคิดของเธอ
โทรศัพท์มือถือดังสองครั้งในเวลานี้
[ต่อให้เธอไม่มาเจอฉัน ฉันก็ยังเป็นแม่เธออยู่ดี]
[เธอต้องเชื่อนะว่า บนโลกนี้มีแค่ฉันที่ยืนอยู่ข้างเธอเต็มร้อย ช่วยเหลือเธอได้ เธอไม่กลัวหรือไงว่าตระกูลอิ๋งจะรับลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขากลับไป]
อิ๋งเย่ว์เซวียนมองข้อความนั้น ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ
สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจ
[ได้ ฉันจะไป]
…
ที่ชั้นล่าง
เวลานี้พ่อหยวนกลับมาแล้ว สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก ถอนหายใจไม่หยุด
เมิ่งหรูเห็นแบบนั้นก็ลุกขึ้นทันที เดินเข้าไปหา “เป็นอะไรไปคะ”
“ไม่ได้บัตรเชิญงานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของตระกูลเนี่ย” พ่อหยวนส่ายหน้า “เห็นทีจะหมดโอกาสแล้วจริงๆ”
วันที่เจ็ดกุมภาพันธ์ งานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของบ้านตระกูลเนี่ยจะจัดในวันสิ้นปี[1] มีเวลาอีกแค่ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์แล้ว
ผู้เฒ่าเนี่ยเป็นคนกำหนดรายชื่อแขกทั้งหมดด้วยตัวเอง
ตอนนี้ยังไม่ได้บัตรก็แสดงว่าพวกเขาไม่ถูกเชิญ
“อย่างนั้นเหรอคะ” เมิ่งหรูผิดหวังมาก แต่ก็ถือว่าอยู่ในความคาดหมาย เธอเงียบไปเล็กน้อย
“คุณคะ งั้นก็ทำตามที่ฉันเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วกัน”
อยากร่วมงานกับตระกูลเนี่ย จะพึ่งแค่อิ๋งเย่ว์เซวียนย่อมไม่ได้ จำเป็นต้องมีเส้นสายด้วย
เธอถึงได้เป็นตัวกลางให้อิ๋งเย่ว์เซวียนไปมหาวิทยาลัยตี้ตู ไว้ถึงเวลาก็จะสามารถขอให้ศาสตราจารย์ของสาขาคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยตี้ตูมาช่วยได้
พ่อหยวนยังรู้สึกไม่ค่อยยินยอมเท่าไร แต่ก็ตอบตกลง
“ก็ได้ คุณจัดการไปแล้วกัน แค่หมั้นหมายไม่ใช่แต่งงาน จะยกเลิกเมื่อไรก็ได้”
เมิ่งหรูพยักหน้า ออกไปติดต่อตระกูลอิ๋ง
…
ตอนเย็นที่โรงแรม
ภายในห้องเพรสซิเด้นท์สวีท
หลังจากเนี่ยเฉามาถึง เขาก็หยิบบัตรสีขาวเคลือบขอบทองยื่นให้อิ๋งจื่อจิน วางมาดคุณชายเสเพล
“อะ บอส…ให้”
“บัตรเชิญงานเลี้ยงฉลองตรุษจีน” เนี่ยเฉาเสยผม เก๊กมาก
“ตาแก่บ้านผมกำชับมาโดยเฉพาะว่าจะต้องให้บอสให้ได้”
อิ๋งจื่อจินมองดู รู้สึกว่าบัตรใบนี้ออกแบบมาสวย เธอครุ่นคิดพลางพูด “มีของอร่อยหรือเปล่า”
“มะ…มีแน่นอน” เนี่ยเฉาโม้ให้ฟัง
“เชิญเชฟใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาหลายคน มีเชฟเบเกอรี่ด้วยนะ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า รับเอาไว้
ค่ายติวไอเอสซียาวไปจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หยุดตรุษจีนเจ็ดวัน
ถ้าไม่นับเวลาเรียนเสริม ชิงจื้อก็เปิดเทอมเดือนมีนาคม เธอกลับไปพอดี
อย่างไรเสียเธอยังรับปากผู้อำนวยการโรงเรียนไว้ด้วยว่าเธอจะเข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วครู่ ล้วงกล่องขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากกระเป๋าสะพายหลัง
“ฉันให้ เก็บไว้ อย่าให้ใครดู”
เนี่ยเฉาตกใจ “บอส เกรงใจเกินไปแล้ว”
“ไม่ต้องเกรงใจ” อิ๋งจื่อจินไม่เงยหน้าขึ้น “ติดไม้ติดมือมา”
นี่เป็นยาที่เธอทำมาจากหลิงจือหิมะที่ประมูลมาได้ครั้งนั้นกับสมุนไพรอื่นๆ ที่ตั้งค่าจ้างในเว็บบอร์ดเอ็นโอเค
ครั้งล่าสุดที่ไปมหาวิทยาลัยนอร์ตัน เธอขนเตาปรุงยาที่เมื่อก่อนใช้กลับมาด้วย
เตาปรุงยาอันนี้เธอทำขึ้นมาด้วยความตั้งใจ ไม่ใหญ่ พกพาได้สะดวก
สามารถรักษาประสิทธิภาพยาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีทางสลายหายไป
ถ้าเป็นเตาปรุงยาที่พวกหมอในวงการแพทย์แผนโบราณใช้ อย่างมากสุดทำได้แค่เตาละหกเม็ด แต่เตาของเธอทำได้ครั้งละสิบสองเม็ด
พอแบ่งได้ครึ่งหนึ่งพอดี
อิ๋งจื่อจินหยิบกล่องใบใหญ่กว่าและประณีตกว่าออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ฟู่อวิ๋นเซิน “ของคุณ”
เนี่ยเฉามองของตัวเองแล้วมองของฟู่อวิ๋นเซิน “…”
ให้ตายเถอะ โดนยัดอาหารหมาอีกแล้ว!
ไม่เหมือนเนี่ยเฉา พอรับกล่องใบนี้ไป ฟู่อวิ๋นเซินก็เดาได้ว่าในนั้นคืออะไร
เพราะกล่องใบนี้เป็นกล่องที่พวกแพทย์แผนโบราณใช้โดยเฉพาะ
ดวงตาของเขาขรึมลง “เยาเยา ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ”
ยาบำรุงสุขภาพกับบำรุงเลือดลมทั่วไปไม่มีอะไรมาก
แต่ยาคงความเยาว์ รวมถึงยาที่ช่วยยกระดับความสามารถของจอมยุทธ์ได้ล้วนจะทำลายพลังชีวิตขณะปรุงยา
ไม่ต่างจากการทำนายดวงชะตาที่ต้องมีสิ่งตอบแทน
หากคิดจะได้อะไรก็ต้องแลกด้วยบางสิ่งบางอย่าง
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น มองเขาอย่างไม่จริงจัง
“ฉันรู้ตัวดี ฉันเสียดายชีวิตขนาดนี้ อีกทั้งฉันเก่งกว่าพวกเขา ของพวกนี้ทำอะไรฉันไม่ได้”
ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะของเธอ “งั้นก็ทำให้น้อยลง”
เนี่ยเฉาเก็บกล่องของตัวเองอย่างเศร้าๆ ทันใดนั้นก็พูดขึ้น
“บอส ผมมีเรื่องอยากบอก รู้หรือเปล่าว่าคุณชายเจ็ด…”
ยังไม่ทันพูดจบอยู่ๆ เสียงของเขาก็หายไป พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เนี่ยเฉางง…เกิดอะไรขึ้น
ดวงตาหงส์ของอิ๋งจื่อจินหรี่ลง มองเนี่ยเฉา “เขาทำไม”
“มีเรื่องนิดหน่อยเกี่ยวกับเนี่ยอี้” ฟู่อวิ๋นเซินลุกขึ้นอย่างใจเย็น จับบ่าเนี่ยเฉา
“พี่ชายจะออกไปคุยกับเขา”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า ดูโทรทัศน์ต่อ
พอออกจากห้องไปแล้ว อยู่ๆ เนี่ยเฉาก็พูดต่อได้ เขาตกใจหน้าถอดสี
“โอ้โห คุณชายเจ็ด ผีหลอก ฉันเกือบคิดว่าตัวเองเป็นใบ้แล้ว”
ฟู่อวิ๋นเซินเอามือล้วงกระเป๋าข้างหนึ่งพลางพูด
“อืม ฉันสกัดจุดให้นายพูดไม่ได้ไว้”
ไม่อย่างนั้นเจ้าทึ่มคนนี้อาจหลุดพูดอะไรออกมาได้
“คุณชายเจ็ด อย่ามาล้อเล่นเลย นายอ่านนิยายจอมยุทธมากไปเปล่า”
เขาเห็นพวกจอมยุทธที่อยู่ในหนังสือก็ไม่ได้มหัศจรรย์อะไรขนาดนั้น
“ช่างเถอะ ถ้านายกล้าพูดต่อหน้าเธอ…” ฟู่อวิ๋นเซินตบคอเสื้อของเนี่ยเฉาเบาๆ พูดกึ่งยิ้ม
“ฉันจะส่งนายไปโซนพิเศษที่เจ็ด”
เนี่ยเฉาขนลุกขึ้นมาทันที โวยวาย “นายมันใช่คนหรือเปล่า”
เขาย่อมเคยได้ยินโซนพิเศษที่เจ็ด
โซนพิเศษที่เจ็ดเป็นพื้นที่พิเศษอยู่ทางเหนือสุดของยุโรป สภาพอากาศหนาวเย็นมาก
สมาชิกที่เตรียมถูกคัดเข้าหน่วยอีจื้อจะไปฝึกที่นั่น
ขอเพียงแต่ผ่านการฝึกนี้ได้ถึงจะกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ
เนี่ยเฉาเคยมีโอกาสได้ไปกับเนี่ยอี้ครั้งหนึ่ง ตกใจกลัวจนฉี่ราดเลยทีเดียว
ภายในโซนพิเศษที่เจ็ดไม่เพียงแต่จะมีทหารรับจ้างชั้นยอด และสปายจำนวนมาก ยังมีสัตว์ป่าอีกมากมาย
แต่แท้จริงแล้วโซนพิเศษที่เจ็ดเป็นฐานฝึกเฉพาะของไอบีไอ
“ดังนั้นทำตัวดีๆ หน่อย อย่าพูดเหลวไหล” ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน
“ฉันก็จะไม่มีทางทำอะไร”
“รู้แล้วๆ” เนี่ยเฉาเอามือปิดปากทันที “ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น”
เขาเชื่อจริงว่าฟู่อวิ๋นเซินทำได้ทุกอย่าง ทั้งสองคนกลับเข้าไปอีกครั้ง
อิ๋งจื่อจินเงยหน้ามองไปที่เนี่ยเฉา
เนี่ยเฉายกมือขึ้นทันที “บอส ผมก็แค่อยากเล่าให้บอสฟังว่าเมื่อก่อนคุณชายเจ็ดกับพี่ใหญ่ของผมเคยทะเลาะกัน จากนั้นคุณชายเจ็ดก็เลยบอกผมว่าทำตัวดีๆ หน่อย อย่าพูดเหลวไหล”
อิ๋งจื่อจินมองฟู่อวิ๋นเซิน
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว น้ำเสียงสบายๆ “อืม แบบนั้นแหละ” อิ๋งจื่อจินก้มหน้า
ดูซิ ขนาดผู้ชายก็ยังกล่อมได้
บนโลกนี้เกรงว่าคงไม่มีสิ่งไหนที่เขากล่อมไม่ได้
…
เนี่ยเฉาถูกไล่ออกจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว
เขาเองก็ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ ถือกล่องที่อิ๋งจื่อจินให้กลับบ้านท่ามกลางลมหนาว
พอเขาเดินเข้าไปในลานบ้านถึงได้เปิดกล่องออกด้วยความระมัดระวัง
ในนั้นเป็นยาเม็ดกลมสีน้ำเงินขาว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้รู้สึกสดชื่น
เนี่ยเฉาถือกล่องเดินเข้าไปข้างใน มือข้างหนึ่งหยิบยาเม็ดนั้นขึ้นมาเตรียมกิน
แต่เขากลับรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยที่ยังมีคนนอกอยู่ในบ้านตระกูลเนี่ยเวลานี้เป็นผู้ชายวัยกลางคน รูปร่างสูงใหญ่ ร่างกายแผ่ซ่านความน่าเกรงขาม ราวกับเดินอยู่บนคมหอกคมดาบมานานแรมปี
เนี่ยเฉารู้สึกไม่ชอบมาพากลจึงเก็บยาเข้ากล่องแล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็ว
แต่ภายในเวลาสั้นๆ แค่สิบกว่าวินาทีนี้ก็เพียงพอให้ชายวัยกลางคนสังเกตเห็น
ชั่วขณะนั้นสายตาของเขาจับจ้องไปที่กระเป๋าเสื้อของเนี่ยเฉา แววตาดุจเปลวเพลิงจนแทบกลายเป็นของจริง
“คุณชายเนี่ย นี่คือ…”
“ลูกอม” เนี่ยเฉาขมวดคิ้ว ถอยหลังหนึ่งก้าว “ทำไมเหรอ”
ชายวัยกลางคนเดินขึ้นหน้า ขณะที่กำลังจะพูดอะไรต่อ
น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อยแต่น่าเกรงขามของผู้เฒ่าเนี่ยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“พ่อบ้านหลิน ที่นี่คือบ้านตระกูลเนี่ย”
พ่อบ้านหลินมองเนี่ยเฉาพลางครุ่นคิดแล้วพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก ออกไปจากตรงนั้น
“ปู่” เนี่ยเฉาเดินเข้าไป “นั่นใครเหรอ”
ผู้เฒ่าเนี่ยส่ายมือ “ไปท่องหนังสือไป อีกหน่อยก็รู้เอง”
ตอนแรกผู้เฒ่าเนี่ยเลี้ยงดูเนี่ยอี้โดยหมายมั่นปั้นมือจะให้เป็นผู้สืบทอด ทั้งยังได้ส่งเขาไปฝึกวิทยายุทธ
ส่วนเนี่ยเฉา เขาแค่หวังว่าเด็กคนนี้จะเติบโตอย่างปลอดภัย
แต่ผู้เฒ่าเนี่ยคำนวณพลาดไปอย่างเดียวคือเนี่ยอี้ยอดเยี่ยมเกินไป จึงไปสืบทอดหน่วยอีจื้อแล้ว
เนี่ยเฉาไม่เหมือนเนี่ยอี้
เขายังไม่อยากให้เนี่ยเฉารู้เรื่องโลกจอมยุทธกับโลกแพทย์แผนโบราณในตอนนี้
เด็กคนนี้สติแตกง่าย ต้องให้เวลาเตรียมใจ
เนี่ยเฉาเกาหัว เดินขึ้นชั้นบน จากนั้นเขาถึงได้เปิดกล่องออกอีกครั้ง กลืนยาเม็ดนั้นลงไป ลิ้มรสชาติ
“เหมือนจะเป็นรสบลูเบอร์รี่”
เนี่ยเฉาเก็บกล่องเข้าลิ้นชักของตัวเองแล้วล็อกไว้
ความง่วงเข้าครอบงำ เดิมทีเขาว่าจะหลับสักงีบ
แต่พอนึกถึงชายวัยกลางคนคนเมื่อครู่ สายตาดูผิดปกติมาก เนี่ยเฉาจึงตั้งสติ ส่งข้อความหาเนี่ยอี้
[พี่ชายของกระผม หน่วยอีจื้อมีทีมเฉพาะกิจไหม ขอผมยืมใช้หน่อย]
ไม่กี่นาทีต่อมาเนี่ยอี้ก็ตอบ
[ได้ พรุ่งนี้ถึง]
…
ทางด้านนี้ หลังจากพ่อบ้านหลินออกมาจากบ้านตระกูลเนี่ยก็เดินทางกลับโลกจอมยุทธ
เขาไปพบหลินจิ่นอวิ๋นนายใหญ่ตระกูลหลินก่อน เล่าเรื่องของตระกูลเนี่ยกับตระกูลมู่เสร็จก็ไปพบหลินชิงจยา
หลินชิงจยาเพิ่งรักษาให้จอมยุทธคนหนึ่งของตระกูลหลินเสร็จ มือยังเลอะเลือดอยู่
เธอเองก็ไม่ถือสา เริ่มทำความสะอาด
พ่อบ้านหลินเดินเข้ามา พูดเสียงเบาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้ยิน
“คุณชิงจยาครับ ผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ในบ้านตระกูลเนี่ย กลิ่นนี้แปลกประหลาดมาก ผมรู้สึกได้เลยว่าลมปราณของผมหมุนเวียนดีขึ้น”
“ผมถามดูแล้ว แต่เหมือนพวกเขาก็ไม่รู้ แถมยังบอกว่าเป็นลูกอม”
กำลังภายในของพ่อบ้านหลินไม่ก้าวหน้าขึ้นมานานแล้ว ติดอยู่ที่จุดหนึ่ง
เขาเองก็เคยกินยาที่แพทย์แผนโบราณส่งมาให้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์
แต่วันนี้แค่เขาได้กลิ่นหอมของสมุนไพรที่บ้านตระกูลเนี่ย กลับมีผลแบบนี้
พ่อบ้านหลินไม่กล้าคิดว่าถ้าเขากินยาเม็ดนั้นลงไปจะเป็นอย่างไร
สีหน้าของหลินชิงจยาชะงัก เริ่มเคร่งเครียด
“ตระกูลเนี่ยเกี่ยวข้องกับตระกูลไหนในวงการแพทย์แผนโบราณ”
“ตระกูลเมิ่งครับ” พ่อบ้านหลินพูด “แต่ไม่น่าใช่ตระกูลเมิ่ง ยาที่คุณเมิ่งปรุงไม่ได้ดีขนาดนี้”
ในวงการแพทย์แผนโบราณ ตระกูลเมิ่งเป็นตระกูลที่ใกล้ชิดกับตระกูลปุถุชนมากที่สุด แต่ก็มีแค่รุ่นที่เด็กสุดที่ไปใกล้ชิด
ส่วนพวกแพทย์แผนโบราณที่เหลือ ไม่ได้สนใจจะรักษาให้คนธรรมดาพวกนั้นด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องให้ยาเลย
[1]วันสิ้นปี ตามปฏิทินจันทรคติ