ตอนที่ 379 ยัยโง่ นี่มันบอสเขา!
เฉินหลีรู้จักเลือกเวลาดีมาก ตั้งใจเลือกเป็นตอนห้าทุ่มครึ่ง
เวลานี้ไม่เพียงแต่คนส่วนใหญ่จะเข้านอนแล้ว ค่าดันแฮชแท็กก็ไม่แพงด้วย
อย่างไรเสียระยะนี้ทีมงานก็เสียเงินไปไม่น้อยแล้วสำหรับค่าประชาสัมพันธ์ของเยี่ยซี เดิมก็มีเงินอยู่ไม่พอ
แต่ไหนแต่ไรมาเทียนสิงมีเดียเทิดทูนผลประโยชน์ไว้เหนือหัว หลังจากที่เห็นว่ากู้ชื่อเสียงของเยี่ยซีกลับมาไม่ได้แน่ก็ยอมแพ้
เยี่ยซีกลายเป็นดารายอดนิยมได้ก็เพราะการเล่นข่าวอย่างต่อเนื่อง อย่าว่าแต่จะให้เทียบฉินหลิงอวี๋กับซังเย่าจือเลย แม้แต่กับหวาอิ้นก็คนละระดับ
ขอเพียงแต่มีทรัพยากรในมือ เทียนสิงมีเดียก็สามารถปั้นดารายอดนิยมขึ้นมาใหม่ได้
แต่เฉินหลีไม่ไหว
ในมือเธอมีแค่เยี่ยซีที่เป็นดาราดัง ถ้าเยี่ยซีพังพินาศ เธอจะทำยังไง
เฉินหลีต้องปกป้องเยี่ยซีอย่างเต็มที่
ถึงแม้เวลานี้จะมีคนเข้าเน็ตไม่มาก แต่ก็มีพวกแมวกลางคืน
ซังเย่าจือเดบิวต์มานานขนาดนี้กลับไม่เคยมีข่าวฉาว แค่คำว่า ‘แฟนลับๆ’ เพียงชั่วพริบตาก็ดึงดูดคนได้ไม่น้อยแล้ว
ชาวเน็ตกดเข้าไปดู
ช่วงนี้อิ๋งจื่อจินดังอยู่ในวงการบันเทิงพอสมควร ดึงดูดแฟนคลับมาได้จำนวนมาก ไม่แพ้ดาราชั้นแนวหน้าเลยทีเดียว
คลิปที่เธอไปเสริมทัพในรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ถูกบรรดาสื่อใหญ่แชร์กระหน่ำ แถมยังมีการตัดต่อคลิปอีกมากมาย
เพียงแต่น่าเสียดายที่เธอออกกล้องแค่เวลาสั้นๆ ชาวเน็ตยังดูไม่หนำใจ
ตอนนี้พอเห็นรูปของเธอในเฟรมเดียวกับซังเย่าจือ ชาวเน็ตส่วนใหญ่ก็เลยงงมาก
[??? สองคนนี้ไปอยู่ด้วยกันได้ยังไง]
[พูดตามตรงนะ ลูกชายฉันถูกกลบออร่าหมดเลย ตอนนั้นที่เดินแบบกับเซี่ยมั่นอวี่ยังไม่ขนาดนี้เลย]
[ถ้าจำไม่ผิด อิ๋งจื่อจินยังไม่บรรลุนิติภาวะ นี่…]
[ภาพลักษณ์ของซังเย่าจือพังแล้วหรือเปล่า มีแฟนมันไม่เท่าไรหรอก แต่ไปคบเด็กมอปลายเนี่ยนะ ขยะแขยง ขอเปลี่ยนไปเป็นแอนตี้แฟน]
[น่าสงสารจัง ขนาดพี่ชายฉันยังไม่กล้าถ่ายรูปคู่กับคนต่างเพศเลย แค่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษแค่นี้กลับถูกกล่าวหาว่ามีแฟนลับๆ นี่ถ้าวันไหนเกิดจับมือคนอื่น ฉันว่าพวกเธอคงได้กุข่าวว่าซุกลูกไว้แน่นอน]
[เร็วเข้าๆ รีบๆ กุข่าว แม่ๆ อยากอุ้มหลานแล้ว]
หน้าม้าที่เฉินหลีส่งไปช่วยสร้างกระแสอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้ชาวเน็ตที่ไม่รู้จักแยกแยะมาด่าตามได้ไม่น้อย
บรรดาแฟนคลับของซังเย่าจือกลับไม่คล้อยตาม พากันดีใจเสียด้วยซ้ำ
ถึงขั้นที่เริ่มพนันกันในกลุ่มแฟนคลับว่า ซังเย่าจือหลุดพ้นจากความเป็นโสดแล้วจริงไหม
…
ทางด้านซังเย่าจือ
เวลาตีหนึ่งที่เมืองตี้ตู
เขาเพิ่งถ่ายฉากกลางคืนเสร็จ กลับไปคอนโดที่ชูกวงมีเดียจัดสรรให้
ชูกวงมีเดียมีสวัสดิการให้ดีมาก หลังจากที่เขาเซ็นสัญญายังได้ซื้อบ้านให้พ่อกับแม่เขาด้วย แถมมีพยาบาลคอยช่วยดูแล
ผู้จัดการส่วนตัวเดินตามอยู่ข้างหลัง กำลังอ่านรายงานของวันนี้ ต่อมาเขาก็ได้รับแจ้งข่าวจากทางสตูดิโอ มุมปากกระตุก
“มีเรื่องหนึ่งที่นายต้องรู้ไว้หน่อย” ผู้จัดการส่วนตัวสูดลมหายใจเข้าลึก “นายติดอันดับคำค้นยอดนิยมแล้วนะ”
ซังเย่าจือพยักหน้าเล็กน้อย “เป็นเรื่องปกติ”
เขาไม่ชอบเล่นข่าว แต่แอคเคาท์เชิงพาณิชย์ก็มักจะเอาชื่อของเขาไปพ่วงด้วย
ส่วนปีที่แล้วที่ถูกเล่นข่าวคู่จิ้นกับเยี่ยซี สตูดิโอของเขาก็เคยฟ้องพวกหัวหน้าแฟนคลับคู่จิ้น
แฟนคลับคู่จิ้นส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับของเยี่ยซี
ผู้จัดการส่วนตัวพูดขึ้น “ถูกพ่วงชื่อกับบอสตัวเอง มันปกติเหรอ”
มือของซังเย่าจือสั่น ปากกาในมือที่กำลังเซ็นชื่อถากออกนอกกรอบ
ครั้งนี้เขาตะลึงจริง “บอสผมเหรอ”
ผู้จัดการส่วนตัวหยิบไอแพดออกมาแคปรูปให้เขาดู “นายดูสิ”
พอดูเสร็จซังเย่าจือก็นวดหว่างคิ้ว ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ จากนั้นก็พูดขึ้น
“ผมว่าผมอาจจะถูกลอบฆ่าได้”
“ไม่ๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” ผู้จัดการส่วนตัวสะดุ้ง
“คุณอิ๋งดีกับนาย ไม่มีทางทำแบบนั้นเพราะข่าวฉาวที่กุขึ้นมาหรอก”
“ถ้าเธออยากลอบฆ่านาย ตอนนั้นคงไม่ช่วยนายยกเลิกสัญญา”
“ไม่ใช่บอส” ซังเย่าจือถอนหายใจเบาๆ จนปัญญา “แฟนบอสต่างหาก”
“แฟนบอสเหรอ” ผู้จัดการส่วนตัวตกใจ “คุณอิ๋งยังไม่บรรลุนิติภาวะไม่ใช่เหรอ เธอมีแฟนจริงเหรอ”
ผู้ชายแบบไหนกันที่จีบอิ๋งจื่อจินติด
“เดือนหน้าบอสก็จะอายุสิบแปดแล้ว” ซังเย่าจือยิ้ม “หลังตรุษจีนเธอก็จะไปจากตี้ตู ดังนั้นวันนั้นหลังจากที่คุยเรื่องงานกับเธอเสร็จ ผมถึงได้ให้ของขวัญบรรลุนิติภาวะกับเธอไปด้วย”
ชูกวงมีเดียกำลังช่วยเขาคุยโปรเจ็คต์หนังระดับโลก วันนั้นพวกเขาก็เลยไปกินข้าวกันแล้วกลับคอนโด
ตอนนั้นผู้จัดการส่วนตัวก็อยู่ด้วย
เห็นได้ชัดว่าคนถ่ายจงใจตัดคนอื่นในเฟรมทิ้ง
“พิธีบรรลุนิติภาวะสำคัญจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นนายคงอยู่เมืองนอก” ผู้จัดการส่วนตัวอดสงสัยไม่ได้ “แฟนคุณอิ๋งคือใครเหรอ”
ซังเย่าจือหยิบนิตยสารการเงินบนโซฟาขึ้นมา “รู้จักวีนัสกรุ๊ปไหม”
“รู้” ผู้จัดการส่วนตัวพยักหน้า “ประธานโซนเอเชียแปซิฟิกของวีนัสกรุ๊ปเป็นคนจีน รูปลักษณ์ดี ถ้าเข้าวงการบันเทิงคงฆ่าเรียบไปหลายคน”
ซังเย่าจือยิ้ม “อืม เขานี่แหละ”
นอกจากคนนี้เขาก็ไม่เคยเห็นอิ๋งจื่อจินใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนขนาดนี้มาก่อน
ก็น่าจะเป็นแฟนกันหรือเปล่า
ผู้จัดการส่วนตัวตะลึงเบิกตาโพลง พูดพึมพำ “งั้นก็…ชิบหายแล้ว”
ไม่ใช่พวกเขาชิบหายหรอก แต่เป็นเยี่ยซี
“ให้ทางสตูดิโอโพสต์ยืนยันความบริสุทธิ์ใจกับจดหมายทนาย” ซังเย่าจือพูด
“ยืนยันให้เร็วที่สุด ห้ามทำให้บอสเสื่อมเสียชื่อเสียงเด็ดขาด”
ผู้จัดการส่วนตัวรีบติดต่อทางสตูดิโอ มือก็สั่น
เขาเองก็ชักกลัวซังเย่าจือถูกลอบฆ่าแล้ว
…
อีกด้านหนึ่ง
บ้านตระกูลเนี่ย
เนี่ยเฉากลับมาเคลื่อนไหวกระฉับกระเฉงแล้ว จิตใจก็สดชื่นกระปรี้กระเปร่า
พอเนี่ยอี้เห็นว่าเขาแข็งแรงปกติดีแล้วก็กลับไปจัดการภาระงานที่หน่วยอีจื้อต่อ
คืนวันสิ้นปีก็คืองานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของตระกูลเนี่ย ผู้เฒ่าเนี่ยชวนฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินค้างคืนที่บ้านของเขา
เนี่ยเฉานอนพักไปหลายวัน ตอนนี้สดชื่นดี ไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย
เขาแอบเข้าไปหยิบขนมเค้กที่ผู้เฒ่าเนี่ยทำในห้องครัว จากนั้นก็ขึ้นชั้นบน เคาะประตูห้องพักแขก
“เพื่อน” เนี่ยเฉายื่นขนมเค้กให้ครึ่งหนึ่งอย่างใจกว้าง “อะ ให้”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบสนอง มองคอมพิวเตอร์เหมือนกำลังครุ่นคิด ดวงตาดอกท้อหรี่ลง
“ดูอะไรอยู่” เนี่ยเฉากัดขนมเค้กหนึ่งคำ จากนั้นก็ร้องเหมือนใจจะขาด “โอ๊ย ทำไมในนี้มีเปลือกไข่ด้วยวะ!”
“ลืมบอกไป…” ฟู่อวิ๋นเซินถึงได้เงยหน้าขึ้น เลิกคิ้ว “ฝีมือทำอาหารของเยาเยาต้องปรับปรุง ปู่ของนายเรียนกับเธอ อย่างมากก็เรียนได้แค่สามสิบเปอร์เซ็นต์”
เนี่ยเฉาวางเค้กไปไกลๆ ทันที ยังหลอนไม่หาย “ดีนะที่กินไปคำเดียว ไม่อย่างนั้นตายแน่”
เขาก็ว่าอยู่ว่าทำไมไม่มีใครแตะต้องเค้กพวกนั้น
เนี่ยเฉาดื่มน้ำอึกใหญ่ ชะโงกหน้าเข้าไปมอง “ดูมั่งซิ แฟนลับๆ ของซังเย่าจือ…แค่กๆ!”
เขาพ่นน้ำออกมา สีหน้าตะลึง “ทำไมเป็นบอสไปได้”
“ข่าวลือ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “วันนั้นฉันไปรับเยาเยา คนที่ถ่ายไม่ได้ถ่ายติดฉันด้วย”
เนี่ยเฉาคิดในใจ
น้ำเสียงเสียดายนี่มันเรื่องอะไรกัน
“เฮอะ เก่งจริงนะ” เขาดูต่อ “กุข่าวจนสร้างกลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นเลยเหรอ เย่าอิ๋ง ชื่อคู่จิ้นนี้มันใช้ได้เลยนะ”
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองเขา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเอียนที่กลับสำนักงานใหญ่ในยุโรปไปแล้ว
ตอนที่รู้ว่าถูกสั่งให้ปิดกลุ่มคู่จิ้นในเวยปั๋วอีกครั้ง เอียนก็อยากกระอักเลือด
“ลูกพี่ ผมดูแลเรื่องเงินนะ งานแบบนี้ไปให้โจเซฟมันทำนู่น”
เขาเป็นประธานฝ่ายการเงิน แถมยังแฮกไม่เป็นด้วย
“โทษที” ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย “เรียกใช้นายจนชินแล้ว”
“…”
เนี่ยเฉาฟังอยู่ข้างๆ ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว เขาตื่นเต้น
“เพื่อน นายหึงเหรอ แค่นี้นายก็หึงแล้วเหรอ”
“ชายโสดไม่ต้องพูดก็ได้” เนี่ยเฉาหุบปาก นั่งมองอยู่ข้างๆ
ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็กระทุ้งแขนของฟู่อวิ๋นเซิน
“ออกมายืนยันความบริสุทธิ์ใจแล้ว เลิกหึงเถอะน่า ต่อไปนายคงต้องเปิดโรงงานหึงแล้วมั้งเนี่ย”
“ตั้งให้นายเป็นผู้จัดการโรงงานเอาไหม”
“…”
เนี่ยเฉาไม่กล้าพูดอีกแล้ว เขาอ่านเวยปั๋วต่อ
ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม แถลงการณ์ยืนยันความบริสุทธิ์ใจออกมาเร็วจนน่าตกใจ
[แอทสตูดิโอซังเย่าจือ : จากกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง ‘แฟนลับๆ’ ทางเราขอออกแถลงการณ์ไว้ ณ ที่นี่ ข่าวพวกนั้นเป็นข่าวลือ และได้สร้างความยุ่งยากอย่างมหาศาลให้กับดาราของเรา
ทางเราไม่สามารถทนต่อพฤติกรรมใส่ร้าย ดูหมิ่น อันทำให้ดาราของเราเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ จึงจะขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!]
ด้านล่างเป็นจดหมายทนายพร้อมตราประทับ
บรรดาแฟนคลับที่ยังหวังจะได้อุ้มหลาน “…”
[สาดน้ำเย็นกะละมังเบ้อเร่อ อย่างน้อยก็ขอให้ฉันได้ฝันหลายๆ ชั่วโมงหน่อยได้ไหม]
[ฮือๆ ช่างเถอะๆ เบบี๋อิ๋งยังไม่บรรลุนิติภาวะ ลูกจ๋าอย่าเพิ่งลงมือเลยนะ แม่กลัวลูกจะถูกจับไปเสียก่อน]
[ครั้งนี้ทางสตูดิโอยืนกรานหนักแน่น ออกแถลงการณ์ไวขนาดนี้ คงไม่ได้กลัวอะไรหรอกนะ]
พอเห็นคอมเมนต์นี้เนี่ยเฉาก็แอบชำเลืองมองผู้ชายที่นั่งพิงเก้าอี้นวมอยู่
กลัว…กลัวจริงๆ แหละ
เนี่ยเฉาทำเสียงฮึดฮัด
ราชาจอมขี้หึง
…
เนื่องจากเวยปั๋วโพสต์นั้นทางสตูดิโอของซังเย่าจือโพสต์ตอนเช้ามืด ชาวเน็ตส่วนใหญ่ตื่นเช้ามาดูจึงเห็นคำค้นยอดนิยมเป็นอันนี้
แฮชแท็กซังเย่าจือยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
[มาช้าไป ตลาดวายแล้วอะ]
[ฉันแค่อยากรู้ว่าใครมันว่างกุข่าวนี้ขึ้นมา อยากได้เงินหรืออยากใส่ร้ายไอดอล]
[แอทชูกวงมีเดีย : ให้ฝ่ายเทคนิคขุดเลย]
[ไม่ต้องขุดหรอก ฉันพนันว่าเยี่ยซี เดิมพันด้วยขนมเส้นเผ็ดสิบห่อ]
เยี่ยซียังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเน็ต เธอหลับสบายแบบที่ไม่มีมานาน จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูคอนโดอีกครั้ง เธอหงุดหงิดมากสวมรองเท้าแตะเดินไปเปิดประตู
“เยี่ยซี!” เฉินหลีจะเป็นบ้าแล้ว “เธอยังมีอารมณ์นอนอยู่อีกเหรอ รู้หรือเปล่าว่าหลังจากพวกเราดันแฮชแท็กนั้นไปไม่นาน พวกซังเย่าจือก็ออกแถลงการณ์ยืนยันความบริสุทธิ์ใจแล้ว”
เยี่ยซีอึ้ง “ทำไมเร็วขนาดนั้น”
จงใจเลือกตอนดึกก็เพราะอีกฝ่ายจะได้ไหวตัวไม่ทัน
พอถึงตอนกลางวันกระแสวิจารณ์ก็จะดุเดือดได้ที่
กุข่าวลือง่าย สยบข่าวลือยาก
อีกทั้งผลกระทบจากข่าวลือ ต่อให้สยบข่าวลือได้ก็ไม่มีประโยชน์
ขณะที่เฉินหลียังอยากพูดอะไรต่อก็มีหลายคนมาหาเยี่ยซีที่คอนโด ต่างอยู่ในชุดสูท
“คุณเยี่ยซีใช่ไหมคะ” คนที่เดินนำมาคือเลขาสาว เธอหยิบเอกสารฉบับหนึ่ง
“นี่เป็นแถลงการณ์จากฝ่ายกฎหมายของชูกวงมีเดีย ช่วยเตรียมตัวไว้ด้วยนะคะ รอรับหมายศาล”
คำพูดเดียวทำเอาเยี่ยซีตาสว่างอย่างสิ้นเชิง “มะ…หมายศาลเหรอ”
“คุณกุข่าวลือคนของบริษัทเรา เป็นคดีความแล้วค่ะ” เลขาสาวยิ้ม
“เชื่อฉันนะคะ ไม่มีใครแตะต้องคนของชูกวงมีเดียได้ แม้จะเป็นแค่ข่าวลือก็ตาม”
พูดจบเธอก็ไม่มองเยี่ยซีอีก ออกจากคอนโดนั้น
เยี่ยซียืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม เฉินหลีก็อึ้งเหมือนกัน
ผ่านไปสักพักเยี่ยซีถึงได้สติ เธอคว้าเสื้อกันหนาววิ่งตามคนพวกนั้น
“พวกคุณหมายความว่าไง” เธอปากสั่น “ฉันยอมรับผิดยังไม่พอเหรอ”
เมื่อก่อนก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ ทำไมครั้งนี้ชูกวงมีเดียต้องเอาจริงเอาจังขนาดนี้ด้วย
“ยอมรับผิดเหรอ” เลขาสาวแสยะยิ้ม “งั้นคุณไม่รู้เหรอว่าคุณอิ๋งเป็นบอสของเขา”
คำพูดนี้ทำให้เยี่ยซีรู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่ากลางหัว หน้าซีดในทันที “วะ…ว่าไงนะ”
อิ๋งจื่อจินเป็นบอสของซังเย่าจือเหรอ
งั้นไม่เท่ากับเป็นซีอีโอของชูกวงมีเดียหรอกเหรอ!
นี่มันเรื่องแฟนตาซีอะไรกัน
เธอไม่อยากจะเชื่อ!
“กุข่าวลือเล่นมาถึงหัวบอสของพวกเรา คุณเยี่ยซีช่างเก่งจริงๆ นะคะ” เลขาสาวไม่อยากพูดมากอีก
“บอสคุยงานกับพนักงานมันผิดตรงไหนคะ”
ครั้งนี้เยี่ยซีไม่ได้วิ่งตามไปอีก เธอยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาว สมองตื้อ หูอื้อไปหมด
เฉินหลีที่วิ่งตามเธอออกมาจับบ่าของเธอไว้
“เยี่ยซี เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“อิ๋งจื่อจิน…” เยี่ยซีปากสั่น “อิ๋งจื่อจิน เป็นซีอีโอของชูกวงมีเดีย”
เฉินหลีรู้สึกเหลือเชื่อ “เธอว่าไงนะ”
โทรศัพท์มือถือดังขึ้นในเวลานี้ สำนักงานใหญ่ของเทียนสิงมีเดียโทรมา
เฉินหลีกุลีกุจอรีบกดรับ “ฮัลโหล”
“เฉินหลี บริษัทไล่คุณออกแล้ว” ปลายสายน้ำเสียงเย็นชา
“รวมถึงเยี่ยซีด้วย พวกคุณต้องรับผิดชอบที่สร้างความเสียหายให้บริษัท อย่าคิดจะให้บริษัทช่วยเหลืออะไรพวกคุณอีกแม้แต่น้อย!”
พูดจบก็ตัดสายไปทั้งแบบนี้
เฉินหลียังไม่ทันได้ตั้งตัว