ตอนที่ 385 คนตระกูลอิ๋งบ้าไปแล้ว อิ๋งจื่อจินบอกไม่ช่วย
ใบหน้างดงามดุจภาพวาด ดวงตาทอประกายอ่อนๆ
ผิวพรรณขาวเนียน ผ่องใสมีออร่า
ใบหน้าของเธอโดดเด่นเกินใคร จำได้ง่ายมาก
แค่เจอครั้งเดียวก็ไม่มีทางลืม
“…”
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย
รอยยิ้มบนใบหน้าคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งหายไปในชั่วพริบตา ไม่มีสีหน้ายินดีเลยสักนิด
“เธอมาแล้ว เทียนลี่ว์ล่ะ เธอมาทำอะไร ฉันไม่ต้องการให้เธอมากตัญญูรู้คุณตอนนี้ รีบออกไปเลยนะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะอิ๋งจื่อจิน อิ๋งลู่เวยก็ไม่มีทางถูกส่งเข้าคุก ทำให้จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะเข้าไปเยี่ยม
สมัยคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งสาวๆ ก็เคยเผชิญกับการแก่งแย่งชิงดีในตระกูลเศรษฐี เคยข้องเกี่ยวกับการเอาชีวิตคนทางอ้อม
ดังนั้นในสายตาของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋ง เรื่องแค่นี้เธอไม่สนใจ
เธอลำเอียง เธอยอมรับ
จงมั่นหวากลับรู้สึกดีใจและประหลาดใจ
เธอไม่ได้เห็นอิ๋งจื่อจินมานานมากแล้ว ต่อให้ไปชิงจื้อก็ไม่ได้เจอ
ครั้งล่าสุดที่ไปชิงจื้อ เธอถึงได้รู้ว่าอิ๋งจื่อจินเปลี่ยนชื่อผู้ปกครองเป็นเวินเฟิงเหมียนแล้ว มิน่าเธอถึงไม่ได้รับการติดต่อจากชิงจื้อเลยสักครั้ง
จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงคิดต่างกัน เธอยังอยากรับอิ๋งจื่อจินกลับมา
แต่ท่าทีของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งแสดงออกอย่างชัดเจน เธอจึงไม่ขยับ แค่เม้มริมฝีปากด้วยความลังเล
“คุณย่าอย่าทำแบบนี้สิคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนมองอิ๋งจื่อจินแวบหนึ่ง
“น้องอุตส่าห์มา พวกเราควรต้อนรับนะคะ”
“ต้อนรับเหรอ” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งแสยะยิ้ม
“ย่าว่าจะมาทำให้โมโหจนอาการทรุดหนักล่ะไม่ว่า ย่าไม่อยากเห็นหน้า ไล่ออกไปซะ”
นอร่าฟังภาษาจีนไม่เข้าใจ แต่ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่อึมครึม
เธอเดินเข้าไปจับมืออิ๋งจื่อจินด้วยความดีใจ
“มาแล้วเหรอ ท่านนี้คือคุณนายผู้เฒ่าอิ๋ง หรือก็คือผู้ป่วยที่ฉันเล่าให้ฟัง ฉันสงสัยว่าในสมองของท่านจะมีบางสิ่งบางอย่าง แต่เครื่องมือกลับตรวจไม่พบ”
นอร่าพูดจบก็หันหน้าไป “นี่คือนักเรียนอิ๋ง อิ๋งจื่อจินค่ะ ฉันรู้จักเธอในค่ายติวไอเอสซี ได้ยินว่าเธอทำงานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของฮู่เฉิงด้วย”
“บังเอิญจริงๆ พวกคุณก็แซ่อิ๋ง ประเทศจีนคนแซ่นี้เยอะมากเหรอคะ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น กวาดตามองทั้งสี่คนที่ทำสีหน้าเหลือเชื่อ
สุดท้ายก็ละสายตากลับโดยไม่แสดงอารมณ์อะไรแม้แต่น้อย
เธอพยักหน้าเบาๆ สีหน้าห่างเหิน “อืม ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ”
“…”
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องอีกครั้ง
รอยยิ้มของอิ๋งเย่ว์เซวียนค้างเติ่งในชั่วพริบตา เงยหน้าทันที พูดเสียงสั่น “ดอกเตอร์นอร่าว่าอะไรนะคะ”
อิ๋งจื่อจินจะเป็นหมอที่นอร่าเชิญมาได้ยังไง
ล้อเล่นอะไรน่ะ
นอร่าตอบอย่างอดทน “นักเรียนอิ๋งกับฉันจะผ่าตัดให้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งด้วยกัน พวกคุณ…รู้จักกันเหรอคะ”
ต่อให้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แต่เห็นท่าทางที่นอร่าปฏิบัติต่ออิ๋งจื่อจินก็เดาออกได้ไม่ยาก เธอทำใจเชื่อไม่ได้ มือข้างหนึ่งจับอิ๋งเย่ว์เซวียน ร่างกายสั่นเทา
“วานวาน บอกย่าที คุณหมอเทวดาว่าไงบ้าง”
อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ตอบ เธอจ้องอิ๋งจื่อจิน สีหน้าเริ่มซีดลงทีละนิด
เส้นประสาทในสมองขาดดัง ‘ผึง’ ในชั่วขณะนั้น
อิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน
โดยเฉพาะจงมั่นหวา รู้สึกเพียงว่าโลกหมุนติ้ว
เพราะเธอได้ยินนอร่าพูดอยู่ประโยคหนึ่งว่า อิ๋งจื่อจินทำงานอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของฮู่เฉิงด้วย
กอปรกับครั้งก่อนที่เธอนัดหมอเทวดาของโรงพยาบาลเซ่าเหรินได้ แต่กลับถูกบล็อกเบอร์โทรศัพท์ ต่อให้จงมั่นหวาจะซื่อบื้อขนาดไหนก็เดาความจริงเรื่องนี้ได้
หมอเทวดาคนนั้นของโรงพยาบาลเซ่าเหรินคืออิ๋งจื่อจินจริงๆ!
แต่จะเป็นไปได้ยังไง
ปีที่อิ๋งจื่อจินกลับมาอยู่บ้านตระกูลอิ๋ง ไม่เคยแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรักษาโรคแม้แต่น้อย ขนาดแค่ท่องตำราเรียนยังกระท่อนกระแท่น แล้วจะกลายเป็นหมอเทวดาได้ยังไง
สมองของจงมั่นหวาตื้อไปหมด เบื้องหน้าเริ่มวูบ
หมอเทวดาที่เธอตามหามานาน ที่แท้ก็อยู่ใกล้แค่นี้เองเหรอ
อิ๋งเจิ้นถิงยังถือว่าตั้งสติได้ แต่ใบหน้าที่หดเกร็งได้แสดงให้เห็นถึงความปั่นป่วนภายในจิตใจ
แตกต่างจากจงมั่นหวา แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ชอบลูกสาวแท้ๆ คนนี้เลย
โดยเฉพาะหลังจากรับอิ๋งจื่อจินกลับมาจากอำเภอชิงสุ่ย เห็นเธอไม่รู้จักมารยาท ความรู้น้อย เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วของอิ๋งเย่ว์เซวียน เขาก็ยิ่งหงุดหงิด
ต่อให้ช่วงนี้อิ๋งจื่อจินจะโด่งดังมาก เป็นเทพด้านการเรียนที่คนในเน็ตยอมรับ แต่อิ๋งเจิ้นถิงก็ยังคงไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
จนกระทั่งตอนนี้
แม้แต่นอร่ายังต้องเชิญหมอเทวดามาด้วยตัวเอง
หมอชั้นยอดมีน้อยขนาดไหน อิ๋งเจิ้นถิงรู้ดี
แต่ตอนนี้ตระกูลอิ๋งของเขากลับมีหมอเทวดาอยู่หนึ่งคน
มีหมอเทวดาอยู่ ยังต้องกลัวว่าจะไม่มีเส้นสายอีกเหรอ
ตระกูลใหญ่มีแต่จะรีบเข้าหา เอาเงินมาเชิญไป
พอนึกถึงจุดนี้ อิ๋งเจิ้นถิงก็ใจสั่น
“คุณแม่คะ จื่อจินเป็นหมอเทวดา” ในที่สุดจงมั่นหวาก็ได้สติกลับมา เธอตื่นเต้น
“จื่อจินรักษาคุณแม่ได้ค่ะ!”
คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งรับไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ เจิ้นถิง…เจิ้นถิงพูดอะไรหน่อยสิ”
เป็นแค่ลูกเลี้ยง มีสิทธิ์อะไรมาโดดเด่นเกินหน้าเกินตาหลานสาวแท้ๆ ของเธอ
อิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นถึงคุณหนูใหญ่ที่ตระกูลอิ๋งเลี้ยงดูด้วยความเอาใจใส่
“แม่ครับ จื่อจินเป็นหมอเทวดาจริงๆ” สีหน้าบึ้งตึงของอิ๋งเจิ้นถิงเริ่มผ่อนคลายลง
“จื่อจินจะมาช่วยคุณแม่ครับ” เห็นทีเขาจะต้องเปลี่ยนความคิด รับอิ๋งจื่อจินกลับมาแล้ว
เขายังต้องจัดงานเลี้ยงฉลอง บอกทุกคนให้รู้ว่า อิ๋งจื่อจินต่างหากที่เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋ง
ส่วนสัญญาที่ให้ไว้กับจิ่งหงเจินก่อนหน้านี้น่ะเหรอ
ถ้าเขาไม่ทำตามแล้วจะทำยังไงได้
“อืม” อิ๋งจื่อจินสองมือล้วงกระเป๋า สีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงเย็นชา “ฉันไม่ช่วย”
สามคำนี้เหมือนน้ำเย็นที่สาดใส่ตัวคนตระกูลอิ๋ง
หัวใจของจงมั่นหวาหดเกร็งในทันที เธอยิ้มได้ดูแย่มาก
“จะ…จื่อจิน พูดอะไรกัน นี่ย่าของลูกนะ ทำไมจะไม่ช่วยล่ะ”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดปุ่มอย่างใจเย็น
มีเสียงแข็งกร้าวของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งดังขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย
“…ย่าไม่อยากเห็นหน้า ไล่ออกไปซะ”
อิ๋งจื่อจินปิดเสียงที่บันทึกไว้ เก็บโทรศัพท์กลับเข้าประเป๋าเสื้อ ทั้งยังพูดอย่างสุภาพ
“เป็นไปตามที่พวกคุณต้องการค่ะ”
คำพูดนี้ทำให้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งหน้าซีด ลมหายใจก็ถี่เร็ว ใบหน้าร้อนผ่าวเป็นระลอก
เธอไม่ชอบอิ๋งจื่อจิน แต่ก็ไม่มีทางเอาชีวิตของตัวเองมาล้อเล่น
ถ้าเธอรู้ว่าอิ๋งจื่อจินคือหมอเทวดาที่นอร่าเชิญมา มีเหรอที่เธอจะพูดแบบนั้นออกไป
อิ๋งจื่อจินพูด “พวกคุณจำไว้ให้ดีด้วยว่า ฉันไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลอิ๋งนานแล้ว”
จงมั่นหวายืนตัวแข็ง
ภาพเหตุการณ์นี้มันช่างคุ้นเหลือเกิน
อยู่ๆ เธอก็นึกถึงเมื่อหนึ่งปีก่อน
การเค้นถามที่บ้านตระกูลอิ๋งครั้งนั้น ไม่มีใครเชื่ออิ๋งจื่อจิน
ตอนนั้นอิ๋งจื่อจินก็เปิดคลิปเสียงแล้วเดินออกจากบ้านตระกูลอิ๋งไปโดยไม่หันกลับมา ทันใดนั้นจงมั่นหวาก็ตระหนักได้ว่า นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เธอก็ได้สูญเสียลูกสาวแท้ๆ ของเธอไปแล้วจริงๆ
ไม่กลับมาอีกแล้ว
“จื่อจิน แม่ผิดไปแล้ว” จงมั่นหวาก้มศีรษะที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีของตัวเอง เอ่ยขอโทษเป็นครั้งแรก
“ย่าของลูกป่วยหนักจริงๆ ช่วยรักษาให้หน่อยเถอะนะ มันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับลูก”
“ขอโทษด้วยค่ะดอกเตอร์นอร่า” อิ๋งจื่อจินไม่หวั่นไหว หันไปพูด “นึกไม่ถึงว่าดอกเตอร์จะให้มารักษาคนนี้ หนูมีความแค้นกับพวกเขา หนูไม่ช่วยค่ะ”
เธอพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษแล้วเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย
คนตระกูลอิ๋งทั้งสี่ยังอึ้งอยู่ในห้อง ร่างกายสั่นเทา
“พวกคุณ…” นอร่าขมวดคิ้ว
เธอครุ่นคิด จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรหาจั่วหลี
ครั้งแรกที่จั่วหลีไปชิงจื้อก็ได้รู้เรื่องเลวร้ายที่ตระกูลอิ๋งทำจากอาจารย์ฝ่ายวิชาการ
พอได้ยินนอร่าถามแบบนี้เขาก็บอกหมดเปลือก
สุดท้ายยังพูดเสริม
“ดอกเตอร์นอร่าครับ พวกคนตระกูลอิ๋งไม่มีความเป็นมนุษย์ คุณเป็นหมอ รู้ว่าคลังเลือดมีชีวิตหมายถึงอะไรใช่ไหมครับ สูบเลือดไปตั้งมากขนาดนั้นในหนึ่งปี ส่งผลเสียต่อร่างกายขนาดไหน คุณก็น่าจะรู้ดี นักเรียนอิ๋งสามารถมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้ก็ปาฏิหาริย์แล้วครับ”
นอร่าฟังจบก็โมโหจนตัวสั่น
เธอเคยเจอผู้ป่วยมาไม่น้อย และก็เคยเห็นการมีข้อพิพาทในการรักษา
แต่เธอไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่ายังมีคนทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้
นอร่ามองคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งด้วยสีหน้ารังเกียจ
“คลังเลือดมีชีวิตงั้นเหรอคะ พวกคุณมันน่าขยะแขยงสิ้นดี!”
พูดจบเธอก็วางโทรศัพท์มือถือลง เริ่มถอดเสื้อกาวน์ออก
พอเห็นท่าทางของเธอ จงมั่นหวาก็ตะลึง “ดอกเตอร์นอร่าจะทำอะไรคะ”
“ขอโทษด้วยค่ะ” นอร่าพูดเสียงแข็ง
“ฉันก็ไม่รักษาแล้วเหมือนกัน หมอมีจิตใจดุจแม่พระ แต่พวกคุณไม่คู่ควร”
เธอวางเสื้อกาวน์ไว้ด้านข้างแล้วเดินไปทางประตู ก่อนออกไปนอร่ายังได้หยุดเดินแล้วพูดเสริม
“โรคนี้ไม่ใช่ง่ายๆ และก็แปลกประหลาดมาก พวกคุณเตรียมใจไว้ได้เลย”
ประตูห้องพักผู้ป่วยปิดลง เหลือเพียงคนตระกูลอิ๋งทั้งสี่
จงมั่นหวาหนาวไปทั้งตัว ริมฝีปากสั่น
“เจิ้นถิง…” อิ๋งเจิ้นถิงนึกเสียใจเหลือเกิน
อิ๋งจื่อจินรักษาคนเป็น เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเก็บเธอไว้ ทั้งยังจะให้สิ่งที่ดีที่สุดด้วย
แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว
พวกเขาตัดขาดความสัมพันธ์ เขาเองก็เคยพูดจาแย่ๆ บอกให้อิ๋งจื่อจินไสหัวไปไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
ตอนนี้อิ๋งเจิ้นถิงคิดได้แล้ว หัวใจดั่งถูกกรีด เสียใจเหลือเกิน
ในที่สุดคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็กลัวขึ้นมาจริงๆ จับมืออิ๋งเย่ว์เซวียนแน่น หายใจหอบ ใบหน้าแดงก่ำ
“วานวาน จะทำไงดี จื่อจินไม่ยอมรักษาให้ย่า ทำไงดี”
“หนูจะไปขอร้องให้ดีไหมคะ”
ความตายอยู่ตรงหน้า เป็นใครก็กลัว
อิ๋งเย่ว์เซวียนฉีกยิ้มที่ดูแย่มาก แต่สติแตกอยู่ในใจ
เธออุตส่าห์คิดอย่างดีแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าหมอที่นอร่าเชิญมาจะเป็นอิ๋งจื่อจิน
อิ๋งจื่อจินรักษาคนเป็นได้ยังไง
แต่นี่ไม่สำคัญ
สิ่งสำคัญคือสถานะของเธอในบ้านตระกูลอิ๋งกำลังจะจบสิ้น
ทำไงดี…
อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก ยืนขึ้น “หนูออกไปข้างนอกหน่อยนะคะแม่”
จงมั่นหวาไม่ได้ยินคำพูดนี้ อิ๋งเจิ้นถิงก็ไม่สนใจ
อิ๋งเย่ว์เซวียนสูดลมหายใจเข้าลึก ออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
เธอเดินไปที่ห้องน้ำ ค้นเบอร์ของจิ่งหงเจินแล้วกดโทรออก
…
ด้านนอกโรงพยาบาล
ฟู่อวิ๋นเซินยืนพิงอยู่หน้ารถมาเซราติ เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นอิ๋งจื่อจินเดินลงบันไดมา เลิกคิ้วพลางพูด
“ทำไมเร็วแบบนี้ เยาเยา”
อิ๋งจื่อจินเปิดประตูรถเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ “คนตระกูลอิ๋ง ฉันไม่ช่วย”
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง สีหน้าเย็นชา
“ไม่ควรช่วย เก่งนักก็ให้พวกเขาไปหาคนอื่น”
อิ๋งจื่อจินคาดเข็มขัดนิรภัย เงียบไม่พูดอะไร
“ทำไมเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่แปลกไปของเธอ “อารมณ์ไม่ดีเหรอ”
“ไม่ใช่ แค่รู้สึกว่า…” อิ๋งจื่อจินพิงเบาะ เงยหน้ามองท้องฟ้าพลางพูด “น่าตลกดี”
ผลประโยชน์สำคัญขนาดนั้นจริงๆ เหรอ สามารถทำให้คนที่เคยเย่อหยิ่งอวดดียอมลดตัวขอร้องได้
เมื่อก่อนเธอไม่เคยสัมผัสได้ว่าอะไรคือความผูกพันในครอบครัว อะไรคือความรัก แค่ถูกสอนจนเข้าใจว่าอะไรคือมิตรภาพที่เคียงบ่าเคียงไหล่ไปจนตาย
หลังจากกลับมาอยู่บนโลกมนุษย์อีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากสัมผัสกับความผูกพันในครอบครัว เพียงแต่น่าเสียดายที่เธอตัดขาดกับตระกูลอิ๋งไปแล้ว และเธอเองก็ไม่ต้องการ
เธอมีเวินเฟิงเหมียนกับเวินทิงหลานก็พอแล้ว
ส่วนความรักน่ะเหรอ
อิ๋งจื่อจินเคลื่อนสายตาเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกันก็มีนิ้วเรียวยาวมาแตะที่ศีรษะของเธอ
ฝ่ามืออบอุ่นและอ่อนนุ่ม
ผสมไปด้วยความอ่อนโยนและสุขุมแบบที่เขามีโดยเฉพาะ ราวกับสามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสงบลงได้
“หัวใจคนเราน่ะ เป็นสิ่งที่เดาได้ยากสุดบนโลกใบนี้” ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินขยับเล็กน้อย เขายิ้ม
“เอาล่ะเด็กน้อย เลิกคิดเรื่องพวกนี้เถอะ ไปดิสนีย์แลนด์ไหม”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว
เธอถึงได้นึกออกว่ายังไม่เคยไปสวนสนุก
“ไปสิ”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “พักข้างในสักสองวัน เธอเองก็จะได้พักด้วย”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดเล็กน้อย สีหน้าผ่อนคลายลง “ฉันอยากกินสเต็กซี่โครงแกะแคริบเบียนพร้อมข้าว”
“ได้ เอาอะไรอีก”
“ถ่ายรูปกับโดนัลด์ ดั๊ก”
“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินถามด้วยความสนใจ “ทำไมไม่ถ่ายกับเจ้าหญิงนิทราล่ะ”
“โดนัลด์ ดั๊กซื่อบื้อน่ารักดี”
“…”
ฟู่อวิ๋นเซินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจองตั๋ว
อยู่กับเขาเป็นเพียงเด็กน้อย งั้นก็ต้องตามใจ เขายินดี
…
สามวันต่อมา เวลาเย็น
ภายในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลอันดับหนึ่ง
โรคปวดหัวทำให้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งติดนอนมาตลอด แต่ช่วงสองวันนี้กลับไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย
บรรดาหมอของโรงพยาบาลอันดับหนึ่งต่างจนปัญญากับอาการปวดหัวของเธอ
นอร่าบินกลับยุโรปตั้งแต่วันนั้นแล้ว ไม่ว่าจะหาตัวอย่างไรก็หาไม่เจอ
คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งนึกเสียใจ
ทันใดนั้นประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก
มีคนเดินเข้ามา