ตอนที่ 386 ได้รู้ความจริง เว็บบอร์ดนามแฝงกลายเป็นนามจริง
คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งไม่ได้หันไปมอง
เธอคิดว่าน่าจะเป็นพยาบาลที่เปลี่ยนน้ำเสร็จกลับมา
เธอพักอยู่ในห้องหรูสุดของโรงพยาบาลอันดับหนึ่ง ไม่มีใครเข้ามาได้หากไม่ได้รับอนุญาต
จนกระทั่งคนที่มาเดินมาถึงตรงหน้าเตียง คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งถึงตระหนักได้ว่าผิดปกติ
คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งหันขวับไปมองก็เห็นหญิงวัยกลางคน
ใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ทำให้เธอรู้สึกคุ้นหน้า แต่ก็เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ
คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งขมวดคิ้ว เอามือยันเตียงค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง “คุณเป็นใคร พยาบาลคนใหม่เหรอ”
“พยาบาลเหรอ ฉันไม่ใช่หรอก” จิ่งหงเจินยิ้ม “คุณนายผู้เฒ่า ฉันแค่ได้ยินมาว่าคุณนายเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ก็เลยมาเยี่ยมหน่อย เกิดวันหน้าไม่ได้เจอกันจะทำยังไง”
พอได้ยินแบบนี้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็หน้าแดงก่ำ “ออกไป! ไสหัวออกไป!”
เธอไออย่างรุนแรง ไอปอดแทบฉีก
“ไม่ คุณนายผู้เฒ่า เดี๋ยวฉันพูดจบฉันก็จะไปเอง” จิ่งหงเจินยกเก้าอี้มานั่ง ขยับเข้าไปใกล้หน่อย “คุณนายผู้เฒ่าอายุมากแล้ว คงจำไม่ได้แล้วว่าฉันเป็นใคร”
“แต่ตอนนั้นคุณนายพรากฉันกับเจิ้นถิง ฉันจำเรื่องนี้มาตลอด”
คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งอยากพูด แต่กลับหายใจไม่ทัน ทำได้เพียงจ้องจิ่งหงเจินเขม็ง
“แต่ตอนนี้คุณนายก็ได้รับกรรมแล้ว” จิ่งหงเจินยิ้มอีกครั้ง “คุณนายบังคับให้หลานสาวบริจาคเลือดให้ลูกสาวตัวเอง ตอนนี้เธอไม่ช่วยคุณนาย เดี๋ยวคุณนายก็จะตายแล้ว”
คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งคิดไม่ทันว่าจิ่งหงเจินเป็นใครกันแน่ เธอถลึงตามองยิ่งกว่าเดิม “เธอหมายความว่าไง”
“คุณนายผู้เฒ่า คุณคงนึกไม่ถึงสินะ” จิ่งหงเจินพูดเสียงเบา “ลูกเลี้ยงที่คุณนายไม่ถูกชะตา อิ๋งจื่อจิน แท้จริงแล้วเป็นหลานสาวแท้ๆ ของคุณนายนั่นแหละ”
“อิ๋งเย่ว์เซวียนน่ะ เป็นลูกสาวของฉัน”
“และก็เป็นฉันที่ยุให้อิ๋งลู่เวยเอาอิ๋งจื่อจินไปทิ้ง จากนั้นก็แอบสลับตัว ส่งเสี่ยวเซวียนเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลอิ๋ง”
ลมหายใจของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งถี่เร็วขึ้น หอบแรง ออกซิเจนเข้าน้อย
เธอไม่มีแรงหลงเหลือจะพูดแล้ว
อาการปวดหัวเหมือนแมลงที่กัดกร่อน กอปรกับคำพูดเหล่านี้ของจิ่งหงเจิน เส้นประสาทถูกทำลายไปทีละนิด
หลายปีมานี้เธอให้ความเอ็นดูตัวปลอมงั้นเหรอ!
ไม่เพียงเท่านี้ ยังขับไล่หลานสาวแท้ๆ ของตัวเองไปด้วย
ดวงตาของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งแดงก่ำ สายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“คุณนายผู้เฒ่า ไม่ใช่ไม่อยากบอก แต่มันยังไม่ถึงเวลา” จิ่งหงเจินพูดต่อ น้ำเสียงเหมือนเสียดาย “ดูสภาพคุณนายสิ น่าสงสารจริงๆ ถ้าตอนนั้นคุณนายทำดีกับอิ๋งจื่อจิน มีเหรอที่เธอจะไม่ช่วยคุณนาย ตอนนี้คุณนายคงหายดีไปแล้ว”
“น่าเสียดายจริงๆ น่าเสียดาย คุณนายผู้เฒ่า นึกเสียใจไหมล่ะ”
คราวนี้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งหายใจไม่ทัน เป็นลมหมดสติไป
“อ่อนแอเหลือเกินนะ” จิ่งหงเจินส่ายหน้า ถอนหายใจ “ทำตัวเองทั้งนั้น โทษใครได้”
เธอกดปุ่มฉุกเฉินแล้วถึงออกไป
…
กลางดึก
จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงรีบร้อนมาที่โรงพยาบาล
ไฟของห้องผ่าตัดสว่างอยู่ตลอด
ด้านนอกมีหมออยู่คนหนึ่ง
จงมั่นหวาร้อนใจมาก รีบเข้าไปหา “คุณหมอคะ คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ ทำไมอยู่ๆ ถึงหมดสติไปได้”
“อันนี้ยังไม่ทราบสาเหตุครับ” หมอส่ายหน้า “ผู้ป่วยน่าจะสะเทือนใจอย่างรุนแรงเพราะเรื่องบางอย่าง”
อิ๋งเจิ้นถิงขมวดคิ้ว “สะเทือนใจเหรอครับ แถมยังรุนแรงด้วย”
“แล้วก็ตอนนี้ผู้ป่วยหมดสติในระดับรุนแรง” หมอพูดอ้อมๆ “มีความเป็นไปได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นภาวะเจ้าหญิงนิทรา หรือไม่ก็…สมองตายครับ”
ภาวะสมองตายเป็นภาวะที่การทำงานของสมองเสียหายแบบที่ไม่อาจฟื้นคืนได้ รวมถึงก้านสมอง
สมองตายไม่ต่างอะไรกับการตายไปแล้ว
พูดถึงตรงนี้หมอก็ขมวดคิ้ว “พวกคุณเชิญดอกเตอร์นอร่ามาไม่ใช่เหรอครับ ถ้าเธออยู่ก็จะดำเนินการผ่าตัดได้”
จงมั่นหวาแข้งขาอ่อนแรง ทรุดตัวลงบนเก้าอี้
นอร่ากลับยุโรปไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเผยเทียนอี้ดูแลอิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นอย่างดี พวกเขาก็ไม่มีทางเชิญมาได้
จงมั่นหวาหน้าซีด
คงได้แค่ไปขอร้องอิ๋งจื่อจิน
…
โรงเรียนมัธยมชิงจื้อ
ตอนเที่ยง
อิ๋งจื่อจินกับซิวอวี่ออกไปกินข้าวด้วยกัน เจอจงมั่นหวาที่มารออยู่หน้าโรงเรียนนานแล้ว
ซิวอวี่รีบไปขวางหน้าอิ๋งจื่อจินทันที มองด้วยสายตาเย็นชา “คุณป้า คิดจะทำอะไร”
มีเรื่องเร่งด่วน จงมั่นหวาไม่มีเวลาเอาเรื่องที่ถูกซิวอวี่ด่า
เธอทำหน้าอ้อนวอน “จื่อจิน แม่ขอร้องนะ จริงๆ แม่ขอร้อง ช่วยย่าของลูกเถอะนะ หมอบอกว่าถ้าไม่ผ่าตัด ย่าของลูกจะเป็นเจ้าหญิงนิทรา”
สองมือของอิ๋งจื่อจินล้วงกระเป๋าชุดนักเรียน หันหน้าเล็กน้อย ยืนยันคำเดิม “ไม่ช่วย”
จงมั่นหวาหัวใจหล่นวูบ
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึงว่าเธออุตส่าห์มาขอร้องอิ๋งจื่อจินด้วยตัวเอง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ
เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“คุณป้า น่าตลกจริงนะ” ซิวอวี่พอเข้าใจแล้วว่ามันเรื่องอะไรกัน เธอแสยะยิ้ม “ตอนนั้นใครกันที่พูดว่าจะไม่มีทางมาขอร้องพ่ออิ๋งเด็ดขาด อย่าลืมสิ พ่ออิ๋งออกจากบ้านตระกูลอิ๋งมาแล้ว อย่ามาทำเป็นตีสนิท ป้าเป็นแม่ใคร จะกลืนน้ำลายตัวเองเหรอ”
เวลาพักเที่ยงมีคนอยู่ตรงทางเข้าโรงเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ
นักเรียนจำนวนไม่น้อยหยุดดู สายตาจับจ้องมาที่เดียว
จงมั่นหวาหน้าซีด ไม่มีมาดหยิ่งยโสแบบเมื่อก่อนแล้ว เธอขอร้องอีกครั้ง “จื่อจิน แม่ขอร้อง…”
อิ๋งจื่อจินไม่แม้แต่จะมองจงมั่นหวา เธอหาว “ไปเถอะ”
ซิวอวี่ก็ขี้เกียจจะสนใจ เดินตามออกไป
จงมั่นหวายังยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าบึ้งตึง
อิ๋งเย่ว์เซวียนที่ยืนอยู่ไกลออกไปมองเห็นเหตุการณ์นี้
เธอกำมือแน่น หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรข้ามประเทศหาเผยเทียนอี้
ยังไม่ทันจะพูดเธอก็ส่งเสียงสะอื้นไห้
เผยเทียนอี้ที่อยู่ปลายสายตกใจ “เย่ว์เซวียน เป็นอะไรไป”
“เปล่าค่ะรุ่นพี่” อิ๋งเย่ว์เซวียนสงบสติอารมณ์ เล่าเรื่องให้ฟัง “รุ่นพี่ แต่เธอไม่ยอมช่วย คุณย่ากำลังจะตาย”
เผยเทียนอี้กลับเงียบ สักพักก็พูดพึมพำ “เธอรักษาคนได้ด้วยเหรอ”
เขาโตมาในประเทศอังกฤษตั้งแต่เด็ก ไอคิวสูงกว่าคนวัยเดียวกัน เก่งมาแต่เกิด ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เคยเจอคนอัจฉริยะมาไม่น้อย
แต่เขาไม่เคยเจอคนแบบอิ๋งจื่อจิน
แทบจะเก่งรอบด้าน
ทางยุโรปเชิดชูเด็กเทพไอริน่าไว้สูงมาก หน่วยงานที่ทรงอิทธิพลหลายหน่วยงานต่างบอกว่าเธอจะต้องได้แชมป์ไอเอสซีรอบนานาชาติแน่นอน
แต่เผยเทียนอี้กลับไม่คิดแบบนั้น
อิ๋งเย่ว์เซวียนหัวใจหดเกร็ง “รุ่นพี่คะ”
“ขอโทษทีเย่ว์เซวียน” เผยเทียนอี้ถอนหายใจ “ดอกเตอร์มาลินไปอเมริกาแล้ว ไม่มีทางกลับมาในสิบวันแน่นอน หมอคนอื่นที่เก่งด้านสมองพี่ก็ไม่รู้จัก”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนตอบเสียงเบา “ฉันก็แค่รู้สึกแย่เลยเล่าให้รุ่นพี่ฟัง ไม่รบกวนแล้วค่ะ ฉันไปเรียนก่อนนะคะ”
เธอวางสาย สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเปิดเว็บบอร์ดของชิงจื้อ จากนั้นก็เปิดแอ๊กเคานท์สำรองอีกหนึ่งแอ๊กเคานท์
หลังจากอิ๋งเย่ว์เซวียนเรียบเรียงคำพูดเสร็จก็โพสต์กระทู้
[ได้ยินข่าวหรือยัง คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งกำลังจะตาย อิ๋งจื่อจินรักษาได้ คุณนายอิ๋งไปขอร้องอิ๋งจื่อจินด้วยตัวเอง แต่เธอก็ยังคงนิ่งเฉย เลือดเย็นเกินไปหรือเปล่า]
โพสต์กระทู้นี้เสร็จ อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เอาอีกหลายแอ๊กเคานท์คอมเมนต์ตอบตัวเอง
[ต่อให้โกรธแค้นขนาดไหนก็ไม่ควรถึงกับเห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยหรือเปล่า]
[ฉันไม่กล้าพูดมาตลอด หลายคนยกย่องอิ๋งจื่อจินเสียขนาดนั้น แถมยังเรียกเทพ มีเทพแบบนี้ด้วยเหรอ]
[ไม่ว่ายังไงตระกูลอิ๋งก็ดูแลเธอมาหนึ่งปี ถ้าไม่มีตระกูลอิ๋ง อิ๋งจื่อจินจะได้เข้าเรียนที่ชิงจื้อเหรอ]
โลกนี้ไม่เคยขาดคนที่ยืนอยู่ข้างศีลธรรมแต่ชี้หน้าด่าคนอื่น โดยเฉพาะเวลาที่เกี่ยวพันถึงชีวิต
แม้อีกฝ่ายเป็นนักโทษก็มีคนเห็นใจอยู่เสมอ
เว็บบอร์ดของชิงจื้อไม่ได้มีแค่นักเรียนชิงจื้อ ยังมีคนอื่นเข้ามาดูด้วย
กระทู้นี้มีชื่ออิ๋งจื่อจิน ความนิยมก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากแอ๊กเคานท์เสริมของอิ๋งเย่ว์เซวียนแล้ว ด้านล่างก็มีคนมาตอบอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
[หา? อิ๋งจื่อจินทำแบบนี้ได้ยังไง เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วย…แบบนี้มันผิดจริยธรรมของหมอหรือเปล่า]
[ฉันก็ได้ยินมานะ บ้านฉันมีคนทำงานอยู่โรงพยาบาลอันดับหนึ่ง คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งหมดสติไปกลางดึก อาการแย่มาก]
[เมื่อกี้ก็เห็นมา คุณนายอิ๋งมาขอร้องอิ๋งจื่อจินให้ไปช่วยคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งจริงๆ เธอเลือดเย็นมากเลยนะ]
[เทพอิ๋งผิดตรงไหน เทพอิ๋งทำถูกแล้ว ตระกูลอิ๋งเคยทำกับเธอไว้ยังไง ถ้าเป็นฉัน ฉันก็ไม่ช่วย ขอโทษนะ คำเดียวเลย สะใจโว้ย! แถมให้อีกคำ สมน้ำหน้า!]
[เดี๋ยวนะ มีแค่ฉันคนเดียวเหรอที่สนใจว่าเทพอิ๋งรักษาคนเป็นด้วย?]
[รักษาคนเป็นแต่ไม่ยอมช่วย ขอโทษที่พูดตรงๆ ขยะ]
อิ๋งจื่อจินเป็นที่ชื่นชอบมากในโรงเรียน แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เกลียดเธอเพราะสาเหตุต่างๆ นานา
ไม่นานก็มีคนมาตอบกระทู้ถึงพันกว่า แถมยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อิ๋งจื่อจินกับซิวอวี่กินข้าวกลับมา กระทู้ที่ใช้นามแฝงนี้ก็มีคอมเมนต์เกือบหนึ่งหมื่นแล้ว ทะลุสถิติของเว็บบอร์ดชิงจื้อ
มีคนประณามอยู่ไม่น้อย คนสะใจก็มีมากเช่นกัน
“พ่ออิ๋ง คนพวกนี้น่าขยะแขยงจริงๆ” ซิวอวี่อ่านจบก็ขมวดคิ้ว “หลบอยู่หลังคีย์บอร์ดจะด่าเอามันแค่ไหนก็ได้ ถ้าฉันรู้ว่าเป็นใครนะ ฉันจะอัดให้น่วมเลยคอยดู!”
ด้วยความโมโหซิวอวี่เลยสมัครหลายแอ๊กเคานท์แล้วเริ่มด่าสู้
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว เปิดโค้กกระป๋อง “อยากรู้ว่าใครเหรอ”
“แน่สิ” ซิวอวี่ทำเสียงฮึดฮัด “แต่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าฝีมืออิ๋งเย่ว์เซวียน พ่ออิ๋งไม่ต้องไปสนใจ”
“อยากรู้ก็ง่ายมาก” อิ๋งจื่อจินดื่มโค้ก มือข้างหนึ่งกดโทรศัพท์มือถือเรื่อยเปื่อย
เธอใส่โค้ดลงไป จากนั้นก็คัดลอกไปลงบนเว็บบอร์ดชิงจื้อ
ระบบประมวลผล หนึ่งนาทีต่อมาก็แฮกเข้าเว็บบอร์ดชิงจื้อได้สำเร็จ
เวลานี้คนที่ปั่นคอมเมนต์ในเว็บบอร์ดชิงจื้อต่างไม่สังเกตเห็น เว็บบอร์ดที่ใช้นามแฝงของชิงจื้อได้กลายเป็นชื่อจริงแล้ว
คนตอบกระทู้ คนโพสต์กระทู้ ชื่อปรากฏออกมาหมด
ทั้งหมดถูกเปิดเผย