ตอนที่ 391 อิ๋งจื่อจิน ‘เอาสิ’
แขนที่แข็งแรงของเขากดเธอไปตรงมุมโซฟา โอบตัวเธอไว้
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้กฤษณาโอบล้อมตรงบริเวณใบหูและลำคอ กระทบเหนือผิว
กลิ่นอ่อน แต่ให้สัมผัสที่รุนแรง
ท่าทางที่จู่โจมเข้ามาอย่างกะทันหันแบบนี้ ต่อให้เป็นอิ๋งจื่อจิน ก็ทำเอาความคิดของเธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
แต่ไหนแต่ไรมาเธอคาดเดาไม่ได้ว่า ต่อไปฟู่อวิ๋นเซินจะทำอะไร ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่ได้ใช้การพยากรณ์ด้วย
อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
หน้าผากของทั้งสองคนแตะกัน ลมหายใจประสาน
ใกล้ถึงขั้นที่แม้แต่ปลายจมูกก็สัมผัสกัน
เธอสามารถมองเห็นดวงตาดอกท้อที่เปล่งประกายตามธรรมชาติของเขาได้อย่างชัดเจน ดวงตาคู่นั้นโค้งมนเล็กน้อย ราวกับมีทางช้างเผือกที่สุกสกาวอยู่ในนั้น
ในนั้นมีเงาสะท้อนของเธอเพียงคนเดียว
“ซิวอวี่บอกพี่ชายว่า ผู้ชายที่ตามจีบเธอในโรงเรียนมีมากถึงขั้นรวมเป็นทีมฟุตบอลได้สิบเอ็ดทีม” ฟู่อวิ๋นเซินพูดขึ้นอย่างใจเย็น “พวกเขายังมีแบ่งงานกัน บางคนเป็นกองหน้า บางคนเป็นผู้รักษาประตู ลับหลังยังมีเตะแข่งกันด้วย”
ความคิดของอิ๋งจื่อจินยังคงหยุดนิ่ง ผ่านไปสักพักเธอถึงตอบออกมาคำเดียว “…หืม?”
ซิวอวี่มีงานอดิเรกพิเรนทร์อยู่อย่างหนึ่ง ก็คือเอารายชื่อผู้ชายในโรงเรียนที่เคยส่งจดหมายรักให้เธอมาเขียนเรียงกันแล้วแบ่งกลุ่ม
พอแบ่งกลุ่มเสร็จก็จัดการตั้งเป็นทีมฟุตบอลได้สิบเอ็ดทีม
ผู้ชายพวกนั้นไม่ได้ไม่พอใจอะไร แถมยังดูชอบอกชอบใจเสียด้วยซ้ำ
เคยเตะแข่งกันจริง ต่อมาถูกอาจารย์ฝ่ายปกครองจับได้ให้เขียนรายงานสำนึกผิด
“ดังนั้นเมื่อวานพี่ชายเลยบอกซิวอวี่ว่า พี่ชายเตรียมจะเข้าร่วมทีมฟุตบอลด้วย” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว น้ำเสียงสบายๆ “แต่พี่ชายจะอยู่ทีมคนเดียว พี่ชายจะเป็นกองหน้า รวมถึงผู้รักษาประตู”
ขณะที่เขาพูดแบบนี้ แขนก็ยังโอบตัวเธออยู่ ไม่ได้คลายออก กลับกระชับแน่นขึ้นเสียด้วยซ้ำ
อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไร
เธอแค่มองตัวเองที่อยู่ในดวงตาของเขา สายตาเหม่อลอย
“จากนั้น…” ฟู่อวิ๋นเซินพูดต่อ น้ำเสียงแผ่วเบา คล้ายกำลังเกลี้ยกล่อม
“เยาเยา ดูสิ พวกเรารู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว เธอจะให้สิทธิพี่ชายก่อนได้หรือเปล่า ชอบพี่ชายก่อน”
“ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ”
ได้ยินเสียงหัวใจเต้นชัดเจนมากในเวลานี้
นี่เป็นครั้งแรกที่อิ๋งจื่อจินสามารถรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจเต้นรุนแรงขนาดนี้
ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าอะไรคือความรัก
แต่เวลานี้เธอสัมผัสมันได้
ความรู้สึกที่เรียกว่า ‘ความพึงพอใจ’ ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ คล้ายพลุที่ถูกจุดขึ้น
อิ๋งจื่อจินเบือนหน้าหนีเล็กน้อยเพื่อหลบสายตาที่จ้องมาของเขา
ขนตาเธอสั่น น้ำเสียงยังคงราบเรียบ แต่ความรู้สึกอย่างอื่นกลับเพิ่มขึ้น
“คุณหมายความว่า?”
“เป็นครั้งแรกที่ชอบใครสักคน ไม่รู้ว่าจะบอกยังไง” ฟู่อวิ๋นเซินปล่อยมือออกข้างหนึ่ง ค่อยๆ เอานิ้วสัมผัสใบหน้าของเธอ ยิ้มเล็กน้อย
“พี่ชายน่ะ ไม่เคยเข้าเรียน เรื่องอื่นก็เรียนด้วยตัวเองมาตลอด แต่เรื่องอย่างชอบเธอ พี่ชายไปขอคำแนะนำมาจากหลายคน กลัวว่าจะไม่ดีสักอย่าง”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดว่า ‘ชอบ’ ออกมา
“ตอนแรกอาจแค่แกล้งเธอ แต่ต่อมาทุกคำพูดของพี่ชายล้วนมาจากใจทุกคำ” ฟู่อวิ๋นเซินหยุดเล็กน้อย พูดเสียงเบา “พี่ชายชอบใครก็จะดีกับคนนั้น”
“เดิมทีโลกมนุษย์ไม่ควรทำให้พี่ชายมีความสุขขนาดนี้ แต่เธอมาแล้ว”
เดิมทีเขาคิดว่า ชีวิตนี้เขาไม่มีทางพูดแบบนี้กับใครได้
ต่อให้ไม่มีคนที่รักกัน เขาก็ไม่แคร์
ไม่มีใครกำหนดว่า ชีวิตนี้จะต้องอยู่ด้วยกันสองคน
สำหรับเขาแล้ว ถ้าจะต้องให้หาคนมาแก้ขัด ไม่สู้อยู่โดดเดี่ยวไปจนแก่
แต่ว่าเธอมาแล้ว…จากนี้ไป โลกของเขาจะเต็มไปด้วยแสงสว่าง
โชติช่วงและเจิดจรัส
อิ๋งจื่อจินก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า แค่ฟังเขาพูดจะไพเราะได้ถึงเพียงนี้
เสียงหัวใจเต้นของเธอจากที่เหมือนซิ่งอยู่บนทางด่วนก็เริ่มสงบลง “จริงจังเหรอ”
“จริงจัง จริงจังมาก” ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ เกี่ยวผมของเธอไปที่หลังหู เขายิ้มอีกครั้ง พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“เดิมทีพี่ชายอยากจูบเธอ แต่ถ้าเธอไม่ยอม พี่ชายก็จะอดทนไว้”
เขาให้เกียรติเธอ
แม้ในใจจะเรียกร้องเพียงใด เขาก็จะอดทนไว้
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ฉัน…”
“เยาเยา ไม่รีบ” นิ้วของฟู่อวิ๋นเซินแตะที่ริมฝีปากของเธอ อมยิ้ม เขาพูดขึ้น “ให้พี่ชายได้จีบเธอ เป็นไง”
“เรื่องที่สาวคนอื่นเคยได้ดื่มด่ำ เยาเยาของพี่ชายก็จะได้เหมือนกัน”
พอได้ยินแบบนี้ร่างกายของอิ๋งจื่อจินกลับผ่อนคลายลง
ดวงตาหงส์เหลือบขึ้น “เอาสิ งั้นคุณก็ลองจีบดู จีบฉันยากอยู่นะ”
พูดจบมือของอิ๋งจื่อจินก็ไล่ขึ้นไปบนบ่าของเขา
คราวนี้กลายเป็นฟู่อวิ๋นเซินที่ตัวเกร็ง น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย “เยาเยา?”
มือของอิ๋งจื่อจินยังคงวางอยู่บนบ่าของเขา ไม่ปล่อย “ขอจับลุกขึ้นมานั่งหน่อย”
“…”
ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กน้อยของเขาจงใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็มักจะทำให้เขาเดาทางไม่ถูกอยู่เสมอ
พออิ๋งจื่อจินขึ้นมานั่งได้แล้วก็ผ่อนลมหายใจ ดึงกระดาษทิชชู่บนโต๊ะรับแขกมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก
“เหงื่อออกเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินหันมา “ดูเหมือนเมื่อกี้พี่ชายจะไม่ได้…”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบก็ถูกเหยียบเท้า
อิ๋งจื่อจินมองไปทางห้องครัวแล้วหันมา “หุบปาก”
“ได้” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มมุมปาก “ตอนนี้พี่ชายกำลังจีบเธอ จะเชื่อฟังเธอทุกอย่าง”
อิ๋งจื่อจินหยิบรีโมตทีวีแล้วเปลี่ยนช่อง
วันนี้เป็นตอนสุดท้ายของรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 พอดี บรรดาผู้ชมจะเป็นคนเลือกผู้เข้าแข่งขันที่จะได้เดบิวต์ในตอนสุดท้าย
คะแนนโหวตของอวิ๋นเหอเย่ว์ทิ้งไปไกลแบบไม่เห็นฝุ่น ได้เดบิวต์ตำแหน่งเซ็นเตอร์อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อกี้ถูกจู่โจมอย่างหนักหน่วง เธอต้องดูรายการให้ผ่อนคลายหน่อย
ฟู่อวิ๋นเซินมองโทรทัศน์ แต่ความสนใจกลับอยู่ที่ตัวอิ๋งจื่อจินอยู่ตลอด
ผ่านไปสักพักเขาก็เอ่ยขอ
“จับมือได้ไหม”
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก เหลือบมองเขา ยื่นนิ้วชี้ให้
“ให้หนึ่งนิ้วแล้วกัน”
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง มองอิ๋งจื่อจิน ยิ้มมุมปาก หัวเราะเล็กน้อย
“ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”
มือของเขาจับนิ้วของเธอ ฝ่ามือนุ่มและอบอุ่น แต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเมื่อก่อน
สายตาของอิ๋งจื่อจินกลับไปที่โทรทัศน์อีกครั้ง
ยี่สิบนาทีต่อมา
เวินเฟิงเหมียนออกมาจากห้องครัว
เวลานี้ทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟากำลังดูโทรทัศน์ นั่งห่างกันมาก มองไม่ออกว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น
ห้องครัวเก็บเสียงได้ไม่ค่อยดี
แต่หลังจากที่ฟู่อวิ๋นเซินตัดสินใจแล้วเขาก็ใช้กำลังภายในผนึกประตูห้องครัวไว้
พอเป็นแบบนี้เวินเฟิงเหมียนก็ยิ่งไม่มีทางได้ยิน
“เยาเยา อวิ๋นเซิน มากินข้าวสิ” เวินเฟิงเหมียนถอดผ้ากันเปื้อน ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติอะไร จนกระทั่งเขาเห็นสองคนนี้นั่งอยู่คนละมุมโต๊ะ รู้สึกแปลกใจ
“…ทำไมพวกลูกนั่งห่างกันขนาดนี้ล่ะ”
อิ๋งจื่อจินหาวออกมา พูดโกหกหน้าตาเฉย
“เมื่อกี้เขาทำหนูโกรธค่ะ”
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินเหลือบขึ้น ว่าไปตามน้ำ
“ครับคุณอา ผมแกล้งเยาเยา เธอก็เลยโมโห”
เวินเฟิงเหมียนส่ายหน้า รู้สึกจนปัญญา “เอาแต่ใจ”
ฟู่อวิ๋นเซินหยิบตะเกียบ ยิ้มมุมปาก
เป็นเพราะเขาชอบตามใจสินะ
…
ห้าวันต่อมา
วันที่ยี่สิบสี่มีนาคม
เนื่องจากฟู่อวิ๋นเซินให้อวิ๋นซานสับเปลี่ยนบัตรเชิญที่อิ๋งเจิ้นถิงแจกออกไปทั้งหมดช่วงหลายวันมานี้วงการไฮโซของฮู่เฉิงจึงพูดคุยกันถึงเรื่องนี้
ถึงแม้อิ๋งเจิ้นถิงจะปิดปากสื่อได้ แต่ก็ปิดปากคนเยอะขนาดนั้นไม่ได้
แต่ตระกูลอื่นก็ยังเกรงกลัวอิทธิพลของตระกูลอิ๋งในฮู่เฉิง ไม่กล้าเอาไปพูดข้างนอก แค่นินทากันสนุกปากลับหลัง
จิ่งหงเจินเข้าไปอยู่ในแวดวงไฮโซไม่ได้ แต่เธอก็มีคนรู้จักสมัยก่อนอยู่ จึงรู้เรื่องนี้
วันนั้นเธออำพรางตัวแล้วไปที่อิ๋งซื่อกรุ๊ป
เดิมทีอิ๋งเจิ้นถิงไม่อยากปล่อยเธอเข้ามา กลัวความจะแตก
แต่สุดท้ายก็ให้เลขากับผู้ช่วยพิเศษออกไป จากนั้นก็พาจิ่งหงเจินขึ้นไปที่สวนดาดฟ้า
“อิ๋งเจิ้นถิง คุณหมายความว่ายังไง” จิ่งหงเจินสายตาเย็นชา “ตอนนี้คุณจะให้ฉันทำยังไง”
เธอส่งอิ๋งเย่ว์เซวียนไปอยู่ในบ้านตระกูลอิ๋งเพื่ออะไร ก็เพื่อให้อิ๋งเย่ว์เซวียนแทนที่อิ๋งจื่อจิน ยึดครองสถานะคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋ง
เมื่อเป็นแบบนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนก็จะมีสิทธิ์สืบทอดอิ๋งซื่อกรุ๊ป แวดวงไฮโซมีการแต่งงานเกี่ยวดองสองตระกูล ต่างให้ความสำคัญเรื่องสถานะมาก ถ้าเป็นลูกเลี้ยง จะไปแต่งกับใครได้
“ผมส่งคนไปจัดการแล้ว” อิ๋งเจิ้นถิงเองก็หงุดหงิด
“ทางตี้ตูไม่รู้เรื่อง คุณวางใจได้ เรื่องแต่งงานกับตระกูลหยวนจะต้องสำเร็จแน่นอน”
อิ๋งซื่อกรุ๊ปถูกยกเลิกความร่วมมือไปไม่น้อย สาเหตุที่ยังไม่ตกต่ำขั้นรุนแรงเป็นเพราะโปรเจ็กต์ที่เขาทำกับบริษัทต่างชาติ
ขอแค่อิ๋งเย่ว์เซวียนแต่งเข้าตระกูลหยวนได้ ต่อให้ตระกูลหยวนรู้ในตอนหลังก็สายไปแล้ว
สีหน้าของจิ่งหงเจินถึงได้ดีขึ้นมาก น้ำเสียงผ่อนคลายลง
“เจิ้นถิง ฉันรู้ว่าคุณก็เหนื่อยมาก แต่คุณก็ต้องคำนึงถึงลูกสาวของเราให้มากๆ จะปล่อยให้คนอื่นมาดูถูกไม่ได้”
ตรงนอกสวน อิ๋งเย่ว์เซวียนที่เพิ่งขึ้นมาหยุดชะงัก หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ
จากนั้นใบหน้าของเธอก็ซีดเผือด
เธอไม่ใช่แค่ลูกเลี้ยง แต่เธอเป็นลูกนอกสมรสด้วย!