ตอนที่ 392 จงมั่นหวาโมโหจนเข้าโรงพยาบาล
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร
อิ๋งเจิ้นถิงรักจงมั่นหวามากไม่ใช่เหรอ
ทำไมถึงไปมีผู้หญิงอื่นข้างนอก
ตรงสวนดาดฟ้ามีพุ่มไม้ อิ๋งเย่ว์เซวียนนั่งหลบ
เธอเอามือปิดปาก ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย
ตรงข้างหน้า อิ๋งเจิ้นถิงยังคงคุยกับจิ่งหงเจิน
“ถ้าเสี่ยวเซวียนไม่ใช่ลูกสาวของเรา ผมจะพยายามทำเพื่อเธอขนาดนี้เหรอ” อิ๋งเจิ้นถิงข่มความโกรธ “คุณไม่เห็นหรือไง ว่าเพื่อเสี่ยวเซวียน แม้แต่ลูกสาวแท้ๆ ผมก็ไล่ออกไปได้”
“คุณอยากรับเธอกลับมาไม่ใช่เหรอ” จิ่งหงเจินพูด “คุณเห็นตอนนี้เธอเก่งแล้วก็เลยนึกเสียใจใช่ไหมล่ะ”
อิ๋งเจิ้นถิงไม่ตอบ
จุดนี้เขาไม่เถียง
“เอาเถอะ ฉันก็แค่มาถามดู” จิ่งหงเจินยิ้ม
อิ๋งเย่ว์เซวียนรีบออกไป กลัวจะถูกจับได้
พอลงมาจากสวนดาดฟ้าก็เจอเลขาของอิ๋งเจิ้นถิง
เธอไม่สนใจเลขา รีบเดินออกไป
เลขามองอิ๋งเย่ว์เซวียนด้วยสายตาดูถูก แสยะยิ้ม “คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูใหญ่จริงๆ หรือไง…”
ไม่กี่นาทีต่อมาอิ๋งเจิ้นถิงก็ลงมา
เลขารีบทำตัวสุภาพขึ้นมาทันที “ประธานอิ๋งครับ เมื่อครู่คุณหนูใหญ่ขึ้นมาหา ได้เจอกันไหมครับ ผมเห็นเธอรีบเดินไป ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ”
พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของอิ๋งเจิ้นถิงก็ขรึมลง
เขาก็ว่าอยู่ว่าทำไมจิ่งหงเจินถึงจะมาหาเขาวันนี้ให้ได้ จะต้องเพราะรู้ว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนจะมาแน่นอน จงใจให้เธอมาได้ยินคำพูดพวกนี้
เขาบอกเลขากับคนอื่นว่าห้ามขึ้นมา แต่อิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋ง ถ้าเธอจะขึ้นมา เลขาก็ไม่มีทางห้าม
“ได้เจอแล้ว ไม่มีอะไรหรอก” อิ๋งเจิ้นถิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปเรียกผอ.ฝ่ายการเงินมา ผมมีเรื่องจะถาม”
เลขารีบลงไป
พอเขาลงไปแล้วจิ่งหงเจินถึงออกมาจากสวนดาดฟ้า
อิ๋งเจิ้นถิงหันไปมองเธอด้วยสายตาดุดัน
“วางใจได้ เธอไม่มีทางไปบอกเมียคุณหรอก” จิ่งหงเจินอารมณ์ดีมาก “ฉันไปล่ะ อย่างน้อยก็จะไม่มาปรากฏตัวในสามเดือนนี้”
…
อีกด้านหนึ่ง
อิ๋งเย่ว์เซวียนกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลอิ๋งด้วยสภาพเหมือนร่างไร้วิญญาณ
“เสี่ยวเซวียน เป็นอะไรไปลูก”
จงมั่นหวาเห็นสีหน้าอิ๋งเย่ว์เซวียนผิดปกติจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“แม่คะ” น้ำตาของอิ๋งเย่ว์เซวียนไหลออกมา เธอสะอึกสะอื้น “แม่คะ”
ทำไมเธอถึงเป็นลูกนอกสมรสไปได้
ในตระกูลเศรษฐี ลูกนอกสมรสคือการมีตัวตนที่ถูกทุกคนประณามหยามเหยียด
“เสี่ยวเซวียน ไม่ร้องนะ” จงมั่นหวาคิดว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนเสียใจเรื่องที่ถูกเปิดเผยสถานะ “จื่อจินไม่กลับมาหรอก ลูกยังคงเป็นลูกสาวของแม่ และก็เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋ง”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ยิ่งลนลาน
ถ้าจงมั่นหวารู้ว่าเธอเป็นลูกนอกสมรส ยังจะดีกับเธอแบบนี้ไหม
ต่อให้จงมั่นหวาจะรักเธอแค่ไหน ก็ไม่มีทางทนเห็นอิ๋งเจิ้นถิงมีลูกกับผู้หญิงอื่นได้
ทำอย่างไรดี
“เอาล่ะ ไปล้างหน้าล้างตานะ” จงมั่นหวาพูด “แม่จะพาลูกไปทำผม เลือกชุด งานเลี้ยงตอนบ่ายจะเริ่มแล้ว ลูกเป็นเจ้าของงาน อย่ามัวชักช้าเลยนะ”
อิ๋งเย่ว์เซวียนจิกฝ่ามือ บังคับให้ตัวเองมีสติ เธอพูดเสียงเบา “ขอบคุณค่ะแม่”
“มีอะไรให้ต้องขอบคุณ” จงมั่นหวายิ้ม “ลูกเป็นลูกสาวของแม่ ถ้าแม่ไม่ดีกับลูกแล้วจะดีกับใครได้”
เธอถือกระเป๋า “ไปเถอะ”
…
ตระกูลอิ๋งเหมาห้องจัดเลี้ยงชั้นหนึ่งของโรงแรมควีนเพื่อจัดงานฉลองบรรลุนิติภาวะให้อิ๋งเย่ว์เซวียน
อิ๋งเย่ว์เซวียนอยู่ในชุดราตรีสั่งตัด ดูเป็นคุณหนูไฮโซที่งามสง่า
เธอมองตัวเองในกระจก ในที่สุดอารมณ์ก็สงบลง
แต่เธอรออยู่นานมาก รอจนสี่โมงครึ่งก็ยังไม่มีคนมาสักคน
พอถึงห้าโมงงานเลี้ยงก็จะเริ่มขึ้น
วันนี้เมื่อปีที่แล้ว พอสามโมงก็มีคนมาถึงแล้วครึ่งหนึ่ง
อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้สึกใจหาย
เธอเองก็รู้จักคุณหนูในแวดวงไฮโซของฮู่เฉิงอยู่ไม่น้อย
วันนี้เป็นงานฉลองบรรลุนิติภาวะของเธอ แต่คุณหนูพวกนั้นกลับไม่มีใครมาสักคน ถึงขนาดที่ไม่มีแม้แต่ของขวัญ
จะเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋งที่แท้จริงหรือเปล่า มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ
อิ๋งเย่ว์เซวียนก้มหน้า พูดด้วยเสียงสะอื้นอีกครั้ง “แม่คะ งานฉลองบรรลุนิติภาวะของหนู…มันล่มแล้วใช่ไหมคะ”
จงมั่นหวาหน้าบึ้ง วางกระแทกถ้วยชาในมืออย่างแรง แสยะยิ้ม “คนพวกนี้ ตาต่ำกันจริงๆ!”
“พวกเขาน่าจะไปที่น้องจื่อจินแล้ว” อิ๋งเย่ว์เซวียนพูดเสียงเบากว่าเดิม “เธอต่างหากที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของคุณแม่”
คนเรามักจะเห็นใจคนที่อ่อนแอเสมอ
จงมั่นหวาเห็นอิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นแบบนี้ก็ทิ้งความรู้สึกผิดที่มีต่ออิ๋งจื่อจินไว้ข้างหลัง
“ไป” เธอยืนขึ้น พูดด้วยเสียงเย็นชา “ไปบ้านตระกูลจง งานฉลองบรรลุนิติภาวะของลูกจะต้องไม่ล่ม พวกเขาจะต้องไปที่บ้านตระกูลจงกันแน่”
ใช่ว่าเธอจะไม่เชิญผู้เฒ่าจงมา แต่ผู้เฒ่าจงบอกว่าเขาจะฉลองวันเกิดให้อิ๋งจื่อจินคนเดียว
งานฉลองวันเกิดของอิ๋งจื่อจินถูกจัดขึ้นที่บ้านตระกูลจง
หลังจากโทรหาอิ๋งเจิ้นถิงเสร็จ จงมั่นหวาก็พาอิ๋งเย่ว์เซวียนออกจากโรงแรม
ทว่าพอออกจากโรงแรมก็ถูกล้อมด้วยแสงแฟลช
ตรงทางเข้าโรงแรมมีนักข่าวมารออยู่จำนวนมาก มาจากสื่อหลายสำนักของฮู่เฉิง
พอเห็นอิ๋งเย่ว์เซวียนกับจงมั่นหวา พวกเขาก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปทันที
อิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าซีด ถอยไปด้านหลัง เอากระเป๋าขึ้นมาบังหน้าตัวเอง
“พวกคุณทำอะไรน่ะ” จงมั่นหวาหน้าเสีย เธอตวาดเสียงใส่ “อยู่ๆ มาถ่ายรูป ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล มันผิดกฎหมายพวกคุณรู้หรือเปล่า”
แต่มีเหรอที่บรรดาสื่อจะแคร์เรื่องพวกนี้
พวกเขายื่นไมโครโฟนไปตรงหน้าจงมั่นหวาแล้วถามทันที
“คุณนายอิ๋งครับ คุณไม่ประกาศสถานะของคุณอิ๋งจื่อจินมาตลอด ไม่ทราบว่าเพราะคิดว่าเธอมาจากบ้านนอก ไม่รู้มารยาทในตระกูลเศรษฐี สู้อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ได้ ก็เลยไม่ยอมรับเธอแบบนี้หรือเปล่าครับ”
“คุณนายอิ๋งครับ เมื่อปีที่แล้วเว็บไซต์ทางการของไอเอสซีประกาศรายชื่อผู้ที่ได้โควตาผ่านเข้ารอบสุดท้าย มีทั้งหมดหกคน คุณอิ๋งจื่อจินเป็นหนึ่งในนั้น อิ๋งเย่ว์เซวียนยังอยู่โรงเรียนเดียวกันกับคุณอิ๋งจื่อจินด้วย เห็นได้ชัดว่าทางโรงเรียนไม่ได้เลือกอิ๋งเย่ว์เซวียน”
“คุณนายอิ๋งคะ ฝีมือการเล่นเปียโนของคุณอิ๋งจื่อจินเรียกได้ว่าสุดยอดมาก คุณเลือกทะนุถนอมผิดฝาผิดตัวแบบนี้ ไม่ทราบว่ารู้สึกเสียใจบ้างไหมคะ”
แต่ละคำถามล้วนเสียดแทงใจ ทิ่มแทงจุดเจ็บปวด
สีหน้าของจงมั่นหวาเดี๋ยวแดงเดี๋ยวเขียว ถูกจี้ถามจนตัวสั่น “พะ พวกคุณ…”
มีนักข่าวคนหนึ่งถามต่อ “คุณนายอิ๋งครับ ตอนนี้ความจริงปรากฏแล้ว แต่คุณกลับยังคงลำเอียง จัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้แค่ลูกเลี้ยง คุณคู่ควรเป็นแม่คนเหรอครับ”
พอได้ยินคำพูดนี้ จงมั่นหวาก็รู้สึกโกรธเลือดขึ้นหน้า สติขาดผึงไม่หยุด
เธอหายใจไม่ทัน ศีรษะเอียง เป็นลมล้มพับไป
“คุณแม่!” อิ๋งเย่ว์เซวียนรีบประคองจงมั่นหวา ตกใจทำอะไรไม่ถูก “คุณแม่! เร็วเข้า รีบโทรหนึ่งสองศูนย์!”
บรรดาสื่อพอเห็นจงมั่นหวาเป็นลมไปต่างก็รู้สึกเสียดาย
ไม่มีใครสนใจ พากันแบกกล้องเดินออกไป
อิ๋งเย่ว์เซวียนกัดริมฝีปาก จำต้องล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรเรียกรถฉุกเฉินเอง
…
ทางด้านคฤหาสน์ตระกูลจง
แตกต่างจากที่อิ๋งเย่ว์เซวียนคิด ทางคฤหาสน์ตระกูลจงนอกจากเพื่อนห้องสิบเก้าที่ชิงจื้อ ก็ยังมีคนที่อิ๋งจื่อจินรู้จักในตี้ตู ไม่มีคนในวงการไฮโซของฮู่เฉิงแม้แต่คนเดียว
อิ๋งจื่อจินก็ไม่ได้ตั้งใจจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดอย่างใหญ่โต
ผู้เฒ่าจงแย่งงานของพ่อบ้านจง สั่งบรรดาคนรับใช้ทำนั่นทำนี่
ฟู่อวิ๋นเซินนั่งอยู่ในห้องรับแขก
เขาหันหน้ามามองนักเรียนชิงจื้อที่เล่นกันอยู่ในสวนด้านนอกด้วยสายตาอ่อนโยน
“คุณชายครับ คุณชายหลักแหลมมากครับ” อวิ๋นซานที่อยู่ข้างๆ กระซิบ “คุณชายรู้ว่าถ้าทางตระกูลอิ๋งเห็นไม่มีคนไปงานก็จะมาหาเรื่องที่นี่แน่ คุณชายเลยให้สื่อไปดักรอที่นั่นก่อน จงใจถามตระกูลอิ๋งเรื่องพวกนั้น”
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง ยิ้มเหมือนไม่ใส่ใจ “หืม?”
มุกนี้เขาเอามาจากเนี่ยเฉา
“คุณชายคงไม่ทราบว่าคุณนายอิ๋งโมโหจนหมดสติไปเลยครับ” อวิ๋นซานสะใจ “ตอนนี้ถูกพาส่งโรงพยาบาลแล้ว อิ๋งเจิ้นถิงกับอิ๋งเย่ว์เซวียนไปกันหมด ผมว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนคงต้องฉลองวันบรรลุนิติภาวะที่โรงพยาบาลแล้วล่ะครับ สมน้ำหน้า”
“ไม่” สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินเย็นชา “วันนี้เป็นวันบรรลุนิติภาวะของเยาเยาแค่คนเดียว”
อวิ๋นซานอึ้ง ถึงได้นึกออกว่าทุกสิ่งทุกอย่างของอิ๋งเย่ว์เซวียนรวมถึงชื่อกับวันเกิดเป็นเรื่องลวงทั้งนั้น
“ผมเสียใจแทนคุณอิ๋งจริงๆ ครับ” อวิ๋นซานพึมพำ “ที่เจอครอบครัวแบบนี้”
ฟู่อวิ๋นเซินครุ่นคิด ผ่านไปสักพักถึงพูดขึ้น “อีกไม่นานก็จะไม่ใช่คุณอิ๋งแล้ว”
อวิ๋นซานอึ้งก่อน จากนั้นก็ดีใจ “คุณชายทำสำเร็จแล้วเหรอครับ”
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง ยิ้มพลางพูด “กำลังจีบอยู่”
อวิ๋นซาน “…”
ไม่ฟังก็ไม่รู้ เขายังแอบคิดไปว่าคุณชายน้อยจะออกมาแล้วเสียอีก
…
ภายในสวนหย่อม
ซิวอวี่ถือกิ่งไม้เขี่ยมด แต่หูกลับผึ่ง “พ่ออิ๋ง มีเรื่องสนุกๆ อะไรไหม แบ่งปันกันหน่อย”
“อืม” อิ๋งจื่อจินพิงต้นไม้ “เขาสารภาพรักกับฉันแล้ว”
หยุดเล็กน้อย เธอเลิกคิ้ว “เธอน่าจะรู้ก่อนแล้ว”
ซิวอวี่แกล้งไอ สีหน้าจริงจัง “ฉันทำเพื่อความสุขทั้งชีวิตของเธอถึงได้ช่วยเธอไง เซอร์ไพรส์มากใช่ไหม”
“ก็เซอร์ไพรส์อยู่ เดิมทีฉันก็กะตอบตกลงไปตรงๆ” อิ๋งจื่อจินเอามือเท้าคาง สีหน้าเรื่อยเปื่อย “แต่ฉันยังไม่ทันพูดอะไร เขาก็บอกอยากจีบ ให้ฉันได้สัมผัสกับความรู้สึกถูกจีบ จะขาดขั้นตอนนี้ไม่ได้”
ซิวอวี่เงียบไปชั่วขณะ ชื่นชมจากใจ “เอาใจใส่ความรู้สึกเธอขนาดนี้ แถมยังอดทนไหว พ่อเทพบุตร”
ชั่วขณะนั้นเธอไม่รู้จะสงสารฟู่อวิ๋นเซินดีที่เดิมทีก็จีบได้แล้ว หรือจะสงสารตัวเองดีที่จนถึงตอนนี้ก็ยังโสด
ซิวอวี่เมาท์ต่อ “งั้นเธอกะให้เขาจีบนานแค่ไหน”
“ไม่รู้สิ” อิ๋งจื่อจินคิด “ดูท่าทีเขาก่อน”
“เฮ้อ” ซิวอวี่เศร้า “ไม่รู้ทำไม ฉันรู้สึกเหมือนลูกสาวจะออกเรือน”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็ยืดตัวขึ้น มือข้างหนึ่งจับบ่าซิวอวี่
เป็นครั้งแรกที่ซิวอวี่รู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว เธอยืนขึ้น “พ่ออิ๋ง เป็นอะไร”
“เปล่า” อิ๋งจื่อจินพับแขนเสื้อขึ้น “ฉันจะสอนวิทยายุทธ์ให้เธอ”
ซิวอวี่ “…”
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เข้าสู่ยามราตรี
ซิวอวี่หมดแรงอยู่บนพื้น “ไม่เอาแล้วไม่เอา ฉันจะตายแล้ว”
ถ้าเธอรู้ว่ากินยาแค่เม็ดเดียวแล้วจะมีพรสวรรค์ฝึกวิทยายุทธ์ได้ ทั้งยังต้องถูกฝึกแบบนี้ ให้ตายเธอก็ไม่ยอมกินหรอก
“นี่แค่พื้นฐาน” อิ๋งจื่อจินยื่นมือออกมาดึงซิวอวี่ขึ้น “เธอยังไม่ได้ฝึกกำลังภายใน ต้องตั้งใจฝึกให้ดี”
“กินข้าวก่อน” ซิวอวี่ส่ายมือ “กินก่อนถึงจะมีแรง”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
ฟู่อวิ๋นเซินโทรมา
อิ๋งจื่อจินกดรับ “ฉันอยู่แค่ข้างนอก ใกล้ขนาดนี้ยังจะโทรอีกเหรอ”
เสียงสุขุมดังมาจากปลายสาย “เยาเยา เงยหน้า”
ในเวลาเดียวกันซิวอวี่ก็ส่งเสียงตะลึง “พ่ออิ๋ง ดูนั่นสิดูนั่น!”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า
บนท้องฟ้ายามราตรี พลุจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนถูกจุดพร้อมกัน
สุดท้ายรวมกันเป็นประโยคที่ว่า
‘สุขสันต์วันเกิดเยาเยาอายุครบสิบแปดปี’
เธอยืนอยู่ใต้ท้องฟ้ายามราตรีเงียบๆ ยกมือขึ้น วาดไปตามแสงที่ปรากฏ
นี่คือแสงสว่างที่เป็นของเธอเพียงคนเดียว
…
หลังผ่านพ้นเดือนมีนาคม อากาศก็เริ่มอบอุ่น
อิ๋งเทียนลี่ว์ออกมาจากบริษัท เดินขึ้นรถ
เขาจัดการย้ายบริษัทที่ร่วมเปิดกับคุณชายคนอื่นในเมืองนอกมาที่ประเทศจีนแล้ว เพียงแต่ขนาดบริษัทยังเล็กอยู่ สู้อิ๋งซื่อกรุ๊ปไม่ได้ ทั้งยังอยู่ชานเมือง
อิ๋งเทียนลี่ว์ก็รู้ในจุดนี้ จึงกำลังพยายามขยายบริษัท
เขาคิดไว้ว่าจะสามารถมีกำลังทัดเทียมกับอิ๋งซื่อกรุ๊ปได้อย่างน้อยในหนึ่งปี
เขาผิดหวังในตัวอิ๋งเจิ้นถิงอย่างสิ้นเชิงแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้อิ๋งซื่อกรุ๊ปอยู่ในความควบคุมของอิ๋งเจิ้นถิงต่อ
อิ๋งเทียนลี่ว์คาบบุหรี่ หลุบตาลง อ่านข้อความวีแชท
พอก้มอ่านสีหน้าของเขาก็ตะลึง
[เทียนลี่ว์ สืบได้แล้ว ผู้หญิงคนนี้คือจิ่งหงเจินจริงๆ แต่ข้อมูลของเธอน้อยมาก รู้แค่ว่าเมื่อก่อนเธอเป็นสาวไฮโซในฮู่เฉิง แต่ตระกูลเธอไม่เหลือแล้ว
เมื่อก่อนตระกูลนี้ก็เกี่ยวข้องกับตระกูลอิ๋ง ฉันเดาว่าอาจเคยรู้จักกับพ่อของนาย ก็เลยเอาลูกของเธอมาเลี้ยง]
อิ๋งเทียนลี่ว์ขมวดคิ้ว พิมพ์ตอบกลับ
[โอเค เข้าใจแล้ว]
เขาผ่อนลมหายใจ เสียบกุญแจรถ หมุนพวงมาลัยแล้วขับออกไป
พอขึ้นทางด่วนเขาก็ขับที่ความเร็วแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทันใดนั้นก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นรัวๆ ภายในรถ
[ติ๊ดๆๆ]
อิ๋งเทียนลี่ว์สีหน้าเปลี่ยน เหยียบเบรกทันที
ความเร็วไม่ลดลง กลับเพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำ
[ระวัง! ระวัง!]