ตอนที่ 399 ไม่รู้เหรอว่าเธอเป็นนักวิจัยของห้องทดลองเกอร์เวน
ไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นที่ไหนกัน
ทำไมหลังจากอิ๋งจื่อจินมาเยี่ยมชมศูนย์วิจัย ข้อมูลการทดลองของส่วนทดลองที่เผยเทียนอี้ดูแลอยู่ถึงรั่วไหลไปได้
อีกทั้งเรื่องบังเอิญยิ่งกว่าคือ อิ๋งจื่อจินก็เก่งด้านคอมพิวเตอร์มากด้วย
แม้แต่เว็บบอร์ดนามแฝงของชิงจื้อยังกลายเป็นใช้ชื่อจริงได้ แค่ขโมยข้อมูลการทดลองยังจะไม่ง่ายอีกเหรอ
“เธอเหรอ” พอได้ยินอิ๋งเย่ว์เซวียนพูดแบบนี้ เผยเทียนอี้ก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มขมวดคิ้ว
“เธอไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น”
ห้องทดลองนี้วิจัยเกี่ยวกับอาวุธอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะแบบใหม่
ถ้าออกแบบออกมาได้เสร็จสมบูรณ์ก็จะเป็นความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีของโลกไปอีกขั้น ถึงแม้ตอนนี้การทดลองจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ข้อมูลการทดลองกลับมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ล้ำค่ามาก
คนที่อยากได้ข้อมูลการทดลองเหล่านี้มีตระกูลใหญ่ที่เป็นศัตรูกับคนที่ลงทุนให้ห้องทดลอง และยังมีอิทธิพลมืดบางส่วน
อย่างไรเสียอาวุธอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะแบบใหม่เหล่านี้สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตระกูลได้อีกขั้นในชั่วพริบตา
แต่ถ้าไม่เข้าใจเกี่ยวกับอาวุธอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ต่อให้ได้ข้อมูลการทดลองไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด
ข้อมูลห้องทดลองของพวกเขาแค่รั่วไหล ไม่ได้ถูกลบ
ดังนั้นสิ่งที่เผยเทียนอี้คิดคือ ถ้าไม่ใช่คนในถูกซื้อตัวก็ต้องเป็นฝีมือแฮกเกอร์ที่พวกตระกูลศัตรูจ้างมา ทำการแฮกคอมพิวเตอร์ของพวกเขา
เขาย่อมเพิ่มระบบคุ้มกันข้อมูลเหล่านี้ให้มากขึ้นแล้ว
เมื่อครู่เผยเทียนอี้ก็เห็นแล้วว่า คอมพิวเตอร์ไม่มีร่องรอยการถูกแฮก
นี่ก็แสดงว่าถ้าเป็นอย่างหลัง ความสามารถทางด้านคอมพิวเตอร์ของอีกฝ่ายต้องเหนือกว่าเขาไปไกลมากแน่นอน
อิ๋งจื่อจินมีความสามารถถึงขั้นนั้น แต่เธอไม่มีเหตุผลต้องทำจริงๆ
“รุ่นพี่เชื่อใจเธอขนาดนั้นเลยเหรอคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนตะลึงเล็กน้อย เธอเม้มริมฝีปาก
“จากที่รองผู้อำนวยการพูด วันนี้ทุกคนที่เข้ามาในศูนย์วิจัยก็น่าสงสัยทั้งหมด ทำไมรุ่นพี่ถึงจะตัดเธอทิ้งล่ะคะ”
หรือแม้แต่เผยเทียนอี้ก็เปลี่ยนไปเข้าข้างอิ๋งจื่อจินแล้ว
พวกเขาเพิ่งเคยเจอกันกี่ครั้งเอง
อิ๋งเย่ว์เซวียนสูดลมหายใจเข้าลึก เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ
เธอหลับตา ท่าทางเหนื่อยล้า
“รุ่นพี่คะ ในเมื่อรุ่นพี่เชื่อใจเธอขนาดนี้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วค่ะ ฉันช่วยอะไรไม่ได้เลย ขอโทษนะคะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
“เย่ว์เซวียน พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น” เผยเทียนอี้ขวางเธอไว้ ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
“เธอพูดถูก อิ๋งจื่อจินน่าสงสัย แต่ยังไม่มีหลักฐานก็ไม่ควรฟันธงแบบนั้น”
ไม่ว่าใครก็ตามที่ถูกกล่าวหาว่าขโมยข้อมูลการทดลอง เส้นทางในวงการวิจัยต่อจากนี้ก็จะจบลงทันที
อิ๋งเย่ว์เซวียนหยุดเดิน “ฉันแค่วิเคราะห์อย่างมีสติ ขนาดเธอยังพาลโกรธคุณย่าได้เพราะเรื่องที่คุณอาของฉันบังคับให้บริจาคเลือด ไม่ยอมรักษาคุณย่า จิตใจแบบเธอยังไม่เรียกว่าคับแคบอีกเหรอคะ”
“คุณย่าเธอ…” ขณะที่เผยเทียนอี้กำลังจะพูดอะไรก็เห็นรองผู้อำนวยการรีบร้อนลงมาจากชั้นบน สีหน้าเย็นชา
พอเสียงของอิ๋งเย่ว์เซวียนหยุดลงก็ไม่พูดอะไรอีก
“รองผู้อำนวยการครับ” เผยเทียนอี้เดินเข้าไปหา
“ผมอยากขอให้ตั้งทีมสืบสวน ใครก็ตามที่เข้ามาในศูนย์วิจัยเมื่อวานนี้ต้องได้รับการสอบสวนทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น”
รองผู้อำนวยการมองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เรื่องนี้ต่อให้คุณไม่พูดพวกเราก็จะดำเนินการทันที ผมส่งคนไปบอกผู้อำนวยการแล้ว”
“เพียงแต่วันนี้เย็นมากแล้ว คำสั่งสอบสวนอย่างเร็วสุดก็ต้องรอพรุ่งนี้เช้าถึงจะออก”
“รองผู้อำนวยการครับ ไม่ต้องสอบสวนเย่ว์เซวียนหรอกครับ” เผยเทียนอี้เหลือบมองอิ๋งเย่ว์เซวียน
“เธออยู่กับผมตลอด ไม่ได้แตะต้องคอมพิวเตอร์สักเครื่อง จุดนี้ผมรับประกันได้ รองผู้อำนวยการจะดูกล้องวงจรปิดก็ได้ครับ”
หากถูกสอบสวน ต่อให้สุดท้ายแล้วบริสุทธิ์จริง แต่ก็จะถูกคนอื่นสงสัยอยู่ดี ส่งผลต่อชื่อเสียง เขายังต้องช่วยให้อิ๋งเย่ว์เซวียนสมัครโควตานักวิจัยของห้องทดลองอีก ถ้ามีประวัติเคยถูกสอบสวนจะไม่ดี
รองผู้อำนวยการขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นมีผู้ช่วยสองคนที่ออกไปได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหกชั้นของโซนใจกลาง
รองผู้อำนวยการดูภาพจากกล้องของส่วนทดลองก่อน
อิ๋งเย่ว์เซวียนอยู่กับเผยเทียนอี้ตลอดจริงๆ ไม่ได้แตะต้องอะไรเลย แม้แต่โทรศัพท์มือถือกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ก็ไม่ได้หยิบออกมา
“ได้ เห็นแก่ที่คุณลงแรงช่วยโปรเจ็กต์ทดลองนี้ไปไม่น้อย ผมจะทำตามคำขอนี้ของคุณ” รองผู้อำนวยการพูด “แต่ถ้าสุดท้ายแล้วคนอื่นๆ พ้นข้อกล่าวหาหมด ยังไงเธอก็ต้องถูกสอบสวน”
อิ๋งเย่ว์เซวียนยิ้ม “ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะให้ความร่วมมือค่ะ”
รองผู้อำนวยการไม่สนใจเธอ กดเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดส่วนจัดแสดง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“นักเรียนพวกนี้กำลังใช้คอมพิวเตอร์ทำอะไร”
ใครบ้างที่มาส่วนจัดแสดงแล้วไม่เยี่ยมชมผลงานจัดแสดงพวกนั้นอย่างละเอียด
ในคอมพิวเตอร์มีอะไรถึงดึงดูดความสนใจได้มากกว่าของที่จัดแสดง จะต้องดูในเวลานั้นให้ได้
“นักเรียนหกคนนี้ดูน่าสงสัยจริงๆ” รองผู้อำนวยการปิดคอมพิวเตอร์ ดูเวลา
“วันมะรืนรบกวนคุณมาจัดการขั้นตอนส่งมอบงานอีกครั้ง”
เขาเองก็ไม่ได้มองว่าเผยเทียนอี้มีสีหน้าอย่างไร เดินออกไปพร้อมผู้ช่วยสองคน
อิ๋งเย่ว์เซวียนเงยหน้า “ขอบคุณนะคะรุ่นพี่”
“เรื่องเล็กน้อย” เผยเทียนอี้นวดขมับ เป็นครั้งแรกที่ทำสีหน้าเคียดแค้น
“ถ้าพี่รู้ว่าเป็นใคร พี่จะไม่ให้อภัยเด็ดขาด”
อิ๋งเย่ว์เซวียนแอบสะดุ้ง เหงื่อออกเต็มฝ่ามือ
เผยเทียนอี้ไม่พูดอะไรอีก แค่บอกว่า “ไปเถอะ พี่จะไปส่งกลับ”
…
เวลานี้ตรงมุมหนึ่งทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองมหาวิทยาลัย
ภายในซอยลึก
อิ๋งจื่อจินกดไล่ไปตามก้อนอิฐของกำแพง เมื่อถึงก้อนที่สิบเจ็ดเธอก็เงยหน้าขึ้น “ตรงนี้”
ฟู่อวิ๋นเซินหันมา เดินเข้าไป เหลือบมองแวบหนึ่ง “ซ่อนลึกจริงๆ”
ขณะพูดเขาก็ยิ้มมุมปาก เอามือลูบศีรษะเธอ
“เป็นเพราะเยาเยาของเราเก่ง สายตาเฉียบคม”
อิ๋งจื่อจินถอยหลังหนึ่งก้าว
“ได้คืบจะเอาศอก จีบฉันยากยิ่งกว่าเดิมแล้ว”
ฟู่อวิ๋นเซินนั่งยอง ดวงตาดอกท้อทอประกายอ่อนโยน
“อืม…งั้นพี่ชายจะค่อยๆ จีบ ยังไงซะตำแหน่งแฟนของเธอก็ต้องเป็นพี่ชายที่เข้ารับเป็นคนแรก”
อิ๋งจื่อจินพิงกำแพง แค่มองเขา
พวกเขากู้ระเบิดลูกอื่นไปแล้วสิบเก้าลูก นี่เป็นลูกสุดท้าย
ฟู่อวิ๋นเซินมีความสามารถถึงขั้นที่ว่า หลังจากกู้ระเบิดแล้ว อีกฝ่ายก็ยังไม่สามารถรู้ได้ผ่านการควบคุมระยะไกล เขาเอามือวางบนก้อนอิฐ ปล่อยกำลังภายใน กดเล็กน้อย
เสียงดัง “กึก” ระเบิดสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ทำเป็นก้อนอิฐเนียนไปกับกำแพงก็เด้งออกมา
“สุดยอด” ฉินหลิงเยี่ยนขยับเข้าไปใกล้ฟู่อวิ๋นเซิน
“รหัสระเบิดลูกนี้เป็นของที่เพิ่งออกวางในโซนซื้อขายของเว็บบอร์ดเอ็นโอเคหรือเปล่า”
ถึงแม้อิ๋งจื่อจินจะเข้าเว็บบอร์ดเอ็นโอเคบ่อย แต่ส่วนใหญ่เธอจะอ่านข่าวซุบซิบกับซื้อสมุนไพร ไม่เคยให้ความสนใจด้านอาวุธ
ดวงตาหงส์หรี่ลงเล็กน้อย “อานุภาพแรงขนาดไหน”
ฉินหลิงเยี่ยนคิดแล้วพูดขึ้น “ระเบิดเมืองนี้กระจุยได้ง่ายๆ”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้ใช้อุปกรณ์ ลงมือกู้ระเบิดทันที
“บอส สร้อยข้อมือของบอส…” ฉินหลิงเยี่ยนเหลือบมอง เขาตาไว “สไตล์นี้มันคุ้นๆ”
“สร้อยข้อมือเหรอ” อิ๋งจื่อจินมองแขนขวา “นายหมายถึงนี่เหรอ”
เป็นสร้อยข้อมือสีเงินที่ฝังพลอยไพลินไว้หนึ่งเม็ด
เปล่งประกายท่ามกลางความมืดอย่างยากที่จะปิดบัง
“ถูกต้อง” ฉินหลิงเยี่ยนสังเกตดู
“อัญมณีแค่เม็ดเดียวนี้ ราคาสามร้อยล้าน เท่ากับบอสเอาเกาะขนาดเล็กมาใส่ข้อมือเลยนะ”
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก มองฟู่อวิ๋นเซิน
“ตัวล้างผลาญจริงๆ”
เธอไม่รู้จริงๆ ว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้แพงขนาดนี้
ตอนนั้นที่เธอรับไว้ได้มาเป็นเซต ยังมีสร้อยคอ ต่างหู และมงกุฎ บนมงกุฎมีอัญมณีแบบเดียวกันนี้ยี่สิบสองเม็ด
ฟู่อวิ๋นเซินยังคงกู้ระเบิด “พี่ชายรวย”
หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ดึกมากแล้ว เธอกลับไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้พวกเธอมีจำลองการแข่งอีก”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “กลับมาแล้วส่งวีแชทบอกฉันด้วย”
พออิ๋งจื่อจินออกจากซอยไปแล้ว ทันใดนั้นฉินหลิงเยี่ยนก็เข้าใจขึ้นมา พ่นน้ำโค้กออกมา “อื้อหือ”
เขาสะเทือนใจอย่างรุนแรง
“ไหนนายบอกว่าจะไม่ออกแบบอะไรอีกแล้วไง”
นิ้วเรียวยาวของฟู่อวิ๋นเซินลอดผ่านสายสีแดงกับสีน้ำเงิน น้ำเสียงใจเย็น
“เยาเยาน่ะ เป็นกรณีพิเศษของฉัน ต่อหน้าเธอ ฉันไม่ต้องการหลักการหรือขอบเขต แค่เธอคนเดียวก็พอ”
“ถุย อย่างนายเรียกสองมาตรฐาน” อยู่ๆ ฉินหลิงเยี่ยนก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง
“เหล่าฟู่ คำพูดนี้ของนายถ้าลือไปถึงไอบีไอ พวกเขาจะไม่อกแตกตายกันเลยเหรอ”
หลังจากคดีของล้ำค่าของเฝ่ยชุ่ยไจของตระกูลจงหายไปครั้งนั้น เขาถึงได้เอะใจว่าฟู่อวิ๋นเซินก็คือผู้บัญชาการสูงสุดที่แสนลึกลับคนนั้นของไอบีไอ
เมื่อก่อนเขายังแอบคิดมาตลอดว่าพวกเขาเป็นสหายคู่ยากที่ขึ้นบัญชีประกาศจับของไอบีไอ
แน่นอนว่าชื่อที่ขึ้นบัญชีประกาศจับของไอบีไอกับชาร์ตของเอ็นโอเคเป็นตัวตนที่ฟู่อวิ๋นเซินสมมติขึ้นมา แม้แต่หน้าตาก็ด้วย
“เหล่าฟู่ อย่าหาว่าฉันงั้นงี้เลยนะ” ฉินหลิงเยี่ยนล้วงห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาจากกระเป๋าเสื้อกินแก้อยาก
“ถึงนายจะปรากฏตัวในไอบีไอด้วยใบหน้าที่ปลอมแปลง ทุกครั้งจะใช้ใบหน้าที่แตกต่างกันไป แต่นายรู้หรือเปล่าว่ามีตั้งกี่คนที่หลงใหลในตัวนาย”
“สำนักงานใหญ่ไอบีไอมีคนร่วมหมื่น ถึงผู้หญิงจะไม่เยอะแต่ก็หลายร้อยหรือเปล่า”
ฟู่อวิ๋นเซินปล่อยกำลังภายในที่ฝ่ามือ สายไฟสีแดงเส้นหนึ่งก็ขาดออก
ระเบิดเวลาลูกนี้ใช้การไม่ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
เขายืนขึ้น เช็ดมือเสร็จก็จัดตรงอกเสื้อ กระดูกไหปลาร้าบุ๋มลึก “หลงใหลในตัวฉันงั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ” ฉินหลิงเยี่ยนพูด “เอาแค่ในเวยปั๋ว ชาร์ตอันดับขวัญใจมหาชนอะไรนั่น นายคิดว่านายได้ที่หนึ่งมาได้ยังไง ก็เพราะหน้าตากับรูปร่างน่ะสิ”
“อย่างนั้นเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินครุ่นคิด ขนตาขยับ ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา น้ำเสียงเรื่อยเปื่อย
“ฉันรู้แล้วว่าจะจีบสาวน้อยของฉันยังไง”
ฉินหลิงเยี่ยน “?”
เหมือนเกิดเรื่องสุดยอดอะไรสักอย่างแล้วสิ
…
วันต่อมา
เวลาเจ็ดโมงเช้า นักเรียนที่อยู่ในเขตหอพักถูกปลุกตื่นเพราะเสียงฉุกเฉิน
เว้นเสียแต่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นเสียงฉุกเฉินแบบนี้ไม่มีทางดัง
ผู้เข้าแข่งขันที่ได้โควตาผ่านเข้ารอบสุดท้ายต่างถูกเรียกมาที่ห้องโถงชั้นหนึ่งทั้งหมด
คนที่เข้ามาเป็นกลุ่มคนสิบคน สวมชุดเครื่องแบบเหมือนกันพร้อมปืนในมือ
บรรดาผู้เข้าแข่งขันต่างไม่เคยประสบเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนใหญ่จึงตื่นตระหนก
“คนของทีมสืบสวนมาได้ยังไง” นักเรียนหญิงที่อยู่ข้างไอริน่ารู้สึกอึ้ง
“คง…คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ หรอกนะ”
ครั้งล่าสุดที่ทีมสืบสวนปรากฏตัวเป็นเพราะมีสปายแฝงตัวเข้ามาในเมืองมหาวิทยาลัย
ไอริน่าขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชา “ต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น มันเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย”
เธอสนใจแค่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
…
อีกด้านหนึ่ง
เถิงอวิ้นเมิ่งเครียดมาก “จื่อจิน พวกเขาจะทำอะไรน่ะ”
“ใจเย็นๆ” อิ๋งจื่อจินจับบ่าของเถิงอวิ้นเมิ่งพลางพูด “สอบสวนเสร็จพวกเขาก็กลับ”
หัวหน้าทีมสืบสวนเดินขึ้นหน้าในเวลานี้ กวาดตามองด้วยสายตาเย็นชา
“นักเรียนหกคนที่เมื่อวานเข้าไปในโซนใจกลาง ออกมาให้หมด”
พอคำพูดนี้ออกมา ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดต่างก็ตะลึง
จากนั้นทุกสายตาก็มองตรงไปที่อิ๋งจื่อจิน
“ไอริน่า ฉันว่างานเข้าพวกเขาแล้ว” นักเรียนหญิงสะใจ
“ได้เข้าโซนใจกลางแล้วไงล่ะ แม้แต่ทีมสืบสวนยังต้องออกโรง ไว้ถึงเวลาพวกเขาต้องถูกตัดสิทธิ์โควตารอบชิงชนะเลิศของไอเอสซีแน่”
ไอริน่าเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ไม่พูด แต่ก็ให้ความสนใจ
นักเรียนห้าคนรวมถึงเถิงอวิ้นเมิ่งต่างอดกระวนกระวายไม่ได้
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินเรียบเฉย ไม่ทุกข์ร้อนตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ น้ำเสียงราบเรียบ
“พวกเราเองค่ะ มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“เมื่อวานเย็นส่วนทดลองของโซนใจกลางมีข้อมูลของห้องทดลองรั่วไหลออกไป” หัวหน้าทีมสืบสวนเข้าประเด็นทันที
“อีกทั้งพวกเธอยังใช้คอมพิวเตอร์ในส่วนจัดแสดง น่าสงสัยมากพอควร จำเป็นต้องไปกับพวกเราหน่อย แล้วก็ต้องมอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกมาทั้งหมดด้วย”
“ใช้คอมพิวเตอร์เหรอ” เฟิงเย่ว์พูด
“พวกเราแค่ใช้คอมพิวเตอร์ล็อกอินเข้าเว็บบอร์ดเอ็นโอเค ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยนะ”
อิ๋งเย่ว์เซวียนที่ตามเผยเทียนอี้เข้ามาพอได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้น
“รุ่นพี่คะ เว็บบอร์ดเอ็นโอเคคืออะไรเหรอคะ”
เผยเทียนอี้พูดอ้อมๆ
“เย่ว์เซวียน เธอยังไม่มีคุณสมบัติจะได้รู้”
อิ๋งเย่ว์เซวียนยิ้มเจื่อน
เธอยังไม่มีคุณสมบัติงั้นเหรอ
งั้นใครมีล่ะ…
หัวหน้าทีมสืบสวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องนี้ใช่ว่าพวกเธอพูดแล้วจะจบ”
ทันใดนั้นได้มีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“ขอโทษนะครับ พวกคุณคือ…”
ผู้ช่วยที่มาจากห้องทดลองของเกอร์เวนเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็อดตกใจไม่ได้
หัวหน้าทีมสืบสวนไม่รู้ว่านี่คือผู้ช่วยของเกอร์เวน คิดว่าเป็นญาติของพวกนักเรียน ครั้นแล้วจึงอธิบายแค่เล็กน้อย
ผู้ช่วยแค่สงสัย
คนพวกนี้ไม่รู้เหรอว่าคุณอิ๋งเป็นนักวิจัยอย่างเป็นทางการของห้องทดลองศาสตราจารย์เกอร์เวน