ตอนที่ 404 อิ๋งจื่อจิน ‘ตระกูลลอเรนท์พอไหม’
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะศาสตราจารย์หลี่” เมิ่งหรูพูด “ศาสตราจารย์โทรมาคุยเรื่องเสี่ยวเซวียนเหรอคะ ฉันฟังอยู่ค่ะ”
ท่าทีของหลี่เหยียนไม่สุภาพเหมือนเมื่อก่อนแล้ว น้ำเสียงเย็นชา “ขอโทษด้วยครับคุณนายหยวน ผมโทรมาเพื่อบอกว่า ห้องทดลองของเราคนเต็มแล้ว ไม่ต้องการอิ๋งเย่ว์เซวียนแล้วครับ”
เมิ่งหรูอึ้ง
ยังไม่ทันที่เธอจะได้สติถามอะไรออกไป อีกฝ่ายก็ตัดสายไปแล้ว
เหลือเพียงเสียง ตู๊ดๆๆ อย่างเย็นชา
เนื่องจากเปิดลำโพงไว้ พ่อหยวนก็ได้ยินชัดเจน
เขาขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”
ทั้งๆ ที่เมื่อสองเดือนก่อนเมิ่งหรูยังพูดกับเขาอยู่ว่า อิ๋งเย่ว์เซวียนได้เป็นตัวเลือกสำรองของห้องทดลองศาสตราจารย์หลี่แล้ว
ถึงแม้ตัวเลือกสำรองจะยังไม่สามารถอยู่ในรายชื่อของห้องทดลองได้ แต่ก็สามารถเข้าร่วมการทดลองได้แล้ว
นี่เพิ่งจะผ่านมานานเท่าไรเรื่องก็เปลี่ยนแล้ว
เมิ่งหรูก็รู้สึกแปลกใจ “ฉันจะลองถามดูค่ะ”
เธอกดโทรกลับไปอีกครั้ง
ศาสตราจารย์หลี่ก็รับ แต่ท่าทียังคงเย็นชา “ขอโทษด้วยครับ บอกไม่ได้”
ถูกตัดสายอีกครั้ง
เมิ่งหรูอึ้งไปสักพัก “เสี่ยวเซวียนอยู่ยุโรป ไม่ได้ทำเรื่องอะไร หรือว่าปัญหาอยู่ที่โปรเจ็กต์ทดลองคะ”
“ไม่แน่หรอก” พ่อหยวนคิดเยอะมาก “ไม่แน่อาจเพราะเด็กคนนั้นก่อเรื่องอะไรเข้า ยังดีที่แค่หมั้นไว้ และก็ไม่ได้ประกาศในแวดวงไฮโซของตี้ตู ผมว่ารีบถอนหมั้นให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”
“ฉันจะลองถามคนอื่นดูอีกทีค่ะ” เมิ่งหรูขมวดคิ้ว “คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งนอนเป็นผักไปแล้ว ไม่ว่ายังไงฉันก็ติดค้างน้ำใจเธอ ยังไม่อยากด่วนตัดสินใจในขณะที่ยังไม่ทราบสถานการณ์แน่ชัด”
“อีกอย่าง โปรเจ็กต์นั้นของตระกูลเนี่ยก็จะเริ่มประกวดราคาในเดือนหน้าแล้ว เราจะขาดเสี่ยวเซวียนไม่ได้”
พ่อหยวนไม่พูดอะไรอีก “งั้นก็ลองถามดู ถ้าเกิดเรื่องก็รีบถอยออกมา”
ในสายตาของเขาชื่อเสียงสำคัญกว่าอิ๋งเย่ว์เซวียน
เมิ่งหรูพยักหน้า เริ่มหาเบอร์โทรศัพท์
…
ทางด้านมหาวิทยาลัยตี้ตู
หลี่เหยียนวางสายเสร็จก็ยังคงโมโหไม่หาย “ถ้าไม่ได้ผู้อาวุโสเซวียบอก ผมคงไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
อิ๋งเย่ว์เซวียนขโมยข้อมูลการทดลอง เรื่องแบบนี้เกี่ยวพันถึงความลับภายใน ทางศูนย์วิจัยของยุโรปไม่มีทางพูดออกไป
หากพูดออกไปกลับจะทำให้พวกอิทธิพลมืดเริ่มเกิดความคิดเสียด้วยซ้ำ
ถ้าฟู่อวิ๋นเซินไม่โทรมา ทางด้านมหาวิทยาลัยตี้ตูก็ไม่มีทางรู้
“ไม่เป็นไร โทษนายไม่ได้หรอก” เซวียกั๋วหวาส่ายมือ “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ฉันเองก็นึกไม่ถึง”
“ผู้อาวุโสเซวียครับ ต้องบอกเรื่องนี้ให้ฝ่ายรับนักศึกษารู้ด้วย” หลี่เหยียนหน้าเครียด “นักเรียนแบบนี้ห้ามรับเข้ามาเด็ดขาด”
คณะกรรมการไอเอสซีตัดสิทธิ์อิ๋งเย่ว์เซวียนได้ แต่ตัดสิทธิ์การสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้
ไม่มีเหตุผลที่จะขัดขวางอิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ให้สอบเข้ามหาวิทยาลัย ทำได้เพียงไม่รับเข้ามาเรียน
เซวียกั๋วหวาพูด “วางใจได้ ฉันรู้ว่าต้องทำอะไร ฉันบอกมหาวิทยาลัยอื่นไปแล้ว ชื่ออิ๋งเย่ว์เซวียนขึ้นบัญชีดำในมหาวิทยาลัยชั้นนำหมดแล้ว”
หลี่เหยียนฟังจบถึงวางใจ “งั้นก็ดีครับ ทางยุโรปก็คงเหมือนกัน”
ต่อให้อิ๋งเย่ว์เซวียนทำคะแนนได้ดีในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต่อให้ได้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศก็หมดวาสนากับมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าระดับโลกแล้ว
“น่าเสียดายนะครับ” หลี่เหยียนส่ายหน้า “มีความสามารถแต่นิสัยแย่มาก”
ไม่มีห้องทดลองไหนกล้าใช้คนอย่างอิ๋งเย่ว์เซวียนที่ขโมยข้อมูลการทดลอง
เซวียกั๋วหวาดันแว่นตา “เลิกคิดเรื่องพวกนี้เถอะ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยใกล้เริ่มแล้ว พวกเราต้องเริ่มเปิดศึกแย่งเด็กรอบใหม่แล้ว”
“ครับๆ” หลี่เหยียนก็นึกเรื่องสำคัญที่สุดนี้ขึ้นมาได้ “เกิดมหาวิทยาลัยนอร์ตันยื่นมือมาฉวยอีกล่ะครับ”
เซวียกั๋วหวาหน้ามืด “อย่าปากเสีย”
หลี่เหยียนไม่พูดแล้ว
เขารู้ว่าถ้ายังพูดต่อเดี๋ยวได้โดนเซวียกั๋วหวาอัดไม่ยั้ง
…
รอบตัดสินจะเริ่มแข่งในวันที่สิบห้าพฤษภาคม บ่ายวันที่สิบสี่จะมีการจับฉลาก
การจับฉลากนี้ไม่ได้เป็นการตัดสินลำดับลงแข่ง แต่เป็นการเลือกระหว่างแข่งเดี่ยวกับแข่งแบบทีม
เดิมทีรอบตัดสินของไอเอสซีจะมีทั้งหมดสองรอบ รอบแรกเป็นการแข่งเดี่ยว รอบสองแข่งทีม
การแข่งขันแบบทีมจะแข่งในปลายเดือนมิถุนายน
ต่อมาทางคณะกรรมการได้รวบการแข่งขันทั้งสองประเภทเป็นรอบเดียวกันเพื่อประหยัดเวลา
หากแข่งเดี่ยวก็จะแข่งทีมไม่ได้
ผลการแข่งขันขั้นสุดท้ายของแต่ละประเทศจะเอาคะแนนทั้งแบบเดี่ยวและแบบทีมมารวมกัน
ช่วงสองวันนี้อิ๋งจื่อจินว่างๆ ก็จะไปห้องทดลองของเกอร์เวน วิจัยกลศาสตร์ควอนตัมด้วยกัน
ก่อนหน้านี้เกอร์เวนเสนอโปรเจ็กต์ยานอวกาศขึ้นไปแล้ว รอแค่เบื้องบนอนุมัติงบลงมา
ยานอวกาศข้ามจักรวาลไม่ใช่โปรเจ็กต์เล็กๆ ต้องใช้เงินสนับสนุนอย่างมหาศาล
บ่ายวันนี้ เมื่ออิ๋งจื่อจินเพิ่งมาถึงห้องทดลองก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังมาจากในห้องทำงาน
เธอไม่ได้เข้าไป แค่ยืนฟัง
ประตูเปิดอยู่ เธอเห็นได้ว่าคนที่ทะเลาะคือผู้ช่วยของเกอร์เวนกับชายวัยกลางคน
สีหน้าของผู้ช่วยแดงก่ำ ดูโมโหมาก “ต่อให้ไม่อนุมัติโปรเจ็กต์นี้ก็ไม่จำเป็นต้องถอนเงินทุนทั้งหมดหรือเปล่า”
ถ้าเรียกเงินคืนทั้งหมดจะเปิดห้องทดลองต่อได้อย่างไร
ยังถือว่าเกอร์เวนใจเย็น “นี่เป็นความต้องการของทางตระกูลใหญ่เหรอ”
“ขอโทษด้วยครับศาสตราจารย์” ชายวัยกลางคนส่ายหน้า “โปรเจ็กต์นี้ของคุณมันเลื่อนลอยเกินไป นายใหญ่สนับสนุนคุณมาหลายปีก็ยังไม่เห็นมีความคืบหน้าสักนิด”
“เริ่มมีคนในตระกูลไม่พอใจนายใหญ่แล้ว ทางห้องทดลองของมานูเอลก็เริ่มวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่แล้วด้วย นายใหญ่สงสัยในความสามารถของศาสตราจารย์ถึงได้ถอนเงินทุนออกครับ”
ชายวัยกลางคนก็รู้สึกว่าโปรเจ็กต์ทดลองที่เกอร์เวนเสนอขึ้นไปครั้งนี้มันน่าตลกสิ้นดี
การข้ามอวกาศ ข้ามหลายร้อยล้านปีแสงเพื่อไปจักรวาลอื่นงั้นเหรอ
ล้อเล่นอะไรน่ะ
เรื่องแบบนี้แม้แต่พวกบอสที่อยู่ในเว็บบอร์ดเอ็นโอเคยังไม่กล้าพูด
“มันไม่เหมือนกัน” ผู้ช่วยโมโหยิ่งกว่าเดิม “ยานอวกาศข้ามจักรวาลต้องใช้เวลาวิจัยเยอะกว่า พอวิจัยออกมาได้ก็จะสามารถสำรวจจักรวาล”
ชายวัยกลางคนยังคงมีท่าทีแบบนั้น “ขอโทษด้วยครับ นายใหญ่รอไม่ไหว ถ้าศาสตราจารย์มีเส้นสายก็ลองติดต่อตระกูลอื่นดูนะครับ ตระกูลแพชช์ไม่สนับสนุนแล้ว”
พูดจบเขาก็โค้งตัวให้เกอร์เวนหนึ่งทีแล้วออกจากห้องทำงาน
อิ๋งจื่อจินมองชายวัยกลางคนแล้วเดินเข้าไป “เขาเป็นใครเหรอคะ”
“คนดูแลของตระกูลแพชช์ครับ” ผู้ช่วยเม้มริมฝีปาก พูดเสียงเบา “เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดของห้องทดลอง ตอนนี้พวกเขาจะถอนเงินทุนทั้งหมดออก เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าศาสตราจารย์จะวิจัยยานอวกาศข้ามจักรวาลได้ครับ”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลงเล็กน้อย “ตระกูลแพชช์เหรอคะ”
“อาจารย์อิ๋งอาจไม่ทราบ ตระกูลแพชช์เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลมหาเศรษฐีของยุโรป” ผู้ช่วยอธิบาย “มีอิทธิพลกว้างขวางมาก ห้องทดลองของทางนี้ได้พวกเขาสนับสนุนมาตลอดครับ”
สายตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชาลง “เข้าใจแล้วค่ะ”
ตระกูลแพชช์เป็นตระกูลเก่าแก่มากเช่นกัน มีประวัติศาสตร์ยาวนานเหมือนตระกูลลอเรนท์ อีกทั้งยังทำกิจการธนาคารเหมือนกันอีกด้วย
ผ่านมาหลายร้อยปีเธอก็ยังคงจดจำตระกูลแพชช์ได้แม่น
เพราะตระกูลแพชช์ส่งคนไปลอบสังหารผู้นำตระกูลลอเรนท์ทุกรุ่นไม่ใช่แค่ครั้งเดียว อยากแทนที่ตระกูลลอเรนท์เป็นผู้ปกครองแห่งฟลอเรนซ์
เดิมทีตระกูลแพชช์ถูกตระกูลลอเรนท์สู้จนล่าถอยไปแล้ว เพียงแต่จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่ตอนซีซาร์ ลอเรนท์ตาย ตระกูลแพชช์ถึงกลับมาอีกครั้ง
ตอนนี้กลายเป็นผู้นำของสี่ตระกูลมหาเศรษฐีในยุโรปไปแล้ว
ผู้ช่วยยังคงโมโหไม่หาย “ศาสตราจารย์ครับ พวกเขาไม่ได้เข้าใจอะไรเลย”
เดิมทีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็เป็นโปรเจ็กต์ระยะยาวอยู่แล้ว วิจัยออกมาในเวลาอันสั้นไม่ได้
ไม่อย่างนั้นไม่มีทางมีโจทย์ยากที่แก้ไม่ได้มาหลายศตวรรษหลงเหลืออยู่มากมาย
เกอร์เวนกลับยังคงมองโลกในแง่ดี เขาพูดอย่างใจเย็น “ผมติดต่อวีนัสกรุ๊ปแล้ว พวกเขาบอกว่าจะลงทุนให้พวกเรา แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็ไม่มีความคืบหน้าที่เป็นรูปเป็นร่างจริงๆ ตระกูลแพชช์ทำแบบนี้ก็เรื่องปกติแหละนะ”
ผู้ช่วยถอนหายใจ “มันไม่เหมือนกันครับศาสตราจารย์”
เหมือนโลกจอมยุทธ์ ระหว่างตระกูลมหาเศรษฐีของยุโรปก็แก่งแย่งชิงดีกันอย่างไม่ขาดสาย แต่ต่อหน้าโลกภายนอกกลับสามัคคีกันเหมือนพี่น้อง
วีนัสกรุ๊ปเป็นเครือบริษัทอันดับหนึ่งของโลก ครอบครองเงินทุนมหาศาล แต่ไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวการแก่งแย่งชิงดีของพวกมหาเศรษฐีในยุโรป
วีนัสกรุ๊ปร่ำรวยยิ่งกว่ามหาเศรษฐีคนไหน แต่อย่างไรเสียก็เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน ไม่ได้มีรากฐานมั่นคงเหมือนอย่างตระกูลแพชช์
มีเงินทุนจากวีนัสกรุ๊ปยังไม่พอ พวกเขาจำเป็นต้องมีการสนับสนุนจากตระกูลใหญ่ในยุโรปด้วย
แต่ในบรรดาสี่ตระกูลมหาเศรษฐี ตระกูลแพชช์แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
ต่อให้เป็นตระกูลเบวินของคุณหนูใหญ่ริต้าที่เป็นนักแม่นปืน ช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็ถูกตระกูลแพชช์เหยียบหัวอยู่เพราะสุขภาพของนายใหญ่ไม่ค่อยดี
ตระกูลแพชช์ถอนเงินทุนไปแบบนี้ ตระกูลอื่นเกรงกลัวตระกูลแพชช์ก็ไม่มีทางมาลงทุนให้
ดังนั้นคำพูดของคนดูแลก่อนหน้านี้ก็คือการเย้ยหยัน
ส่วนตระกูลลอเรนท์ เนื่องจากแข็งแกร่งเกินไปจึงไม่ถูกจัดอยู่ในสี่ตระกูลมหาเศรษฐีด้วย
“ไม่เป็นไร ค่อยเป็นค่อยไป” เกอร์เวนยังคงพูดติดตลก “ต่อให้ห้องทดลองเปิดต่อไปไม่ได้จริงๆ ก็ไม่มีทางไม่จ่ายเงินเดือนคุณ”
ผู้ช่วยรู้สึกแย่ “ศาสตราจารย์…”
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง
ผ่านไปสักพักเธอก็พูดขึ้น “ถ้าตระกูลลอเรนท์ลงทุนจะพอไหมคะ”