ตอนที่ 406 นักปรุงยาพิษ เทพอิ๋งเทียบกับไอริน่าได้เหรอ
“ได้ครับ” จ็อบไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายเท่าไร เขาโค้งตัว “ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ นายท่านวางใจได้”
ซีซาร์นั่งพิงเตียงอย่างขี้เกียจ ทว่าสายตากลับเฉียบคมดุจคมมีด “เรื่องของตระกูลก็ไม่ต้องให้ฉันพูดอะไรมากแล้ว บอกพวกสมาชิกที่ทำตัวเอาใหญ่ให้ทำตัวดีๆ หน่อย”
เขาไม่ออกไปไหนไม่ได้หมายความว่าตระกูลลอเรนท์จะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
จ็อบพยักหน้าอีกครั้ง ทำความเคารพเสร็จก็ออกไปจากห้อง
ซีซาร์จับผมทองของตัวเองที่สว่างเจิดจ้าเหมือนทองคำ
จุดเดียวของเขาที่เหมือนกับนอร์ตันก็คงเป็นความเล่นใหญ่
แต่นอร์ตันบ้ายิ่งกว่าเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางเอาชื่อตัวเองไปตั้งเป็นชื่อมหาวิทยาลัย แถมยังต้องขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลก
น่าอายเกินไป เขาทำไม่ได้
ซีซาร์ทำเสียงจึ๊ “ลืมไปเรื่อง”
เขาน่าจะให้บอสช่วยดูดวงเรื่องความรักให้หน่อย
…
ณ เมืองมหาวิทยาลัยในยุโรป
หลังจากจัดการเรื่องเงินทุนของห้องทดลองเสร็จ อิ๋งจื่อจินก็ลงไปข้างล่าง
พรุ่งนี้จะมีการจับฉลากรอบชิงชนะเลิศแล้ว บรรดาผู้เข้าแข่งขันต่างพากันเป็นกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถ้าจับได้แบบทีมยังพอไหว อย่างน้อยก็ช่วยกันได้ ชดเชยจุดด้อยของกันและกัน
จับได้แข่งเดี่ยว ถ้าคนใจร้อนตอบอะไรไม่ได้ การถ่ายทอดสดไปทั่วโลกก็เหมือนถูกลงโทษอย่างเปิดเผย
แม้แต่ผู้เข้าแข่งขันของโรงเรียนเอลานกับสิบอันดับแรกที่คัดเลือกจากทางออนไลน์ก็ไม่มีข้อยกเว้น
แน่นอนว่ายกเว้นไอริน่า
เธอกลับไม่อยากแข่งแบบทีมด้วยซ้ำ
ไอริน่าก็พูดออกไปแล้วว่า ไม่อยากให้ใครมาเป็นตัวถ่วงเธอ
อิ๋งจื่อจินไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องพวกนี้ เถิงอวิ้นเมิ่งเป็นคนเล่าให้เธอฟัง
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในห้องรับแขกชั้นหนึ่ง
เถิงอวิ้นเมิ่งถาม “จื่อจิน เธออยากแข่งเดี่ยวหรือแข่งทีมเหรอ”
“ยังไงก็ได้” อิ๋งจื่อจินฉีกซองใส่น้ำตาลแล้วเทลงถ้วยกาแฟ “เหมือนกัน”
“ใช่ไหมล่ะ” เฟิงเย่ว์เดินเข้ามาในเวลานี้ มือข้างหนึ่งของเขาถือเครื่องราง ถามขึ้นลอยๆ “ไม่ว่าเทพอิ๋งจะแข่งแบบเดี่ยวหรือแบบทีมก็กวาดเรียบได้ทุกสนามนั่นแหละ”
พอได้ยินแบบนี้เถิงอวิ้นเมิ่งก็ตกใจ “เฟิงเย่ว์ นายอย่าพูดแบบนี้ แฟนคลับไอริน่ามีเยอะมาก เดี๋ยวจื่อจินก็งานงอกหรอก”
เฟิงเย่ว์เกาหัว “ฉันจะจำไว้”
พูดจบเขาก็เตรียมขึ้นชั้นบน
อิ๋งจื่อจินจ้องเครื่องรางในมือเฟิงเย่ว์ ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “เฟิงเย่ว์”
“หือ?” เฟิงเย่ว์หยุดทันที สีหน้าเคร่งขรึม “เทพอิ๋ง มีเรื่องอะไรเชิญสั่งมาได้เลย จะบุกน้ำลุยไฟไม่มีปฏิเสธ”
ถ้าไม่ใช่เพราะหลายวันก่อนหน้านี้อิ๋งจื่อจินทำให้พวกเด็กโรงเรียนเอลานหน้าแตกที่หน้าทางเข้าศูนย์วิจัย ไม่รู้พวกเขาจะถูกหยามศักดิ์ศรีไปอีกนานแค่ไหน
อิ๋งจื่อจินชี้เครื่องรางแล้วพยักหน้า “ขอฉันดูของที่อยู่ในมือนายหน่อย”
“นี่เหรอ” เฟิงเย่ว์อึ้ง ชูเครื่องรางขึ้นมา “นี่เป็นเครื่องราง ฉันเพิ่งซื้อมาจากย่านธุรกิจเมื่อกี้ มีหลายคนกำลังซื้ออยู่”
เขาแสดงความกระตือรือร้น “เทพอิ๋งอยากได้ไหม ถ้าอยากได้เดี๋ยวออกไปซื้อให้ตอนนี้เลย”
“ฉันรู้” อิ๋งจื่อจินรับมา “ไม่ต้อง ฉันก็แค่อยากดูหน่อย”
เธอเคยได้ยินเรื่องเครื่องรางอยู่แล้ว
แนวคิดเรื่องเครื่องรางมาจากสมัยราชวงศ์ถัง ความหมายคือสิ่งที่เอาไว้คุ้มกัน ต่อมาก็แพร่ไปสู่ประเทศอื่น
เพียงแต่ก็เหมือนกับไพ่ทาโรต์ เครื่องรางส่วนใหญ่ที่ขายตามท้องตลาดไม่มีประโยชน์
ไม่เชิงว่าเป็นของปลอม ก็แค่ไม่ได้มีประสิทธิภาพช่วยคุ้มกันอะไรได้ ซื้อมาก็แค่เพื่อเป็นที่พึ่งทางจิตใจ
ยังสู้หยกชั้นดีบางชิ้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ผ่านวิวัฒนาการพันปี เครื่องรางสมัยปัจจุบันก็มีหลากหลายประเภท เป็นต้นว่าช่วยเรื่องการงาน ช่วยเรื่องการเงิน
เครื่องรางที่เฟิงเย่ว์ซื้อมาชิ้นนี้เป็นเครื่องรางที่ช่วยเรื่องความรัก
อิ๋งจื่อจินเพ่งเครื่องรางชิ้นนี้ แววตาเริ่มขรึมลง
ตามคาด เธอได้กลิ่นไม่ผิด เครื่องรางชิ้นนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
กลิ่นหอมแบบนี้มาจากสมุนไพรมีพิษชนิดหนึ่งที่ชื่อ หญ้าซีหลิง
ไม่เชิงว่าหญ้าซีหลิงเป็นสมุนไพรหายาก ขอแค่มีเมล็ดพันธุ์ก็สามารถปลูกได้ในวงกว้าง ดังนั้นความเป็นพิษจึงไม่ได้สูงมาก
แต่เมล็ดพันธุ์หญ้าซีหลิงไม่ได้มีขายตามท้องตลาด ถ้าไม่มีช่องทางก็หาซื้อไม่ได้
และที่สำคัญที่สุดคือ คนที่รู้ว่าจะใช้หญ้าซีหลิงอย่างไรมีแค่นักปรุงยาพิษเท่านั้น
กลิ่นหอมที่อยู่บนเครื่องรางชิ้นนี้ไม่รุนแรง แต่คงอยู่ยาวนาน
ช่วงแรกกลิ่นนี้จะไม่ส่งผลใดๆ
ถ้าเฟิงเย่ว์พกไว้สิบวัน การมองเห็นของเขาก็จะได้รับความเสียหาย
นานวันเข้าก็จะส่งผลต่ออวัยวะอื่นในระดับที่แตกต่างกัน
คนทั่วไปสูดดมกลิ่นของหญ้าซีหลิงจะรู้สึกว่าไม่แตกต่างจากดอกกุ้ยฮวา
อิ๋งจื่อจินจมูกไวเป็นพิเศษก็เพราะเธออยู่ในวงการนักปรุงยาพิษ
หากมีประสาทสัมผัสการสูดดมที่แย่เพียงนิดเดียวก็จะเข้าวงการนักปรุงยาพิษไม่ได้
ผ่านไปสักพักเธอก็เงยหน้าขึ้น “นายบอกว่าร้านที่ขายเครื่องรางนี้อยู่ในย่านธุรกิจเหรอ”
“อยู่ในตลาดนัดทางด้านตะวันออก” เฟิงเย่ว์ตอบ “คนซื้อเยอะมาก ฉันไปแย่งมาได้ พวกเราใกล้เรียนจบแล้วใช่ไหมล่ะ ฉันเลยคิดว่าอยากให้เครื่องรางนี้ช่วยให้ฉันเลิกโสดตอนเข้ามหาวิทยาลัย”
“ฉันขอแลกกับของนาย” อิ๋งจื่อจินล้วงถุงหอมขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อตัวเอง “อันนี้ให้นาย เอาของนายมาให้ฉัน”
เฟิงเย่ว์หยิบถุงหอมบนโต๊ะมา “เทพอิ๋งไปซื้อมาจากไหนเหรอ”
อิ๋งจื่อจินตอบโดยไม่เงยหน้า “ฉันทำเอง ไม่ประณีตเท่าไร แต่พอใช้ได้”
เธอเย็บปักถักร้อยไม่เป็น ถุงก็ซื้อแบบแพ็กใหญ่มาจากในเถาเป่า
ถุงหอมอันนี้ย่อมไม่มีคุณสมบัติช่วยเรื่องคุ้มกัน สิ่งที่อยู่ในนั้นก็เป็นแค่สมุนไพรที่เธอใส่เข้าไป
ช่วยให้อายุยืน สุขภาพแข็งแรง
“ว่าไงนะ เทพอิ๋งทำเองเหรอ” เฟิงเย่ว์ตะลึงมาก “ได้ๆๆ ขอบคุณเทพอิ๋ง ขอบคุณป๊ะป๋า”
เขาถือถุงหอมเดินขึ้นชั้นบนด้วยความดีใจ
เครื่องรางอะไรก็สู้ของที่เทพอิ๋งให้ไม่ได้
อิ๋งจื่อจินคุยกับเถิงอวิ้นเมิ่งสักพักก็ออกจากหอพัก
เธอเดินไปข้างนอก ใช้กำลังภายในทำลายเครื่องรางชิ้นนี้ให้แหลกละเอียดอย่างเงียบๆ จากนั้นก็โยนลงถังขยะ
เธอเช็ดมือแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความหาฟู่อวิ๋นเซิน
[มีนักปรุงยาพิษเข้ามาแล้ว อยู่ที่ตลาด]
ฟู่อวิ๋นเซินตอบกลับอย่างรวดเร็ว
[อวิ๋นซานไปตรวจดูที่ตลาดแล้ว เรื่องนี้เดี๋ยวพี่ชายจัดการเอง เธอลงแข่งให้สบายใจ ไม่ต้องสนใจ]
อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอไม่เห็นโพสต์ล่ารางวัลที่เกี่ยวกับเมืองมหาวิทยาลัยในเว็บบอร์ดเอ็นโอเค
มีอะไรกันแน่ ถึงควรค่าให้นักล่ามากมายขนาดนี้มาที่นี่ ทั้งยังอยากทำร้ายคนทางอ้อม
[ฉันจะไปหาคุณ ฉันถนัดเรื่องนี้มากกว่าหน่อย]
พอเห็นประโยคนี้ ฟู่อวิ๋นเซินที่อยู่ตรงทางเข้าตลาดนัดก็ยิ้มพลางตอบกลับ
[รออยู่นะว่าที่แฟนสาว]
ส่งข้อความเสร็จเขาก็หันหน้าไป “เสวี่ยเซิง เจออะไรไหม”
อวี้เสวี่ยเซิงลืมตา “มีนักสะกดจิต แต่อ่อนแอมาก”
“อืม” สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินเรียบเฉย “ทิศทางสี่นาฬิกา แปดนาฬิกา สิบเอ็ดนาฬิกา มีนักแม่นปืนสามคน ไม่รู้ว่าติดชาร์ตหรือเปล่า”
“น่าแปลกมาก” อวี้เสวี่ยเซิงพูด “หากว่ากันตามเหตุผล นักล่ามารวมตัวกันมากมายขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความเคลื่อนไหวบนเว็บบอร์ดเอ็นโอเค”
แต่กลับไม่มีเลย
“ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอิทธิพลอื่น” ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินหลุบลงเล็กน้อย “ไม่ว่ายังไงเอ็นโอเคก็เป็นแค่เว็บบอร์ด นักล่าไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเว็บบอร์ด”
เขากดปิดหน้าจอโทรศัพท์ “ไม่ว่าจุดประสงค์ของพวกเขาจะเป็นอะไรก็จับตัวมาก่อน”
เขาไม่มีทางปล่อยให้เมืองมหาวิทยาลัยเกิดเหตุอะไรขึ้นก่อนอิ๋งจื่อจินกลับประเทศจีน
…
เวลาเย็น
เฟิงเย่ว์กับเถิงอวิ้นเมิ่งกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหาร
เฟิงเย่ว์ดูเวลาแล้วถามขึ้น “เทพอิ๋งยังไม่กลับมาเหรอ”
“จื่อจินน่าจะออกไปเดินเที่ยวแล้ว” เถิงอวิ้นเมิ่งกินข้าว “เธอจะกลับมาก่อนประตูปิดแน่นอน”
ประตูจะปิดเวลาห้าทุ่มเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าแข่งขัน
“ฉันรอดูเทพอิ๋งแสดงอิทธิฤทธิ์” เฟิงเย่ว์พูดด้วยความตื่นเต้น “ไอริน่าอะไรนั่น ไหนจะอแมนด้า ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพอิ๋งทั้งนั้น”
“เลิกพูดเถอะ” เถิงอวิ้นเมิ่งส่ายหน้า “เดี๋ยวผู้เข้าแข่งขันพวกนั้นมาได้ยินเข้าจะมาหาเรื่องนาย”
“ฉันทนเห็นพวกเขามาว่าพวกเราไม่ได้” เฟิงเย่ว์พึมพำ “พวกเขาว่าได้ พวกเราว่าไม่ได้เหรอ พวกเขาพูดจาแย่กว่าอีก เธอไม่ได้ยิน พวกเขายังแอบด่าเทพอิ๋งลับหลังด้วยว่า รู้จักแต่พึ่งพาตระกูลใหญ่ สู้ไอริน่าไม่ได้เลยสักนิด”
คำพูดนี้น่าตลกสิ้นดี
ตระกูลไหนกันที่สามารถให้แอ๊กเคานท์ระดับเอมาได้เยอะขนาดนั้น
เฟิงเย่ว์เก็บจาน ทำเสียงฮึดฮัด “พวกองุ่นเปรี้ยวทั้งนั้น”
เขาออกจากโรงอาหาร เตรียมไปเดินเล่นที่ตลาดนัด
ตอนบ่ายเขามัวแต่ไปแย่งซื้อเครื่องรางเลยไม่ได้ซื้อพวกช็อกโกแลต
แต่ยังไม่ทันที่เฟิงเย่ว์จะไปถึงตลาดนัด ตอนที่เขาเดินผ่านซอยหนึ่งก็ถูกมือใหญ่มากระชากคอเสื้อลากเข้าไปในซอย
ท่าทางอันธพาลมาก
เฟิงเย่ว์สีหน้าเปลี่ยนทันที “ใคร!”
เขาหันขวับ อาศัยแสงสลัวมองไปก็เห็นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ร่างกายบึกบึน
บนแขนขวาของเด็กหนุ่มมีรอยสัก กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ
“ไอริน่าเก่งที่สุด ไม่มีใครเทียบเธอได้” เด็กหนุ่มไม่ปล่อยเขา แต่กลับกดเขาเข้าหากำแพงจ้องด้วยสายตาอาฆาต “อย่าให้ฉันได้ยินแกพูดถึงเทพอิ๋งหรืออันดับหนึ่งของชาร์ตรวมอะไรนั่นอีก เทียบกับไอริน่าได้เหรอ เข้าใจไหม”
เฟิงเย่ว์เป็นเด็กเนิร์ดของแท้ มีเล่นบาสเก็ตบอลบ้าง แต่ร่างกายก็สู้เด็กหนุ่มร่างกายบึกบึนคนนี้ไม่ได้
แต่เขารู้ว่านี่คือคนที่คลั่งไคล้ในตัวไอริน่า
ในโรงเรียนเอลานมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่แทบจะยกให้ไอริน่าเป็นเทพ คลั่งไคล้เป็นพิเศษ
“ยังจะมาจ้องหน้าอีก” เด็กหนุ่มกำหมัดหวดเข้าที่หน้าของเฟิงเย่ว์อย่างไม่ลังเล “ฉันไม่ใช่ผู้เข้าแข่งขัน ไม่กลัวถูกลงโทษ ฉันก็แค่ทนเห็นคนอื่นมาว่าไอริน่าแม้แต่น้อยไม่ได้”
พอถูกหมัดนี้ ปากของเฟิงเย่ว์ก็แตก แถมยังมึนศีรษะนิดหน่อย
“เป็นผู้ชายยังจะพกถุงหอม” ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็สังเกตเห็นถุงหอมที่อยู่บนตัวเฟิงเย่ว์ เขาแสยะยิ้ม “เพี้ยนจริงๆ”
เขายื่นมือออกไปกระตุกถุงหอมบนตัวเฟิงเย่ว์แล้วปาลงพื้น
ใช้เท้าบดขยี้อย่างใจเย็น