ตอนที่ 417 ประธานไอบีไอ บอสรวมตัวครบ
พอได้ยินแบบนี้หัวหน้าทีมกู้ภัยก็อึ้ง “คุณรู้ด้วยเหรอครับ”
ชุดป้องกันสารเคมีมีหลายระดับ ระดับดีต่ำที่สุด ระดับเอสสูงที่สุด
สำหรับคนภายนอก ระดับเอคือสูงที่สุดแล้ว
ถ้าไม่เคยคลุกคลีกับวงการนี้จะไม่มีทางรู้เลยว่ายังมีชุดป้องกันระดับเอสที่สูงกว่าระดับเอ
แม้แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเองก็ไม่รู้เรื่องนี้
คราวนี้หัวหน้าทีมกู้ภัยจำเป็นต้องให้ความสำคัญแล้ว เขาให้ลูกน้องเอาชุดป้องกันระดับเอสที่มีเพียงชุดเดียวออกมาแล้วยื่นให้เวินเฟิงเหมียน สีหน้าเจือไปด้วยความเคารพ “ไม่ทราบว่าคุณคือ”
เวินเฟิงเหมียนไม่ตอบ เขาใส่ชุดเสร็จแล้วถึงพูดขึ้นด้วยเสียงที่เบามาก
“คนไร้ค่าที่ไม่มีประโยชน์”
อิ๋งเทียนลี่ว์ยังคงอึ้งอยู่
เขารู้ว่าเวินเฟิงเหมียนใช้ชีวิตอยู่ที่อำเภอชิงสุ่ยมาตลอด
สถานที่อย่างอำเภอชิงสุ่ยเป็นเขตแร้นแค้นสำคัญของประเทศ
คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นส่วนใหญ่กินไม่อิ่มท้อง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเรียนหนังสือ
โครงการช่วยเหลือทางการศึกษาของตระกูลเจียงก็ช่วยเหลือนักเรียนได้ไม่น้อยเหมือนกัน
ดังนั้นพออิ๋งเทียนลี่ว์นึกถึงอิ๋งจื่อจินที่ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แบบนั้นมาสิบกว่าปี เขาถึงได้รู้สึกแย่มาก
ไม่ว่าจะเป็นอิ๋งเทียนลี่ว์หรือผู้เฒ่าจงต่างก็ซาบซึ้งในน้ำใจของเวินเฟิงเหมียน
ขนาดตัวเองก็ลุ่มๆ ดอนๆ ยังอุ้มอิ๋งจื่อจินกลับไปเลี้ยง
แต่พวกเขาก็คิดว่าเวินเฟิงเหมียนไม่น่าจะเรียนสูง แต่การศึกษาน้อยก็ไม่ได้หมายถึงการไม่รู้จักอบรมสั่งสอน
อิ๋งจื่อจินกับเวินทิงหลานต่างถูกอบรมมาดีมาก
ทว่าตอนนี้เวินเฟิงเหมียนกลับพูดชื่อควันพิษที่พวกเขาไม่มีใครรู้ออกมา ทั้งยังรู้ว่ามีชุดป้องกันระดับเอส
เขาเป็นใครกันแน่
เวินเฟิงเหมียนเดินเข้าไป
อิ๋งเทียนลี่ว์ถึงได้สติกลับมา รีบตามไป
“คุณลุงครับ คุณลุงสุขภาพไม่ดี ผมเข้าไปดีกว่าครับ”
“ไม่มีประโยชน์” เวินเฟิงเหมียนยังคงตอบอย่างใจเย็น น้ำเสียงสุขุม
“คุณไม่รู้จักควันพิษเดธ ในร่างกายผมมีภูมิคุ้มกัน ชุดป้องกันระดับเอสก็แค่การป้องกันขั้นพื้นฐาน ช้าเร็วก็ต้องถูกกัดกร่อน”
แต่มีแค่เวินเฟิงเหมียนเท่านั้นที่รู้ว่า ต่อให้เขามีภูมิคุ้มกัน เมื่ออยู่ในควันพิษเดธนานๆ ก็ต้องตายอยู่ดี
แต่ไม่ได้…คนที่ถูกฝังอยู่ในนั้นคือลูกสาวของเขา
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ปล่อยให้เธอเป็นอะไรไปไม่ได้
เวินเฟิงเหมียนสวมหน้ากากป้องกันแล้วเข้าไปอย่างไม่ลังเล
เดิมทีเขาควรตายตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน
เริ่มต้นมากับควันพิษเดธ จบสิ้นในควันพิษเดธ ก็คือวัฏจักรอย่างหนึ่ง
อิ๋งเทียนลี่ว์ยืนอึ้ง “คุณลุง…”
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยที่อยู่อีกด้านหนึ่งยื่นไอแพดมา
“หัวหน้าครับ เสิร์ชชื่อควันพิษเดธในคลังพิษสากลไม่พบครับ”
หัวหน้าทีมกู้ภัยขมวดคิ้ว หรือว่าเขาจะถูกหลอกแล้ว
“ควันพิษเดธเหรอ ผมรู้” ทันใดนั้นจั่วหลีก็พูดขึ้น เขากำมือแน่น พูดเสียงเบา
“เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งของประเทศจีนได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นในห้องทดลองทำให้เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี”
“ต่อมาจากการตรวจสอบพบว่าโซนใจกลางห้องทดลองยังมีควันพิษหลงเหลืออยู่”
“ควันพิษชนิดนี้เป็นอันตรายต่อมนุษย์มาก ต่อให้ไม่ตายในทันที แต่ก็จะทำลายอวัยวะภายในไปทีละนิดจนกระทั่งเสื่อมสภาพ”
“นักวิจัยทุกคนที่อยู่ในโซนใจกลางตายหมด ควันพิษชนิดนี้ก็ถูกบันทึกลงสมุด เนื่องจากสืบไม่พบองค์ประกอบที่ชัดเจนจึงมีเพียงแค่ชื่อว่า เดธ”
เดธก็คือความตาย
ควันพิษแห่งความตาย
ควันพิษที่ไม่มีใครหนีพ้นจากความตายได้
จั่วหลีเม้มริมฝีปาก กำมืออย่างไร้เรี่ยวแรง
“พวกคุณเสิร์ชไม่พบก็เป็นเรื่องปกติ มันถูกปิดกั้นไว้”
ภายในห้องทดลองชีววิทยาของมหาวิทยาลัยตี้ตูก็มีควันพิษเดธ ถูกเก็บไว้ในกระปุกขนาดเล็ก
ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้วก็ยังคงวิเคราะห์หาองค์ประกอบของควันพิษเดธอย่างละเอียดไม่ได้
มีนักวิจัยสงสัยว่ามีความเป็นไปได้สูงที่องค์ประกอบของควันพิษเดธจะมาจากนอกอวกาศ ถึงได้ไม่มีอยู่ในตารางธาตุ
จั่วหลีก็เพิ่งทราบเรื่องนี้หลังจากที่เลื่อนขั้นเป็นศาสตราจารย์ระดับหนึ่ง
นักวิจัยที่เข้าร่วมการทดลองในตอนนั้น ใครก็ตามที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างก็เก็บเงียบเรื่องนี้
นี่เป็นครั้งที่สองที่ควันพิษเดธปรากฏบนโลก
ตอนนี้จั่วหลีสิ้นหวังแล้ว
ระเบิดไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือควันพิษ
ต่อให้จั่วหลีไม่อยากยอมรับ แต่อิ๋งจื่อจินติดอยู่ใต้ซากที่ลึกมาก ความเป็นไปได้ที่จะรอดคือศูนย์
…
ภายในเมืองมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยควันสีขาว บดบังทัศนวิสัยในการมองเห็น
ศูนย์กลางการคมนาคมที่ครึกครื้น ตอนนี้กลายเป็นเมืองร้าง
ไม่…ยังมีคนกลุ่มหนึ่ง
พวกเขาสวมชุดป้องกัน สีหน้าเคร่งเครียด เดินอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง
ควันพิษเหล่านี้กัดกร่อนชุดป้องกันของพวกเขาไม่ได้
ตรงแขนเสื้อของพวกเขามีสัญลักษณ์รูปหัวกะโหลกสีดำที่ชัดเจน
ดูแล้วน่ากลัวไม่น้อย…
“ระเบิดที่อาจารย์นักมายากลทำขึ้นมาด้วยตัวเองไม่ใช่เทคโนโลยีขั้นสูงอะไร” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “ไม่ว่าจะเครื่องตรวจจับหรืออะไรก็ไม่มีทางตรวจพบ”
พวกระเบิดที่ถูกตรวจพบได้ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงล้วนเป็นตัวสับหลอก
แน่นอนว่าถ้าตรวจไม่พบจะดีกว่า พอถึงเวลาระเบิดก็จะเละเทะไปทั้งเมืองมหาวิทยาลัย
ถูกกู้ได้ก็ไม่เป็นไร
พวกเขาจ้างนักล่ามามากมายขนาดนั้นก็เพื่อหลอกล่อสายตาของอีกฝ่าย
ระเบิดที่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริงคือระเบิดที่เอามาจาก ‘นักมายากล’
นี่คือสสารเล่นแร่แปรธาตุชนิดหนึ่ง
เพียงแต่น่าเสียดายที่ระเบิดแบบนี้มีน้อยมาก พวกเขามีแค่ไม่กี่ลูก
“แต่ก็ยังมีคนหนีรอดไปได้เยอะมาก” อีกคนหนึ่งพูดขึ้น “ทีมกู้ภัยมาเร็วเกินไป คนที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้ถูกช่วยไปหมดแล้ว ต้องลงมือต่อไหมแบบนี้”
“ไม่ต้อง ยังไงซะพวกเขาก็สูดดมควันพิษนั่นเข้าไป ต่อไปร่างกายต้องมีปัญหาแน่นอน อีกทั้งไอบีไอก็จะมาแล้วด้วย” ชายหนุ่มเงียบไปเล็กน้อย เขาส่ายหน้า “ที่เหลือยกให้เป็นหน้าที่พวกนักล่า ตายได้เท่าไหนก็เท่านั้น”
“ต้องขอบคุณมหาวิทยาลัยพวกนั้นที่รวบรวมอัจฉริยะมาให้พวกเราเยอะขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นแผนคงไม่ราบรื่นได้เท่านี้”
คนพวกนี้เดินวนอยู่รอบซากปรักหักพังนานมาก ในมือมีเครื่องตรวจจับ
บนหน้าจอเครื่องตรวจจับไม่มีเส้นคลื่นปรากฏ
นี่ก็แสดงว่าไม่มีคนรอดชีวิตอยู่ในนั้น
“ไม่มีร่องรอยคนรอดชีวิต” ชายหนุ่มแสยะยิ้ม “เอาล่ะ จบงานได้แล้วกลับเมือง”
…
ท่ามกลางความมืดมิด
อากาศแห้ง
กลิ่นดินผสมกลิ่นคาวเลือดโชยมาเตะจมูก
อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ลืมตาขึ้น ศีรษะของเธอพิงอยู่บนบ่าของฟู่อวิ๋นเซิน พูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ปล่อยฉันลง เป็นแบบนี้ต่อไปคุณจะหมดแรงได้”
เธอใช้กำลังภายในจนหมด ส่งจั่วหลี เถิงอวิ้นเมิ่ง และพวกเฟิงเย่ว์ออกไปด้วยความเร็วสูงสุด
จากนั้นแรงระเบิดที่รุนแรงยิ่งกว่าก็ดันมาจากใต้พื้นที่ลึกมาก
ด้วยเหตุนี้เธอจึงถูกฝังอยู่ในจุดที่ลึกที่สุด
จอมยุทธก็แค่พัฒนาให้ถึงขีดจำกัดร่างกายมนุษย์
จอมยุทธเก่งๆ สามารถป้องกันได้แม้แต่กระสุน แต่ถ้าถูกระเบิดนิวเคลียร์เข้าไปก็ตายได้เหมือนกัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าช่วงเวลาที่เธอกลับมาฝึกจอมยุทธอีกครั้งก็แค่ปีกว่า
ถึงแม้ประสบการณ์ของเธอยังอยู่ แต่วิทยายุทธ์ยังไม่พอ
น้ำเสียงของฟู่อวิ๋นเซินแหบแห้ง ลมหายใจเริ่มถี่เร็วขึ้นเพราะกำลังที่ถดถอย
ทว่าไม่เพียงแต่เขาจะไม่ปล่อยเธอ กลับกอดเธอแน่นขึ้น
มืออีกข้างหนึ่งดันเศษก้อนหินที่อยู่ข้างหน้าออก พาเธอเดินต่อ
แม้ฝ่ามือจะมีเลือดไหลอยู่ก็ตาม
แต่เขาแค่ยิ้ม พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่มีพลัง
“คนที่พี่ชายอุ้มอยู่คือเธอ พี่ชายจะปล่อยได้ยังไง”
ขนตาของอิ๋งจื่อจินสั่นไหว
เธอค่อยๆ ยื่นมือออกไปวางบนมือเขาที่อุ้มเธออยู่
ค่อยๆ เอานิ้วประสานกับมือของเขา
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ราวกับมีเพียงการได้สัมผัสกับอะไรเท่านั้นถึงจะรู้สึกได้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่
“เยาเยา ไม่ต้องพูดแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินหายใจหอบเล็กน้อย
“ปกป้องชีพจรหัวใจไว้ อย่าให้ควันพิษเข้าร่างกาย”
ขอเพียงแต่ไม่เข้าสู่ชีพจรหัวใจ ควันพิษเหล่านี้ก็จะสามารถถูกขับออกมาได้
นี่เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับการรักษาแผนปัจจุบัน แต่ไม่ใช่กับแผนโบราณ
แต่ถ้าควันพิษแล่นเข้าสู่หัวใจ วิชาแพทย์แผนโบราณรักษาได้ก็จริง แต่ก็จะยังมีอาการหลงเหลืออยู่
เมื่อครู่ฟู่อวิ๋นเซินสังเกตได้ว่าด้านบนซากปรักหักพังมีคนอยู่ และก็ได้ยินพวกเขาคุยกัน
รู้ว่าเป็นฝ่ายศัตรู!
เขาจึงใช้กำลังภายในผนึกลมหายใจกับการเต้นของหัวใจของเขากับเธอ เพื่อเลี่ยงเครื่องตรวจจับ
ตอนนี้คนพวกนี้ไปแล้ว แต่ก็ไม่ถือว่าปลอดภัยอย่างแท้จริง
สายตาของฟู่อวิ๋นเซินฉายแววหนักใจ
อิ๋งจื่อจินใช้กำลังภายในที่เหลืออยู่ปกป้องชีพจรหัวใจพลางกุมมือเขาแน่นยิ่งขึ้น
“ถ้าออกไปได้จะเลื่อนตำแหน่งให้เร็วขึ้น”
ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “ได้ พี่ชายจำไว้แล้วนะ”
…
ผ่านไปอีกสิบนาที คนที่รออยู่นอกเมืองต่างร้อนใจกันมาก
ภายใต้การจัดการของผู้ว่าการเมืองมหาวิทยาลัย ผู้บาดเจ็บและญาติได้ถูกส่งไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด
นักเรียนของประเทศจีนก็มีที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ต่างยืนยันจะไม่ไปไหน
เฟิงเย่ว์ทึ้งหัว สงบสติอารมณ์ไม่ได้ พูดด้วยเสียงสะอื้น
“ฉันไม่ดีเอง ถ้าเทพอิ๋งไม่ได้ทำเพื่อช่วยฉันเธอต้องออกมาได้แน่นอน”
เถิงอวิ้นเมิ่งไม่พูดอะไร ยังคงเหม่อลอย
เวลานี้มีเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังมาจากด้านบน สร้างความตื่นตกใจให้กับทุกคน
จั่วหลีเงยหน้ามองไป เขาพูดด้วยความดีใจ
“ไอบีไอ! ไอบีไอมาแล้ว!”
เฮลิคอปเตอร์ลำที่อยู่หน้าสุดหยุดลง ปล่อยบันไดลงมาพร้อมกับมีผู้ชายคนหนึ่งกระโดดลง
ประธานไอบีไอ ลิซิเนียส!