ตอนที่ 420 ฟู่อวิ๋นเซิน ‘ให้แฟนไปเลยสองแสนล้าน’
“เธอเรียนเก่งมากจริงๆ” จิ่งหงเจินพยักหน้า “ดังนั้นเป้าหมายนี้ไม่ได้ยากสำหรับเธอ”
สี่ตระกูลเศรษฐีแห่งฮู่เฉิงสร้างตระกูลด้วยธุรกิจทั้งนั้น ไม่ถือเป็นตระกูลสายวิชาการ ยังไม่เคยมีอันดับหนึ่งของประเทศในตระกูล
ถ้าอิ๋งเย่ว์เซวียนสอบได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ตระกูลอิ๋งก็มีแต่จะประคบประหงม
“อ้อจริงสิ พี่ชายคนนั้นของเธอก็อาจถูกฝังไปด้วยแล้ว” จิ่งหงเจินพูดเหมือนไม่ตั้งใจ “ครั้งก่อนเขาไม่ตาย น่าเสียดายจริงๆ ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะโชคดีแบบนั้นหรือเปล่า”
อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง “ว่าไงนะ”
ความรู้สึกที่เธอมีต่ออิ๋งเทียนลี่ว์มันซับซ้อนมาก
อิ๋งเทียนลี่ว์ดีต่อเธอมาก
แต่นับตั้งแต่อิ๋งจื่อจินปรากฏตัว เธอก็ไม่ใช่คนที่ได้รับการเอ็นดูมากที่สุดอีกต่อไป
แม้เธอจะรู้แต่แรกว่าอิ๋งเทียนลี่ว์ต้องการชดใช้ให้อิ๋งจื่อจิน เธอก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี
อิ๋งเย่ว์เซวียนแอบนึกเสียใจ
เธอไม่ควรเปิดเผยตัวตนเร็วขนาดนั้น ขอแค่เธออดทนอีกหน่อยก็จะสามารถทำให้อิ๋งเทียนลี่ว์เกลียดอิ๋งจื่อจินได้
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันสายไปแล้ว
“ไม่มีอะไรหรอก” จิ่งหงเจินดื่มกาแฟหมดถ้วย เธอยิ้ม “แม่จะรอเธอคุมตระกูลอิ๋งไว้ให้ได้นะ”
…
ทั่วทั้งโลกต่างให้ความสนใจเหตุระเบิดครั้งนี้
สามวันต่อมาไอบีไอก็ประกาศข่าวผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ รวมถึงเว็บไซต์ทางการ
ในข่าวไม่ได้พูดถึงอิ๋งจื่อจินโดยเฉพาะ แต่บอกว่าทุกคนได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว อยู่ในโรงพยาบาล ก็แค่ยังไม่ฟื้น
ในที่สุดชาวเน็ตที่รอฟังข่าวมาตลอดก็โล่งอก
[ขอบคุณไอบีไอ!]
[เทพอิ๋งปลอดภัยก็ดีแล้ว ปลอดภัยก็ดีแล้ว ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีโอกาสรอด!]
[เธอต้องฟื้นแน่นอน เธอเป็นคนดีขนาดนั้น สวรรค์ไม่อยากเอาชีวิตเธอไปหรอก]
[ฉันจะไปขอพรที่วัด!]
ในเวยปั๋วเริ่มมีการช่วยภาวนา ทางเมืองมหาวิทยาลัยในยุโรปก็เริ่มงานเก็บกวาด
ไอบีไอมีงานเยอะมาก เพื่อป้องกันสถานะของฟู่อวิ๋นเซินถูกเปิดเผย หลังจากลิซิเนียสแน่ใจว่าพวกเขาพ้นขีดอันตรายแล้วก็กลับ
ผ่านไปอีกสิบวัน
ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็ฟื้น
เปลือกตาของเธอขยับ ลืมตาขึ้น
เมื่อได้เห็นแสงอาทิตย์อีกครั้ง อิ๋งจื่อจินยังรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง
ความทรงจำของเธอยังหยุดอยู่ตอนที่ถูกฝังใต้ซากถล่ม
ตอนนั้นซากตึกยังไม่ได้ทับเธอตาย เธอเห็นคนเดินเข้ามาหาเธอ
แน่วแน่เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีลังเลแม้แต่น้อย
เขาอุ้มเธอขึ้นมา บอกเธอว่าเขาจะพาเธอออกไป
ความคิดหยุดลงในชั่วขณะ อิ๋งจื่อจินได้สติอย่างสิ้นเชิงแล้ว เธอเอ่ย “ผู้บัญชาการล่ะ”
พอเธอเรียกแบบนี้ออกมาก็มีมือเย็นเฉียบมากุมมือเธอไว้พร้อมเสียงพูด “อยู่นี่”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า
ใบหน้าของเขายังคงอ่อนโยนเช่นเคย ดวงตาดอกท้อลุ่มลึกเต็มไปด้วยความรู้สึก
ในดวงตาคู่นั้นมีเงาสะท้อนของเธออยู่
อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว
มืออีกข้างหนึ่งของเธอจับชีพจรเขา จากนั้นก็วางใจ “ยังดีที่คุณไม่เป็นไร”
ควันพิษแบบนั้นอันตรายมากจริงๆ
สิ่งเดียวที่เธอวิเคราะห์ได้คือจัดอยู่ในประเภทสสารเล่นแร่แปรธาตุ
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน ยิ้มมุมปาก “พี่ชายรอเลื่อนขั้นอยู่นะ จะเป็นอะไรไปได้ยังไง”
มือของเขาลูบศีรษะเธอเบาๆ ฝ่ามืออบอุ่น จงใจแกล้งเธอ “เรียกแฟนให้ฟังหน่อยสิ”
อิ๋งจื่อจินมองเขา ไม่พูดอะไรไปชั่วขณะ
“เด็กน้อย” ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า ขยับเข้าไปใกล้ “คงไม่ได้หลอกพี่ชายใช่ไหม ตอนพี่ชายหลับอยู่ยังได้ยินคนพูดเรื่องลูกของเราด้วย”
“ถ้าเธอหลอกพี่ชาย ลูกของเราจะทำยังไง”
“เปล่า เรียกครั้งแรกเลยเขิน” อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอเตรียมใจก่อน”
“…”
พูดคำว่า ‘เขิน’ ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบขนาดนี้ เขาไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไร
ฟู่อวิ๋นเซินจำต้องยอมรับว่า เขาไม่ควรเอาเรื่องเขินมาแกล้งเธอ
ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนโยนก้อนหินใส่เท้าตัวเอง
“แฟน” ไม่กี่วินาทีต่อมาอิ๋งจื่อจินก็ยกมือกอดเขา เอาคางเกยบนบ่าของเขา หลับตายิ้มเล็กน้อย “ยินดีด้วย ได้เลื่อนขั้นแล้ว”
ความรู้สึกแบบนี้แปลกประหลาดมาก
เธอไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน
เธอไปไหนมาไหนตัวคนเดียวจนชินแล้ว และก็มีเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายอยู่แค่คนเดียว
และเธอเองก็ไม่เคยคิดว่าในอนาคตจะใช้ชีวิตอยู่กับใคร
แต่ตอนนี้มีแล้ว
คนคนนี้เป็นคนที่เธอยอมรับ
คนที่จะสามารถอยู่ด้วยกันไปทั้งชีวิต
ผ่านไปสักพักอิ๋งจื่อจินถึงนึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง เธอหันมา “วันนี้วันที่เท่าไร”
“สามมิถุนายนแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินกอดเธอด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างยกน้ำอุ่นที่อยู่บนโต๊ะด้านข้าง “เธอหมดสติไปครึ่งเดือน”
“เดือนมิถุนายนแล้ว…”อิ๋งจื่อจินชะงัก เอามือจับเตียง สูดลมหายใจอย่างช้าๆ “ฉันจะกลับจีน”
วันที่เจ็ดมิถุนายนเป็นวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอรับปากผู้อำนวยการโรงเรียนไว้ ต้องเข้าร่วมสอบ
เหตุระเบิดครั้งนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเธอ
ฟู่อวิ๋นเซินก็รู้ว่าเธอต้องการทำอะไร เขาพูด “ถึงแม้ควันพิษที่อยู่ในร่างกายเธอจะถูกกำจัดออกหมดแล้ว แต่ก็ยังต้องเฝ้าดูอาการต่อ พวกเราค่อยกลับวันมะรืนดีไหม”
อิ๋งจื่อจินเอาศีรษะแนบหน้าอกของเขาอีกครั้ง พูดอย่างขี้เกียจ “ก็ได้ ไปถึงเช้าวันที่เจ็ดมิถุนาก็ได้”
ฟู่อวิ๋นเซินลูบหัวเธอ เอานิ้วสางผมให้เธอ ยิ้มเล็กน้อย “แฟนสาว ว่าง่ายจริงๆ”
นุ่มจัง
แน่นอนว่าฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้พูดคำนี้ออกไป
สภาพร่างกายของเขามีความพิเศษมาก กำลังภายในไม่ได้ถูกใช้จนหมด
ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้ฟื้นก่อนอิ๋งจื่อจินห้าวัน
เป้าหมายของเหตุระเบิดครั้งนี้คือพวกอัจฉริยะ เพื่อป้องกันความเสียหายที่มากกว่านี้ เขาจึงให้ไอบีไอส่งพวกผู้เฒ่าจงกลับไปก่อน
ภายในห้องพักผู้ป่วยเงียบมาก ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไร
จนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทำลายความสงบ
อิ๋งจื่อจินหาวออกมาแล้วลุกขึ้น “คุณไปรับโทรศัพท์เถอะ ฉันขอขยับตัวหน่อย”
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินหรี่ลง มองเบอร์ที่โทรมา จากนั้นก็กดรับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทางที่ดีขอให้นายมีเรื่องสำคัญ ไม่อย่างนั้นฝูงฉลามในแอตแลนติกรอนายอยู่แน่”
ปลายสายคือเอียนประธานฝ่ายการเงินของวีนัสกรุ๊ป เขาสะดุ้ง “พี่ ทำไมเหรอ ผมคงไม่ได้รบกวนพี่ใช่ไหม”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ
“พี่ มีเรื่องสำคัญ ทางธนาคารลอเรนท์มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่” เอียนรู้ว่าถ้าเขาถามต่อได้ถูกตัดสายใส่แน่ จึงเข้าประเด็นทันที “พวกเขาไปลงทุนโปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลถึงหนึ่งแสนล้าน”
“ฮ่าๆๆ ผมขำจะตายอยู่แล้ว!”
เขาเองก็เป็นคนงก แต่มีงานอดิเรกอย่างหนึ่ง ชอบดูคนอื่นเอาเงินไปเผาเล่น
ก็ไม่รู้ว่าตระกูลลอเรนท์เส้นประสาทเส้นไหนพลิก ถึงได้เอาเงินแสนล้านไปทิ้งในโปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาล
ยานอวกาศข้ามจักรวาล แม้แต่บริษัทเทคโนโลยีในเครือวีนัสกรุ๊ปก็ยังไม่กล้าพูดถึงโปรเจ็กต์นี้
“ยานอวกาศข้ามจักรวาลเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง เอาโทรศัพท์มือถือวางไว้ด้านข้างแล้วปิดเสียง
จากนั้นเขาก็หันไป เลิกคิ้ว พูดเสียงยานคาง “เยาเยา เคยไปเจอคนของตระกูลลอเรนท์มาหรือเปล่า”
ตระกูลลอเรนท์ขี้งกขนาดไหนคนทั้งโลกต่างรู้ นักลงทุนคนอื่นอย่าได้หวังจะแอ้มเงินของตระกูลลอเรนท์แม้แต่แดงเดียว
ไม่เคยเห็นพวกเขาเอาเงินไปลงทุนในโปรเจ็กต์ที่ตอนนี้ยังเป็นแค่ความคิดเลื่อนลอย
แน่นอนว่าฟู่อวิ๋นเซินเชื่อมั่นในตัวเด็กน้อยของเขามาตลอด
ดังนั้นสักวันหนึ่งในอนาคต ยานอวกาศข้ามจักรวาลจะต้องถือกำเนิดได้สำเร็จอย่างแน่นอน
อิ๋งจื่อจินคิดเล็กน้อยแล้วส่ายหน้า “เปล่า”
เธอพูดความจริง
เธอกลับมาโลกมนุษย์ครั้งนี้ยังไม่เคยพบคนในตระกูลลอเรนท์คนไหนเลยสักคน
อย่างไรเสียซีซาร์ ลอเรนท์ก็ออกจากคฤหาสน์ไม่ได้
“อย่างนั้นเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มพลางครุ่นคิด “พี่ชายเข้าใจแล้ว”
ตระกูลลอเรนท์ใหญ่มาก แถมยังแตกแขนงออกไปเยอะ
เขาจำต้องสงสัยไว้ก่อนว่ามีคุณชายคนไหนถูกใจคนของเขาหรือเปล่า
ฟู่อวิ๋นเซินเอาโทรศัพท์มาแนบหูอีกครั้ง เปิดเสียง พูดเสียงเนือย “นายเอาเงินของบริษัทสองแสนล้านไปลงทุนในโปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลของห้องทดลองเกอร์เวน เงื่อนไขเดียวของฉันคือห้ามช้ากว่าตระกูลลอเรนท์”
“ช้าไปหนึ่งวินาทีฉันจะหักเหรียญในคลังทองของนายเจ็ดวัน”
เอียน “?”
“พี่ชายของผม บ้าไปแล้วเหรอครับ” เอียนตะลึงเบิกตาโพลง “คิดจะขิงแข่งกับตระกูลลอเรนท์ตั้งแต่เมื่อไร สองแสนล้าน ฆ่าผมเถอะ!”
สองแสนล้าน ต่อให้เป็นวีนัสกรุ๊ปก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะหากลับมาได้
ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “เร็วเข้า ฉันไม่พูดซ้ำสอง”
เอียนวางสายทั้งน้ำตา
อิ๋งจื่อจินฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เธอเงียบไปนานมาก
หยิบหมอนบนเตียงผู้ป่วยขึ้นมาโยนใส่ฟู่อวิ๋นเซิน สายตาเย็นชา “คุณนี่มันตัวล้างผลาญจริงๆ”
เธอไม่อยากคุยกับเขาแล้ว
ให้ซีซาร์ไปลงทุนเป็นเพราะเดิมทีพวกทองคำของตระกูลลอเรนท์เป็นของเธอครึ่งหนึ่ง
เอามาใช้ไม่ปวดใจเท่าไร
“หืม ให้เยาเยามันจะเป็นการล้างผลาญได้ยังไง” หลังจากยืนยันความสัมพันธ์แล้ว ฟู่อวิ๋นเซินก็เลิกเก็บอาการ อ้าแขนกอดเธออีกครั้ง “อยากทำอะไรพี่ชายจะทุ่มให้เธอเต็มที่เลย”
เขาพูดออกมาอย่างง่ายดาย แต่กลับจริงจัง “พี่ชายใจแคบ แฟนสาวของพี่ชาย พี่ชายเอาใจเอง ห้ามให้คนอื่นมาแย่ง”