ตอนที่ 421 ฝืนกลับ
เขาลงทุนสองแสนล้าน ทั้งนี้ก็เพื่อบอกตระกูลลอเรนท์
แข่งเรื่องรวย กลัวที่ไหน
ขนตาของอิ๋งจื่อจินสั่นเล็กน้อย
เธอเอามือจิ้มแก้มของเขา
ฟู่อวิ๋นเซินหันมา มืออีกข้างหนึ่งจับมือเธอที่จะผลักเขาออก ยิ้มพลางพูด
“เยาเยา พี่ชายรับรองเลยว่าครั้งนี้ไม่ได้ปล่อยกระแสไฟใส่เธอ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “ไม่เชื่อหรอก”
“ได้” เขาก้มหน้าหยิกแก้มเธอ หัวเราะเบาๆ
“แฟนสาวว่าไงก็ตามนั้น”
…
หลังจากพักอยู่ที่ยุโรปอีกหนึ่งวันอิ๋งจื่อจินก็เดินทางกลับประเทศจีน
ก่อนกลับเธอตั้งใจไปหาไอริน่า
ไอริน่าโชคดีมาก ตอนนั้นเธออยู่โรงพยาบาลที่ห่างจากจุดระเบิดไกลพอสมควร ถูกส่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นอวี้เสวี่ยเซิงก็ถอนการถูกสะกดจิตของเธอ พร้อมทั้งรักษาเธอจนหาย
ไอริน่าในตอนนี้เป็นคนปกติแล้ว
นี่ก็แสดงให้เห็นว่านักสะกดจิตที่ตอนนั้นรักษาให้ไอริน่ามีจุดประสงค์ไม่ดี
ไม่อย่างนั้นถ้าอยากรักษาไอริน่าให้หายจริงคงไม่มีทางปลุกอดีตชาติของเธอ
อิ๋งจื่อจินมองไอริน่ากับพ่อแม่ของเธอผ่านทางหน้าต่างเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็นั่งเครื่องบินเฉพาะที่ไอบีไอเตรียมไว้ให้
เมืองมหาวิทยาลัยเสียหายหนักมาก มหาวิทยาลัยสองแห่งก็ยกเลิกการเรียนการสอนทั้งหมด
แต่ก็บูรณะขึ้นมาใหม่ได้อย่างรวดเร็วภายใต้การช่วยเหลือจากไอบีไอ
ข่าวที่อิ๋งจื่อจินฟื้นไม่ได้เปิดเผยให้คนภายนอกรู้
แม้แต่ฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่แน่ใจว่าคนพวกนั้นจะย้อนกลับมาอีกครั้งหรือไม่
ต่อมาไอบีไอได้เอาเศษซากที่ถูกระเบิดกลับไปวิจัย
ตอนแรกวิจัยไม่ได้อะไร สุดท้ายกลับได้ข้อมูลมาจากทางมหาวิทยาลัยนอร์ตัน
บอกว่าไม่ว่าจะเป็นควันพิษเดธหรือระเบิดพวกนั้นล้วนเป็นสสารเล่นแร่แปรธาตุทั้งสิ้น
ศาสตราจารย์ของคณะเล่นแร่แปรธาตุมหาวิทยาลัยนอร์ตันวิเคราะห์องค์ประกอบของควันพิษเดธออกมาได้ พร้อมทั้งทำยาถอนพิษชุดแรกส่งมาที่โรงพยาบาล
“สสารเล่นแร่แปรธาตุ” ฟู่อวิ๋นเซินอ่านรายงานที่ลิซิเนียสส่งมาให้ แววตาเคร่งขรึม
“วงการเล่นแร่แปรธาตุงั้นเหรอ”
วงการเล่นแร่แปรธาตุลึกลับยิ่งกว่าวงการแพทย์แผนโบราณ ทั้งยังกีดกันยิ่งกว่า
หากไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุก็เข้าไปไม่ได้
เขาเคยเข้าไปแค่ครั้งเดียว
หากบอกว่าเป็นสสารเล่นแร่แปรธาตุแบบนั้นก็ลงล็อกแล้ว มิน่าเครื่องตรวจจับตั้งมากขนาดนั้นถึงตรวจไม่เจอ
วิชาเล่นแร่แปรธาตุยากยิ่งกว่าการรักษาแผนโบราณ ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีทางเปิดกว้างต่อคนทั่วไปที่อยู่นอกวงการ
ดังนั้นต่อให้มหาวิทยาลัยตี้ตูวิจัยยี่สิบปีก็ไม่มีทางวิจัยออกมาได้ว่าควันพิษเดธคืออะไร
สายตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชา
“พวกเขาก็คือกลุ่มคนที่ไปบ้านตระกูลฟู่ตอนนั้นเหรอ” เธอแน่ใจได้ว่าไม่ใช่วงการเล่นแร่แปรธาตุ
วงการเล่นแร่แปรธาตุก็มีกฎที่เข้มงวด หากไม่ได้รับอนุญาต นักเล่นแร่แปรธาตุคนไหนก็ออกไปไม่ได้
วงการเล่นแร่แปรธาตุก็ไม่มีทางอนุญาตให้สสารเล่นแร่แปรธาตุที่มีพิษแบบนี้ปรากฏ
หากใครทำผิดกฎจะต้องถูกนักเล่นแร่แปรธาตุทั้งหมดไล่ฆ่า
อิ๋งจื่อจินเอามือกุมหน้าผาก เธอคิดหนัก
“อืม พวกเขา” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ
“ตอนนั้นคนที่ลักพาตัวศาสตราจารย์เกอร์เวนก็คือคนของกลุ่มอิทธิพลนี้ แต่น่าจะเป็นแค่ลูกสมุน”
เขาสืบมานานหลายปีขนาดนี้ก็ยังคงสืบไม่พบร่องรอยของพวกคนที่ฆ่าฟู่หลิวอิ๋ง
แต่ช่วงนี้ดูเหมือนกลุ่มอิทธิพลนี้จะปรากฏตัวบ่อยเหลือเกิน เตรียมพร้อมโจมตี
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังมีความกังวลบางอย่างอยู่ ถึงไม่ได้ทำการอุกอาจอย่างเต็มที่
อิ๋งจื่อจินหลับตาลง ไม่กี่นาทีต่อมาก็ลืมตาอีกครั้ง หลุบตาลง
เธอตั้งใจดูอนาคตของประเทศจีนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ไม่มีเรื่องที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้น
ซึ่งก็ทำให้เบาใจไปบ้าง
ดูอนาคตในขอบเขตที่กว้างขนาดนี้ทำให้ความง่วงคืบคลานเข้ามา
อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้นวม ไม่นานก็หลับไป
…
หนึ่งวันต่อมา
วันที่หกมิถุนายน เหลืออีกหนึ่งวันก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
โรงเรียนมัธยมชิงจื้อ
ถึงแม้ไอบีไอจะประกาศออกไปแล้วว่าผู้บาดเจ็บยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าจะฟื้นเมื่อไร
แต่ไม่ได้รับข่าวยืนยันที่แท้จริง ชิงจื้อก็ยังคงปกคลุมด้วยเมฆหมอก
ผู้อำนวยการโรงเรียนกลุ้มใจจนถึงขั้นผมเริ่มร่วงทีละเส้น ข้าวก็กินไม่ลง
ทันใดนั้นได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้
ผู้อำนวยการเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดตาแล้วใส่แว่นตา จากนั้นก็พูดขึ้น “เชิญ”
ประตูถูกเปิดออก เด็กสาวสวมผ้าปิดปากเดินเข้ามา
เธอสวมเสื้อแขนสั้นสีขาวธรรมดาๆ ท่อนล่างสวมกางเกงยีนส์เอวสูงสีน้ำเงินอ่อน เผยให้เห็นสัดส่วนอันสมบูรณ์แบบ
สวยสง่าและดูดี
ผู้อำนวยการอึ้ง จำไม่ได้ในชั่วขณะ “คุณคือ…”
เด็กสาวถอดผ้าปิดปากออก เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงาม “ผอ. หนูเองค่ะ”
ผู้อำนวยการลุกพรวด สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เขาเล่นใหญ่เกินไป ขาเลยกระแทกกับโต๊ะ เจ็บมากจนร้องซี้ด
ผู้อำนวยการมองอิ๋งจื่อจิน ดวงตาเบิกโพลงยิ่งกว่าเดิม
เขายกมือที่สั่นเทาขึ้นมาหยิกตัวเอง สุดท้ายก็แน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้ฝันไป
อิ๋งจื่อจิน
นี่คือเสาหลักของชิงจื้อ
ยืนตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้าเขา
“ฟื้นแล้วก็ดี…ฟื้นแล้วก็ดี” ผู้อำนวยการตรวจเช็กอิ๋งจื่อจินอย่างละเอียด เขาพูดๆ อยู่ขอบตาก็เริ่มแดงอีกครั้ง เสียงสะอื้น อดร้องไห้ไม่ได้
“สาวน้อย เธอคือฮีโร่…คือฮีโร่”
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง กำมือหัวเราะเบาๆ “หนูแบกรับคำนี้ไม่ไหวหรอกค่ะ”
“เธอใช่ เธอเป็นแบบนั้น” ผู้อำนวยกรควบคุมอารมณ์ไม่ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
“ขอร้องไห้หน่อยนะ”
อิ๋งจื่อจินยืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ สายตาเหม่อลอย
ดูเหมือนจนถึงตอนนี้เธอจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่หลากหลายแล้ว
ไม่กี่นาทีต่อมาผู้อำนวยการก็ควบคุมอารมณ์ได้ แต่ยังคงตื่นเต้น
“นักเรียนอิ๋ง อาจารย์ดีใจมากที่ได้เจอเธออีกครั้ง อาจารย์จะไปบอกทุกคนว่าเธอฟื้นแล้ว”
“ไม่ค่ะผู้อำนวยการ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ออกไป” อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเบาๆ
“มันอันตรายมากค่ะ ไว้รอผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกมาก่อนค่ะ”
สีหน้าของผู้อำนวยการเริ่มขรึมลง “เข้าใจแล้ว”
ไอบีไอไม่ได้ประกาศให้ภายนอกรับรู้กระบวนการทุกขั้นตอนของเหตุระเบิด บอกเพียงว่าเป็นกลุ่มต่อต้าน เริ่มตามจับแล้ว
ผู้อำนวยการก็คิดได้ว่า เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ธรรมดา
“นักเรียนอิ๋ง เธอไม่รู้หรอกว่า” ผู้อำนวยการเช็ดน้ำตาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขายิ้มไปด้วย
“พวกเด็กมอหกบอกว่าจะต้องสอบให้ได้คะแนนดี จะเป็นตัวถ่วงของเธอไม่ได้”
“ไม่อย่างนั้นพอเธอกลับมาจะโกรธพวกเขา”
เดิมทีเขาคิดว่าเรื่องของอิ๋งจื่อจินจะสร้างความสะเทือนใจให้พวกนักเรียนเป็นอย่างมาก
แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่านี่กลับเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้า
“ผอ.คะ หนูรีบกลับมาก็เพราะเรื่องนี้” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย
“พรุ่งนี้หนูจะไปเข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เลยมาบอกผอ.ไว้ บัตรประจำตัวเข้าสอบของหนูอยู่ที่ผอ.หรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้…ไม่ได้เด็ดขาด!” ผอ.มีท่าทีตอบสนองรุนแรง
“เธอเพิ่งฟื้นมาได้นานเท่าไรกัน ร่างกายยังไม่หายดี แล้วจะไปสอบได้ยังไง”
“ต่อให้การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะสำคัญแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่าตัวเธอหรอก”
“หนูสบายดีค่ะ” อิ๋งจื่อจินกระแอมหนึ่งที
“หนูไม่ชอบรับปากใคร แต่เรื่องไหนที่ตกปากรับคำไปแล้วก็ต้องทำให้ได้ค่ะ”
ผู้อำนวยการก็จนปัญญาจะเกลี้ยกล่อมเธออีก
เขาลูบหัวตัวเองที่เหลือผมไม่มากแล้ว จากนั้นก็ดื่มชาร้อนด้วยความดีใจ
ดูท่าป้ายผ้าที่พวกเขาเตรียมไว้จะไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว
ขอแค่อิ๋งจื่อจินเข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องได้อันดับหนึ่งของประเทศแน่นอน
ไม่มีความเป็นไปได้อื่นอีก
“เดี๋ยวก่อน!” ผู้อำนวยการนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้เรื่องหนึ่ง เขาเรียกอิ๋งจื่อจินไว้ สีหน้าเคร่งเครียด ถามอิ๋งจื่อจินด้วยความระมัดระวัง
“นักเรียนอิ๋ง ครั้งนี้เธอจะทำพาร์ทเรียงความใช่ไหม”
อิ๋งจื่อจิน “…”
ไม่ อันที่จริงเธอไม่อยากเขียนเลย
…
วันที่เจ็ดมิถุนายน เริ่มการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
คนทั้งประเทศต่างให้ความสำคัญ
จงมั่นหวาก็รู้เรื่องเหตุระเบิด พร้อมทั้งติดตามข่าวมาตลอด
ต่อมาผู้เฒ่าจงกับอิ๋งเทียนลี่ว์กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว แต่กลับปิดปากเงียบเรื่องอิ๋งจื่อจิน ไม่ยอมบอกอะไร
จงมั่นหวาพอเดาได้ลางๆ
เกรงว่าอิ๋งจื่อจินจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี
แต่ไม่รู้ทำไม เธอกลับรู้สึกโล่งอก
จนถึงตอนนี้เธอคิดว่า ขอเพียงแต่อิ๋งจื่อจินไม่ปรากฏตัว ชีวิตของเธอก็จะกลับเข้าสู่ร่องรอย และก็ตามคาด พอเกิดเหตุระเบิดที่เมืองมหาวิทยาลัยในยุโรป คนพวกนั้นก็ไม่ได้มาที่บ้านตระกูลอิ๋งอีก
“เสี่ยวเซวียน ไม่ต้องเครียดนะลูก” จงมั่นหวาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อาจารย์ก็บอกแล้วว่าข้อสอบง่ายกว่าตอนจำลองการสอบ ลูกเคยทดสอบได้เจ็ดร้อยยี่สิบคะแนน ที่หนึ่งครั้งนี้ต้องเป็นของลูกแน่นอน”
อิ๋งเย่ว์เซวียนยิ้ม “เป็นเพราะคุณแม่เลี้ยงมาดีค่ะ”
เธอรู้ว่าขอแค่ไม่มีอิ๋งจื่อจิน สายตาคนอื่นก็จะกลับมามองที่เธอหมดในไม่ช้าก็เร็ว
จงมั่นหวาก็ชอบฟังคำพูดแบบนี้ ฟังแล้วอารมณ์ดี เธอกำชับอีกครั้ง
“แม่จะรอลูกอยู่ในร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม พอลูกสอบวิชาภาษาจีนเสร็จแม่จะมารับกลับบ้าน แม่ครัวเตรียมของที่ลูกชอบกินไว้แล้ว”
อิ๋งเย่ว์เซวียนพยักหน้า “ขอบคุณค่ะแม่”
เธอกำกระเป๋าเครื่องเขียน กวาดตามองไปรอบๆ
ทันใดนั้นก็เห็นเงาที่คุ้นเคย
อิ๋งเย่ว์เซวียนตะลึง มองตรงไปข้างหน้า ไม่ได้สติกลับมา
จงมั่นหวาก็สังเกตเห็นท่าทางของอิ๋งเย่ว์เซวียน
“เสี่ยวเซวียน มองอะไรอยู่ลูก”
ใกล้เริ่มสอบแล้ว ทำไมยังเสียสมาธิอีก
จงมั่นหวาขมวดคิ้ว มองตามสายตาของอิ๋งเย่ว์เซวียน