ตอนที่ 436 เผยตัวตน ไม่แน่เทพอิ๋งอาจเป็นแฮกเกอร์ด้วยหรือเปล่า
อันที่จริงนับตั้งแต่อิ๋งจื่อจินปรากฏตัวในงานแถลงข่าว สื่อและชาวเน็ตที่รับชมการถ่ายทอดสดก็ไม่ได้ละสายตาไปจากเธอเลย
การมาของเธอสร้างความฮือฮาอย่างมหาศาลจนลืมจุดประสงค์ของงานแถลงข่าวครั้งนี้ไปแล้ว
อย่าว่าแต่ถงอวี่เฟย แม้แต่ชูกวงมีเดียเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไร
ตอนนี้กลุ่มที่โหมกระแสในไลฟ์มาตลอดเหลือแค่แฟนคลับของถงอวี่เฟยกับพวกหน้าม้าที่ลั่วเหวินปินให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเทียนสิงมีเดียไปจ้างมา
อีกทั้งก่อนมางานแถลงข่าวลั่วเหวินปินยังได้ใช้แอ๊กเคานท์เชิงพาณิชย์ที่อยู่ในสังกัดของเทียนสิงมีเดียจำนวนไม่น้อยเพื่อทำการโพสต์ข้อความลงในเน็ต
เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่า แม้เรื่องจะยังไม่พลิกผันอย่างสิ้นเชิง อิ๋งจื่อจินแค่นั่งอยู่ตรงนี้ก็เพียงพอแล้ว
ดึงดูดสายตาของทุกคน
ตอนนี้เลขาสาวยื่นไมโครโฟนให้อิ๋งจื่อจิน สีหน้าของลั่วเหวินปินก็ขรึมลงอีกครั้ง
วงการบันเทิงกับวงการวิชาการเป็นสองวงการที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องสนใจอิ๋งจื่อจิน
ต่อให้อิ๋งจื่อจินคว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขันวิชาการระดับโลกมาได้ แล้วจะยื่นมือเข้ามาในวงการบันเทิงได้อย่างไร
เด็กสาวที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวงการบันเทิงดำมืดขนาดไหน
มีบริษัทไหนบ้างที่ไม่เคยเอาชีวิตใคร
ลั่วเหวินปินยิ้มข่มอารมณ์ไว้ มองเลขาสาวแล้วพูดกดดัน “ชูกวงมีเดียหมายความว่าไงครับ พวกเราต้องการคุยกับซีอีโอของพวกคุณ ไม่ใช่ดีไซเนอร์ครับ”
พอเขาพูดแบบนี้ออกมาก็ได้รับสายตาอาฆาตที่มาจากพวกสื่อในทันที
บนหน้าจอไลฟ์สดก็มีคนด่าเขา
[ลั่วเหวินปินเงียบปากไปเลย! พวกเราต้องการแค่เทพอิ๋ง]
[ไมโครโฟนกลับมาแล้ว เทพอิ๋ง พูดต่อสิ! ฮือออ อยากได้ยินเสียงเทพอิ๋งอีก]
[เดี๋ยวนะเดี๋ยวๆ พวกเธอไม่คิดบ้างเหรอว่ายังมีอีกสาเหตุหนึ่ง ก็คือเทพอิ๋งยังเป็นซีอีโอของชูกวงมีเดียด้วย!]
[? เป็นไปไม่ได้มั้ง]
เดิมทีมีผู้ชมงานแถลงข่าวของชูกวงมีเดียแค่เจ็ดล้านคน พออิ๋งจื่อจินมา ยอดผู้ชมในไลฟ์สดก็ทะยานไปถึงหกสิบล้านคนในชั่วพริบตา
คนที่เข้ามาล้วนเป็นแฟนคลับของอิ๋งจื่อจิน และยังมีนักเรียนอีกมากมาย
เลขาสาวมองยอดผู้ชมที่ยังคงเพิ่มสูงไม่หยุด แอบปาดเหงื่อ
บอสของพวกเขาเสน่ห์แรงไม่เบา
นี่ถือว่าฆ่าพวกดาราดังๆ ในวงการบันเทิงได้ในเสี้ยววินาทีเลยทีเดียว
เธอขอประกาศเลยว่า ต่อไปเธอจะถวายชีวิตให้บอส ไม่แปรพักตร์ไปไหน!
“ประธานลั่ว ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะที่ต้องทำให้ผิดหวังแล้ว” เลขาสาวยิ้มเล็กน้อยขณะพูด “นี่ก็คือซีอีโอของพวกเรา ตอนนี้เราจะมาจัดการปัญหาของคุณถง ขอความกรุณาเงียบด้วยนะคะ”
ถงอวี่เฟยแสยะยิ้มยืนขึ้น “ฉันเคยเจอซีอีโอ เป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ผอมมาก กลายเป็นเธอตั้งแต่เมื่อไร พวกคุณอย่าคิดจะเอาคนอื่นมาตบตา!”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเลขาสาว
เลขาสาวเข้าใจ
เธอให้ห้องควบคุมเอาสไลด์พาวเวอร์พอยต์ลง เปลี่ยนเป็นหน้าเบราว์เซอร์อินเตอร์เน็ต
นี่เป็นหน้าเว็บที่เอาไว้ค้นหาข้อมูลกิจการ
ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่จดทะเบียน ทุนจดทะเบียน หรือแม้แต่รายชื่อผู้ถือหุ้นก็สืบค้นดูได้
ข้อมูลที่ถูกปิดไว้ในหน้าเว็บก็แสดงออกมา
ทุกคนต่างมองไปยังข้อความที่ขึ้นว่า
ตัวแทนทางกฎหมายของชูกวงมีเดีย อิ๋งจื่อจิน
ลั่วเหวินปินเบิกตาโพลง แทบไม่อยากเชื่อ
อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้ เหลือบตาขึ้น บรรยากาศดูยิ่งใหญ่อย่างบอกไม่ถูก พูดอย่างใจเย็นดุจสายน้ำ “ยังมีคำถามอีกไหมคะ”
ตอนแรกสุดเธอเลือกที่จะปิดบังชื่อตัวเอง เพื่อลดเรื่องยุ่งยาก
อย่างไรเสียชูกวงมีเดียก็เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งในวงการบันเทิง ย่อมมีคนอยากมาร่วมงานด้วยมากมาย
นับตั้งแต่เธอรับตำแหน่งซีอีโอของชูกวงมีเดีย งานที่ใหญ่ที่สุดก็ยังคงเป็นดูบทละครกับไปสถานที่ถ่ายทำรายการ ส่วนเรื่องอื่นไม่ใช่เรื่องของเธอ
“…”
เกิดความเงียบขึ้นภายในงานอีกครั้ง
บรรดาสื่ออึ้งไปหมด มีกล้องในมือนักข่าวหล่นลงบนพื้น
หน้าจอไลฟ์สดว่างเปล่าอีกครั้ง มีเพียงเครื่องหมายตกใจลอยผ่าน
หลังจากผ่านไปนานในที่สุดก็มีข้อความปกติโผล่มา
[หืม เทพอิ๋งของฉันเป็นซีอีโอจริงดิ!]
[ดาราสาวคนนี้เป็นบ้าหรือเปล่า หาว่าเด็กสาววัยรุ่นลวนลามเนี่ยนะ ไม่เท่ากับทำลายชื่อเสียงของเธอเหรอ]
[ดูหน้าตาตัวเองซะบ้าง หน้าอย่างกับส้นเท้า คิดว่าเทพอิ๋งจะถูกใจเธอหรือไง]
[ถูกต้อง เทพอิ๋งของฉันถูกใจแค่ประธานฟู่เท่านั้น ปรบมือ!]
บรรดาชาวเน็ตที่เข้ามาทีหลังส่วนใหญ่ไม่รู้จักถงอวี่เฟย
ดาราเล็กๆ ที่ดังได้เพราะละครโด่งดังมาก ความเป็นที่รู้จักก็งั้นๆ ไม่มีทางเทียบกับอิ๋งจื่อจินที่โด่งดังเพราะแข่งขันระดับโลกได้
สีหน้าของถงอวี่เฟยเริ่มซีดลงทีละนิด เหงื่อออกที่มือ แผ่นหลังเย็นเฉียบเป็นระลอก
ถ้าไม่ติดว่าถ่ายทอดสดอยู่ เกรงว่าเธอคงวิ่งออกจากงานแถลงข่าวไปแล้ว
“คุณถงคะ พวกเราก็เชิญคนที่คุณคิดว่าเป็นซีอีโอมาด้วยค่ะ” เลขาสาวพูดขึ้นอีกครั้ง “ขอโทษด้วยนะคะ เขาเป็นแค่ประธานกรรมการของบริษัทเรา”
“ไม่รู้ว่าทำไมคุณถงถึงคิดว่าผมเป็นซีอีโอ” ประธานลู่ก็ถือไมโครโฟน “แต่ผมสาบานได้เลยว่าผมไม่คู่ควรกับตำแหน่งซีอีโอจริงๆ”
“คุณถงห้ามพูดแบบนี้อีกเด็ดขาดนะครับ เดี๋ยวผมจะอายุสั้น”
เขาถูกทางวีนัสกรุ๊ปส่งมาชั่วคราว
หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิด เนื่องจากผู้บริหารระดับสูงหลายคนหมดสติไม่ฟื้น ชูกวงมีเดียก็วุ่นวายอยู่ระยะหนึ่ง
ตอนนั้นเทียนสิงมีเดียเริ่มข่มชูกวงมีเดียในด้านการทำงานแล้ว
ต่อมาชูกวงมีเดียพบว่ามีคนกำลังสืบประวัติของซีอีโอ ทั้งยังเป็นในยามคับขันแบบนี้ด้วย
ประธานกรรมการลู่เป็นห่วงว่าจะพุ่งเป้ามาที่อิ๋งจื่อจิน เขาก็เลยรับหน้าแทน
[ฮ่าๆๆ ดูทำหน้าช็อกเข้าสิ]
[กรี๊ดดด ฉันจะบ้าแล้ว เรียนเทพ เป็นดีไซเนอร์เสื้อผ้า เป็นประธานใหญ่ ฉันอยากรู้ว่าเทพอิ๋งยังมีตำแหน่งอะไรอีกไหม!]
คราวนี้ถงอวี่เฟยทำใจเย็นต่อไปไม่ได้แล้ว เธอลนลาน หันไปมองลั่วเหวินปิน
สีหน้าของลั่วเหวินปินก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน บึ้งตึงขั้นสุด
พวกเขาสืบข้อมูลมาผิด!
โดนชูกวงมีเดียวางแผนซ้อนแผน!
สายตาของลั่วเหวินปินเย็นชา พยายามพูดเสียงเบามาก “อย่าลน พวกเขาไม่มีภาพกล้องวงจรปิด บอกไปว่าคุณจำคนผิด”
พอได้ยินแบบนี้ถงอวี่เฟยถึงฉุกคิดได้
นั่นสิ ชูกวงมีเดียไม่มีภาพกล้องวงจรปิด จะยืนยันความบริสุทธิ์ได้ยังไง
“ค่ะ ฉันยอมรับว่าฉันไม่ได้มีความสามารถถึงขั้นได้พบซีอีโอ ฉันจำคนผิด” ถงอวี่เฟยจิกมือตัวเองเพื่อบังคับให้มีสติ มองด้วยสายตากดดัน “แต่พวกคุณจะปิดบังความจริงที่พวกเขาลวนลามฉันได้เหรอ!”
แฟนคลับของถงอวี่เฟยก็จับจุดนี้ได้ เริ่มช่วยเธอพูด
[คนที่น่าสงสารคืออวี่เฟย อยู่ชูกวงมีเดียมาตั้งนานขนาดนี้ อย่างน้อยก็ยังมีความดีบ้าง แต่กลับไม่เคยได้พบซีอีโอคนใหม่]
[ไม่คู่ควร พวกเราไม่คู่ควร น่าเคืองใจจริงๆ]
“คุณถงคะ ใจเย็นๆ ค่ะ พวกเราไปเจอสิ่งที่น่าสนใจมา” เลขาสาวรู้ว่าบอสตัวเองเป็นคนขี้เกียจพูด จึงช่วยพูดแทนอย่างรู้หน้าที่ “ทุกท่านเชิญดูค่ะ”
บนหน้าจอใหญ่เกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
เป็นคลิปกล้องวงจรปิด เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่เดียวกันกับในภาพถ่ายของถงอวี่เฟย
ภาพคมชัดแสดงให้เห็นว่า…
หลังจากที่ถงอวี่เฟยเข้าผิดห้อง ไม่เพียงแต่จะไม่ออกไป กลับพ่นอะไรไม่รู้ในห้อง
จากนั้นพวกผู้บริหารระดับสูงรวมถึงประธานลู่ก็เริ่มสะลึมสะลือ
ต่อมาถงอวี่เฟยก็เริ่มถอดเสื้อผ้า ทำการเซลฟี่
หลังจากเซลฟี่เสร็จ ถงอวี่เฟยก็สวมเสื้อผ้ากลับแล้วออกจากห้อง
[? ภาพลวงตาเหรอ]
[ลวนลามตัวเองแบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ]
[ยังไม่ทันถึงปลายปีคนโง่ก็เริ่มสร้างผลงานแล้ว]
[พวกเราช่วยพูดให้เพราะเห็นแก่ชื่อเสียงของเธอ นึกไม่ถึงว่าเธอจะเล่นเองกำกับเอง!]
พวกแฟนคลับของถงอวี่เฟยก็ตะลึงกับภาพเหตุการณ์นี้จนพูดไม่ออกเหมือนกัน
พอเห็นคลิปสามนาทีนี้ สีหน้าของถงอวี่เฟยก็ซีดลงในทันที “กล้องวงจรปิดไม่ใช่ว่า…”
เธอกลืนคำพูดไปทันเวลา แต่ก็ไม่ทันแล้ว
พวกสื่อจับจุดนี้ได้ทันที รีบวิ่งเข้ามายื่นไมโครโฟนให้
“คุณถง กล้องวงจรปิดทำไมเหรอครับ ถูกพวกคุณลบทิ้งไปแล้วเหรอครับ”
“คุณถงคะ ไม่ทราบว่าทำไมคุณเอาแต่มองประธานลั่วคะ หรือพวกคุณร่วมมือกันใส่ร้ายชูกวงมีเดียคะ”
“คุณถงครับ ชูกวงมีเดียค้นพบคุณ ทั้งยังให้โอกาสคุณเดินบนเส้นทางนักแสดง แต่คุณกลับใจดำขนาดนี้ เหยียบเจ้านายเก่าเหรอครับ”
สีหน้าของถงอวี่เฟยซีดยิ่งกว่าเดิม พูดเสียงสั่น “ฉัน…”
“คุณถงคะ เดิมทีพวกเราอยากประนีประนอมกับคุณเป็นการส่วนตัว” เลขาสาวมองถงอวี่เฟย “ก่อนหน้านี้ถึงได้ถามย้ำกับคุณ ว่าคุณแน่ใจใช่ไหมว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง”
“ยังไงซะคุณก็เป็นพนักงานของบริษัทเรา พวกเราก็ไม่อยากให้คุณถูกหลอกเหมือนกัน”
คราวนี้ถงอวี่เฟยพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ใบหน้าซีดเผือด หูอื้อไปหมด
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง
ไหนลั่วเหวินปินบอกว่าวางแผนทั้งหมดไว้ดีแล้ว เธอเป็นแค่ผู้เสียหาย ไม่มีทางเกิดปัญหาอะไรขึ้น
ลั่วเหวินปินก็โมโหจนหน้าเขียว
เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าชูกวงมีเดียจะกู้ภาพกล้องวงจรปิดกลับมาได้
หรือพวกเขาเชิญคนที่เก่งกว่าแฮกเกอร์มาได้
“คุณถงคะ ไม่เพียงแต่คุณจะสร้างหลักฐานเท็จ ยังโจมตีพวกเราในเน็ต โชคไม่ดีนะคะที่คุณก็ทำผิดกฎหมายเหมือนกัน” เลขาสาวสีหน้าเย็นชา “ถ้าวันนี้พวกเราไม่มีคลิปกล้องวงจรปิดในมือ เกรงว่าพวกประธานลู่คงได้ติดคุกไปแล้ว”
“เดี๋ยวถึงเวลาฝ่ายกฎหมายจะติดต่อไปตามลำดับนะคะ”
ถึงแม้จะมีจันเหอเป็นตัวอย่างแล้ว แต่ถงอวี่เฟยก็ไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์ของเธอก็กลายเป็นแบบเดียวกัน
ความผิดฐานใส่ความผู้อื่นของเธอ ทั้งยังสร้างหลักฐานเท็จ รายละเอียดรุนแรงยิ่งกว่าจันเหอ
อย่าว่าแต่บทนางเอกอัศวินนิรันดร์ภาคสี่เลย นี่เธอถึงขั้นจะติดคุกแล้ว
ถงอวี่เฟยสติแตก “ประธานลั่ว! ประธานลั่วต้องช่วยฉันนะคะ!”
ลั่วเหวินปินโมโหมาก แต่ยังคงใจเย็น “คุณเกี่ยวข้องอะไรกับผม ผมจะช่วยคุณทำไม”
เขาด่ายกใหญ่อยู่ในใจ
โง่สิ้นดี ยังคิดจะดึงเขาลงไปซวยด้วย
“ใจเย็นๆ ค่ะ พวกเรายังเจออีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณถง” เลขาสาวเหลือบมองเอกสาร แสยะยิ้ม “บังเอิญจริงที่เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับประธานลั่วด้วยค่ะ”
อยู่ๆ ถูกเรียกชื่อ ลั่วเหวินปินก็สีหน้าเปลี่ยน “ล้อเล่นอะไรกันครับ ผมเกี่ยวอะไรด้วย”
“วันที่สิบเอ็ดมิถุนายนเวลาสิบเอ็ดโมง ถงอวี่เฟยออกจากคอนโดส่วนตัว เรียกรถไปที่เทียนสิงมีเดีย” มือของอิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะอย่างสบายๆ ยิ้มเล็กน้อย “จากนั้นก็อยู่ในห้องทำงานของประธานเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ”
เธอเงยหน้าขึ้น มองลั่วเหวินปิน “ภาพกล้องวงจรปิดของโรงแรมเหม่ยเล่อถูกลบทิ้งไปแล้ว ฉันไปขอให้คนช่วย ถึงกู้กลับมาได้”
[เทพอิ๋งบอกว่าไปขอให้คนช่วย แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าไม่แน่เทพอิ๋งยังเป็นแฮกเกอร์ด้วยล่ะ]
[ไม่มีเรื่องไหนที่เทพอิ๋งทำไม่ได้!]
ลั่วเหวินปินตะลึงอย่างรุนแรง
จากนั้นถึงนึกเรื่องสำคัญได้เรื่องหนึ่ง
อิ๋งจื่อจินเป็นเทพด้านการเรียน แถมยังมีชื่อเสียงระดับโลก เธอจะต้องรู้จักคนเก่งๆ ในแวดวงวิชาการไม่น้อยแน่นอน
จะต้องมีเส้นสายมากมายที่สามารถพาเธอไปรู้จักคนที่เป็นเทพด้านคอมพิวเตอร์
ผิดแผนแล้ว!
ลั่วเหวินปินกำมือแน่น
เขาพบว่านับตั้งแต่อิ๋งจื่อจินมาถึงงานแถลงข่าว เรื่องทุกอย่างก็อยู่เหนือความควบคุมของเขา
เลขาสาวพูดต่อในเวลานี้ “คนที่ลบภาพกล้องวงจรปิดก็คือคนที่เทียนสิงมีเดียส่งมา ประธานลั่ว คุณคิดจะทำอะไรคะ”
พวกสื่อก็พากันแย่งพูด “ประธานลั่วครับ สรุปว่าเทียนสิงมีเดียวางกับดักเหรอครับ พวกคุณยื่นข้อเสนออะไรให้ถงอวี่เฟย เธอถึงได้ยอมทรยศชูกวงมีเดียมาช่วยพวกคุณ”
เปลวเพลิงถาโถมมาที่ลั่วเหวินปินอย่างรวดเร็ว
แต่ลั่วเหวินปินอยู่ในวงการบันเทิงมายี่สิบกว่าปีแล้ว การควบคุมสติย่อมไม่เหมือนถงอวี่เฟย ยังถือว่าใจเย็น “ผมเชิญคุณถงมาเป็นแขก มีปัญหาอะไรเหรอครับ”
เอกสารสัญญาถูกล็อกไว้ในห้องทำงานของเขา ชูกวงมีเดียยังจะเข้าไปได้อีกเหรอ
ถ้าไม่มีเอกสารสัญญา ทุกอย่างก็เลื่อนลอย
“หวังว่าพรุ่งนี้ประธานลั่วก็ยังคงพูดแบบนี้นะคะ” เลขาสาวยิ้มอย่างเย็นชา “ต่อไปพวกเราจะมาจัดการเรื่องคัดลอกบทละครค่ะ”
พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของลั่วเหวินปินก็โหดมากขึ้น
ใช่ เขายังมีโอกาส
ชูกวงมีเดียไม่มีทางรอดเรื่องคัดลอกผลงานแน่
ที่เขาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทำเรื่องโฉมงามคีรีธารที่เป็นนวนิยายมาไม่ใช่เพื่อเอามาทำละคร แต่เพื่อเอาไว้เล่นงานชูกวงมีเดียในภายหลัง
ตามคาด เวลานี้กระแสในเน็ตได้เปลี่ยนไปภายใต้การนำของพวกหน้าม้า
[อยากถามหน่อยว่าจะแก้ตัวเรื่องคัดลอกผลงานยังไงไม่ทราบ ในเมื่อลำดับเวลามันชัดเจนขนาดนี้!]