ตอนที่ 445 ตระกูลแนวหน้าของตี้ตูต่างมาเพื่ออิ๋งจื่อจิน
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว
เขานั่งพิงโซฟา ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้า สีหน้าเอื่อยเฉื่อย ยิ้มทีเล่นทีจริง
“เยาเยา ดูสิ มันสมกับเป็นเบบี๋หมูของพวกเราจริงๆ นิสัยแบบนี้เหมือนเธอเลย”
อิ๋งจื่อจิน “…”
เธอเงยหน้าที่ไร้อารมณ์ ในดวงตาหงส์ฉายแววอาฆาต
เธอพบว่ามีคนประเภทหนึ่งที่เก่งเรื่องยั่วโมโหโดยกำเนิด
เนี่ยเฉาชอบใจ “สุดยอด คุณชายเจ็ด นายยังสามารถออกลูกเป็นสปีชีส์อื่นได้ เจ๋งจริงๆ”
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินหรี่ลง กวาดตามองไปทางเนี่ยเฉา
“ฉันหุบปากละ ไม่พูดละ” เนี่ยเฉารีบกอดตะกร้าเชอร์รี่เดินไปทางห้องครัว “ฉันจะเป็นกอขอคอไม่ได้”
ผู้เฒ่าทั้งสองก็ไปที่ห้องอาหาร ยกห้องรับแขกให้พวกหนุ่มสาว
อิ๋งจื่อจินถึงได้โยนหมอนอิงในมือใส่ฟู่อวิ๋นเซิน
“แฟนสาว ผมสำนึกผิดแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่แกล้งเธออีก ดวงตาดอกท้อโค้งมน พูดอ้อน
“ดูสิ พี่ชายชอบเธอขนาดนี้เลยนะ”
ขณะพูดยังได้ยกสองมือประกบเป็นรูปหัวใจ
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ สักพักเธอก็พูดขึ้น “ฉันต้องยอมรับ”
“หืม?” แขนของฟู่อวิ๋นเซินกางออก ดึงเธอเข้ามากอด “ยอมรับอะไรเหรอ”
พอได้พิงโซฟามนุษย์ยิ่งสบาย อิ๋งจื่อจินก็พิงเต็มที่ เธอเหลือบมองเขา
“ยอมรับว่าคุณมีชั้นเชิงจีบสาวไม่เบา”
เมื่อก่อนเธอไม่เคยสัมผัสกับเรื่องแบบนี้ แต่เธออ่านหนังสือมาเยอะ
โดยเฉพาะเลขาสาวของเธอที่สามารถค้นนิยายรักมาให้เธอได้เป็นตั้งๆ
“มันไม่เหมือนกัน” ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า หยิกแก้มเธอ
“ต้องดูด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ถ้าเป็นเธอ ต่อให้ทำไม่เป็นก็ต้องเป็น”
พอมีแฟนเขาก็สามารถทำได้ตามใจมากขึ้นหน่อย
อิ๋งจื่อจินหาว เริ่มง่วง
“เยาเยา พรุ่งนี้จะจัดงานฉลองเรื่องระดับการศึกษาให้เธอที่โรงแรมตี้ตู” ฟู่อวิ๋นเซินพูด
“ชุดจะส่งมาพรุ่งนี้เช้า”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็เงยหน้าขึ้น “ฉันไม่อยากไป”
“ตระกูลเนี่ย ตระกูลมู่ ตระกูลตี้อู่ร่วมกันจัดให้เธอนะ” ฟู่อวิ๋นเซินหยุดเล็กน้อยแล้วพูดเสริม
“มีขนมอร่อยๆ”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดชั่วครู่แล้วพยักหน้า
งั้นเธอไปก็ได้
“เดี๋ยวนะ” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “งั้นพี่ชายสำคัญหรือขนมสำคัญกว่า”
อิ๋งจื่อจินตอบโดยไม่ลังเล “คุณสำคัญกว่า”
เธอมองความกังวลใจของเขาออก
อย่างไรเสียเธอก็เคยเรียนจิตวิทยามาระยะหนึ่ง
“เด็กน้อย เธอต่างหากที่เอาใจแฟนเก่งกว่าพี่ชาย” ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินวูบไหว “เอาใจเก่งขนาดนี้”
อิ๋งจื่อจินพิงบ่าของเขา หลับตาลง “ฉันเรียนเก่งมาแต่ไหนแต่ไร”
“เรื่องคุณลุง พี่ชายสืบมาแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอ
“เขาเป็นนักวิจัยที่เซ็นสัญญารักษาความลับ มีชื่อเดิมว่าจี้เฟิงเหมียน”
“เขาอยู่ในโซนใจกลางของอุบัติเหตุทางห้องทดลองบนเกาะเล็กๆ เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน อีกทั้งยังเป็นคนที่ทำขั้นตอนสำคัญทั้งหมด ดังนั้นตระกูลจี้ทุกคนจึงคิดว่าเขาตายแล้ว”
สสารเล่นแร่แปรธาตุอย่างควันพิษเดธเมื่อสูดดมเข้าไปมาก สุดท้ายแม้แต่กระดูกก็ผิดรูป
กว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่สวมชุดป้องกันกัมมันตรังสีจะเข้าไป ในโซนใจกลางก็เหลือเพียงโครงกระดูกแล้ว
ถึงขั้นที่แม้แต่ดีเอ็นเอทั้งหมดก็ยังถูกทำลาย ทำให้ระบุไม่ได้ว่าใครเป็นใคร
สุดท้ายตอนส่งรายชื่อผู้ตายจึงลงเป็นนักวิจัยทั้งหมดที่อยู่ในโซนใจกลาง
เวินเฟิงเหมียนย่อมอยู่ในนั้นด้วย
ต่อมาตระกูลจี้เก็บซากควันพิษเดธมานิดหน่อย พวกเขาพบความเป็นพิษระดับรุนแรงจนน่าตกใจ ด้วยเหตุนี้จึงคิดว่าเวินเฟิงเหมียนคงตายในอุบัติเหตุการทดลองนี้แล้วจริงๆ
จวบจนทุกวันนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าทำไมควันพิษเดธถึงไปปรากฏบนเกาะเล็กๆ แห่งนั้นได้
แต่หลังจากประสบเหตุระเบิดที่เมืองมหาวิทยาลัยในยุโรปมา ฟู่อวิ๋นเซินก็รู้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มอิทธิพลที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปหัวกะโหลกสีดำ
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย “ตระกูลจี้เหรอ”
“ตระกูลจี้ เป็นตระกูลนักวิจัยวิทยาศาสตร์” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ
“ตระกูลนี้มีนักวิจัยระดับประเทศอยู่หลายคน หลายการทดลองที่เป็นความลับล้วนได้พวกเขาเป็นคนทำ”
หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “พวกเขายังเป็นสายที่แตกออกมาจากตระกูลจี้ในโลกจอมยุทธด้วย”
ตระกูลจี้ในตี้ตูเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่แยกออกมาจากตระกูลจี้ในโลกจอมยุทธ
คนกลุ่มนี้ไม่มีพรสวรรค์ทางด้านจอมยุทธ แต่ระดับสติปัญญาสูงมาก สร้างคุณูปการอันสูงส่งให้แก่วงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ถึงแม้พวกเขาจะออกจากโลกจอมยุทธแล้ว แต่ทางตระกูลก็ยังคงดูแลพวกเขา
สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง “มิน่าล่ะ”
ตอนนั้นเวินเฟิงเหมียนสูดดมควันพิษเข้าไปมากที่สุด และก็ถูกกัมมันตรังสีมากที่สุดเช่นกัน
แต่ยังมีชีวิตรอดมาได้ เกรงว่าจะเป็นเพราะพรสวรรค์จอมยุทธในตัวยังอยู่
คนตระกูลจี้กลุ่มนั้นที่ออกจากโลกจอมยุทธในตอนนั้นไม่มีพรสวรรค์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนรุ่นหลังจะไม่มีทางมี
จอมยุทธที่มีพรสวรรค์จะมีกำลังภายในติดตัวมาแต่กำเนิดโดยไม่ต้องฝึก
แข็งแกร่งกว่าจอมยุทธทั่วไปมาก
เพราะการฝึกรวบรวมกำลังภายในเป็นอุปสรรคแรกของจอมยุทธ
เวินเฟิงเหมียนหนีมาจากความตายได้เป็นเพราะพรสวรรค์จอมยุทธในตัวเขาได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้
แต่ในขณะเดียวกันพรสวรรค์จอมยุทธของเขาก็หายไปนับตั้งแต่ตอนนั้น
ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง นี่ไม่ใช่แค่พูดถึงในทางศาสตร์พยากรณ์ แต่มันเป็นสัจธรรมตายตัวที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงบนโลกนี้
เกรงว่าแม้แต่คนที่ปล่อยควันพิษเดธก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะรอดมาได้
เวินเฟิงเหมียนซ่อนชื่อตัวเอง ไปอยู่อำเภอชิงสุ่ยเพราะไม่อยากให้คนตามหาตัวเขาเจอ เดี่ยวจะเป็นการสร้างความยุ่งยากให้คนอื่นอีก
“แต่สืบไม่พบว่าภรรยาของเขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง
“พี่ชายจะลองสืบดูในต่างประเทศกับโลกจอมยุทธ”
อย่างไรเสียเทคโนโลยีกับการคมนาคมในสมัยนั้นก็ล้าหลังมาก โดยเฉพาะเขตยากแค้นสำคัญอย่างอำเภอชิงสุ่ย
อีกทั้งยี่สิบปีมานี้ คนกลุ่มที่เคยอาศัยอยู่อำเภอชิงสุ่ยส่วนใหญ่ก็ได้ย้ายออกไปแล้ว เหลือเพียงคนเฒ่าคนแก่ที่มีจำนวนไม่มาก
ข้อมูลเดียวที่มีประโยชน์ที่ได้มาก็คืออดีตภรรยาของเวินเฟิงเหมียนสวยมาก
นอกจากนี้ก็ไม่มีข้อมูลอื่นแล้ว
“ไม่จำเป็น” อิ๋งจื่อจินพูด “เธอจะปรากฏตัวหรือไม่ฉันไม่แคร์ แต่ห้ามมาทำร้ายพ่อกับเสี่ยวหลานอีก”
เวินทิงหลานอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตันเธอวางใจมาก
ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นอยากไปหา ชีวิตนี้ก็ไม่มีทางหาเจอ
เพียงแต่เมื่อถึงเวลาเวินเฟิงเหมียนมาปรากฏตัวในตี้ตู ถ้าผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ จะต้องดึงดูดความสนใจของเธอแน่นอน
ไม่ว่าอย่างไรเธอต้องปกป้องคนในครอบครัวของเธอ
…
อีกด้านหนึ่ง
สุดท้ายอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ยังคงไม่สามารถกลับบ้านตระกูลอิ๋งได้ ตามจิ่งหงเจินไปอาศัยอยู่ในโรแรมเล็กๆ ที่ห่างไกลมาก
ถึงแม้โรงแรมนี้จะไม่สกปรกไม่วุ่นวาย แต่ก็มีแค่หนึ่งเตียงกับหนึ่งตู้
อิ๋งเย่ว์เซวียนใช้ชีวิตแบบคนรวยมาจนชิน ยังไม่เคยพักห้องแบบนี้มาก่อน
เธอเม้มริมฝีปาก ทำได้เพียงอยู่ไปอย่างยอมรับชะตากรรม
แต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมท่าทีของจงมั่นหวาที่มีต่อเธอถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนั้น
ตอนที่คนกลุ่มนั้นบุกบ้านจะมาเอาตัวเธอไป จงมั่นหวายังถึงกับขายอิ๋งจื่อจินเพื่อช่วยเธอ
ทำไมแค่ผลคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็กลายเป็นแบบนี้ได้
“ฉันเคยบอกไว้แล้ว แม่ของเธอคนนี้ไม่มีทางจริงใจกับเธอหรอก”
จิ่งหงเจินมองด้วยความสงสาร
“ถ้าอยากให้ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรให้ด้วยใจ ตัวเธอเองก็ต้องยอดเยี่ยมเสียก่อน”
“ดังนั้นต่อให้อิ๋งจื่อจินเก่งกว่าเธอ แต่ถ้าเธอไม่หลุดจากมาตรฐานความเก่งที่ผู้หญิงคนนี้ตั้งไว้ในใจ เธอก็จะยังถูกอุ้มชูอยู่ได้ ไม่ว่ายังไงก็เลี้ยงมาตั้งสิบกว่าปี อีกอย่างเธอว่านอนสอนง่ายกว่าอิ๋งจื่อจิน”
อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ค่อยอยากยอมรับ “อย่างนั้นเหรอ”
“แน่นอน” จิ่งหงเจินพูด “แม่ของเธอคนนี้จัดอยู่ในประเภทคนหัวรั้น เธอถูกควบคุมทุกเรื่องใช่ไหมล่ะเธอถูกมองเป็นผลงานที่ตั้งใจปั้นมาเป็นอย่างดี ตอนนี้ผลงานพังทลายลง ก็ต้องทิ้งแล้วไม่ใช่เหรอ”
ลมหายใจของอิ๋งเย่ว์เซวียนถี่เร็วขึ้น หัวใจกำลังสั่น
“คนที่รักศักดิ์ศรีขนาดนั้น รักแต่ตัวเอง” จิ่งหงเจินยิ้มพลางถอนหายใจ
“สุดท้ายพอถึงเวลาสำคัญก็มีแค่แม่แท้ๆ ที่ช่วยเธอ”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนก็กำมือแน่น “คุณทำอะไรอีก”
เธอเองก็เพิ่งรู้ว่า ที่แท้อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดกับอิ๋งเทียนลี่ว์เมื่อเดือนเมษายนเป็นฝีมือของจิ่งหงเจิน
“รออีกสองสามวันแล้วกัน เดี๋ยวถึงเวลาเธอก็รู้เอง” สุดท้ายจิ่งหงเจินก็พูดประโยคนี้
“แต่ฉันขอเตือนเธอหน่อย ตอนนี้เธอจนมุมแล้ว อยู่เฉยๆ เข้าไว้ อย่าก่อความวุ่นวายอีก”
“พวกเราไม่ต้องการอย่างอื่น ขอแค่ตระกูลอิ๋ง และก็เลิกคิดจะเล่นงานอิ๋งจื่อจิน เด็กคนนั้นอยู่คนละโลกกับเธอแล้ว”
อิ๋งเย่ว์เซวียนหายใจติดขัดยิ่งกว่าเดิม แต่ก็จำต้องยอมรับความจริงเรื่องนี้
เธอพยายามข่มอารมณ์ “ได้ ฉันจะรอ”
เธอต้องการแก้แค้น
เธอจะแก้แค้นจงมั่นหวาแน่นอน
…
เย็นวันต่อมา
โรงแรมตี้ตู
ช่วงสองวันมานี้มีหลายตระกูลในตี้ตูที่จัดงานเลี้ยงฉลองเลื่อนระดับการศึกษา
แต่ตระกูลที่จะปิดโรงแรมใหญ่อย่างโรงแรมตี้ตูเพื่อจัดงานเลี้ยงได้ก็มีแค่ตระกูลชั้นแนวหน้าไม่กี่ตระกูลของตี้ตูเท่านั้น
เมิ่งหรูกับพ่อหยวนมานานแล้ว หยวนจยาเฉิงก็อยู่ด้วย
งานเลี้ยงฉลองเลื่อนระดับการศึกษาไม่ต่างจากงานเลี้ยงฉลองตรุษจีนครั้งก่อน ต้องมีบัตรเชิญถึงจะเข้าได้
แขกคนไหนที่มาแล้วก็สามารถเข้างานได้ทันที
นี่เป็นการตัดสินใจของผู้เฒ่าเนี่ย บอกว่าต้องจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่โตให้อิ๋งจื่อจินให้ได้
ส่วนเรื่องถอนหมั้น หยวนจยาเฉิงไม่มีความรู้สึกใดๆ
เขารู้ว่าตัวเองเป็นลูกชายคนโตย่อมต้องแต่งงานเพื่อเกี่ยวดอง ภรรยาจะเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเส้นสายและความสามารถ
เรื่องเดียวที่เมิ่งหรูปลอบใจตัวเองได้ก็คือ ตอนนี้อิ๋งจื่อจินยังไม่รู้จักคนตระกูลเนี่ย
พ่อหยวนอดตะลึงไม่ได้ “ตระกูลเนี่ยเล่นใหญ่มากจริงๆ”
“ใช่ไหมล่ะคะ” เมิ่งหรูก็ยิ้ม “ก็ไม่รู้ว่าเป็นเด็กคนไหนในตระกูลเนี่ยที่เป็นคนโปรดขนาดนี้”
หยวนจยาเฉิงที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น “บนนั้นมีชื่อครับ”
เมิ่งหรูเงยหน้า
ด้านบนสุดเป็นหน้าจอที่มีตัวหนังสือสีแดงวิ่งอยู่
เวลานี้มีคำอวยพรที่ครบประโยคปรากฏพอดี
[ตระกูลเนี่ย ตระกูลมู่ ตระกูลตี้อู่ร่วมกันฉลองให้คุณอิ๋งจื่อจินที่ทำคะแนนยอดเยี่ยมในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย!]