ตอนที่ 463 กรรมตามสนองสุดท้าย ผลตรวจดีเอ็นเออีกฉบับหนึ่ง
เป็นเตียงผู้ป่วยสีขาว
จงมั่นหวาที่อยู่บนเตียงสวมชุดคนไข้ ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด บนศีรษะมีผ้าก๊อซพันเอาไว้หลายชั้น
อาการดูไม่ค่อยดี
สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ พอจงมั่นหวาเห็นกล้องยังคงนิ่งสงบ ทั้งยังยิ้มให้
เพียงแต่เป็นรอยยิ้มที่เจือไปด้วยความน่ากลัว คล้ายหุ่นเชิด
อิ๋งจื่อจินยังคงไม่รู้สึกอะไร สายตาเรียบเฉย “เป็นที่สภาพจิตใจเหรอคะ”
“หมอบอกเพราะสะเทือนใจอย่างหนัก สมองส่วนฮิปโปแคมปัสกระทบกระเทือน” ผู้เฒ่าจงพูด “ไม่ใช่แค่ความทรงจำเสียหาย ตัวเองยังสร้างโลกขึ้นมาอีกใบด้วย เดินออกมาไม่ได้”
“กำลังอยู่ในช่วงรักษา แต่ก็เป็นไปได้ที่จะรักษาไม่หายไปทั้งชีวิต”
“พอเรียก ก็ไม่ตอบสนอง” ผู้เฒ่าจงถอนหายใจอีกครั้ง “เวลาที่ตอบสนองก็จะพูดกับคนอื่นว่าลูกตัวเองสวยน่ารักขนาดไหน”
อิ๋งจื่อจินเพิ่งสังเกตเห็นว่าจงมั่นหวากอดตุ๊กตาตัวเล็กไว้ คอยลูบอยู่เรื่อยๆ
“จื่อจิน จงมั่นหวาทำตัวเองทั้งนั้น หลานไม่ต้องรู้สึกผิด” ผู้เฒ่าจงพูดต่อ “หลานไปทำธุระเถอะ”
หลังจบบทสนทนาผู้เฒ่าจงก็มองจงมั่นหวา สีหน้ากลุ้มใจ
“ถ้าแม่เราสติฟื้นกลับมาจะสำนึกความผิดของตัวเองไหม”
แม้แต่เขาก็นึกไม่ถึงว่าจงมั่นหวาจะสะเทือนใจจนสติฟั่นเฟือน
เผยเทียนลี่ว์ที่อยู่ข้างๆ ส่ายหน้า ยิ้มเศร้า “ไม่รู้สิครับ”
ผู้เฒ่าจงถอนหายใจ “เทียนลี่ว์ เฝ้าแม่เราไว้นะ ตาจะไปร่างหนังสือหย่า จะปล่อยสารเลวอิ๋งเจิ้นถิงไว้ไม่ได้”
อิ๋งเทียนลี่ว์พยักหน้า เม้มริมฝีปากเล็กน้อย
“ลูก! ลูกแม่!” ทันใดนั้นจงมั่นหวาที่อยู่บนเตียงก็มีอาการตื่นตระหนก ดีดดิ้นลุกขึ้นมานั่ง สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ลูกหายไปแล้ว คุณเห็นลูกฉันไหม”
เธอดิ้นแรงมาก ดึงสายน้ำเกลือออก
“หมอครับ!” อิ๋งเทียนลี่ว์สีหน้าเปลี่ยน รีบกดปุ่มเรียกหมอ “หมอครับ!”
หมอที่รับหน้าที่ดูคนไข้รีบวิ่งมา เขาตรวจอาการของจงมั่นหวา
“คุณอิ๋งครับ ช่วยถอยหน่อยครับ อาการเธอกำเริบอีกแล้ว พวกเราต้องฉีดยานอนหลับให้เธอครับ”
พยาบาลสองคนเดินเข้าไปจับจงมั่นหวาไว้
อิ๋งเทียนลี่ว์กำมือ ถอยไปหนึ่งก้าว “รบกวนด้วยครับ”
ช่วงไม่กี่วันมานี้จงมั่นหวามีอาการแบบนี้มาตลอด
เดี๋ยวก็หัวเราะเหมือนคนบ้า เดี๋ยวก็ร้องไห้คร่ำครวญ
พอฉีดยานอนหลับเสร็จ จงมั่นหวาก็เริ่มสงบลง
เธอพิงเตียง สายตาเหม่อลอย ไม่รู้ว่าสมองเกิดภาพหลอนอะไรอีก
อิ๋งเทียนลี่ว์ช่วยห่มผ้าให้ พูดเสียงเบา “แม่ครับ เสียใจเหรอครับ”
จงมั่นหวายังคงจมอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ตอบสนองใดๆ หัวเราะเป็นช่วงๆ
เสียใจ แต่ก็ไม่ทันแล้ว
ชีวิตนี้เธอต้องทรมานอยู่กับความเสียใจ ติดอยู่ในโลกมโนภาพ
อีกทั้งโรคนี้หนักหนามาก แม้แต่ญาติก็ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมแค่เดือนละครั้ง
โดดเดี่ยวอย่างแท้จริง
นี่คือกรรมตามสนอง โหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่าตาย
…
อีกด้านหนึ่ง
อิ๋งจื่อจินโทรบอกคุณนายจี้ว่าเธอค่อยกลับไปกินข้าวเย็นด้วย จากนั้นก็ไปร้านบุฟเฟต์กับฟู่อวิ๋นเซิน
เพื่อป้องกันลูกค้าในร้านจำได้ ทั้งสองคนจึงนั่งโต๊ะมุมสุด
“คิดว่าคนแบบนั้นจะสำนึกความผิดของตัวเองจริงเหรอ” พอเห็นอิ๋งจื่อจินเหมือนจะจมอยู่กับความคิด ฟู่อวิ๋นเซินจึงจิ้มแก้มเธอพลางพูด
“ไม่หรอก อันที่จริงยังไม่เลย ถ้าผู้หญิงคนนั้นสำนึกความผิดของตัวเองได้จริงคงไม่มีทางสร้างโลกขึ้นมาอีกใบ”
“เสวี่ยเซิงเคยเล่าอาการที่คล้ายกันให้ฟัง เคสแบบนี้ พวกเขาแค่อยากหนีจากโลกความจริง ไม่อยากรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”
“เลิกพูดถึง” อิ๋งจื่อจินพูด “ไม่สนใจนานแล้ว ฉันกำลังคิดเรื่องตระกูลจี้”
คนเราทำผิดกันได้ ต้องให้โอกาส
แต่ถ้าผิดซ้ำซากก็จะไม่เหลืออะไร
ถ้าเธอไม่ฟื้นขึ้นมาได้ทันเวลา เธอคงถูกสูบเลือดจนหมดตัว ตายในบ้านตระกูลอิ๋งไปแล้ว
“เธอกับคุณลุงเตรียมร่วมโปรเจ็กต์ทดลองนี้ของตระกูลจี้เหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินรินน้ำผลไม้ให้เธอ
“ให้ช่วยอะไรไหม”
“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “คุณบอกฉันว่าทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันวิจัยออกมาได้ว่าควันพิษเดธเป็นสสารเล่นแร่แปรธาตุ พ่อฉันบอกว่าควันพิษเดธที่พวกเราเจอแตกต่างจากที่เขาเคยเจอในตอนนั้น รุนแรงกว่า”
“ข้อมูลวิจัยอยู่ในตระกูลจี้ ไม่ต้องรอให้พ่อพูดฉันก็ต้องทำการทดลองนี้ต่อไป”
ใครกันที่ฆ่าฟู่หลิวอิ๋ง
และใครกันที่อยากให้เวินเฟิงเหมียนกับพวกอัจฉริยะของเมืองมหาวิทยาลัยในยุโรปตายไป
ไม่ว่าจะเป็นคนแรกหรือคนหลัง เธอก็ต้องการตามสืบต่อ
ตอนที่เธอรักษาผู้เฒ่าฟู่ อันที่จริงก็สังเกตเห็นแล้วว่าพิษที่อยู่ในร่างกายผู้เฒ่าฟู่คล้ายถูกสร้างมาจากการเล่นแร่แปรธาตุ เพียงแต่ไม่เด่นชัด
“สืบเลย” แขนของฟู่อวิ๋นเซินวางอยู่บนที่พักแขน เหลือบตาขึ้นพร้อมยิ้ม “เป้าหมายของพี่ชายใหญ่มาก พี่ชายจะบังให้เธอเอง”
“ผู้บัญชาการ ใจเย็นๆ” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย “คงไม่อยากให้ฉันไม่มีแฟนใช่ไหม”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ แต่ตูตูกลับโผล่หัวออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้วยความดีใจ ทั้งยังทำเสียงฮึดๆ เพื่อบอกว่ายังมีมันอยู่นะ
“…”
ฟู่อวิ๋นเซินเหล่มองตูตู สีหน้ากึ่งยิ้ม
เขาแอบนึกเสียใจนิดหน่อยที่ตอนนั้นซื้อหมูแคระที่ตัวเล็กขนาดนี้ให้เธอ ทำให้ตอนนี้เธอพกมันติดตัวตลอด
ตูตูหดหัวกลับไปอย่างภูมิใจ
โทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะสั่น ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมอง
“เยาเยา ข่าวดี จิ่งหงเจินถูกจับแล้ว จำคุกตลอดชีวิต ทรัพย์สินของตระกูลอิ๋งพี่ชายให้คนโอนทั้งหมดให้อิ๋งเทียนลี่ว์แล้ว”
“อืม” อิ๋งจื่อจินเอามือเท้าคาง “คุณจัดการไปก็พอ”
“ฉันเอาไปห้องทดลองด้วยไม่สะดวก” เธอคิดแล้วหยิบตูตูออกมา
“รบกวนแฟนหนุ่มช่วยดูแลเบบี๋หมูของตัวเองด้วยนะ”
ฟู่อวิ๋นเซินกะพริบตาหนึ่งทีแล้วยิ้ม พูดอย่างใจเย็น “ได้เลย”
ตูตู “…”
ไม่ มันไม่อยาก
…
เนื่องจากไม่มีตับให้ปลูกถ่าย อิ๋งเจิ้นถิงก็แทบอยู่ในโรงพยาบาลต่อไม่ไหว
อิ๋งเทียนลี่ว์มาดูเขาเป็นครั้งสุดท้าย
“ตระกูลอิ๋งไม่มีเงินแล้วครับพ่อ พอหมดเงินที่จ่ายไปครั้งก่อน พ่อก็ต้องออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ”
“อิ๋งเทียนลี่ว์!” อิ๋งเจิ้นถิงโมโหมาก “แกเป็นลูกชายของใคร ทำไมกล้าทำแบบนี้!”
“คุณอิ๋ง ผมไม่อยากเรียกคุณว่าพ่อแล้ว” อิ๋งเทียนลี่ว์กุมศีรษะ แสยะยิ้ม “คุณทำลายชีวิตคนสี่คน ยังไม่พออีกเหรอ”
จงมั่นหวาเข้าโรงพยาบาลประสาท อิ๋งจื่อจินถูกสูบเลือด อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ตกอับไปแล้ว
แม้แต่ชีวิตของเขาก็ถูกทำลาย
เดิมทีเขาสามารถมีครอบครัวที่ดีได้
“ฉันทำลายชีวิตคนสี่คนอะไรกัน” อิ๋งเจิ้นถิงปากแข็งไม่ยอมรับ เขาแสยะยิ้ม “ฉันทำอะไรที่ไหน ก็แค่นอกใจไม่ใช่เหรอ ทำไม เรื่องแบบนี้ในตระกูลเศรษฐีมีเยอะแยะไป”
เขาทุ่มเทให้การทำงานมากพอแล้วด้วย
ตอนนั้นที่มีอิ๋งเย่ว์เซวียนกับจิ่งหงเจินเกิดจากความไม่ตั้งใจ
เพียงแต่ตอนนั้นเขายังชอบจิ่งหงเจินอยู่จริงๆ ก็เลยฟังข้อเสนอของเธอ เอาอิ๋งจื่อจินไปทิ้งแล้วพาอิ๋งเย่ว์เซวียนเข้าบ้านตระกูลอิ๋ง
อย่างไรเสียในอนาคตก็ต้องให้อิ๋งเทียนลี่ว์สืบทอดตระกูลอิ๋งอยู่ดี ส่วนลูกสาวจะยังไงก็ได้
ต่อมาอิ๋งเย่ว์เซวียนยอดเยี่ยมในทุกด้าน อิ๋งเจิ้นถิงจึงมองเธออีกแบบ
“ก็แค่นอกใจงั้นเหรอ” อิ๋งเทียนลี่ว์โมโหมากเกินจนเริ่มใจเย็นลง
“งั้นผมจะบอกคุณให้ คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณเป็นโรคนี้ได้ยังไง ฝีมือของจิ่งหงเจินไงล่ะ สมน้ำหน้า”
อิ๋งเจิ้นถิงสีหน้าเปลี่ยน “แกว่าไงนะ!”
ที่ตับของเขามีปัญหา จิ่งหงเจินมีส่วนด้วยงั้นเหรอ
เขานึกออกแล้ว ช่วงนั้นจิ่งหงเจินเป็นคนเอาข้าวมาให้เขาหรือว่า…
“นังผู้หญิงสารเลว!” เส้นเลือดปูดขึ้นที่หน้าผากของอิ๋งเจิ้นถิง
“นังนั่นอยู่ไหน รีบไปจับตัวมา ฉันจะเอาให้ตาย!”
อิ๋งเทียนลี่ว์ไม่อยากพูดกับอิ๋งเจิ้นถิงให้มากความ เขายืนขึ้น สายตาเย็นชา
“กฎหมายจะลงโทษคุณ แต่ก็ไม่รู้ว่าคุณจะอยู่ถึงตอนศาลไต่สวนหรือเปล่า ผมไม่มีทางสนใจคุณ”
เขาหันตัวเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยอย่างไม่สนใจใยดีแม้แต่น้อย
อิ๋งเจิ้นถิงโมโหตะโกนด่าไล่หลัง
โมโหความดันขึ้น แถมเดิมทีก็เป็นโรคตับ อิ๋งเจิ้นถิงหมดสติไปอีกครั้ง
หมอยังคงทำหน้าที่ในการรักษาอย่างสุดความสามารถ
แต่ใครก็รู้ว่าถ้าไม่ปลูกถ่ายตับ อิ๋งเจิ้นถิงจะต้องตายในไม่ช้าก็เร็ว
…
หลังจากอิ๋งเทียนลี่ว์ออกจากโรงพยาบาลก็ไปเก็บของของอิ๋งเจิ้นถิงที่บริษัท
เขารับช่วงต่ออิ๋งซื่อกรุ๊ป อีกทั้งควบกิจการรวมกับบริษัทที่เขาเปิด
สองวันนี้เขายังได้หลายออเดอร์ที่ทางตี้ตูส่งมาให้
อิ๋งเทียนลี่ว์จัดการโละของที่ไม่จำเป็นออกไป เอกสารที่มีประโยชน์ก็กองไว้ด้วยกัน
จนกระทั่งเขาสังเกตเห็นของอย่างหนึ่งในตู้เซฟ
สีหน้าของเขาชะงัก
มันคือผลตรวจดีเอ็นเออีกฉบับหนึ่ง