ตอนที่ 468 บัตรเชิญของโลกแพทย์แผนโบราณกับโลกจอมยุทธ์
คลาสทดลองที่มหาวิทยาลัยตี้ตูเพิ่งเปิดใหม่ปีนี้ดูแลโดยสาขาชีววิทยาและสาขาเคมี แต่ไม่ได้เป็นของทั้งสองสาขานี้ ถือเป็นโครงการพิเศษที่แยกเดี่ยวของมหาวิทยาลัยตี้ตู
และก็เพิ่งทำการทดสอบคัดเลือกเข้าคลาสไปเมื่อเดือนที่แล้ว
ต้องผ่านการทดสอบเท่านั้นถึงจะเข้าคลาสทดลองนี้ได้
ตอนนี้อยู่ในช่วงขึ้นทะเบียนนักศึกษาใหม่ ดังนั้นนักศึกษาใหม่จึงไม่รู้ว่ามีคลาสนี้ คนที่เข้าคลาสล้วนเป็นนักศึกษาปีสองและปีสาม
การลงทุนในด้านทรัพยากรให้คลาสทดลองนี้มีมากกว่าคลาสทั่วไปถึงสิบเท่า
“พี่สาวหนูเรียนด้านชีวเคมีค่ะ” อิ๋งจื่อจินตบบ่าจี้หลี “หนูอยากขอให้ท่านอธิการให้สิทธิ์เธอได้ทดสอบค่ะ”
“สิทธิ์ทดสอบน่ะได้” เฉินจวิ้นเซียนมองจี้หลีแล้วพยักหน้า “แต่ถ้าไม่ผ่านก็ไม่รับเข้าคลาสอยู่ดี”
“ทราบค่ะ” อิ๋งจื่อจินตอบ “ต้องให้เป็นไปอย่างยุติธรรมแน่นอนค่ะ”
เมื่อถึงปีหน้าคลาสทดลองเปิดอีกครั้ง จี้หลีก็ยังจะเข้าได้แน่
ก็แค่ช้าหรือเร็วเท่านั้น
อีกทั้งเนื่องจากจี้อี้หางทำการทดลองชีวเคมีมาตลอด จี้หลีได้ฟังได้เห็น เธอย่อมเก่งกว่าคนรุ่นเดียวกันในด้านนี้
“ผมจะให้คนเอาแบบทดสอบมาส่ง” เฉินจวิ้นเซียนพยักหน้า ยกหูโทรศัพท์บนโต๊ะแล้วกดโทร “ทดสอบที่นี่เลยแล้วกัน”
ไม่นานก็มีคนเอาแบบทดสอบมาให้
ภายในห้องทำงานอธิการบดีมีห้องหนังสือในตัว เฉินจวิ้นเซียนจึงให้จี้หลีเข้าไปทำในนั้น
เวลานี้สภาพจิตใจของจี้หลีสงบลงแล้ว
นี่เป็นโอกาสที่อิ๋งจื่อจินให้เธอ เธอห้ามพลาดเป็นอันขาด
พอจี้หลีเข้าไปแล้วเฉินจวิ้นเซียนก็มองอิ๋งจื่อจิน ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “นักศึกษาอิ๋ง ผมได้ยินศาสตราจารย์จั่วบอกว่าคุณอยากวิจัยควันพิษเดธเหรอ”
“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินไม่ปิดบัง สีหน้าชะงักนิดหน่อย “ท่านอธิการคะ ท่านเองก็รู้ว่านี่อาจเป็นสิ่งที่เป็นภัยต่อมวลมนุษยชาติ ไม่มีใครหนีพ้น”
ควันพิษเดธไม่ได้ติดชาร์ตอันดับยาพิษ
อิทธิพลกลุ่มนั้นที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปหัวกะโหลกสีดำน่าจะมีของจำพวกเดียวกันอีกมากมาย
แต่ตอนนี้พวกเขาหายตัวไปแล้ว
มหาวิทยาลัยนอร์ตันก็สืบไม่พบว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน
ดังนั้นก็เป็นไปได้แค่อาจอยู่ในที่ที่คล้ายโลกจอมยุทธ์ อยู่บนโลกมนุษย์ แต่ปิดกั้นโลกภายนอก
เป็นเหมือนกับจอมยุทธ์ พวกเขาก็มีข้อจำกัด ไม่ได้แสดงอำนาจบาตรใหญ่อย่างแท้จริง
มีเหรอที่เฉินจวิ้นเซียนจะไม่รู้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ เขาถอนหายใจ พูดได้เพียงว่า “ดูแลตัวเองด้วย อนาคตของคุณสำคัญมาก คนแก่อย่างพวกผมจะปกป้องหนุ่มสาวอย่างพวกคุณ”
สองชั่วโมงต่อมาจี้หลีก็ทำแบบทดสอบเสร็จ
เฉินจวิ้นเซียนให้คนเอาแบบทดสอบของเธอไปส่งให้ทางศาสตราจารย์ตรวจ จากนั้นก็เดินออกไปส่งอิ๋งจื่อจินด้วยตัวเอง “ตอนบ่ายผลก็ออกแล้ว ไว้ผมจะแจ้งพวกคุณไปนะ”
…
โลกจอมยุทธ์
บ้านตระกูลหลิง
หลังจากเจียงหรานเรียนจบมัธยมปลายก็กลับโลกจอมยุทธ์อย่างเป็นทางการ
เจียงฮว่าผิงก็รู้ว่าลูกชายไม่ชอบเรียน จึงไม่ได้คิดจะให้เขาเข้ามหาวิทยาลัยอีก
เจียงหรานเป็นจอมยุทธ์ที่มีพรสวรรค์ หลังจากกำลังภายในในร่างกายหยุดแปรปรวน เขาก็ฝึกจนสูงขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง
เจียงฮว่าผิงกับหลิงฉงโหลวปรึกษากันว่าจะส่งเจียงหรานไปสำนักศึกษาของศาลสถิตยุติธรรม แต่ก็ต้องเข้าร่วมทดสอบ
“นี่เป็นบัตรเชิญของงานประมูลปีนี้” หลังจากหลิงฉงโหลวกลับมาจากศาลสถิตยุติธรรมก็เอาบัตรเชิญให้พ่อบ้าน “พรุ่งนี้เรียกรวมสมาชิกของตระกูลทั้งหมด แจกจ่ายให้ตามความสามารถ”
พ่อบ้านพยักหน้าแล้วรีบไปจัดการ
“พ่อ ผมขอบัตรเชิญสองสามใบสิ” เจียงหรานได้ยินก็เงยหน้าขึ้นจากเครื่องเกม “ผมจะเอาไปให้เพื่อน”
“หมายถึงจื่อจินกับเสี่ยวอวี่เหรอ” หลิงฉงโหลวคิดแล้วตอบ “ได้ เอาไปสิ”
เจียงหรานกลับเข้าห้องตัวเอง ถ่ายรูปบัตรเชิญแล้วส่งให้อิ๋งจื่อจินรวมถึงพวกซิวอวี่
[พ่ออิ๋ง ฉันรู้ว่าเธออาจจำเป็นต้องใช้สมุนไพร งานประมูลปีละครั้งของโลกแพทย์แผนโบราณกับโลกจอมยุทธ์มาถึงแล้ว จัดเดือนหน้า ฉันจะให้คนเอาบัตรเชิญไปให้เธอนะ]
ตอนที่อิ๋งจื่อจินได้ข้อความนี้เธอเพิ่งกลับถึงบ้านจี้อี้หางพร้อมจี้หลี
เธอดูรูปที่เจียงหรานส่งมา จากนั้นก็ดูบัตรเชิญที่เมื่อวานได้มาจากฟู่อวิ๋นเซิน พบว่าเหมือนกันไม่มีผิด
งานประมูลของโลกจอมยุทธ์กับโลกแพทย์แผนโบราณมีเยอะมาก แต่งานระดับนี้มีเพียงปีละครั้ง จัดโดยศาลสถิตยุติธรรม
สิ่งที่นำมาประมูลในงานล้วนเป็นสมุนไพรชั้นยอด และยังมีพวกสิ่งของหายากอีกนิดหน่อย
ดังนั้นไม่ใช่ว่าตระกูลไหนก็ไปได้
อย่างตระกูลเยี่ยก็ไม่ได้รับบัตรเชิญ
อิ๋งจื่อจินพิมพ์ตอบกลับ
[บัตรเชิญไม่ต้องหรอก ฉันมี ฉันจะไป]
เจียงหรานส่งสติกเกอร์ตอบกลับ
เป็นรูปหมากระดิกหาง
“…”
อิ๋งจื่อจินวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วไปเขียนแผนทดลอง
ส่วนประกอบการทดลองที่เกอร์เวนช่วยซื้อให้น่าจะมาถึงคืนนี้ พรุ่งนี้เธอกับเวินเฟิงเหมียนจะเริ่มทำการทดลองอย่างเป็นทางการ
ภายในห้องครัว
จี้หลีเดินเข้าไปหาคุณนายจี้ด้วยความระมัดระวังแล้วกระซิบ “แม่คะ แม่ต้องคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่าวันนี้หนูไปเจอใครมา”
คุณนายจี้กำลังหมักเนื้อสัตว์ “ใครเหรอ”
“อธิการบดีเฉินจวิ้นเซียนค่ะ”
คุณนายจี้มือสั่น “ลูกไปเจออธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตูมาเหรอ”
“ไม่ใช่แค่เจอนะคะ หนูยังได้ทำแบบทดสอบในห้องหนังสือของเขาด้วย” จี้หลีเล่าเรื่องให้ฟัง “หนูว่าหนูตอบคำถามได้ดี น่าจะเข้าคลาสทดลองได้”
สีหน้าของคุณนายจี้เริ่มเครียด “เสี่ยวหลี พยายามเข้านะลูก แต่อย่าเที่ยวเอาไปพูด สถานการณ์ของน้องสาวลูกจะยิ่งเป็นอันตราย”
ในเมื่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตูออกหน้า ถ้าอย่างนั้นเหยียนรั่วเสวี่ยก็หมดหนทางจะถอนทะเบียนนักศึกษาของจี้หลีแล้ว
“แน่นอนค่ะ” จี้หลีพยักหน้า “แม่คะ แม่รู้ไหมว่าคลาสทดลองคลาสนี้ในหนึ่งปีได้เงินสนับสนุนเท่าไร”
เธอชูกำปั้นขึ้นมาข้างหนึ่ง พูดด้วยความตื่นเต้น “พันล้านค่ะ”
“ไม่แปลกหรอก” คุณนายจี้พูด “งานครบรอบมหาวิทยาลัยตี้ตูปีที่แล้วมีศิษย์เก่าคนหนึ่งบริจาคไปห้าพันล้าน”
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยตี้ตูตอนนี้เป็นเศรษฐีกันหมดแล้ว
…
เวลาบ่ายสี่โมงผลทดสอบของจี้หลีก็ออก
คะแนนเต็มหนึ่งร้อยคะแนน จี้หลีได้แปดสิบเจ็ดคะแนน
ตามกฎคือขอแค่ได้เกินเจ็ดสิบคะแนนขึ้นไปก็สามารถเข้าคลาสทดลองนี้ได้
อันดับหนึ่งของการทดสอบคราวก่อนได้คะแนนสูงกว่าจี้หลีแค่สามคะแนน
เนื่องจากเป็นคนที่อิ๋งจื่อจินแนะนำมา อีกทั้งคะแนนของจี้หลียังสูงขนาดนี้ เฉินจวิ้นเซียนจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
เขาไปที่ฝ่ายรับนักศึกษาของสาขาชีววิทยาด้วยตัวเองเพื่อย้ายทะเบียนนักศึกษาของจี้หลีไปอยู่ในคลาสทดลองชีวเคมี
พอเฉินจวิ้นเซียนออกไป เหยียนรั่วเสวี่ยก็มาที่ฝ่ายรับนักศึกษาของสาขาชีววิทยาด้วยอารมณ์โกรธ
“ศาสตราจารย์เหยียน” เจ้าหน้าที่รู้จักเธอ จึงถามอย่างให้เกียรติ “มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“ค้นข้อมูลนักศึกษาที่ชื่อจี้หลีให้หน่อยค่ะ” เหยียนรั่วเสวี่ยน้ำเสียงเย็นชา “จากนั้นก็ถอนทะเบียนนักศึกษาของเธอ”
เธอนึกไม่ถึงว่าจี้หลีจะไม่มาหาเธอจริงๆ
เธออุตส่าห์เจตนาดีจะผลักดันจี้หลี แต่จี้หลีกลับไม่ไว้หน้าเธอขนาดนี้
งั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องเห็นใจจี้หลีเหมือนกัน
คนเราต้องรู้จักสูญเสียซะบ้าง ถึงจะสำนึกในความผิดของตัวเอง
โปรเจ็กต์ทดลองของเธอมีแต่คนอยากเข้าร่วม ต่อให้ไม่มีจี้หลีเธอก็ยังมีตัวเลือกอีกมากมายให้เลือก
แต่ถ้าจี้หลีเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยตี้ตูไม่ได้ ขาดทุนทรัพย์ไปครึ่งหนึ่ง สถานะของครอบครัวจี้อี้หางก็จะตกต่ำอย่างรุนแรง
น่าเสียดายที่จี้หลีไม่เข้าใจหลักการพวกนี้
“ถอนทะเบียนเหรอครับ” เจ้าหน้าที่ประหลาดใจ แต่เหยียนรั่วเสวี่ยมีอำนาจในจุดนี้จริงๆ เขาจึงไม่พูดอะไรต่อ เริ่มค้นข้อมูลในคอมพิวเตอร์ “ศาสตราจารย์เหยียนรอสักครู่นะครับ”
เหยียนรั่วเสวี่ยรอ
ระหว่างรอจี้อี้หยวนก็ส่งข้อความหาเธอ
[คุณเหยียนครับ ถ้าโปรเจ็กต์ทดลองของคุณขาดคน ทางผมมีเด็กหลายคนที่เก่งใช้ได้ ผมแนะนำให้ได้นะครับ ไม่ต้องการผลงานอะไรมาก แค่ให้พวกเขาได้ไปฝึกฝนกับคุณก็พอครับ]
เข้าร่วมทำการทดลองก็จะมีผลงาน โดยจะได้ลดหลั่นกันไปตามลำดับในรายงาน
แต่ถ้าไม่เอาผลงาน ผลงานทั้งหมดก็จะตกเป็นของผู้รับผิดชอบใหญ่ของโปรเจ็กต์นั้น
จี้อี้หยวนต้องการแสดงออกว่า อยากดึงตัวเหยียนรั่วเสวี่ยมาอยู่กับเขาแบบเต็มตัว
เหยียนรั่วเสวี่ยหรี่ตาแล้วตอบกลับ
[ได้ค่ะ อีกเดี๋ยวให้พวกเขามา]
“ศาสตราจารย์เหยียนครับ เธอไม่ใช่นักศึกษาของคลาสทดลองชีววิทยาครับ” เวลานี้เจ้าหน้าที่เงยหน้าขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ด้วยความกระอักกระอ่วน “ถอนทะเบียนนักศึกษาของเธอไม่ได้ครับ”
สีหน้าของเหยียนรั่วเสวี่ยเย็นชาลง ชักหงุดหงิด “ทำไมจะไม่ใช่ ค้นต่อ ฉันมีเวลาไม่มาก เร็วหน่อยค่ะ”
ตอนที่เธอคัดเลือกคนได้ทำการสืบโดยเฉพาะก่อนแล้ว รู้ว่าจี้หลีกรอกความจำนงขอเข้าคลาสทดลองสาขาชีววิทยา
ถ้าทะเบียนนักศึกษาของจี้หลีไม่อยู่สาขาชีววิทยาจะไปอยู่ที่ไหนได้
“เอ๊ะ ไม่ถูกสิ นักศึกษาจี้หลีเดิมทีเป็นเด็กของคลาสทดลองชีววิทยาจริงๆ ครับ” เจ้าหน้าที่ตีหัวตัวเอง เพิ่งนึกออก “แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วครับ”
เหยียนรั่วเสวี่ยหมดความอดทน น้ำเสียงเย็นชา “ล้อฉันเล่นเหรอคะ อะไรคือเดิมทีใช่ ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ทะเบียนของเธออยู่ๆ ก็หายไปได้งั้นเหรอคะ”
“ศาสตราจารย์เหยียน ผมสาบานได้ครับว่าตัวเองพูดความจริง” เจ้าหน้าที่ลำบากใจ พูดได้แค่ว่า “เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานท่านอธิการบดีได้มาย้ายทะเบียนนักศึกษาของเธอไปเองครับ”