ตอนที่ 473 ไม่มีใครรู้เรื่องไวรัสดีกว่าเทพอิ๋ง
ไวรัสซีเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ ยังไม่มีการตั้งชื่อ แค่ใช้อักษรภาษาอังกฤษมาเรียกแทนไปก่อน
ไวรัสที่ห้องทดลองชีววิทยาของตระกูลจี้ทั้งหมดค้นพบจะต้องรายงานไปที่ศูนย์ไวรัสสากล จากนั้นค่อยตีพิมพ์รายงานสู่โลกภายนอก
ไวรัสชนิดนี้ถูกพบจากแมวน้ำในทวีปแอนตาร์กติกา
ไวรัสไม่จัดว่าเป็นเซลล์ทางชีววิทยา ประกอบด้วยสารพันธุกรรมดีเอ็นเอหรืออาร์เอ็นเออย่างใดอย่างหนึ่ง
ไม่เพียงแต่ไวรัสซีจะเป็นอาร์เอ็นเอไวรัส ยังเป็นอาร์เอ็นเอไวรัสสายคู่อีกด้วย
หลังจากตระกูลจี้ค้นพบ ทำการเปรียบเทียบกับคลังไวรัสก็ไม่พบว่าสอดคล้องกับไวรัสชนิดไหน
สุดท้ายตระกูลจี้จึงยืนยันว่าเป็นไวรัสชนิดใหม่ที่มาจากสัตว์
เดิมทีเหยียนรั่วเสวี่ยไม่ใช่นักวิจัยคนแรกที่ค้นพบไวรัสซี แต่เป็นพวกจี้อี้หยวน
แต่จี้อี้หยวนยกการค้นพบนี้ให้เธอเพื่อเอาใจเหยียนรั่วเสวี่ย
อยู่ดีๆ ก็มีคนยกผลงานให้ เหยียนรั่วเสวี่ยย่อมรับไว้
เรื่องไวรัสซีรู้กันอยู่แค่ภายในตระกูลจี้ อิ๋งจื่อจินเพิ่งกลับมาได้ไม่นานจะรู้ได้ยังไง
“สิบเท่าน้อยไป ขอร้อยเท่าค่ะ” มือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินล้วงกระเป๋า ท่าทางสบายๆ
“เงินสนับสนุนการทดลอง”
ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เงยหน้าด้วยความตกใจ
เอาจริงเหรอ!
เหยียนรั่วเสวี่ยได้ฟังก็แสยะยิ้ม “ร้อนเงินขนาดนั้นเลยเหรอ ได้ ร้อยเท่าก็ร้อยเท่า ว่ามาสิ”
จี้หลีมองเหยียนรั่วเสวี่ยเหมือนมองคนโง่
เทพอิ๋งของเธอเป็นถึงอภิมหาเศรษฐินีแห่งวงการบันเทิง มีเหรอจะร้อนเงิน!
ไม่แปลกหรอก เหยียนรั่วเสวี่ยไม่สนใจพวกข่าวบันเทิง ไม่มีทางรู้หรอกว่าชูกวงมีเดียที่เป็นอาณาจักรบันเทิงทำกำไรได้มากขนาดไหน
หากคำนวณจริงๆ ทรัพย์สินของเทพอิ๋งมีมากกว่าตระกูลจี้ด้วยซ้ำ
เหยียนรั่วเสวี่ยเทียบไม่ได้เลย
“ไวรัสซีติดต่อได้ทางเลือดเท่านั้น” อิ๋งจื่อจินพูดอย่างไม่รีบร้อน
“อาการคล้ายโรคลมชัก หากอาการหนักอาจมีเลือดออกในสมองได้…”
ดวงตาของรองผู้อำนวยการฉายแววตะลึงจนแปรเปลี่ยนเป็นความหนักใจ
ถึงแม้เรื่องการค้นพบไวรัสซีจะรู้กันไปทั้งตระกูลจี้แล้ว แต่รายละเอียดหลายอย่างก็มีแค่คนระดับสูงเท่านั้นที่รู้
พออิ๋งจื่อจินพูดประโยคสุดท้ายจบก็เงยหน้าขึ้น ยังคงสบายๆ “พอหรือยังคะ”
ไวรัสซียังมีอีกชื่อหนึ่งบนเว็บบอร์ดเอ็นโอเค เรียกว่า ไวรัสไคอาร่า
เพียงแต่มันไม่ติดแม้กระทั่งแปดสิบอันดับแรกของชาร์ตยาพิษ ไม่ได้เป็นภัยร้ายแรงมากนัก
แต่ถ้าปล่อยออกไปก็จะสร้างผลกระทบได้ในระดับหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ตามพื้นที่ขนาดใหญ่จึงคุมเข้มมาก
แต่ชาร์ตยาพิษที่ว่านี้ คนทั่วไปไม่มีทางรู้
เหยียนรั่วเสวี่ยอยู่ในแวดวงนักวิจัยวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ถึงระดับชั้นแนวหน้า และเธอก็ไม่ใช่แพทย์แผนโบราณ
อีกทั้งเว็บบอร์ดเอ็นโอเคก็ไม่ได้เป็นที่นิยมในประเทศจีน เธอย่อมไม่มีทางรู้เรื่องพวกนี้
บนชาร์ตอันดับยาพิษมีพิษของประเทศจีนติดอยู่เกือบครึ่ง
แพทย์แผนจีนมีมาก่อนแพทย์แผนโบราณ
เพียงแต่เนื่องจากแพทย์แผนโบราณมีการฝึกกำลังภายใน ทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาดีกว่าแพทย์แผนจีน
แต่แพทย์แผนจีนก็ไม่ได้แย่
ไม่อย่างนั้นในสมัยโบราณก็คงไม่มีทางปรากฏเชื้อไวรัสมากมายขนาดนั้น
ประเทศจีนเป็นประเทศที่เชี่ยวชาญในการรักษามาตลอด
เหยียนรั่วเสวี่ยเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร สีหน้าไม่สู้ดี
เห็นได้ชัดว่าเธอนึกไม่ถึงว่าอิ๋งจื่อจินจะตอบได้
เธอแค่ถามเรื่องไวรัสซีขึ้นมาส่งเดช และก็ไม่เคยแจ้งใครมาก่อน
ต่อให้อิ๋งจื่อจินเคยอ่านข้อมูลวิจัยของตระกูลจี้ จะบังเอิญจำไวรัสซีได้พอดีเลยเหรอ
“เอ่อ ขอโทษนะคะศาสตราจารย์เหยียน” เวลานี้จี้หลีคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ พูดเป็นเชิงขอโทษ
“หลังจากน้องสาวหนูกลับมาที่บ้านตระกูลจี้ พ่อหนูก็เอาเอกสารวิจัยมากมายให้เธออ่าน เธออ่านสามวันก็จบแล้วค่ะ”
“ศาสตราจารย์เหยียนก็พูดอยู่ว่าเธอสอบได้อันดับหนึ่ง คนสอบได้อันดับหนึ่ง ความจำดีอ่านแล้วไม่ลืมก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอคะ คนทั่วไปอย่างพวกเราอย่าไปเทียบเลยค่ะ”
ประโยคนี้ทำให้เหยียนรั่วเสวี่ยหน้าเขียว
เสียหน้าต่อหน้าคนมากมายอีกแล้ว แถมยังมีรองผู้อำนวยการของศูนย์ในอยู่ด้วย ความอับอายแล่นขึ้นหัวอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าว
เธอไม่อยากอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว โมโหเดินหนี
ท่าทีของรองผู้อำนวยการที่มีต่ออิ๋งจื่อจินเปลี่ยนไปทันที
“ยินดีต้อนรับคุณอิ๋งสู่ศูนย์วิจัยครับ”
“ฉันขอเตือนพวกคุณหน่อย” อิ๋งจื่อจินไม่ได้ทักทายตามมารยาทให้มากความ เธอพูด
“ไวรัสซีถูกค้นพบมานานแล้ว ขอแนะนำว่าอย่าแจ้งไปทางศูนย์ไวรัสสากลว่าเป็นการค้นพบครั้งใหม่ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเรื่องที่น่าขบขันครั้งใหญ่”
ชาร์ตอันดับยาพิษไม่เปิดเผยแก่โลกภายนอก แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกคนชั้นแนวหน้าระดับโลกจะไม่รู้
บนชาร์ตจัดอันดับของเว็บบอร์ดเอ็นโอเคมีนักปรุงยาพิษคนหนึ่งอยู่อันดับห้า
นักปรุงยาพิษคนนี้ไม่ได้ซ่อนตัวตน เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแบบที่เห็นได้ยาก
เพราะเขาก็คือประธานศูนย์ไวรัสสากล
เขาไม่เหมือนนักปรุงยาพิษคนอื่นๆ ไม่สร้างพิษ แต่ถอนพิษ
นักปรุงยาพิษอันดับห้าเคยช่วยคนมาไม่น้อย ทั้งยังเคยคิดค้นยารักษาโรคระบาดทางตอนเหนือของยุโรป มีบารมีสูงมากในวงการ
เฉกเช่นเดียวกัน ศูนย์ไวรัสสากลก็เป็นองค์กรที่คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนบนโลก มีความเกี่ยวข้องกับไอบีไอ
ถ้าไอบีไอค้นพบพิษอะไรก็จะส่งไปตรวจที่ศูนย์ไวรัสสากลก่อน
รองผู้อำนวยการอึ้งไปเล็กน้อย ยังไม่ทันจะพูดเหยียนรั่วเสวี่ยที่เดินไปถึงประตูก็หยุดลง
เธอหันขวับ แววตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและดูถูก
“ไม่อยากเห็นคนอื่นได้ดีหรือไง ฉันค้นพบ ทำไมจะส่งไปไม่ได้ ยังจะมาบอกว่าเคยถูกค้นพบแล้วงั้นเหรอ”
อิ๋งจื่อจินหาวออกมา ยิ้มเล็กน้อย “ตามสบาย”
เหยียนรั่วเสวี่ยกัดฟัน ไม่พูดอะไรอีก เดินตัวแข็งออกไป
สภาพด้านหลังน่าสมเพชมาก
เวินเฟิงเหมียนที่เงียบมาตลอดอยู่ๆ ก็พูดขึ้น “ถ้างานที่ค้นพบถูกตีกลับ บทลงโทษยังเหมือนเมื่อก่อนไหมครับ”
ครั้งนี้รองผู้อำนวยการตอบด้วยน้ำเสียงโอนอ่อนลง
“ใช่ ถ้าเป็นการค้นพบที่ผิดพลาดต้องถูกหักแต้มผลงาน”
ถึงแม้เวินเฟิงเหมียนจะถูกตระกูลจี้ล้างแต้มผลงานไปหมดแล้ว แถมยังเคยสร้างความเสียหายไว้ไม่น้อย
แต่เขาก็เป็นอัจฉริยะจริงๆ ในประวัติศาสตร์ของตระกูลจี้
ทางศูนย์ในย่อมคาดหวัง
ขอแค่โปรเจ็กต์ทดลองนี้สำเร็จ พวกเขาก็จะยกสถานะของเวินเฟิงเหมียนทันทีแล้วส่งจอมยุทธ์ไปคุ้มกันเขา
ธรรมชาติคัดสรร ผู้แข็งแกร่งคือผู้ที่อยู่รอด
ใครเก่งก็ย่อมได้รับความสนใจ
ตระกูลจี้สืบทอดเจตนารมณ์ของต้นตระกูลในโลกจอมยุทธมาตลอด
เวินเฟิงเหมียนพยักหน้า พูดแฝงความนัย “งั้นก็ดีสิครับ”
รองผู้อำนวยการไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเขา ล้วงกุญแจห้องทดลองออกมายื่นให้
“นี่กุญแจ รหัสห้องทดลองของพวกคุณคือดีสามสี่ ระยะเวลาทำการทดลองได้นานสุดสิบห้าวัน หรือก็คือถึงวันที่ยี่สิบห้ากรกฎาคม”
“ถ้าระหว่างนี้พวกคุณไม่มีผลการทดลองออกมา ทางศูนย์ในจะถือว่าการทดลองของพวกคุณล้มเหลว”
ห้องทดลองจะขึ้นต้นด้วยตัวอักษรดี หรือก็คือห้องทดลองระดับล่างสุด
ส่วนประกอบในการทดลองทั้งหมดจะต้องซื้อเอง ศูนย์ในไม่ให้
ห้องทดลองของเหยียนรั่วเสวี่ยขึ้นต้นด้วยตัวเอส ของจี้อี้หยวนเป็นตัวเอ
ปีนี้จี้อี้หางเพิ่งเลื่อนขึ้นเป็นระดับบี ทรัพยากรที่ได้ก็เพิ่มมาระดับหนึ่ง
เวินเฟิงเหมียนรับมา
ทั้งสามคนตรงไปที่ห้องทดลอง
ข้างห้องทดลองมีโรงอาหาร หรือจะสั่งมาจากข้างนอกก็ได้
ระหว่างเดินอิ๋งจื่อจินครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “วิธีพูดของพี่เมื่อกี้ไม่เหมือนกับตอนปกติ คล้าย…”
“คล้ายยัยตอแหลใช่ไหม! เทพอิ๋ง เธอไม่เข้าใจ” จี้หลีพูดเสียงเบา แอบกระซิบ
“ช่วงนี้ฉันอุตส่าห์ได้หยุดทั้งทีใช่ไหมล่ะ ก็เลยดูละครย้อนยุค ชื่อเรื่องว่า ยัยตอแหลถูกตบสะท้านออนไลน์”
พอได้ยินชื่อนี้อิ๋งจื่อจินก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
“นางเอกของเรื่องเป็นคนยุคปัจจุบันที่ย้อนเวลาไป ส่วนนางรองเป็นคนตอแหล วันๆ แสร้งทำตัวน่าสงสารให้คนอื่นเห็นใจ” จี้หลีพูด “นางเอกก็เลยพูดด้วยน้ำเสียงแบบยัยตอแหลตอบกลับ นางรองโมโหแทบบ้า ฉันเอาอย่างในนั้น แต่แสดงไม่เก่งเท่าไร”
“เทพอิ๋ง คนเขียนบทเก่งมากเลยนะ ฉันอยากเอาอย่างเธอบ้าง ฝีมือขั้นเทพ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วครู่ “นี่เป็นละครอินเตอร์เน็ตของชูกวงมีเดีย คนเขียนบทคือเลขาของฉันเอง”
ชูกวงมีเดียมีทำละครอินเตอร์เน็ตออกมาบ้าง ไม่ได้หวังเรื่องรายได้เท่าไร แค่อยากให้คนหน้าใหม่มีพื้นที่ฝึกฝน
จี้หลี “…”
เธอล้วงสมุดจดเล่มเล็กออกมาเงียบๆ จากกระเป๋าเสื้อ
“ขอลายเซ็นเลขาของเธอให้ฉันได้ไหม”
…
อีกด้านหนึ่ง เหยียนรั่วเสวี่ยกลับถึงห้องทดลอง
เธอเอาเอกสารในมือวางกระแทกโต๊ะอย่างแรง โมโหยากที่จะสงบสติอารมณ์
ผู้ช่วยยกน้ำมาให้เธอ ลังเลเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น
“ศาสตราจารย์ครับ เมื่อครู่อิ๋งจื่อจินบอกว่าไวรัสซีเคยถูกค้นพบนานแล้ว ไม่งั้นผมว่าลองให้ศูนย์ไวรัสสากลช่วยเช็กดูก่อนดีไหมครับ”
ถ้าถูกค้นพบไปแล้ว เกิดพวกเขายื่นไปทางศูนย์ไวรัสสากลโดยบอกว่าเป็นการค้นพบครั้งใหม่ มันจะกลายเป็นเรื่องน่าขบขันจริงๆ
“ไม่ต้องสนใจ” เหยียนรั่วเสวี่ยแสยะยิ้ม “เด็กหน้าใหม่เพิ่งเข้าวงการวิจัยก็ทำตัวอวดดีขนาดนี้แล้ว เธอบอกว่าถูกค้นพบมาก่อนแล้วคุณก็เชื่องั้นเหรอ”
“ฉันบอกว่ายังไม่เคยค้นพบก็ยังไม่มีสิ”
เธอยังเตรียมจะรับรางวัลจากศูนย์ไวรัสสากลที่เธอค้นพบไวรัสซี จากนั้นก็จะได้แต้มผลงานเพิ่มจากตระกูลจี้ ได้ทรัพยากรที่เพิ่มมากขึ้น
ผู้ช่วยคิดแล้วก็รู้สึกว่าจริง
ทางจี้อี้หยวนก็วิจัยไวรัสซีมาระยะหนึ่งแล้ว ยังจะสู้อิ๋งจื่อจินไม่ได้อีกเหรอ
เหยียนรั่วเสวี่ยเปิดคอมพิวเตอร์ จัดข้อมูลไวรัสซีแล้วส่งให้ศูนย์ไวรัสสากล