ตอนที่ 474 ซิวเหยียนเป็นใคร อำลาวงการ
ส่งเสร็จเธอก็นั่งพิงเก้าอี้ ยกแก้วขึ้นมาดื่มน้ำ สายตาเย็นชา “รอดูผล อย่างช้าสุดหนึ่งอาทิตย์ก็ออกมาแล้ว”
เดิมทีเหยียนรั่วเสวี่ยคิดไว้ว่าอีกสองสามวันค่อยส่งไป
ปรากฏว่าอิ๋งจื่อจินกลับจ้องจับผิดเธอแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะส่งให้ศูนย์ไวรัสสากลทันที
รอดูผลออก ใครกันแน่ที่จะกลายเป็นที่น่าขบขัน
เหยียนรั่วเสวี่ยทำเสียงหึ อารมณ์คุกรุ่นยิ่งกว่าเดิม
เวลานี้มีเสียงเคาะประตูห้องทดลอง
เสียงคนพูดดังขึ้นจากด้านนอก “คุณเหยียนครับ ผมจี้อี้หยวนเอง”
เหยียนรั่วเสวี่ยหันไป “ให้เขาเข้ามา”
ผู้ช่วยไปเปิดประตูทันที
“คุณเหยียน” จี้อี้หยวนนอบน้อมมาก “เป็นไงบ้างครับ เวินเฟิงเหมียน…”
“ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว” เหยียนรั่วเสวี่ยตอบ “ลูกสาวของเขาอวดดีเหลือเกิน คิดว่าตัวเองสอบได้อันดับหนึ่งก็เป็นบุคคลชั้นแนวหน้าในวงการวิจัยแล้ว สักวันจะล้มไม่เป็นท่า”
จะอวดดีก็ต้องมีดีให้อวด
“คุณเหยียนพูดขนาดนี้งั้นผมก็วางใจแล้วครับ” จี้อี้หยวนเผยรอยยิ้ม “พวกเขาไม่รับน้ำใจจากคุณเหยียนถือเป็นความเสียหายของพวกเขา”
เหยียนรั่วเสวี่ยมองเขา “จี้อวิ๋นตงลูกชายของคุณใช้ได้เลยทีเดียว ฉันเลือกเขาทำการทดลองใหม่ของฉัน ไม่ต้องให้เขาไม่เอาผลงานหรอก ไว้ถึงเวลาฉันจะขอเลื่อนขั้นให้เขากับทางศูนย์ใน”
“ขอบคุณครับคุณเหยียน” จี้อี้หยวนดีใจมาก “ผมจะให้อวิ๋นตงมาเดี๋ยวนี้ แต่อีกสองสามวันเขาถึงจะเข้าร่วมทำการทดลองได้ เพราะพรุ่งนี้เขามีงานหมั้นครับ”
เหยียนรั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว “งานหมั้นเหรอคะ”
“กับตระกูลซิวครับ” จี้อี้หยวนตอบ “หลานสาวที่ผู้เฒ่าซิวรักมาก ถ้าเกี่ยวดองสำเร็จ มีตระกูลซิวอยู่พวกเราก็ไม่ขาดแคลนเงินทุนแล้วครับ”
เหยียนรั่วเสวี่ยพยักหน้า รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
ตระกูลจี้ยังมีคนฉลาดหลักแหลมอยู่บ้าง ไม่เหมือนครอบครัวจี้อี้หางที่ตาบอดได้ขนาดนั้น
…
ภายในห้องทดลองดีสามสี่
อิ๋งจื่อจินเอาโทรศัพท์มือถือใส่ไว้ในถุงนิรภัยแล้วใส่ถุงมือ
อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ภายในห้องทดลองระดับดีย่อมไม่ดีเท่าห้องทดลองระดับสูง แต่ก็ถือว่าครบครัน
โปรเจ็กต์ทดลองนี้ไม่ได้ยาก และก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือขนาดใหญ่ที่ราคาแพง
เวินเฟิงเหมียนจะเป็นคนทำขั้นตอนสำคัญ อิ๋งจื่อจินกับจี้หลีช่วยเขา
เพียงชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว
อิ๋งจื่อจินยังคงตั้งใจทำการทดลอง เป็นจี้หลีที่เตือนเธอ “เทพอิ๋ง มือถือเธอดังแน่ะ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ “ขอฉันทำขั้นนี้เสร็จก่อน”
“พักสักหน่อยเถอะเยาเยา” เวินเฟิงเหมียนห้ามเธอ ยื่นกระดาษทิชชู่ให้หนึ่งแผ่น “พ่อให้ทางโรงอาหารเอาข้าวมาส่งแล้ว การทดลองราบรื่นมาก ไม่ต้องรีบขนาดนั้น”
อิ๋งจื่อจินเช็ดเหงื่อ ไปหยิบโทรศัพท์มือถือ
เห็นได้ชัดว่าฟู่อวิ๋นเซินรู้ว่าเธอกำลังทำการทดลองอยู่จึงไม่ได้ใช้โทร แค่ส่งข้อความวีแชท
[กินข้าวหรือยัง]
[ยัง สั่งข้าวแล้ว รอมาส่ง]
[อืม ดี กินข้าวให้ตรงเวลา พี่ชายจะมาเตือนเธอทุกวัน]
ฟู่อวิ๋นเซินรู้มาตลอดว่า เวลาเด็กน้อยของเขาเริ่มตั้งใจทำอะไรจะไม่สนร่างกายตัวเอง
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดแล้วพิมพ์ตอบ
[งานเลี้ยงต้อนรับเสี่ยวอวี่กลับมา คุณไปแทนหน่อย]
[รับทราบ(สติกเกอร์)]
อิ๋งจื่อจินมองสติกเกอร์รูปหนูแฮมสเตอร์อยู่สักพัก
สมัยนี้ผู้ชายยังชอบใช้สติกเกอร์น่ารักอยู่อีกเหรอ
…
บ้านตระกูลเนี่ย
ฟู่อวิ๋นเซินปิดโทรศัพท์มือถือพลางครุ่นคิด หลุบตาลง
“คุณชายครับ” รอเขาคุยเสร็จอวิ๋นซานถึงรายงานเรื่องในวันนี้ “คุณซิวอวี่กลับบ้านตระกูลซิวแล้วครับ พรุ่งนี้ตระกูลซิวจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้เธอ เชิญไฮโซในตี้ตูมาไม่น้อย ส่งบัตรเชิญมาให้คุณชายด้วยครับ คุณชายจะไปไหมครับ”
วีนัสกรุ๊ปย่อมเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ตระกูลซิวอยากเข้าหา
แต่ผู้เฒ่าซิวก็รู้ว่าเชิญวีนัสกรุ๊ปมาไม่ง่าย ก็แค่ลองส่งบัตรเชิญไป ไม่คิดว่าฟู่อวิ๋นเซินจะมา
“แฟนฉันเอ่ยปากแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินคลายปกเสื้อ พูดเสียงเนือย “ไปสิ”
อวิ๋นซาน “…”
นับวันเขาจะยิ่งไม่กล้ามองหน้าคุณชายตรงๆ แล้ว
นิ้วของฟู่อวิ๋นเซินเคาะโต๊ะเบาๆ “มีแค่งานเลี้ยงต้อนรับเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ” อวิ๋นซานขมวดคิ้ว “บอกว่าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับ แต่ในความเป็นจริงคืองานหมั้นของซิวเหยียน หลายคนเลยยังไม่รู้ว่าถูกหลอกเข้าแล้ว ผู้เฒ่าซิวก็ช่างวางแผนจริงๆ ครับ”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “พวกเราไปในนามของซิวอวี่”
อวิ๋นซานรับทราบ
คุณซิวอวี่เป็นเพื่อนของคุณอิ๋ง พวกเขาย่อมให้ความสนใจ
แต่ซิวเหยียนเป็นใครกัน
ฟู่อวิ๋นเซินยืนขึ้น เดินไปทางด้านนอก
อวิ๋นซานเดินตาม “คุณชายจะไปไหนครับ ให้ผมช่วยไหม”
“ไม่ต้อง” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “ทำกับข้าว”
เท้าของอวิ๋นซานเบรกเอี๊ยด
อวิ๋นอู้พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกตามแบบฉบับของเขา “พี่รอง คุณชายทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”
“นายโง่เหรอ ก็ต้องดูด้วยว่าทำให้ใคร” อวิ๋นซานดูถูก “อีกฝ่ายคือคุณอิ๋ง คุณชายก็ต้องทำเป็นสิ”
“ถ้าอีกฝ่ายเป็นคุณชายสองคนของตระกูลเนี่ย ไม่เพียงแต่คุณชายจะไม่ทำอาหารให้กิน ยังจะบังคับให้พวกเขาไปทำด้วย ส่วนตัวเองดูอยู่ข้างๆ”
อวิ๋นอู้ “…”
…
บ้านตระกูลซิว
ผู้เฒ่าซิวให้พ่อบ้านสั่งพวกคนใช้ทำงานวุ่นอยู่ในห้องรับแขก ห้องอาหาร รวมถึงในสวนหย่อม เพื่อรอซิวอวี่กลับมา
เขาไม่ได้ยินดีจะรับซิวอวี่กลับมา
ผู้เฒ่าซิวไม่ชอบแม่ของซิวอวี่ จึงพลอยไม่ชอบซิวอวี่ไปด้วย
แน่นอนว่าเขาเองก็เฉยๆ กับซิวเหยียน แต่ให้ความสนใจมากหน่อยเพราะซิวเหยียนมีน้องชาย
ซิวอวี่เพิ่งกลับมาหลังเลยเวลาอาหารกลางวัน ตั้งใจรอให้กับข้าวเย็นชืด
ผู้เฒ่าซิวนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น เงยหน้าพูดข่ม “เห็นผู้ใหญ่ทำไมไม่ทักทาย”
ซิวอวี่ยิ้ม “คุณคู่ควรเหรอ”
สีหน้าของผู้เฒ่าซิวบึ้งตึงลงทันที “ซิวอวี่!”
“ฉันขอเตือนคุณนะ” ซิวอวี่พูดเสียงแข็ง “ในบ้านตระกูลซิวนี้ ฉันยอมรับแค่พ่อฉันกับน้องสาวของเขา หรือก็คืออาของฉัน ส่วนคุณน่ะเหรอ”
เธอตบมือ “ฉันขออวยพรให้ลงโลงไวๆ อ้อ ไม่ถูกสิ จะให้ดีเถ้ากระดูกก็ถูกกินไปด้วยเลย”
ผู้เฒ่าซิวโมโหมาก เริ่มแน่นหน้าอก “ซิวอวี่ แก…”
ซิวอวี่กวาดตามองขาของผู้เฒ่าซิว ไม่พูดอะไรอีก เดินขึ้นชั้นบน
เธอไปจากตระกูลซิว แต่ห้องของเธอยังอยู่
“คุณท่านครับ คุณซิวอวี่เธอ…” พ่อบ้านเหลือบมองชั้นบน “ไร้มารยาทเหลือเกิน ต่างจากเซ่าหนิงมากเลยนะครับ”
ซิวเซ่าหนิงสุภาพอ่อนโยน นิสัยดีมาก เป็นคนเงียบๆ
พอเห็นแบบนี้ซิวเหยียนกลับดูคล้ายมากกว่า
ผู้เฒ่าซิวโบกมือ “ไปเรียกซิวเหยียนมา”
พ่อบ้านรับคำสั่ง
ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็พาซิวเหยียนกลับมา
“ต้นสังกัดของเธอเจ๊งไปแล้ว งั้นก็อยู่บ้านให้ดีๆ” ผู้เฒ่าซิวพูดอย่างใจเย็น “ในแวดวงไฮโซต่างรู้ที่มาที่ไปของเธอ ฉันเลยหาคู่หมั้นให้ เธอเองก็รู้จัก ชื่อจี้อวิ๋นตง”
“ทางตระกูลอี้เห็นด้วยแล้ว ดังนั้นพรุ่งนี้ก็เป็นงานหมั้นของเธอด้วย อย่าทำฉันขายหน้า”
ซิวเหยียนเม้มริมฝีปาก รู้สึกหงุดหงิดใจมาก แต่สีหน้าว่านอนสอนง่าย “ขอบคุณค่ะคุณปู่”
แน่นอนว่าเธอรู้จักจี้อวิ๋นตง
คนที่เดิมทีต้องหมั้นกับซิวอวี่
ซิวอวี่เอาแต่ใจตัวเองไปจากบ้านได้ ปฏิเสธการเกี่ยวดองของตระกูล เธอต้องเก็บของที่ซิวอวี่ไม่เอาด้วยเหรอ
มีสิทธิ์อะไร
อีกอย่าง บอกเธอล่วงหน้าแค่วันเดียว เห็นเธอเป็นอะไร
เครื่องมือที่ใช้เกี่ยวดองเหรอ
ซิวเหยียนรู้ว่าผู้เฒ่าซิวรักลูกชายหลานชายมากกว่า เธอยังเคยอวดซิวอวี่ด้วยความสะใจว่าผู้เฒ่าซิวชอบน้องชายของเธอมากกว่า
แต่เมื่อเธอถูกตบหน้าบ้างก็ย่อมเจ็บ
“ออกแถลงการณ์อำลาวงการเดี๋ยวนี้” ผู้เฒ่าซิวพูดต่อ “ตระกูลจี้เป็นตระกูลนักวิจัย ไม่มีทางอยากได้ลูกสะใภ้ที่อยู่ในวงการบันเทิง พวกเขาก็ไม่ได้ต้องการให้เธอทำอะไรด้วย แค่เอาไว้ออกงาน”
อย่างน้อยหน้าตาของซิวเหยียนก็ถือว่าใช้ได้เมื่อเทียบกับในวงการคุณหนูไฮโซของตี้ตู ไม่อย่างนั้นคงเดบิวต์ในวงการบันเทิงไม่ได้
ซิวเหยียนพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้ “ทราบแล้วค่ะคุณปู่”
“ฉันขอบอกเธออีกครั้ง อย่าดูถูกตระกูลจี้” ผู้เฒ่าซิวมองความคิดที่อยู่ในใจเธอออก ขมวดคิ้ว “ตระกูลจี้มีชื่อเสียงมากกว่าตระกูลซิวในระดับโลก เธอได้เกี่ยวดองครั้งนี้ก็ถือว่าปีนขึ้นที่สูงแล้ว”
“พอเธอแต่งเข้าตระกูลจี้ รู้จักคนมากขึ้น ใครยังจะกล้าว่าเธอได้อีก”
ซิวเหยียนเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรอีก ทำได้เพียงกลับห้องอย่างยอมรับชะตากรรม เริ่มเขียนแถลงการณ์อำลาวงการบันเทิง
เวลาบ่ายสี่โมงก็ปรากฏแฮชแท็กยอดนิยมอันใหม่
#ซิวเหยียนอำลาวงการบันเทิง#
หลังจากเทียนสิงมีเดียเจ๊ง ดาราในสังกัดก็แยกย้าย
แฟนคลับของซิวเหยียนคิดว่าซิวเหยียนจะถูกสังกัดอื่นที่ดีกว่าเรียกไป แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีแถลงการณ์อำลาวงการจากเธอ
แอทซิวเหยียน : [ฉันดีใจมากที่ได้รู้จักคนในวงการบันเทิงมากมาย และยังมีแฟนคลับที่ฉันรักที่สุด ขอบคุณทุกคนที่เป็นเพื่อนร่วมทางมาตลอด แต่ฉันคงเดินต่อไปพร้อมทุกคนไม่ได้แล้วค่ะ ทางครอบครัวต้องการให้ฉันกลับบ้าน แต่ไม่แน่อีกหน่อยทุกคนอาจจะยังได้เห็นฉันในจอทีวีอีกค่ะ]
เรียกกระแสได้ในทันที
[เบบี๋ของฉันในที่สุดก็ต้องกลับไปสืบทอดมรดกร้อยล้านพันล้านแล้วเหรอ!]
[ปวดใจ คนอื่นเข้าวงการบันเทิงเพื่อหาเงิน แต่เบบี๋เหยียนเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ เทียบกันไม่ได้]
[ทำไมฉันได้ยินมาว่าตระกูลซิวจะรับคุณหนูอีกคนกลับเข้าบ้านด้วยล่ะ เบบี๋เหยียนต้องกลับไปฟาดฟันกับลูกเมียน้อยแล้วเหรอ]