ตอนที่ 477 ใครจะกล้ามีเรื่องกับอิ๋งจื่อจิน
สามแฮชแท็กเรียงอยู่ด้วยกัน แฮชแท็กที่สามยิ่งดูน่าตลกเข้าไปใหญ่
พวกแฟนคลับที่ยังแสดงความยินดีอยู่ในกลุ่มถูกสองแฮชแท็กนี้กระแทกหน้าเข้าอย่างจังจนอึ้งไม่ได้สติกลับมา สมองตื้อไปหมด
ไม่ใช่เพราะดูถูกลูกเมียน้อย แต่เป็นเพราะเมื่อครู่พวกเขากำลังเหยียบซิวอวี่อวยซิวเหยียนอยู่
เพียงชั่วพริบตาเหตุการณ์กลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิง
ใต้แฮชแท็กแรก แฮชแท็กวีนัสกรุ๊ปประกาศไม่ร่วมงานกับตระกูลซิวอีก
เป็นคลิปที่สื่อมวลชนที่ไปร่วมงานเลี้ยงปล่อยออกมา
ถ่ายตอนที่ฟู่อวิ๋นเซินถามผู้เฒ่าซิวออกมาอย่างสมบูรณ์
[สุดยอดไปเลยตระกูลซิว กล้าหลอกแม้กระทั่งวีนัสกรุ๊ป]
[ทางนั้นไปงานเพราะคุณหนูใหญ่ตัวจริงของตระกูลซิว เห็นหรือยัง ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าซิวเหยียนเป็นใคร]
[ว้าว พวกแฟนคลับของซิวเหยียนยังมีหน้ามาบอกว่าลูกเมียน้อยเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลซิว พวกเธอไม่รู้ใช่ไหมล่ะว่า ตอนซิวอวี่อายุสิบห้าเคยเป็นเนวิเกเตอร์ให้ทีมรถแข่งของตระกูลซิวจนคว้าอันดับสามในการแข่งเอฟวันมาได้ ซิวอวี่มีความสามารถ หน้าตาก็ดี ซิวเหยียนเทียบไม่ได้]
การแข่งรถภายในประเทศจีนล้าหลังมาตลอด มีแค่ทีมรถแข่งของตระกูลซิวที่เคยคว้ารางวัลมาได้
เพียงแต่การแข่งขันประเภทนี้ไม่ค่อยได้รับความสนใจมากเท่าไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเนวิเกเตอร์เลย
ดังนั้นคอมเมนต์นี้จึงเป็นฝีมือของเนี่ยเฉาโพสต์เอง
เขาเหลือบดูแฮชแท็กที่สองแล้วตบต้นขาหนึ่งฉาด
“คุณชายเจ็ด ฝีมือนายใช่ไหม มีแค่นายที่จะทำได้เร็วขนาดนี้ บอสดีกับเพื่อนตัวเองจริงๆ”
แฮชแท็กที่สอง แฮชแท็กซิวเหยียนลูกเมียน้อย
ด้านล่างแนบรูปภาพพร้อมข้อความที่เป็นหลักฐานไว้อย่างชัดเจน รวมถึงผลตรวจดีเอ็นเอของผู้เฒ่าซิวกับลูกนอกสมรสของเขา
ตระกูลซิวปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ แต่ในเมื่อฟู่อวิ๋นเซินไปสืบ ต่อให้มีร่องรอยเพียงน้อยนิดก็ขุดคุ้ยออกมาได้ทั้งหมด
ลูกนอกสมรสของผู้เฒ่าซิวคนนี้แท้จริงแล้วไม่ได้แต่งงานกับแม่ของซิวเหยียน แต่เป็นชู้กัน
ต่อมาลูกนอกสมรสคนนี้ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเพราะไปมีเรื่องทะเลาะกับคนในผับ สุดท้ายก็ตาย
ผู้เฒ่าซิวก็สืบมาหลายรอบเหมือนกัน ถึงได้พบว่ายังมีซิวเหยียนกับน้องชายอยู่ ครั้นแล้วจึงรับพวกเขากลับมา
[ลูกเมียน้อยของลูกเมียน้อยงั้นเหรอ ซับซ้อนไปอีก อีนุงตุงนังจนงงไปเลยจ้ะ]
[ทุกครั้งที่ซิวเหยียนออกมาจะชอบบอกเหมือนไม่ตั้งใจว่าตัวเองเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลซิว สมัยนี้ทำไมมีคนชอบแย่งสถานะคนอื่นเยอะจัง แหวะ]
[ประเด็นคือแย่งเขาไปแล้วยังไม่ยอมอยู่เฉยๆ อวดเพื่อ?]
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ยังมีคอมเมนต์หนึ่งที่แตกต่างออกไป
[ชาวแฟนๆ แฮชแท็กคู่จิ้นยาวิเศษ ดูซิว่าฉันขุดอะไรได้ คุณหนูใหญ่ตระกูลซิวเป็นเพื่อนกับเทพอิ๋ง! แถมยังอยู่มอปลายห้องเดียวกัน เทพอิ๋งก็สนิทกับตระกูลเนี่ยมาก ฉันว่าคุณชายเนี่ยเฉาก็ยังเรียกประธานฟู่มาไม่ได้หรอก ไม่แน่เทพอิ๋งของฉันอาจรู้จักประธานฟู่เลยให้เขามาหนุนหลังให้เพื่อนตัวเองหรือเปล่า!]
กลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นยาวิเศษเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
โดยเฉพาะการที่มีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยสังเกตเห็นว่าแอคเคาท์ แอทแข็งแรงขึ้นทุกวัน ก็ติดตามกลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นยาวิเศษ ทั้งยังตัดต่อคลิปให้หลายคลิปอย่างไม่มีงก
บรรดาชาวเน็ตไม่รู้ว่านั่นเป็นแอคเคาท์เวยปั๋วของผู้เฒ่าจง แต่ก็รู้ว่าต้องเป็นเศรษฐีแน่นอน เป็นคนในแวดวงเดียวกันกับอิ๋งจื่อจิน
ด้วยเหตุนี้ชาวเน็ตหลายคนจึงฟันธงว่านี่เป็นแอคเคาท์ยืนยันกระแสคู่นี้ จึงพากันไปติดตามด้วยความดีใจ
คราวนี้พวกแฟนคลับของซิวเหยียนต่างพากันเงียบ เริ่มลบคอมเมนต์ของตัวเองก่อนหน้านี้ เงียบเป็นเป่าสาก
และก็ภายในไม่กี่นาทีนี้ แฟนคลับของซิวเหยียนได้ลดฮวบไปห้าแสน อีกทั้งต่างเป็นแฟนคลับที่มีการเคลื่อนไหวทั้งนั้น
ยอดใช้แฮชแท็กพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด มีชาวเน็ตตาแหลมเห็นเวยปั๋วใหม่ของผู้เฒ่าเนี่ยแล้ว
[แอทเนี่ยอวิ๋นเจี้ยน : เสี่ยวอวี่ เด็กคนนี้เป็นเด็กดีมาก ผมก็คิดว่าตระกูลซิวไม่เอาแล้วเสียอีก ผมรออยู่นาน ตระกูลเนี่ยของเรามีแต่เด็กผู้ชาย ขาดเด็กผู้หญิง]
นับตั้งแต่ผู้เฒ่าเนี่ยลงทะเบียนแอคเคาท์เวยปั๋วก็เริ่มใช้ชีวิตท่องเน็ต
มู่เฮ่อชิงยังคงไม่สนใจ ออกไปเที่ยวชมนกชมไม้ตกปลาแล้ว
ผู้เฒ่าเนี่ยก็เลยเริ่มปรึกษาผู้เฒ่าจงว่าเล่นเน็ตอย่างไรให้สนุกยิ่งกว่าเดิม
มีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยเข้าไปคอมเมนต์เล่นกับเขา
[คุณปู่ อย่าไปกลัวค่ะ บอกหลานคุณปู่ให้จีบคุณหนูใหญ่ซิวเลยค่ะ แค่นี้ตระกูลเนี่ยก็จะได้หลานสาวแล้ว]
คอมเมนต์แบบนี้มีอยู่ไม่น้อย
เดิมทีเนี่ยเฉากำลังมุงดูอย่างตื่นเต้น พอเห็นคอมเมนต์ของผู้เฒ่าเนี่ยในเวยปั๋วเขาก็ตกใจเกือบหงายหลัง ตื่นตระหนกเหงื่อแตก
“อื้อหือ ปู่ฉันจะเอาฉันถึงตายเลยนะ”
ต่อให้เขากินดีหมีมาก็ไม่กล้าจีบซิวอวี่หรอก
นั่นเป็นถึงเพื่อนสนิทของอิ๋งจื่อจินกับหลิงเหมียนซี
พลังทำลายล้างสูงมาก
เขากลัวจากใจจริง
เขาเริ่มฝึกวรยุทธ์แล้วก็จริง แต่ก็ยังเป็นแค่เด็กฝึกหัด
“วางใจได้” ฟู่อวิ๋นเซินคลายอกเสื้อ เหลือบตาขึ้น
“ถ้าผู้เฒ่าเนี่ยพาสาวกลับมาสักคนจะต้องให้นายแต่งเข้าบ้านผู้หญิงแน่”
เนี่ยเฉา “…”
…
กระแสดำเนินมาถึงวันที่สอง ผู้เฒ่าซิวก็รู้เรื่องแล้ว
เพราะหุ้นของซิวซื่อกรุ๊ปเริ่มตก อีกทั้งหลายสถานีโทรทัศน์ยังเอาไปออกอากาศ
หนังสือพิมพ์ตี้ตูรายวันยังได้ให้เกียรติผู้เฒ่าซิว ยกพื้นที่ส่วนหนึ่งให้เป็นพิเศษ
ผู้เฒ่าซิวโมโหมาก กำที่เท้าแขนของเก้าอี้รถเข็นจนมือซีด “ใครเอาไปเปิดเผย!”
พ่อบ้านก้มหน้า เช็ดเหงื่อ “นะ…น่าจะเป็นทางวีนัสกรุ๊ปครับ พวกเราส่งคนไประงับกระแสในเวยปั๋วแล้ว แต่ไม่สำเร็จครับ”
ตระกูลซิวแข็งแกร่งมาก แต่ก็สู้วีนัสกรุ๊ปไม่ได้
ผู้เฒ่าซิวสูดลมหายใจเข้าลึก เรียกซิวเหยียนที่หลบอยู่ในห้องออกมา พูดเสียงแข็ง
“ฉันคุยกับแม่เธอแล้ว บอกให้แม่เธอพาเธอไสหัวออกไปอยู่เมืองนอกตอนนี้เลย ตระกูลซิวมีบ้านอยู่หลายแห่งในตอนใต้ของยุโรป บ่ายวันนี้พวกเธอออกเดินทางได้ อย่าให้ฉันเห็นหน้าพวกเธออยู่ในประเทศนี้อีก”
แต่เขายังคงเก็บน้องชายของซิวเหยียนไว้
ตระกูลซิวใหญ่ขนาดนี้จะให้ซิวอวี่ที่เป็นผู้หญิงสืบทอดได้อย่างไร
ความคิดที่เห็นลูกหลานผู้ชายสำคัญกว่าได้ฝังรากลึกอยู่ในสมองของผู้เฒ่าซิว ไม่มีอะไรมาสั่นคลอนได้
เว้นเสียแต่ว่าซิวเซ่าหนิงจะกลับมาได้
แต่ตระกูลซิวก็ส่งคนไปตามหาซิวเซ่าหนิงมาจนถึงตอนนี้ แต่กลับไม่มีข่าวคราวแม้แต่น้อย
พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของซิวเหยียนก็เปลี่ยนไปทันที “ไปเมืองนอกเหรอคะ ไม่ได้ หนู…”
“หุบปาก” ผู้เฒ่าซิวหงุดหงิด
“เป็นเพราะเธอทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ ว่ามาสิทำไมเธอต้องไปหาเรื่องอิ๋งจื่อจินด้วย ทำไมต้องไปโอ้อวดใส่ซิวอวี่ อยู่เฉยๆ ไม่ได้หรือไง”
“ปูทางดีๆ ไว้ให้เดิน แต่กลับไม่รู้จักเดินให้ดี พังหมดแล้ว!”
ซิวเหยียนกัดริมฝีปากแน่น
ตอนที่เธอไปหาเรื่องอิ๋งจื่อจิน อิ๋งจื่อจินยังเป็นแค่ลูกเลี้ยงที่ถูกไล่ออกมาจากบ้านตระกูลอิ๋ง เธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะเกิดเรื่องเหมือนอย่างทุกวันนี้
อิ๋งจื่อจินในตอนนี้เป็นบุคคลที่เธอไม่สมควรไปมีเรื่องด้วย
ตระกูลซิวก็เหมือนกัน
“พ่อบ้าน” ผู้เฒ่าซิวไม่มองซิวเหยียนอีก ทนไม่ไหวอีกต่อไป “จับตาดูให้ดี”
“ครับ” ท่าทีของพ่อบ้านที่มีต่อซิวเหยียนเปลี่ยนไปทันที ไม่ได้นอบน้อมแบบเมื่อก่อนแล้ว
“คุณหนูซิวเหยียน เชิญ”
ซิวเหยียนหน้าซีด ตามพ่อบ้านออกไป เจอกับซิวอวี่และซิวเซ่าหว่านที่เพิ่งกลับจากข้างนอก
ทั้งสองคนก็สังเกตเห็นซิวเหยียนแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้มองเหยียด แต่กลับทำให้ซิวเหยียนรู้สึกแย่
เธอเม้มริมฝีปาก ครั้งนี้ไม่กล้าโอ้อวดแล้ว เธอก้มหน้า รีบออกไปจากตรงนั้นเหมือนหมาไร้บ้าน
ซิวอวี่ลูบคาง ทำเสียงจึ๊
“อาคะ อาว่าหนูเสียแรงเปล่าไหม”
เธอยังได้วางแผนไว้เสียดิบดี ปรากฏว่าซิวเหยียนกลับรนหาที่ตายเองเสียได้ และก็เพราะผู้เฒ่าซิวไร้เยื่อใยด้วย
“ไม่ต้องสนใจหรอก” ซิวเซ่าหว่านตบบ่าหลานสาว ถอนหายใจ
“อาจะไปฝึกขับรถเป็นเพื่อน ไว้รอหลานคว้าอันดับจากการแข่งเอฟวันครั้งนี้ ต่อให้คุณปู่ไม่ยินดี อย่างไรก็ต้องยกอำนาจในมือให้หลาน”
ตระกูลซิวก็แบ่งเป็นหลายฝักหลายฝ่าย ไม่ใช่ทุกฝ่ายที่จะสนับสนุนผู้เฒ่าซิว
พวกเขายังคงให้ความสำคัญกับสายเลือด ลูกเมียน้อยไม่มีทางได้สืบทอดตระกูลซิว
ก็แค่ตอนนี้ซิวอวี่เพิ่งกลับมา ยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำให้พวกเขามาสนับสนุนได้
ซิวอวี่พยักหน้า “ค่ะ หนูทราบ ไปกันเถอะ”
…
สามวันต่อมา
บ้านตระกูลจี้
จี้อี้หยวนรู้สึกขายหน้ามากที่บ้านตระกูลซิว ช่วงหลายวันมานี้หงุดหงิดมาตลอด
ปรากฏว่าเช้าวันนี้ยังได้ยินข่าวจากทางศูนย์ในอีกว่า การทดลองของจี้อี้หางราบรื่นมาก ขาดแค่ขั้นตอนเดียวก็จะส่งมอบงานได้แล้ว
ส่วนทางเขายังติดอยู่ที่สามขั้นสุดท้าย ผ่านไปไม่ได้สักที
จี้อี้หยวนรู้ว่าถ้าเขาแพ้ให้จี้อี้หางในการแข่งขันโปรเจ็กต์นี้ แบบนั้นอีกหน่อยถ้าคิดจะกำจัดจี้อี้หางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
อีกทั้งการทดลองนี้เป็นระดับเอ มีแต้มผลงานทั้งหมดสามพัน เขาไม่อยากเสียให้ใคร
“เฮงซวย!” จี้อี้หยวนตบโต๊ะอย่างแรง สายตาโกรธแค้น “ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ”
เขาต้องคิดหาทางทำให้การทดลองของจี้อี้หางล้มเหลว
“พ่อครับ” จี้อวิ๋นตงที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น “เมื่อครู่ผมโทรหาศาสตราจารย์เหยียนแล้วครับ เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องกังวลเรื่องแบบนี้ จี้อี้หางทำการทดลองไม่สำเร็จแน่นอน”
จี้อี้หยวนขมวดคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร”
“ก็จี้หลีไปล่วงเกินศาสตราจารย์เหยียนใช่ไหมล่ะครับ” จี้อวิ๋นตงยิ้ม “ศาสตราจารย์เหยียนก็เลยไปขอให้คนช่วยปิดกั้นช่องทางสั่งซื้อส่วนประกอบที่ต้องใช้ในห้องทดลองของพวกจี้อี้หาง”
“วันนี้จี้อี้หางลาหยุดออกไปข้างนอกก็เพื่อไปซื้อส่วนประกอบสำหรับขั้นสุดท้าย พ่อว่าเขาถูกปิดช่องทางแบบนั้นแล้วยังจะไปหาซื้อที่ไหนได้ล่ะครับ ไม่มีส่วนประกอบ ยังจะทำการทดลองได้อีกเหรอ”
สมน้ำหน้า
“อย่างนั้นเหรอ” จี้อี้หยวนไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เริ่มอารมณ์ดี
“ดีมาก แกต้องเรียนรู้จากคุณเหยียนให้ดี ได้ยินว่าปีหน้าห้องทดลองของมานูเอลจะรับคนเพิ่มอีก ไม่แน่คุณเหยียนอาจช่วยเสนอแกขึ้นไปได้”
จี้อวิ๋นตงพยักหน้า “พ่อครับ แล้วทางด้านวีนัสกรุ๊ปล่ะ”
“ยังดีที่หลุดพ้นจากตระกูลซิวมาได้” จี้อี้หยวนรู้สึกโชคดี
“วีนัสกรุ๊ปแค่บอกว่าไม่ร่วมงานกับตระกูลซิว พวกเรายังมีโอกาส รอไปก่อน”
ไว้ตระกูลจี้มาอยู่ในมือเมื่อไรพวกเขาก็จะเริ่มมุ่งสู่ชั้นแนวหน้าระดับโลก
…
อีกด้านหนึ่ง
จี้อี้หางกลับไปที่บ้าน เริ่มสั่งซื้อส่วนประกอบที่ต้องใช้ในห้องทดลอง
เขายกหูโทรศัพท์บ้านแล้วกดโทรหาศูนย์วัสดุอุปกรณ์
ไม่นานก็มีคนรับ
จี้อี้หางพูด “สวัสดีครับ ผมจี้อี้หาง ผมส่งรายการสั่งซื้อวัสดุไปแล้ว ผมรีบใช้ อยากให้ทางศูนย์อนุมัติโดยเร็วที่สุดครับ”
“รอสักครู่นะครับ” เจ้าหน้าที่ที่รับสายค้นหาในคอมพิวเตอร์ มือชะงัก “คุณจี้อี้หางครับ รหัสห้องทดลองของคุณคือบีหกเก้าถูกไหมครับ”
จี้อี้หางพยักหน้า “ครับ บีหกเก้า ผมต้องการใช้ของพวกนั้น”
“ขอโทษด้วยครับคุณจี้อี้หาง” เจ้าหน้าที่บอกขอโทษ “ผมเพิ่งค้นดู ตอนนี้รหัสห้องทดลองนี้อยู่ในรายชื่อสีเทา ขายของพวกนี้ให้คุณไม่ได้ครับ”
“รายชื่อสีเทาเหรอครับ” จี้อี้หางสีหน้าเปลี่ยน “มันเรื่องอะไรกัน”
การจะถูกจัดเข้าไปอยู่ในรายชื่อสีเทาได้นั้น เว้นเสียแต่ว่าห้องทดลองนั้นเคยเกิดอุบัติเหตุทางการทดลองที่รุนแรง หรือเคยทำการทดลองที่ไม่ถูกต้อง เป็นภัยในระดับสากล แบบนั้นถึงจะถูกจัดอยู่ในรายชื่อสีเทา
ห้องทดลองของเขาเพิ่งได้เลื่อนระดับปีนี้ ไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมาย หากว่ากันตามเหตุผลควรมีสิทธิพิเศษมากขึ้น ทำไมอยู่ๆ ถึงถูกปิดกั้นได้
หากถูกปิดกั้นช่องทางในระดับสากลก็จะซื้อส่วนประกอบในการทดลองไม่ได้แล้ว
ถ้าอยากให้ศูนย์ในช่วยพวกเขาสั่งซื้อก็ต้องเอาแต้มผลงานไปแลก
หรือได้รับเกียรติบางอย่าง ศูนย์ในก็จะมอบรางวัลให้
แต่การใช้แต้มผลงานไปแลกวัสดุอุปกรณ์มันต้องใช้เยอะทีเดียว
อย่าว่าแต่จี้อี้หางเลย ต่อให้เป็นเหยียนรั่วเสวี่ยเอาไปแลกแบบนี้เรื่อยๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
ตระกูลจี้มีการแข่งขันชิงดีแบบนี้ ทุกอย่างต้องพึ่งความสามารถและเส้นสายของตัวเอง
“ขอโทษครับ เรื่องนี้พวกเราบอกไม่ได้” เจ้าหน้าที่ตอบ
“คุณจี้อี้หาง น่าเสียดายครับ ไม่ทราบว่าคุณมีห้องทดลองอื่นอีกหรือเปล่าครับ”
จี้อี้หางบอกไปอีกสองห้อง “ซีเก้าแปดกับซีหนึ่งศูนย์ห้าครับ”
สิบกว่าวินาทีต่อมาเจ้าหน้าที่ก็ตอบ
“คุณจี้อี้หางครับ รหัสของห้องทดลองทั้งสองนี้ก็อยู่ในรายชื่อสีเทาเหมือนกันครับ”
อยู่ด้วยเหรอ!
จี้อี้หางนั่งอึ้ง ผ่านไปสักพักก็ยังไม่ได้สติกลับมา
สามห้องทดลองอยู่ในรายชื่อสีเทาหมด คงเป็นได้แค่ถูกเล่นงานแล้ว
เจ้าหน้าที่พบว่าไม่มีเสียงตอบกลับมาอีกจึงพูดขึ้น “พวกเรายังมีงานอีกมาก ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้วขอจบการสนทนาเท่านี้นะครับ”
จี้อี้หางพูดอย่างยากลำบาก “ครับ ผม…”
เวลานี้มีมือขาวนวลข้างหนึ่งมารับโทรศัพท์จากเขาไป
จี้อี้หางเงยหน้าแล้วก็อึ้ง
“เอสศูนย์เจ็ดค่ะ” อิ๋งจื่อจินจับหูโทรศัพท์ “พวกเราขอใช้รหัสห้องทดลองเอสศูนย์เจ็ดค่ะ”