ตอนที่ 478 ฉายาเทพพยากรณ์
รหัสห้องทดลองเป็นแบบที่ใช้ได้ทั่วโลก
ทางตระกูลจี้มีรหัสห้องทดลองที่ขึ้นต้นด้วยตัวเอสอยู่แค่สามห้อง
ห้องทดลองระดับเอสที่อยู่ในมือเหยียนรั่วเสวี่ยไม่ใช่ของเธอเอง แต่เป็นของตระกูลจี้
ถ้าเธอถูกหักแต้มผลงานหรือทำเรื่องที่ขัดต่อกฎของตระกูลจี้ เธอก็จะถูกยึดห้องทดลองระดับเอสคืน
ห้องทดลองระดับเอสที่เป็นส่วนบุคคล ทั่วทั้งโลกมีอยู่ไม่เกินสิบแห่ง
จี้อี้หางทำการทดลองมาหลายปี เขารู้หลักการข้อนี้
อีกทั้งต่อให้เป็นห้องทดลองระดับเอสก็มีแบ่งระดับสูงต่ำ
ยิ่งลำดับอยู่ต้นๆ ก็แสดงว่าห้องทดลองนั้นก่อตั้งมานานแล้ว
เอสศูนย์เจ็ด
รหัสห้องทดลองนี้ไม่มีอยู่ในประเทศ
เท่าที่จี้อี้หางรู้ ห้องทดลองสามห้องนั้นที่ตระกูลจี้ครอบครอง ลำดับที่อยู่แรกสุดก็เอสสิบแปดแล้ว
ห้องทดลองระดับเอสที่ตระกูลจี้ให้เหยียนรั่วเสวี่ยดูแลก็แค่เอสสามสิบแปด
ต่อให้เอาห้องทดลองระดับเอสที่ตระกูลจี้มีทั้งหมดมารวมกันก็ยังสู้เอสศูนย์เจ็ดไม่ได้
อีกทั้งเนื่องจากไม่ใช่ห้องทดลองส่วนตัว เหยียนรั่วเสวี่ยอยากสั่งซื้อส่วนประกอบการทดลองก็ไม่สามารถใช้รหัสห้องทดลองเอสสามสิบแปดได้ ต้องให้ทางศูนย์ในแจ้งด้วยตัวเอง
อิ๋งจื่อจินพูดรหัสเอสศูนย์เจ็ดออกมาได้ก็แสดงว่าสิทธิ์ในห้องทดลองนี้เป็นของเธอทั้งหมด
“เอสศูนย์เจ็ดเหรอครับ” เจ้าหน้าที่ปลายสายก็อึ้งกับรหัสห้องทดลองรหัสนี้ น้ำเสียงเคร่งขรึมลงไปมาก “คุณผู้หญิงแน่ใจนะครับว่าเป็นเอสศูนย์เจ็ด”
เขารับผิดชอบการขายส่วนประกอบให้ทางโซนประเทศจีนมาตลอด ยังไม่เคยได้ยินรหัสห้องทดลองระดับสูงแบบนี้มาก่อน
อีกทั้งห้องทดลองระดับนี้ก็ไม่มีทางมาซื้อส่วนประกอบจากพวกเขา ต่างมีช่องทางภายในของตัวเอง
“ค่ะ เอสศูนย์เจ็ด” อิ๋งจื่อจินตอบด้วยโทนเสียงราบเรียบ “ส่งรายการไปแล้ว ดูให้หน่อยค่ะ”
เจ้าหน้าที่ค้นดูทันที ผ่านไปสักพักถึงได้พูดขึ้นอีกครั้งด้วยความตื่นเต้น “เจอแล้วครับ! คุณผู้หญิงครับ ส่วนประกอบที่คุณผู้หญิงต้องการทางเราจะจัดส่งให้โดยเร็วที่สุด คาดว่าเย็นนี้ก็น่าจะถึงครับ”
“เนื่องจากคุณใช้ห้องทดลองระดับเอส ทางเราจะไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ทราบว่ายังต้องการอะไรอีกไหมครับ ผมจะจัดการให้ทันที”
เอสศูนย์เจ็ดเลยนะ!
พวกเขาไม่มีอำนาจ สืบค้นไม่ได้ว่าคนที่ครอบครองห้องทดลองส่วนตัวระดับเอสนี้คือใคร
แต่ตอนนี้ผู้มีอำนาจที่ครอบครองห้องทดลองระดับเอสติดต่อพวกเขาด้วยตัวเอง
“ไม่มีแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินวางสาย หันไปหาจี้อี้หางที่ยังคงอึ้งอยู่ “ลุงรองคะ เดี๋ยวตอนเย็นของน่าจะไปส่งที่ห้องทดลองของลุงค่ะ”
“ต่อไปถ้าต้องการส่วนประกอบอะไรก็ใช้รหัสห้องทดลองเอสศูนย์เจ็ด หนูจะส่งรายการทดลองไปให้ก่อน”
อันที่จริงห้องทดลองระดับเอสไม่ใช่ระดับสูงสุดของโลก
ห้องปฏิบัติการความปลอดภัยทางชีวภาพพีโฟร์ ห้องปฏิบัติการทางไวรัสของศูนย์ไวรัสสากล รวมถึงห้องทดลองของเกอร์เวนกับมานูเอล ต่างก็อยู่เหนือห้องทดลองระดับเอสทั้งนั้น
ห้องทดลองเหล่านี้ไม่มีรหัส
ห้องทดลองเอสศูนย์เจ็ดเป็นห้องทดลองที่เกอร์เวนอนุญาตให้เธอใช้โดยเฉพาะ ตั้งอยู่ในยุโรป เธอจะไปเมื่อไรก็ได้
เกอร์เวนก็รู้ว่าเธอยุ่งมาก จึงส่งนักวิจัยหลายคนไปช่วยดูแลห้องทดลองให้
“หา?” จี้อี้หางมึนหัว “อ่อๆ”
“หนูไปก่อนนะคะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “เย็นนี้พวกเราไม่กลับมากินข้าวนะคะ”
อิ๋งจื่อจินออกไปได้ครึ่งชั่วโมงแล้วจี้อี้หางยังคงนั่งเหม่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์
จนกระทั่งคุณนายจี้กลับมา จี้อี้หางถึงค่อยๆ ได้สติกลับมาอย่างงงๆ
คุณนายจี้เอาถุงช็อปปิ้งวางลงบนโต๊ะ เห็นจี้อี้หางเหมือนคนสติล่องลอยก็อดตกใจไม่ได้ “เป็นอะไรไปคะคุณ ช็อกอะไร หรือจี้อี้หยวนไปใส่ร้ายคุณให้ศูนย์ในฟังอีกแล้ว”
เดิมทีจี้อี้หยวนก็คือคนช่างฟ้อง จิตใจคับแคบ
ร่วมมือกับเหยียนรั่วเสวี่ยได้ก็เพราะสองคนนี้มีจุดที่เหมือนกัน
“คุณนาย” ในที่สุดจี้อี้หางก็หาเสียงของตัวเองเจอ “วันนี้ผมจะซื้อส่วนประกอบของการทดลอง ทางศูนย์ซื้อขายบอกว่ารหัสห้องทดลองของผมอยู่ในรายชื่อสีเทา”
คุณนายจี้สีหน้าเปลี่ยน “คงไม่ใช่ฝีมือเหยียนรั่วเสวี่ยหรอกนะ”
“น่าจะใช่” จี้อี้หางพยักหน้า “จี้อี้หยวนยังไม่มีอำนาจมากขนาดนั้น ศูนย์ในก็ไม่มีทางตัดช่องทางซื้อส่วนประกอบของห้องทดลองผม”
คนในตระกูลจี้ต่างรู้ว่าเหยียนรั่วเสวี่ยเป็นคนของห้องทดลองมานูเอล
การได้เลื่อนเป็นนักวิจัยของที่นั่นอย่างเป็นทางการคือเรื่องในเวลาไม่ช้าก็เร็ว
“จะรังแกกันเกินไปแล้ว!” คุณนายจี้โมโหมาก “เหยียนรั่วเสวี่ย เดิมทีก็ใช้อำนาจรังแกเสี่ยวหลี ตอนนี้ยังจะมาเล่นงานคุณอีก น่าขยะแขยงจริงๆ”
ตอนที่คุณนายจี้ยังไม่แต่งงานกับจี้อี้หางก็ทำงานอยู่ศูนย์ในเหมือนพ่อ เคยเห็นการแก่งแย่งชิงดีทั้งต่อหน้าและลับหลังมาไม่น้อย
แม้แต่ภายในมหาวิทยาลัยก็มีการวางแผนเล่นงานสารพัดเพื่อโควตาเรียนต่อ
แต่คนอย่างเหยียนรั่วเสวี่ยเธอเพิ่งพบเจอเป็นครั้งแรก
“งั้นตอนนี้จะทำไงคะ” คุณนายจี้กลุ้มใจมาก “พ่อฉันคืนห้องทดลองไปแล้ว ช่วยสั่งซื้อให้ไม่ได้”
“แค่กๆ…คุณนาย ไม่ต้องเป็นห่วง” จี้อี้หางพูดเสียงเบา “จื่อจินช่วยสั่งซื้อให้ผมแล้ว เธอมีห้องทดลองเอสศูนย์เจ็ด”
มือของคุณนายจี้ที่กำลังถอดกำไลถึงกับสั่น เกือบทำตก เธอหยุดหายใจไปชั่วขณะ “เอสศูนย์เจ็ดเหรอ!”
“ใช่ เอสศูนย์เจ็ด” จี้อี้หางถอนหายใจ “ผมช็อกเกือบตาย จื่อจินเก่งมากจริงๆ”
“ก็ใช่น่ะสิคะ” คุณนายจี้พูด “หน้าตาสะสวย แถมยังมีความสามารถ แบบนี้สิเรียกเพียบพร้อมทุกอย่าง”
เธอถอดเสื้อตัวนอกออก สวมผ้ากันเปื้อน เดินเข้าครัวไปเตรียมอาหารเย็น
“คุณนาย เย็นนี้จื่อจิน เฟิงเหมียน และก็เสี่ยวหลีไม่กลับมานะ” จี้อี้หางเดินตามไป ชี้แม่ไก่ที่คุณนายจี้ซื้อกลับมาแล้วพูดหยั่งเชิง “ไก่น้ำเต้าทั้งอ้วนทั้งใหญ่ ผมคิดว่า…”
คุณนายจี้รู้ว่าเขาจะพูดอะไรจึงพูดตัดบท “ในเมื่อพวกเขาไม่กลับมางั้นฉันค่อยทำวันอื่น น่องไก่กับปีกไก่ไม่ใช่ของคุณ คุณกินได้แค่ส่วนหัว”
“…”
…
หลังจากอิ๋งจื่อจินช่วยจี้อี้หางซื้อส่วนประกอบเสร็จก็กลับไปที่ห้องทดลองดีสามสี่
การทดลองของพวกเขาขาดแค่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว วันนี้ทำกันทั้งคืนก็จะสามารถจบงานได้
“เทพอิ๋ง ฉันล่ะนับถือเธอจริงๆ” จี้หลีกัดขนมปัง “ทำไมเธอเก่งทุกอย่าง เรียนยังไงเหรอ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินหยิบไขควงออกมาขันน็อต “เรียนมาหลายร้อยปี พี่ก็เป็นคนเก่ง ขาดแค่เวลา”
จี้หลีสะอึก “แค่กๆ…เทพอิ๋ง อย่าล้อเล่นสิ”
หลายร้อยปี มีคนอายุยืนขนาดนั้นที่ไหนกัน
อิ๋งจื่อจินทำงานในมือเสร็จ “พ่อล่ะ”
“คุณอาไปเปลี่ยนชุดแล้ว” จี้หลีตอบ “เดี๋ยวมา”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า
อิ๋งจื่อจินเงียบไปสักพักแล้วถามจี้หลีขึ้นมาอีก “ได้ยินว่าอารองยังมีพี่ชายอีกคน พี่เคยเจอหรือเปล่า”
“หมายถึงลุงใหญ่น่ะเหรอ” จี้หลีอึ้งแล้วส่ายหน้า “ไม่เคยเจอหรอก ได้ยินพ่อเล่าว่า ลุงใหญ่อายุสั้น ตายไปนานแล้ว พวกเขาจะไปไหว้หลุมศพกันทุกปี”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า เข้าใจแล้ว
เธอเริ่มทำการทดลองต่อ
เวลาหกโมงตรงโทรศัพท์มือถือก็ดัง
อิ๋งจื่อจินลุกขึ้น หยิบโทรศัพท์ออกมาจากถุงนิรภัยแล้วกดรับ
“เยาเยา”
น้ำเสียงทุ้มต่ำ เจือด้วยเสียงหัวเราะ
ดุจขนนกที่มาสะกิดหัวใจเบาๆ ชวนให้หวั่นไหว
อิ๋งจื่อจินนวดหู ขยับโทรศัพท์ออกหน่อย “มีอะไรเหรอ”
น้ำเสียงของฟู่อวิ๋นเซินสบายๆ “ออกมากินข้าวไหม”
อิ๋งจื่อจินหาว “วันนี้ฉันไม่พัก คืนนี้จะอยู่ทำการทดลองจนเสร็จ วันอื่นแล้วกัน”
“งั้นเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินชะงัก พูดอย่างใจเย็น “งั้นเด็กน้อย พี่ชายขอไปนอนด้วยได้ไหม”
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วครู่ หันไปมองเตียงพับของตัวเองที่ขนาดเล็กมาก “ที่ไม่พอ”
เธอค่อนข้างพิถีพิถันเรื่องกินกับนอน เตียงก็ต้องสั่งทำมาโดยเฉพาะ แต่ถ้าลำบากก็พอถูไถได้
อย่างไรเสียเมื่อก่อนตอนฝึกกำลังภายในเธอก็นั่งบำเพ็ญโดยไม่นอนอยู่ตลอด
นอนในห้องทดลองไม่กี่เดือนได้ไม่เป็นปัญหาอะไร
แต่เตียงเล็กขนาดนี้ ถ้ายังต้องให้เธอแบ่ง เธอคงกลิ้งหลับไม่สบาย
อิ๋งจื่อจินก็รู้ว่าตัวเองนอนดิ้น แถมยังจะถีบผ้าห่ม
“ที่ไม่พอเหรอ” ดูเหมือนฟู่อวิ๋นเซินก็ตั้งใจครุ่นคิดปัญหาหนักข้อนี้ เขายิ้ม “อ่อ ไม่เป็นไร พี่ชายนอนพื้นก็ได้”
“หรือเธอจะใช้พี่ชายปูรองที่นอนก็ได้ บอกว่าสบายไม่ใช่เหรอ”
อิ๋งจื่อจินจับหัว “งั้นก็มาแล้วกัน แต่งตัวมิดชิดหน่อย”
เธอไม่อยากขึ้นคำค้นยอดนิยม
“อืม เอาข้าวไปให้ด้วย” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “ของชอบของเธอทั้งนั้น”
อิ๋งจื่อจินพูด “ผู้บัญชาการ ฉันหวังจากใจจริงว่าคุณจะฝึกวิชาย่อกระดูก”
วิชาย่อกระดูกก็เป็นวิทยายุทธ์อย่างหนึ่งของจอมยุทธ์ สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้เล็กน้อย
จากสูงเป็นเตี้ย จากเตี้ยเป็นสูง
แน่นอนว่าก็มีข้อจำกัด อย่างไรเสียต่อให้ฝึกวิทยายุทธ์อย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนรูปทรงกระดูกของร่างกาย
“หืม? วิชาย่อกระดูกเหรอ พี่ชายเป็น ไม่ต้องฝึก” ฟู่อวิ๋นเซินพูดเสียงสูงเล็กน้อย “เธออยากให้พี่ชายใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงล่ะ”
อิ๋งจื่อจิน “…”
เถียงไม่ออก
เธอวางสายด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
อิ๋งจื่อจินไม่ได้ปิดบัง จี้หลีก็ไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่เธอสงสัย “แฟนเหรอเทพอิ๋ง”
“อืม” อิ๋งจื่อจินวางโทรศัพท์มือถือแล้วทำการทดลองต่อ “เพิ่งคบกันได้เดือนกว่า”
เธอมองตัวตนของฟู่อวิ๋นเซินได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
บางครั้งก็น่าถีบ
“ใครเหรอๆ” จี้หลีสงสัยยิ่งกว่าเดิม “ฉันรู้จักไหม”
อิ๋งจื่อจินไม่ได้ปิดบัง “ฟู่อวิ๋นเซิน”
คนใกล้ชิดก็รู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาหมด
คราวนี้จี้หลีเก็บอาการไม่ไหว ดวงตาเบิกโพลง ตะโกนออกมา “อื้อหือ นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย!”
“หืม?” อิ๋งจื่อจินหันไป “อะไรจริงเหรอ”
“เดี๋ยวนะ ขอหายใจหายคอ ขอตั้งสติก่อน” จี้หลี้เอามือทาบอก “ตอนนี้ฉันแค่อยากกรี๊ด กรี๊ดดด…”
การทดลองในมือเป็นเรื่องไม่ด่วนไปแล้ว เธอล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาทันที กดเข้าหน้าเวยปั๋วแล้วเอาให้อิ๋งจื่อจินดู
“ดูนี่ นี่เป็นกลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นของพวกเธอสองคน” จี้หลีพูดเร็วมาก “มีห้าหมื่นคนแล้ว พวกเราคอยโพสต์ทุกวันเพื่อดันกลุ่ม ถึงคนจะน้อย แต่ก็อยู่อันดับห้าแล้วนะ!”
อิ๋งจื่อจินเห็นภาพโปรไฟล์ที่คุ้นเคยอยู่ตรงกลุ่มแฟนคลับตัวยง “…”
ยังมี…กลุ่มประหลาดแบบนี้ด้วยเหรอ
คุณตาของเธอกลายเป็นแฟนคลับตัวยงแล้วด้วย?
“กรี๊ด!” จี้หลียังคงควบคุมความตื่นเต้นของตัวเองไม่ได้ “ฉันได้รู้เป็นคนแรก ฮือออ ตายก็ไม่เสียดายแล้ว”
อิ๋งจื่อจิน “…”
ไม่ คุณตาของเธอต่างหากที่รู้เป็นคนแรก
อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว กดเลือกกลุ่มแฟนคลับกลุ่มนี้แล้วเริ่มไล่ดู
ในนั้นมีหลายคนแต่งฟิค ทั้งยังมีรูปถ่ายจำนวนมาก
รูปคู่ของเธอกับฟู่อวิ๋นเซินมีเยอะมาก แต่ในเน็ตไม่มี รูปถ่ายที่อยู่ในกลุ่มเกิดจากการตัดต่อทั้งนั้น
ตัดต่อเนียนยิ่งกว่ารูปจริงที่เธอถ่ายคู่กับเขาเสียอีก
แถมยังมีรูปจูบ
เข้าใจเล่นกันจริงๆ
“เทพอิ๋ง วางใจได้ ฉันจะเก็บความลับให้เธอแน่นอน” จี้หลีจับโทรศัพท์มือถือ “ไว้พวกเธอเปิดตัวก่อนฉันค่อยไปอวดว่าฉันรู้เรื่องนี้มาก่อน”
อิ๋งจื่อจินตอบอืม เอาแอ๊กเคานท์รองกดติดตามไว้
เธอเองก็อยากดูว่า ในกลุ่มนี้ยังมีอะไรอีก
ทันใดนั้นจี้หลีก็พูดขึ้น “เทพอิ๋ง โทรศัพท์ของเธอติดไวรัสเหรอ”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย
หน้าเวยปั๋วที่อยู่บนหน้าจอเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีหน้าต่างเด้งขึ้นมา
[คำเตือน ความคืบหน้าเข้ารหัส 49.8%]
มีคนกำลังเจาะที่อยู่ไอพีของเธอ
เจาะไอดีเทพพยากรณ์
อิ๋งจื่อจินรู้ว่าตอนนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปไกล อีกทั้งนับตั้งแต่เธอปรากฏตัวบนเว็บบอร์ดเอ็นโอเค คนที่ตามหาเธอก็มีเยอะมาก
ระบบป้องกันของเว็บบอร์ดเอ็นโอเคแข็งแกร่ง แข็งยิ่งกว่าของมหาวิทยาลัยนอร์ตันกับวีนัสกรุ๊ป
ยังไม่เคยเจอเรื่องอย่างถูกเจาะที่อยู่ไอพีได้
แต่เธอไม่วางใจ จึงใส่โค้ดเฉพาะเข้าไป
ถ้าใครกำลังเจาะไอพีของเธอมันจะแจ้งเตือน
มีการแจ้งเตือนหลายครั้ง แต่การเจาะที่มีความคืบหน้าไปเยอะแบบนี้เพิ่งมีเป็นครั้งแรก
ภายในเวลาสองวินาทีความคืบหน้าก็ก้าวกระโดด
[คำเตือน ความคืบหน้าเข้ารหัส 57.4%!]
สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง “เสี่ยวหลี ช่วยหาคอมพิวเตอร์ให้หน่อย ขอด่วน”
“คอมพิวเตอร์เหรอ” จี้หลีไม่เคยได้ยินอิ๋งจื่อจินพูดเสียงเครียดแบบนี้มาก่อน เธอก็เริ่มเครียดไปด้วย “ตรงนั้นมีห้องคอมพิวเตอร์ เดี๋ยวฉันไปเอาให้”
จี้หลีวิ่งออกจากห้องทดลอง
อิ๋งจื่อจินก็ใส่โค้ดลงในโทรศัพท์
แต่ไม่มีคอมพิวเตอร์ก็ยุ่งยากมาก
[คำเตือน ความคืบหน้าเข้ารหัส 89.35%]
กระโดดขึ้นมาสามสิบเปอร์เซ็นต์ในชั่วพริบตา