ตอนที่ 480 ฟาดหน้า คืนสถานะ
เหยียนรั่วเสวี่ยมั่นใจในตัวเองมาก
เธอเคยติดต่อกับคนของศูนย์ไวรัสสากล รู้ว่าสไตล์การทำงานของพวกเขาตรงไปตรงมาตลอด
ถ้าไม่ใช่เพราะการค้นพบของเธอได้รับการยอมรับ ศูนย์ไวรัสสากลไม่มีทางสนใจแน่นอน
ในเมื่อศูนย์ไวรัสสากลตอบกลับอีเมลของเธอ นั่นก็แสดงว่าไวรัสซีที่เธอค้นพบถูกบรรจุเข้าคลังไวรัสแล้ว
พอเธอได้รับอีเมลฉบับนี้ก็เลยมาที่ศูนย์ในทันที
พอจี้หลีเห็นเหยียนรั่วเสวี่ยก็รู้สึกขยะแขยงในใจ
เธอดึงแขนเสื้อของอิ๋งจื่อจินแล้วกระซิบ “เทพอิ๋ง ป้าคนนี้จงใจอีกแล้ว”
“วางใจได้” อิ๋งจื่อจินหาวออกมา ท่าทางขี้เกียจ “เอาสิคะ”
ถ้าศูนย์ไวรัสสากลเอาไวรัสซีเป็นการค้นพบครั้งใหม่จริงๆ เธอก็จะสงสัยในความสามารถของนักปรุงยาพิษอันดับห้าแล้ว
ผู้อำนวยการก็รู้เรื่องไวรัสซี อีกทั้งยังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
การค้นพบครั้งใหม่จะช่วยสร้างเกียรติให้ตระกูลจี้ได้ไม่น้อย
เขากระเถิบเข้าไปใกล้เพื่ออ่านข้อความบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
[ไวรัสซีที่ทางคุณค้นพบเคยถูกบรรจุอยู่ในคลังไวรัสของภายในแล้ว ขอให้ต่อไปทางตระกูลจี้ระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่าทำผิดแบบนี้อีก]
ด้านล่างอีเมลแนบภาพแคปหน้าจอ
เป็นประโยคในอีเมลที่เหยียนรั่วเสวี่ยส่งไป
[ขอให้ทางศูนย์ไวรัสสากลบรรจุไวรัสซีเข้าระบบโดยเร็วที่สุด ช้าเพียงวินาทีเดียวจะสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก]
ด้วยเหตุนี้ในอีเมลจึงมีระบุเป็นพิเศษสืบเนื่องจากข้อความดังกล่าว
[การตอบกลับครั้งนี้เป็นการเตือน ศูนย์ไวรัสสากลยังคงเต็มใจร่วมงานกับตระกูลจี้ในวันข้างหน้า แค่ขอให้ตระกูลจี้รอบคอบมากกว่านี้]
ขาดก็แค่เขียนว่า ‘อย่าเหลิงให้มากเกินไป’
“ว้าว” จี้หลีอ่านจบก็สะใจ “ศาสตราจารย์เหยียนเก่งกว่าศูนย์ไวรัสสากลอีกนะคะเนี่ย”
สีหน้าของผู้อำนวยการขรึมลง น้ำเสียงเย็นชา “ศาสตราจารย์เหยียน ครั้งนี้คุณทำเกินไปแล้ว มันเรื่องอะไรกัน”
ก่อนศตวรรษที่ยี่สิบ การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ภายในประเทศยังล้าหลังมาก
ตอนนี้หลังจากมีมหาวิทยาลัยตี้ตูก็เริ่มมั่นคงและเจริญก้าวหน้ากว่าเมื่อก่อน
สถานะของตระกูลจี้ในระดับโลกก็เพิ่งจะขึ้นมาในช่วงสิบปีนี้
ในยุโรปก็มีหลายตระกูลทรงอิทธิพลที่อยู่ในวงการเดียวกับตระกูลจี้ รอที่จะจับผิดตระกูลจี้อยู่
เข้าใจผิดคิดว่าไวรัสที่เคยถูกค้นพบแล้วเป็นการค้นพบใหม่ อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เมื่อก่อนก็มีเยอะแยะ
แต่กรณีอย่างเหยียนรั่วเสวี่ยที่เขียนบทความระบุไปเป็นตุเป็นตะ ทั้งยังบอกศูนย์ไวรัสสากลให้รีบบรรจุไวรัสซีที่เธอค้นพบลงในคลังไวรัสโดยเร็ว มิฉะนั้นจะเป็นความเสียหายของพวกเขา ผู้อำนวยการก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรก
เขารู้ว่าเหยียนรั่วเสวี่ยอวดดีจนชินแล้ว แต่ครั้งนี้เขาโมโหจนหัวเราะ
เหยียนรั่วเสวี่ยเก่งจริง ศูนย์ในก็ตามใจเธอมาตลอดไม่ว่าเรื่องไหน
แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงเกียรติของตระกูลจี้ ทุกอย่างก็ต้องว่าไปตามกฎ
พอได้ยินแบบนี้เหยียนรั่วเสวี่ยก็ตัวเกร็ง
เธอมองอีเมลที่ตอบกลับมาอย่างไม่กล้าเชื่อสายตา เริ่มลนลาน “ผอ.คะ ฉัน…”
ที่แท้ที่ศูนย์ไวรัสสากลตอบอีเมลของเธอกลับมาเป็นเพราะประโยคนั้นของเธอที่ดูท้าทายเหรอ
แต่ตอนเธอเขียนไม่ได้รู้สึกว่ามีความผิดปกติตรงไหน เธอมั่นใจจนชินแล้วก็เลยเขียนไปแบบนั้น
ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้เธอน่าจะให้คนอื่นช่วยตรวจทานอีกรอบ แก้ประโยคให้ดูอ่อนลงหน่อย
“ศาสตราจารย์เหยียน ศูนย์ไวรัสสากลเกิดความเสียหายไหมผมไม่รู้” ผู้อำนวยการพูดขัดจังหวะเธอ “แต่คุณเสียหายแน่นอน รองผอ.หลิว”
รองผู้อำนวยการหลิวที่รับหน้าที่จัดอันดับผลงานเดินไปหา “ครับ ผอ.”
“ดูกฎซิ” ผู้อำนวยการพูด “ความผิดของศาสตราจารย์เหยียนครั้งนี้หักกี่แต้ม”
เหยียนรั่วเสวี่ยเงยหน้าทันที “ผอ.คะ!”
“ศาสตราจารย์เหยียนช่วยจำไว้ด้วย” ผู้อำนวยการไม่ใจอ่อน “ตระกูลจี้ แซ่จี้”
รองผู้อำนวยการหลิวดูเสร็จก็พูดขึ้น “จากกฎข้อที่สิบสี่ ต้องหักสองพันแต้มครับ”
ผอ.โบกมือ “งั้นก็หักเลย”
เหยียนรั่วเสวี่ยหน้าซีดลงเล็กน้อย เหงื่อออกเต็มหลัง
สองพันแต้มไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เธอเองก็ต้องทำการทดลองระดับเอถึงจะได้มา
แต่การทดลองระดับเออย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสามเดือน อย่างมากอาจถึงสามปี
แต้มของเธอกำลังจะแตะสองหมื่น ถ้าถูกหักไปมากขนาดนี้ก็ต้องเสียเวลาไปอีกไม่น้อย
มือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินล้วงกระเป๋า พยักหน้าเบาๆ “ฉันอ่านจบแล้ว คุณน่าตลกดีนะ”
ครั้งนี้เหยียนรั่วเสวี่ยพูดไม่ออก
เธอไม่มีความอวดดีหลงเหลืออีก ใบหน้าเจ็บจนร้อนผ่าว
ไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้า เหยียนรั่วเสวี่ยยกคอมพิวเตอร์เดินโซเซออกไป
อิ๋งจื่อจินหันมา “ไปเถอะค่ะพ่อ”
“สมน้ำหน้า” จี้หลีฮึดฮัด “ทำเป็นอวดดี ก็เลยหน้าแตกแบบนี้ไงล่ะ”
คนระดับโลกที่เก่งกว่าเหยียนรั่วเสวี่ยมีเยอะแยะไป ก็ยังรู้จักถ่อมตัว
เวินเฟิงเหมียนแค่ยิ้ม
เขาไม่เคยกังวลเรื่องความรู้ของอิ๋งจื่อจิน
เธอใฝ่รู้และตั้งใจศึกษา
เรื่องแบบนี้เขาก็เชื่อแค่อิ๋งจื่อจิน
ผู้อำนวยการลังเล สุดท้ายก็เรียกอิ๋งจื่อจิน “คุณอิ๋ง รู้ได้ยังไงว่าไวรัสซีเคยถูกค้นพบแล้ว”
ครั้งนี้อิ๋งจื่อจินไม่ได้หยุดเดิน เธอตอบกลับ “อ่านหนังสือให้เยอะ นอนเร็วๆ หัวจะไม่ล้าน”
“…”
พูดแทงใจดำ
ผู้อำนวยการเจอเวินเฟิงเหมียนตอกกลับไปแล้ว คราวนี้เจออิ๋งจื่อจินเข้าไปอีกก็พูดไม่ออก ทำได้เพียงมองส่งพวกเขาออกไป
“เห็นทีพวกเราจะประเมินความสามารถของแชมป์ไอเอสซีต่ำเกินไป” ผู้อำนวยการถอนหายใจ “เดิมทีคิดว่าเป็นการแข่งขันที่เน้นความรู้ด้านทฤษฎี อย่างมากก็แค่ระดับมหาวิทยาลัย นึกไม่ถึงว่าความรู้ของเธอจะแน่นมาก”
อย่างไรเสียตระกูลจี้ก็มีคนมากขนาดนี้ ศาสตราจารย์จำนวนไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครรู้เลยว่าไวรัสซีถูกค้นพบไปนานแล้ว
พอได้ยินแบบนี้ก็มีรองผู้อำนวยการสองคนมองหน้ากัน เริ่มหวาดระแวง
เกรงว่าเวินเฟิงเหมียนกลับมาครั้งนี้ก็เพื่อต้องการฟื้นคืนตำแหน่งเดิมจริงๆ แล้ว
…
ทั้งสามคนออกจากศูนย์ใน
ถึงแม้จี้หลีจะสะใจพอสมควร แต่ก็ยังคงกังวลอยู่บ้าง “เหยียนรั่วเสวี่ยปิดกั้นช่องทางสั่งซื้อส่วนประกอบการทดลองของบ้านเราเพราะฉันไม่ไปอยู่ห้องทดลองของเธอ ครั้งนี้ก็ยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอีก คงไม่ได้จะมาหาเรื่องอะไรอีกนะ”
อิ๋งจื่อจินตอบ “ก็มาสิ จะตีให้ตาย”
จี้หลีที่ไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิง “?”
เวินเฟิงเหมียนกระแอมสองที ยิ้มพลางตอบ “น้องสาวหลานหมายความว่า เธอจะสู้กลับเอง จนกว่าจะตายกันไปข้าง ระหว่างนั้นก็สบายใจได้ ผลลัพธ์ถูกใจแน่นอน”
จี้หลี “…”
อิ๋งจื่อจิน “…”
ถึงเธอจะหมายความตามนั้นจริงๆ แต่ทำไมพอฟังพ่ออธิบายแบบนี้แล้วกลับรู้สึกแปลกๆ ตรงไหนชอบกล
“เยาเยา การทดลองเสร็จแล้ว ลูกก็กลับไปพักผ่อนนะ” เวินเฟิงเหมียนพยักหน้า “ไม่ได้เจออวิ๋นเซินนานแล้วใช่ไหม ไปเจอเขาหน่อย หนุ่มสาวควรใช้เวลาด้วยกันให้มากๆ”
“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินชะงัก “หนูจะกลับไปนอนก่อน”
เมื่อวานฟู่อวิ๋นเซินขอมานอนด้วย แล้วก็มาจริงๆ
แต่ตอนที่เขามา เธอให้เวินเฟิงเหมียนกับจี้หลีไปนอนห้องรับรองแขกที่อยู่ข้างห้องทดลองแล้ว เหลือเธอคนเดียวทำการทดลองต่ออยู่ในห้อง
เวินเฟิงเหมียนก็เลยยังไม่รู้เรื่องนี้
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นอน เธอนั่งฟังนิทานทั้งคืน
ทันใดนั้นจี้หลีก็หยุดเดิน ชี้หน้าจอขนาดใหญ่ตรงทางเข้า “เทพอิ๋งดูนั่น ชาร์ตอันดับเปลี่ยนแปลงแล้ว”
ชาร์ตคะแนนจะแสดงร้อยอันดับแรก
เดิมทีเหยียนรั่วเสวี่ยอยู่อันดับที่สี่สิบเก้า ตอนนี้ถูกหักสองพันแต้มเลยหล่นมาอยู่อันดับที่หกสิบสี่
อันดับยิ่งสูง คะแนนก็ยิ่งห่างกันมาก
อันดับหนึ่งกับอันดับสองคะแนนต่างกันถึงห้าหมื่นคะแนน
อิ๋งจื่อจินเงยหน้ามองไป “ชาร์ตอันดับมีประโยชน์อะไรเหรอ”
“ไว้ให้คนในตระกูลเดิมดู” คนที่พูดคือเวินเฟิงเหมียน เขาตอบ “คะแนนยิ่งสูง สิ่งที่ทางโลกจอมยุทธ์ให้ก็จะยิ่งมาก รวมถึงทรัพยากรของจอมยุทธ์กับแพทย์แผนโบราณ”
จอมยุทธ์มีกระบวนท่าส่วนหนึ่งที่คนไม่มีกำลังภายในก็ฝึกได้
แต่กระบวนท่าเหล่านี้ก็ไม่เปิดเผยแก่คนนอกเช่นกัน
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ทรัพยากรของแพทย์แผนโบราณเหรอคะ”
“อ๋อ เรื่องนี้ฉันรู้” จี้หลีพยักหน้า “ทางตระกูลเดิมให้ความสำคัญกับชีวเคมีมาก เพราะพวกเขาอยากอาศัยเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ลองดูว่าจะสู้แพทย์แผนโบราณได้ไหม”
ตระกูลจอมยุทธ์ไม่ชอบใช้เทคโนโลยีของโลกภายนอก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี
ตระกูลหลิงเป็น ตระกูลจี้ก็เป็น
ตระกูลจอมยุทธ์มีเยอะมาก น้อยใหญ่หลายร้อยมีหมด
แต่ตระกูลแพทย์แผนโบราณใช้สิบนิ้วนับก็เพียงพอ
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่ว่าตระกูลจอมยุทธ์ทุกตระกูลจะมีความสามารถไปเป็นพันธมิตรกับตระกูลแพทย์แผนโบราณได้
ตระกูลจี้ไม่มี ทุกครั้งที่เกิดเรื่องอะไรขึ้น การไปเชิญแพทย์แผนโบราณเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกอย่างยิ่ง ถึงได้ให้ความสนใจด้านการวิจัย
เหยียนรั่วเสวี่ยวิจัยชีวเคมี กอปรกับเธอสามารถรวบรวมกำลังภายในได้ ตระกูลจี้เลยยิ่งให้ความสำคัญ
“อย่างนั้นเหรอ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “เกรงว่าจะไม่ได้”
คนที่สู้แพทย์แผนโบราณได้มีแค่นักเล่นแร่แปรธาตุกับนักปรุงยาพิษ
สองศาสตร์นี้ก็เหมือนศาสตร์พยากรณ์ที่ดูพรสวรรค์เป็นหลัก
“ใครจะไปรู้ล่ะ” จี้หลีผายมือออก “ยังไงซะด้วยแต้มผลงานของฉัน ชีวิตนี้คงไม่มีทางสูงถึงขั้นทางตระกูลเดิมเรียกหาหรอก”
อิ๋งจื่อจินหันไป “อยากไปโลกจอมยุทธ์เหรอ”
“นิดหน่อย” จี้หลีเกาหัว “ฉันสงสัย อยากรู้มากว่าโลกจอมยุทธ์มันเป็นยังไง”
“โลกจอมยุทธ์ไม่ต่างจากยุคโบราณ บ้านที่อยู่ในนั้นก็เป็นแบบโบราณ มีการฆ่าฟันกันทุกวัน” อิ๋งจื่อจินบอก “ได้ไปก็อย่าไปตระกูลจี้เลย ตระกูลจี้งั้นๆ แหละ”
จี้หลีอึ้ง “เทพอิ๋ง หรือว่าเธอ…”
อยู่ๆ เธอก็นึกถึงวันนั้นที่จี้อี้หยวนส่งคนพาจอมยุทธ์สองคนมาบุกบ้าน จอมยุทธ์สองคนนั้นอยู่ๆ ก็ล้มชัก ดูวิกฤติมากทีเดียว
ดูจากตอนนี้ เห็นทีอิ๋งจื่อจินจะต้องทำอะไรไปแน่นอน
จี้หลีคลับคล้ายคลับคลานึกถึงสโลแกนในกลุ่มแฟนคลับ
เทพอิ๋งเทพทุกอย่าง
…
สามวันต่อมาทางยุโรปก็ตอบกลับ
ยืนยันว่าของเหลวที่เวินเฟิงเหมียนทำออกมาได้มีประสิทธิภาพดีกว่าที่พวกเขาคิดไว้ จึงส่งสิ่งของจำนวนหนึ่งมาให้ตระกูลจี้โดยเฉพาะ
ศูนย์ในดีใจมาก ไม่เพียงแต่จะคืนสถานะ ตำแหน่ง และแต้มผลงานให้เวินเฟิงเหมียน ยังเพิ่มให้อีกสามพันแต้มด้วย
ทำให้ตอนนี้เวินเฟิงเหมียนอยู่อันดับที่สี่สิบสามของชาร์ต
ในฐานะที่อิ๋งจื่อจินกับจี้หลีก็เป็นส่วนหนึ่งของการทดลอง พวกเธอก็ได้แต้มผลงานเช่นกัน
หลังจากจี้อี้หยวนรู้เรื่องนี้ก็โกรธอาละวาดอีกครั้ง โมโหตบโต๊ะ “ให้ตายเถอะ แม้แต่คุณเหยียนก็จัดการพวกเขาไม่ได้ จะดวงดีเกินไปแล้ว”
อีกอย่าง ทั้งๆ ที่เหยียนรั่วเสวี่ยให้ทางมานูเอลปิดกั้นช่องทางสั่งซื้อส่วนประกอบการทดลองของจี้อี้หางไปแล้ว แต่จี้อี้หางยังได้รับส่วนประกอบ มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
จี้อี้หยวนโมโห “ถ้าปล่อยให้จี้อี้หางทำการทดลองสำเร็จ แบบนั้นจะไม่ดีจริงๆ แล้ว”
ตั้งกี่ปีมาแล้วที่เขาอยากขับไล่จี้อี้หางไปจากตระกูลจี้มาตลอด
“พ่อครับ ผมมีวิธี” จี้อวิ๋นตงคิดแล้วบอก “ทางตระกูลเดิมส่งบัตรเชิญงานประมูลมาให้พ่อสองใบไม่ใช่เหรอครับ”
จี้อี้หยวนขมวดคิ้ว “แล้วไง”
“ผมจำได้ว่าในรายการประมูลมียาเม็ดหนึ่งที่รักษาได้หลายโรค” จี้อวิ๋นตงบอก “พ่อตาของจี้อี้หางป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอครับ แถมตอนนี้ก็ยังรักษาไม่ได้ด้วย”
“พ่อก็ให้จี้อี้หางถอนตัวจากการทดลอง จากนั้นก็เอาบัตรเชิญให้เขา ยังไงซะพวกเรามีบัตรเชิญใบเดียวก็พอแล้ว”
จี้อี้หยวนอึ้ง “ดีมาก อวิ๋นตง แกฉลาด”
พูดจบเขาก็ค้นบัตรเชิญออกมาแล้วไปหาจี้อี้หางทันที
…
เวลานี้จี้อี้หางยังทำการทดลองอยู่
การมาของจี้อี้หยวนทำให้เขาเพิ่มความระมัดระวังตัว “จี้อี้หยวน คิดจะมาไม้ไหนอีก”
“ฉันไม่ได้มาไม้ไหน ฉันเอาของมาให้ รู้เรื่องงานประมูลที่มีปีละครั้งในโลกจอมยุทธ์หรือเปล่า” จี้อี้หยวนโบกบัตรเชิญในมือ “มีของประมูลชิ้นหนึ่งที่รักษาโรคให้พ่อตานายได้ เอาแบบนี้ นายไปยื่นเรื่องบอกว่าการทดลองล้มเหลวแล้วฉันจะให้บัตรเชิญกับนาย เป็นไง”
“นายคงไม่อยากเห็นพ่อตาตายเร็วใช่ไหม ถ้าเขาตาย นายคิดว่านายคนเดียวยังจะปกป้องเมียได้เหรอ”
คุณนายจี้ถูกสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลจี้ในโลกจอมยุทธ์หมายตาไว้เพราะความสวยของเธอ
แต่ไม่ว่าอย่างไรพ่อของคุณนายจี้ก็เคยสร้างคุณูปการให้ตระกูลจี้ไว้ไม่น้อย ทางตระกูลเดิมจึงไม่เคยแตะต้องมาตลอด แต่สมาชิกคนนั้นก็ไม่เคยตัดใจ
จี้อี้หางก็รู้เรื่องนี้มาตลอด เลยไม่ยอมให้คุณนายจี้ไปในที่ที่มีคนน้อย
คนเยอะ พวกจอมยุทธ์จะไม่มีทางปรากฏตัว ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความลับ
จี้อี้หางดวงตาแดงก่ำ “จี้อี้หยวน!”
“นายอย่าคิดว่าพอหลานสาวนายกลับมาก็ทำแต้มผลงานในตระกูลจี้ได้” จี้อี้หยวนทำเสียงจึ๊ “เก่งจริง แต่นายคิดว่าเธอจะหาบัตรเชิญงานประมูลของโลกจอมยุทธ์มาให้ได้เหรอ”